‘ด้ายวิญญาณ’ สีดำที่งอกยาวออกจากแต่ละร่างกาย เริ่มปรากฏในการมองเห็นของไคลน์อย่างเด่นชัด แต่ชายหนุ่มยังไม่คิดจะแผ่พลังวิญญาณออกไปครอบงำพวกมันทันที
หลังจากจำแนกและยืนยันว่าด้ายวิญญาณกลุ่มใดเป็นของโมโซน่า ไคลน์จิบเบียร์มอลต์พลางชมการชกมวยบนสังเวียนอย่างไม่ละสายตา ท่าทีเหมือนกับคนทั่วไปที่เข้ามาหาความสุข
นักมวยสองคนซึ่งร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ปราศจากอุปกรณ์ป้องกันทุกชนิด กำลังกระหน่ำหมัดใส่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย กำปั้นกระแทกใส่เนื้อหมัดแล้วหมัดเล่า เพียงไม่นานสถานการณ์ก็เริ่มดุเดือด
ได้เห็นเช่นนั้น สิงห์พนันขี้เมาหลายคนต่างเลือดลมสูบฉีด ตะโกนเรียกชื่อนักมวยฝั่งที่ตนลงเดิมพันอย่างไม่ขาดปาก สลับกับการตะโกนว่า
“ฆ่ามัน!”
“ซัดไอ้ลูกโสเภณีให้หมอบ!”
บนชั้นสอง โมโซน่าจดจ่ออยู่กับสังเวียนจนลืมซิการ์ในมือขวา ส่วนมือซ้ายเริ่มกำหมัดแน่น
จากบรรดาคนรอบตัวทั้งหมด นอกเหนือจากกลุ่มที่หันหลังหรือหันข้างให้เพื่อคอยระวังอันตราย คนส่วนใหญ่อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางสังเวียนด้านล่างซึ่งสองนักชกกำลังชุ่มโชกไปด้วยเลือด
ไคลน์ยกแขนขึ้น จิบเบียร์เย็น คล้ายกับหายใจลำบากขึ้นเล็กน้อยจากบรรยากาศที่คุกรุ่น
ทันใดนั้น พลังวิญญาณของชายหนุ่มเริ่มแผ่ออกจากร่างกายอย่างเงียบงัน สัมผัสเข้ากับกลุ่มด้ายมายาสีดำที่เป็นของโมโซน่า
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที
ขณะโมโซน่าจมูกแดงเตรียมขยับกำปั้นประหนึ่งลงไปชกในสังเวียนเสียเอง สมองของมันพลันวิงเวียนกะทันหัน
โมโซน่ารู้สึกว่าฉากรอบตัวเริ่มเปลี่ยนไป คล้ายกับมีกระจกหนาหลายชั้นวางซ้อนทับ
ความคิดความอ่านของมันช้าลงอย่างชัดเจน ราวกับทุกส่วนในสมองกำลังขึ้นสนิม
เนื่องจากเหยื่อเป็นเพียงคนธรรมดา ความแข็งแกร่งของร่างวิญญาณจึงต่ำกว่าผู้วิเศษมาก ไคลน์สามารถควบคุมขั้นต้นได้ภายในไม่ถึงยี่สิบวินาที
เจ็ดวินาที!
แค่เจ็ดวินาทีเท่านั้น!
แย่ล่ะสิ… มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเรา… ดูเหมือนกับ… ผู้วิเศษ… ที่มีพลังประหลาด… โมโซน่าซึ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับโจรสลัด ย่อมไม่ใช่คนแปลกหน้าในโลกผู้วิเศษ และเป็นเหตุผลที่มันยอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อจ้างผู้วิเศษมาคุ้มกัน หากไม่ใช่เพราะสุขภาพถูกทำลายด้วยเหล้าเบียร์จนร่างกายอ่อนแอลงมาก เพิ่มความเสี่ยงในการคลุ้มคลั่งจากการดื่มโอสถ โมโซน่าคงเลือกจะครอบครองพลังวิเศษเอาไว้กับตัวสักหนึ่งชนิด
เป็นเพราะยังขาดประสบการณ์และสมองทำงานได้ช้าลง กว่าโมโซน่าจะรู้ตัวว่าถูกเล่นงานก็ปาเข้าไปสิบกว่าวินาที เมื่อเริ่มฉุกคิดได้ มันเตรียมเหยียดแขนพร้อมกับอ้าปากตะโกนขอความช่วยเหลือ
ทว่า การเคลื่อนไหวของร่างกายกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า เสียงพูดเล็ดลอดจากลำคออย่างแผ่วเบา สืบเนื่องจากคนรอบตัวส่วนใหญ่กำลังสนใจเพียงเวทีมวยอันดุเดือด ผนวกกับเสียงตะโกนอึกทึกครึกโครมภายในผับ และคนคุ้มกันส่วนมากจะคอยระวังอันตรายจากด้านนอก จึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปรกติที่เกิดขึ้นกับโมโซน่า
เมื่อถึงช่วงที่บรรยากาศการชกผ่อนปรนลงชั่วคราว บอดี้การ์ดและลูกน้องบางคนหันกลับมามองเจ้านายเล็กน้อย แต่ก็จะพบเพียงว่า ดวงตาของโมโซน่าหมองลงจากปรกติไม่มาก ตำแหน่งของมือไม้ผิดธรรมชาติเล็กน้อย คล้ายกับกำลังหมกมุ่นอยู่กับสังเวียนมวย รอคอยผลลัพธ์ด้วยใจจดจ่อ
น้ำตาเริ่มเอ่อล้นตรงขอบตา มันพยายามคลายนิ้วออกเพื่อปล่อยให้ซิการ์ตกพื้น จะได้ดึงดูดความสนใจของลูกน้องรอบตัว
แต่ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งพบความสิ้นหวัง สมองของมันช้าลงเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวร่างกายเพียงเล็กน้อยต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งนาทีจึงจะสำเร็จ และเหนือสิ่งอื่นใด ปลายนิ้วของตัวเองเริ่มไม่ฟังคำสั่ง!
แปะ!
ซิการ์ที่ถูกจุดค้างไว้สักพัก ตกลงบนพื้นชั้นสองของผับ น้ำตาของโมโซน่าไหลอาบใบหน้า ลามลงไปจนถึงลำคอ
เมื่อบรรดาคนคุ้มกันหันมาเห็นและเตรียมถามว่า เจ้านายตื่นเต้นจนน้ำตาไหลเลยหรือ โมโซน่าพลันงอตัวกะทันหัน เช็ดหน้าเล็กน้อยและก้มหยิบซิการ์บนพื้น
“เป็นการชกที่ดีมาก! เพิ่มเงินค่าจ้างให้ฝั่งที่ชนะ!” โมโซน่าสะบัดซิการ์ จัดปกเสื้อ ยกมุมปากขึ้นอย่างมีความสุข
มันมิได้เจาะจงว่าต้องเพิ่มเท่าไร เพราะไคลน์ยังไร้เดียงสาในธุรกิจประเภทนี้ ทำได้เพียงกล่าวส่งเดชอย่างคลุมเครือ
ถูกต้อง ในปัจจุบัน โมโซน่าแห่งพรรคโลเอ็นใหม่ กลายเป็นหุ่นเชิดของไคลน์อย่างสมบูรณ์!
เนื่องจากหัวหน้าแก๊งอันธพาลรายนี้เป็นเพียงคนธรรมดา แถมร่างวิญญาณยังอ่อนออกว่ามนุษย์ปรกติที่สุขภาพดี ชายหนุ่มจึงใช้เวลาเพียงสองนาทีกับสิบห้าวินาทีในการเข้าควบคุมอย่างสมบูรณ์
หากต้องใช้เวลานานกว่านี้ ไคลน์อาจต้องหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คน หรือไม่ก็ใช้พลังมายาสร้างภาพหลอน เหล่าบอดี้การ์ดจะได้สนใจแค่ภัยคุกคามจากภายนอก ไม่พบความผิดปรกติบนตัวโมโซน่า
“ฆ่ามัน!”
“ฆ่ามัน!”
…
เสียงตะโกนของผู้ชมเริ่มดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เหตุเพราะการชกมวยบนสังเวียนใกล้จะสิ้นสุดลงเต็มที โดยโมโซน่ายังคงส่งสัญญาณบอกให้คนคุ้มกันดูเกมต่อไป
จนกระทั่งนักมวยคนหนึ่งล้มลงอย่างไม่ได้สติ โมโซน่าหยิบซิการ์และพูดขึ้น
“กลับห้องกันเถอะ ฉันอยากพักผ่อนแล้ว”
“ขอรับ นายท่าน” บอดี้การ์ดกับลูกน้องรีบเข้ามาล้อมกรอบและช่วยอารักขาไปตามทางเดินทาง จากนั้นก็เปิดประตูห้องพัก
หลังจากสั่งให้ทุกคนไปประจำจุดสำคัญและกำชับว่าห้ามรบกวน โมโซน่าเดินมาเปิดตู้นิรภัย ด้านในมีเอกสารเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดใหม่จำนวนหนึ่ง จึงหยิบสิ่งที่คิดว่าน่าจะสำคัญออกมาตรวจสอบ
ถัดมาไม่นาน ชายหนุ่มเก็บรวบรวมเอกสารและที่อยู่ซึ่งตัดมาจากหนังสือพิมพ์ บรรจุลงในกระเป๋าเอกสารพร้อมกับเงินสดเจ็ดร้อยห้าสิบแปดปอนด์
กริ๊ก! โมโซน่าเปิดประตูห้องพัก ตะโกนบอกลูกสมุน
“โยนกระเป๋าใบนี้ไว้ใต้เสาโคมไฟต้นที่สามของมุมตรอก”
“ครับบอส” คนของมันมิได้เอ่ยถามถึงจุดประสงค์
นี่เป็นกฎเหล็ก!
ปิดประตูห้องกลับไปใหม่ โมโซน่าควานหาเทียนไขสามเล่มและวัตถุแฝงพลังวิญญาณ จากนั้นก็ใช้ปากกาและกระดาษขาวเขียนสัญลักษณ์ที่สอดคล้องกับ ‘เดอะฟูล’ อย่างระมัดระวัง ครึ่งหนึ่งของสัญลักษณ์เป็นภาพ ‘เนตรไร้รูม่านตา’ ซึ่งหมายถึงความลับ และอีกครึ่งหนึ่งคือ ‘เส้นเกลียวบิด’ ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลง
จากนั้น หัวหน้าแก๊งอันธพาลที่กลายเป็นหุ่นเชิดโดยสมบูรณ์ จุดเทียนไข ใช้น้ำหอมแทนน้ำมันสกัดและน้ำค้างบริสุทธิ์ สวดวิงวอนด้วยท่าทางเคร่งขรึม
โมโซน่าพึมพำนามของ ‘เดอะฟูล’ แผ่วเบา ปากขยับท่องคาถาภาษาเฮอร์มิสโบราณที่มันไม่เคยรู้จักมาก่อน ตามด้วยการหยิบวัตถุแฝงพลังวิญญาณขึ้นมา ปลดปล่อยพลังให้หลอมรวมกับสายลมรอบตัว เกิดเป็นบานประตูมายาบนแสงเทียนไขที่เริ่มเปลี่ยนรูปร่าง – หากปราศจากวัตถุแฝงพลังวิญญาณ ไคลน์เตรียมใช้เลือดของโมโซน่าแทน เพราะเลือดมนุษย์เองก็เป็นวัตถุวิญญาณชนิดหนึ่ง!
ณ ห้องน้ำชั้นหนึ่ง ไคลน์ร่างต้นเดินถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าสู้มิติสายหมอกเทา
ชายหนุ่มมิได้นำไพ่จักรพรรดิมืดออกมาใช้ เพียงเคลื่อนย้ายกระแสของมิติแห่งนี้ด้วยพลังตัวเองและเชื่อมต่อเข้ากับกระดาษรูปคน จนบานประตูแห่งการสังเวยและรับมอบเริ่มสั่นสะเทือน
กระดาษรูปคนเริ่มเปลี่ยนรูปร่างเป็นเทวทูต ด้านหลังมีปีกสิบสองคู่สยายออก เทวทูตกระดาษบินเข้าไปในประตูมายาและลึกลับ ผ่านห้วงความว่างเปล่าที่มืดมิดไร้ก้นบึ้ง ตรงมายังโมโซน่าซึ่งอยู่ภายในห้องพักส่วนตัว
ไคลน์ทำเช่นนี้เพื่อ รบกวนพลังทำนายจากภายนอกและพลังพิเศษแกะรอยทุกชนิด!
จากนั้น ชายหนุ่มหยิบยุบพองหิวโหยโยนออกจากประตูมายาตามมาด้วยกัน!
ยุบพองหิวโหยถูกส่งมายังโลกความจริงผ่านพิธีกรรมรับมอบ ถุงมือหนังมนุษย์ข้างนี้กำลังออกอาการหิวกระหายชัดเจนเนื่องจากไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว!
ในวินาทีนี้ ไคลน์ส่งจิตตัวเองออกจากมิติหมอก กลับมายังห้องน้ำชั้นหนึ่ง เพ่งจิตควบคุมหุ่นเชิดอยู่ห่างกันหลายสิบเมตรอีกครั้ง ทันใดนั้น โมโซน่าที่ตัวแข็งทื่อมาสักพัก เริ่มปิดปากสนิทพร้อมกับหยิบถุงมือขึ้นมาจากแท่นบูชา
กึ่งกลางฝ่ามือเริ่มแยกออกจากกัน เผยให้เห็นซี่ฟันมายาสีขาวเรียงรายสองแถว!
สัมผัสการ ‘เชิดหุ่น’ ของไคลน์เริ่มจางลงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มตัดสินใจตัดการควบคุมหุ่นเชิดด้วยตัวเอง
ผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็กลับสู่ภาวะปรกติ
จากนั้น ไคลน์ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดินออกจากห้องน้ำไปยังเคาน์เตอร์ นั่งดื่มเบียร์มอลต์ที่ยังเหลืออยู่
ขณะเดียวกัน อาศัยเนตรด้ายวิญญาณ ชายหนุ่มพบหนูตัวหนึ่งบนชั้นสอง จึงแผ่พลังวิญญาณออกไปควบคุมและประสบความสำเร็จภายในไม่ถึงสองนาที
หนูเริ่มขยับตัวอย่างเงอะงะคล้ายกับไม่ชำนาญ พยายามสำรวจทางเดินและรูตามผนัง ใช้เวลาสักพักก่อนจะพบทางลับจากห้องอ่านหนังสือ ตรงเข้าไปในห้องพักของโมโซน่า
ภาพที่เห็นคือ ถุงมือแผ่นบางซึ่งทำจากหนังมนุษย์ กำลังวางแผ่อยู่บนพื้นอย่างสงบนิ่ง ส่วนโมโซน่าไม่เหลือแม้แต่เสื้อผ้าสักหนึ่งชิ้น
หนูตัวดังกล่าวปีนขึ้นโต๊ะอ่านหนังสือ คาบกระดาษซึ่งมีสัญลักษณ์ของเดอะฟูลและนำไปจ่อเปลวไฟเทียนไข
กระดาษลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็กลายเป็นซากขี้เถ้า
หลังจากดับเทียนทั้งสามเล่มและเก็บสิ่งของกลับที่เก่า หนูหุ่นเชิดวิ่งกลับมาหายุบพองหิวโหยและคาบขึ้นมา
จากนั้น มันย้อนกลับทางเก่า ออกจากห้องพักของโมโซน่า
หนูหุ่นเชิดวิ่งออกไปทางระเบียงชั้นสองอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะค่อยๆ ปีนลงด้วยความระมัดระวัง
ณ ชั้นหนึ่ง ตรงเคาน์เตอร์
ไคลน์กระดกเบียร์อึกสุดท้าย วางแก้วลงพร้อมกับลุกขึ้นยืน
ชายหนุ่มจัดระเบียบหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง สอดมือสองข้างเข้าไปในกระเป๋าของโค้ทกระดุมสองแถวสีดำ เดินผ่านสิงห์พนันขี้เมาอย่างไม่รีบร้อน ออกไปยังถนนด้านนอกร้าน
อาศัยเสาโคมไฟนำทาง ชายหนุ่มตรงมายังมุมตรอกแห่งหนึ่งด้วยความเร็วปรกติ นำกระดาษรูปคนออกมาจุดไฟและสะบัด ก้มหยิบกระเป๋าเอกสารใต้เสาโคมไฟต้นที่สาม
ทันใดนั้น หนูสีเทาที่คาบถุงมือหนังมนุษย์แผ่นบาง กระโจนออกจากเงามืดด้านข้าง
ไคลน์โน้มตัวลงอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย หยิบยุบพองหิวโหยขึ้นจากปากหนู
ถัดมา หนูสีเทาเดินจากไป ปืนลงถังขยะใบหนึ่งและนอนแน่นิ่ง เพียงไม่นานก็หยุดหายใจ
ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ภายใต้แสงไฟจากเสาตะเกียงแก๊ส ไคลน์ยืนกางนิ้วทั้งห้าอย่างเยือกเย็น สวมยุบพองหิวโหยเข้าที่มือซ้าย
หลังจากขยับข้อนิ้วเพื่อปรับให้ถุงมือกระชับ ชายหนุ่มถือกระเป๋าเอกสาร เดินผ่านผับต้นโอ๊กที่ยังคงครึกครื้น หายตัวไปโดยสมบูรณ์เมื่อถึงสี่แยก
…
หลังจากนำเศษกระดาษเขียนที่อยู่และตราไปรษณียากรออกจากกระเป๋าเอกสาร ไคลน์แปะพวกมันลงบนจดหมายและหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ เปลี่ยนรูปโฉมกลับเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ขึ้นรถม้าเช่าตรงไปยังเขตอื่นของท่าเรือ
ปลายทางคือผับที่เต็มไปด้วยโจรสลัดซึ่งแอนเดอร์สันเป็นคนแนะนำ!
หลังจากเข้าไปในผับ ไคลน์กวาดตาสำรวจด้านในอย่างคร่าว
ทันใดนั้น มันได้พบหนึ่งบุคคลที่คุ้นเคย
รูปร่างสันทัด ริมฝีปากสีม่วง ดวงตาสีน้ำตาลแฝงจิตสังหารและความดุดัน ไม่ใช่ใครนอกจากผู้ช่วยกัปตันของ ‘ราชาอมตะ’ อาการิธ ‘จอมเชือด’ จิลเซียส เจ้าของค่าหัวเก้าพันห้าร้อยปอนด์!
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า หลังออกจากเขตน่านน้ำอันตราย ‘แจ้งมรณะ’ ได้ตรงมายังเกาะทอสคาร์เตอร์เพื่อเติมเสบียง!
แกเองก็อยู่ที่นี่ด้วยสินะ… ไคลน์เม้มปากเล็กน้อย ภายในใจฉุกคิดได้ว่า ไม่มีโอกาสใดเหมาะจะล่า ‘ปีศาจ’ ไปกว่าการได้พบกันโดยบังเอิญอีกแล้ว!
ในวินาทีที่ชายหนุ่มผุดเจตนาร้าย จิลเซียสตระหนักถึงและมองมายังประตูทางเข้าทันที
ไคลน์คว้าเบียร์จากโต๊ะใกล้เคียงและโยนใส่อีกฝ่ายโดยไม่ลังเล
จากนั้น ชายหนุ่มชักลูกโม่ออกมาและเล็งใส่อย่างเย็นชา
ปัง!
……………………………………..