หลังจากเห็นเดอะเวิร์ลพยักหน้ายืนยันภารกิจลอบสังหารลูอิส·เวย์น ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ
“มีใครในที่นี้ขายผลึกอุกกาบาตและผลึกเลือดหมึกลาวาบ้าง? หรือไม่ก็เบาะแสของพวกมัน”
เหล่านี้คือวัตถุสำหรับปรุงโอสถ ‘โหราจารย์’
เดิมที ฟอร์สต้องการจะจ้างเพิ่มอีกหนึ่งงาน นั่นคือการไหว้วานให้มิสเตอร์มูนที่อาศัยอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ช่วยตามหาตัวลูอิส·เวย์น แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด หญิงสาวตัดสินใจลองค้นหาด้วยตัวเองก่อน จนกว่าจะหมดหนทางหรือไม่พบเบาะแสใดเลย จึงค่อยว่าจ้างให้สมาชิกของชุมนุมทาโรต์ช่วย
ผลึกอุกกาบาต? ผลึกเลือกหมึกลาวา? ทำไมถึงได้คุ้นหูนัก… เราไม่ได้มีสูตรโอสถโหราจารย์สักหน่อย… นึกออกแล้ว เพราะวัตถุดิบของโอสถนักทำนายประกอบด้วยผลึกดวงดาวห้าสิบกรัม และเลือดหมึกลาวาสิบมิลลิลิตร! ดูเหมือนว่าวัตถุดิบหลักโอสถโหราจารย์จะเหมือนกับของนักทำนาย เพียงแต่เป็นเวอร์ชันยกระดับ… นั่นสินะ คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเส้นทาง ‘ผู้ฝึกหัด’ และ ‘นักทำนาย’ ถึงสามารถสลับกันได้ในลำดับสูง… ใคร่ครวญถึงจุดนี้ ไคลน์พลันผุดแนวคิดใหม่
ถ้าในเมื่อการตามหาสูตรโอสถ ‘จอมเวทพิสดาร’ เป็นเรื่องยากนัก ทั้งสามวิธีล้วนเต็มไปด้วยความอันตราย แล้วทำไมเราถึงไม่ลองย้ายไปเป็นลำดับ 4 ของเส้นทางใกล้เคียงดู? อย่างเช่นเส้นทางผู้ฝึกหัด!
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์เริ่มบรรเทาความอึดอัดและกังวลใจลงหลายส่วน อารมณ์สดใสร่าเริงแทรกเข้ามาแทนที่
สำหรับสูตรโอสถลำดับ 4 ของเส้นทางผู้ฝึกหัด ชุมนุมทาโรต์แห่งนี้พอมีเบาะแสอยู่ นั่นคือตระกูลอับราฮัมที่คอยหนุนหลังมิสเมจิกเชี่ยน!
เดอะเวิร์ลรีบจ้องไปทางมิสเมจิกเชี่ยนด้วยสายตาที่อบอุ่นกว่าปรกติโดยไม่รู้ตัว แต่นั่นกลับทำให้ฟอร์สสะดุ้งเฮือกพลางคิดว่า เดอะเวิร์ลคงกำลังวางแผนล่าลูอิส·เวย์นในหัว
ทันใดนั้น ‘เดอะฟูล’ ไคลน์ พลันหวนนึกถึงข้อสันนิษฐานของดันน์และดาลีย์ในเรื่องที่ว่า เหตุใดห้าลำดับแรกของเส้นทางนักทำนายถึงไม่ใช่การต่อยอดพลังเดิม แต่เป็นการเพิ่มพลังใหม่ซึ่งไม่สอดคล้องกันเข้ามา โดยทั้งคู่ลงความเห็นว่า เมื่อถึงลำดับ 4 เส้นทางนักทำนายจะเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ คล้ายกับกำปั้นที่เกิดจากการรวมตัวกันของห้านิ้วมือ ส่งผลให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ย้อนกลับไปในตอนนั้น หัวหน้าและมาดามดาลีย์ทำได้เพียงคาดเดาจากข้อมูลผิวเผินของโอสถนักทำนาย ตัวตลก และนักมายากล… แต่หลังจากกลายเป็นผู้ไร้หน้าและนักเชิดหุ่นด้วยตัวเอง เราสามารถยืนยันได้ว่า ทฤษฎีนี้ใกล้เคียงความจริงอย่างมาก… มีโอกาสเป็นไปได้ว่า เส้นทางนักทำนาย ผู้ฝึกหัด และนักจารกรรมจะมิอาจสลับกันได้ในลำดับที่ 4 แต่ต้องรอถึงลำดับ 3… ยิ่งครุ่นคิด ความยินดีในใจไคลน์ก็ยิ่งหดหาย
เรายังมีข้อมูลน้อยเกินไป คงยังตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้ ต้องรอให้มิสเตอร์อะซิกตอบจดหมายกลับมาก่อน รวมไปถึงคำตอบจากกระจกวิเศษอาโรเดส ซึ่งเราจะถามหลังออกจากเขตทะเลที่มีสมุนของพระผู้สร้างแท้จริงคอยจับตามอง
ขณะไคลน์ดำดิ่งในห้วงความคิด เสียงของ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาดังขึ้น
“ฉันมีผลึกเลือดหมึกลาวา พร้อมขายในราคาหกร้อยปอนด์… ส่วนผลึกอุกกาบาต ฉันรู้ว่าต้องหาจากไหน คุณต้องการกี่กรัม?”
หกร้อยปอนด์ ราคาสมเหตุสมผลมาก… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“หกสิบกรัม”
“ตกลง ฉันจะนำสินค้ามามอบให้ภายในสองสัปดาห์ ราคาหกร้อยปอนด์เท่ากัน” ‘เฮอร์มิท’ แคทลียากล่าวอย่างรวบรัด
ได้ของครบง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ… วันนี้มาดามเฮอร์มิทดูจะคึกคักเป็นพิเศษ… ใช่แล้ว เธอเพิ่งเคยเป็นแบบนี้ครั้งแรก… ฟอร์สรีบพยักหน้าและมอบคำตอบ
“ไม่มีปัญหา”
ตอนนี้เรามีเงินเก็บทั้งหมดแปดร้อยสามสิบปอนด์ มากพอที่จะซื้อผลึกเลือดหมึกลาวาได้ทันที แต่ภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า เราต้องหาเงินเพิ่มอีกเกือบสี่ร้อยปอนด์… อีกสักพักจะได้เงินส่วนแบ่งจากสำนักพิมพ์ ถ้าจำไม่ผิดคือหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ ยังต้องหาเพิ่มอีกสองร้อยยี่สิบปอนด์… คงอยู่เฉยไม่ได้แล้วสินะ… ฟอร์สคิดคำนวณสถานภาพทางการเงินอย่างคล่องแคล่ว
เมื่อเห็นมิสเมจิกเชี่ยนหาวัตถุดิบหลักโอสถให้ตัวเองได้ภายในหนึ่งนาที ‘จัสติส’ ออเดรย์อดใจไม่ไหวอีกต่อไป รีบยกมือขึ้นครึ่งหนึ่ง
“ดิฉันกำลังตามหาต่อมใต้สมองของมังกรจิตวัยรุ่นสภาพสมบูรณ์ หรือไม่ก็… ไขสันหลังของตะกวดดำนักล่าปริมาณหกสิบมิลลิลิตร และผลของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท”
รายชื่อเหล่านี้คือวัตถุดิบหลักของโอสถ ‘นักสะกดจิต’ แต่หากมีต่อมใต้สมองของมังกรจิตวัยรุ่นสภาพสมบูรณ์ วัตถุดิบที่เหลือก็ไม่จำเป็น
เมื่อสิ้นคำถามออเดรย์ มาดามเฮอร์มิทมอบคำตอบทันที
“นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคสมัยที่ห้า มังกรจิตแทบจะสูญพันธุ์จนหาพบได้ยาก… ฉันพอจะมีวิธีรวบรวมไขสันหลังของตะกวดดำนักล่า แต่ต้องใช้เวลาราวสองถึงสามสัปดาห์ ราคาอยู่ที่หนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ถึงสองพันปอนด์ ขึ้นอยู่กับผู้ขาย… และฉันช่วยคุณตามหาเบาะแสของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาทได้ แต่ไม่รับประกันผล”
ธ…เธอมีเครือข่ายข้อมูลกว้างขวางขนาดไหนกัน… หลังจากมาดามเฮอร์มิทถูกลงโทษ ดูเหมือนว่าเธอจะมีส่วนร่วมกับชุมนุมทาโรต์มากขึ้น กระตือรือร้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แถมยังคิดราคายุติธรรมมาก… ‘จัสติส’ ออเดรย์เงียบงันไปพักหนึ่ง
ถัดมาไม่กี่วินาที หญิงสาวผงกศีรษะเล็กน้อย
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
อัลเจอร์ ‘แฮงแมน’ ที่อยู่วงนอกเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่ตนคิด เฮอร์มิทซึ่งถูกมิสเตอร์ฟูลลงโทษได้เปลี่ยนท่าทีจากหน้าเป็นหลังมือ เธอพยายามให้ความร่วมมือกับทุกเรื่องเท่าที่สามารถทำได้ ผนวกกับการเป็นพลเรือโจรสลัดซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารในมือ เฮอร์มิทกำลังโดดเด่นและเจิดจ้ายิ่งกว่าใครในชุมนุมทาโรต์!
ความ ‘เจิดจ้า’ นี้ทำให้อัลเจอร์แทบลืมตาไม่ขึ้น มันเริ่มตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์
หากเลือกได้ มันอยากให้เฮอร์มิทกลับไปเป็นคนก่อนมากกว่า!
‘เดอะฟูล’ ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจในสิ่งที่ได้ยิน
เราคิดว่ามาดามเฮอร์มิทจะหดหู่ไปสักพักเสียอีก หรือไม่ก็เกิดความรู้สึกต่อต้านชุมนุมทาโรต์… คาดไม่ถึงว่าจะออกหน้านี้ได้…
หรือว่าเธอเป็นพวกที่ต้องโดนไม้เรียวก่อนถึงจะว่านอนสอนง่าย?
นั่นสินะ… การสอนเด็กดื้อต้องใช้ไม้เรียว ดูเหมือนว่าราชินีจะเบามือไปสักหน่อย… หืม… ไม่สิ ตัวราชินีเองก็ร้ายใช่ย่อยเหมือนกัน… นั่งต้องเป็นเพราะจักรพรรดิเลี้ยงลูกแบบตามใจแน่!
ขณะนั่งรำพัน ไคลน์ควบคุมเดอะเวิร์ลให้มองไปรอบตัว ตามด้วยหัวเราะในลำคอ
“มีใครขายสูตรโอสถลำดับ 4 ของเส้นทางนักทำนายบ้างไหม? แค่เบาะแสก็ได้”
ลำดับ 4… มิสเตอร์เวิร์ลกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นครึ่งเทพ? ออเดรย์ ‘จัสติส’ พลันประหลาดใจ
แต่ไหนแต่ไร เธอคิดว่าตัวเองเลื่อนลำดับได้เร็วกว่าใครเสมอ นั่นถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่สามารถโอ้อวด แต่ตอนนี้เพิ่งตระหนักว่าตนยังล้าหลังอยู่มาก!
มิสเตอร์เวิร์ลกำลังจะกลายเป็นตัวตนทรงพลัง… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเองก็ประหลาดใจ
ในสายตาเธอ แม้ว่ามิสเตอร์เวิร์ลผู้มีบรรยากาศดำมืดและไม่ค่อยสุงสิงกับใครจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็น่าจะยังห่างจากครึ่งเทพอยู่พอสมควร ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็ประกาศหาสูตรโอสถลำดับ 4 อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
สมแล้วที่เป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ถอนหายใจ
ทาง ‘เดอะมูน’ เอ็มลินและ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคต่างก็ส่ายหน้า บอกเป็นนัยว่าไม่เคยได้ยินชื่อของลำดับ 4 เส้นทางดังกล่าวมาก่อน
ไคลน์ซึ่งคิดว่าตนอาจได้เบาะแสจากเมืองเงินพิสุทธิ์หรือผีดูดเลือดบ้าง ทำได้เพียงบังคับให้เดอะเวิร์ลเบือนหน้ากลับอย่างจนปัญญา
ผ่านไปราวสองวินาที แคทลียาเปิดปากขึ้นบ้าง
“ฉันต้องการเลือดของสัตว์ในตำนานหนึ่งหยด จะเป็นชนิดใดก็ได้”
ท่ามกลางวังโอ่อ่าที่มีเสาหินค้ำจุน ความเงียบงันเข้าปกคลุมทันใด แม้แต่เดอะเวิร์ลเองก็ไม่ทราบข้อมูลของสิ่งที่เรียกว่าสัตว์ในตำนานมากนัก
ไคลน์ตัดสินใจไม่เผยไต๋เรื่องดังกล่าว วางแผนกลับไปถามคนที่ตนปรึกษาได้ในภายหลัง เพียงควบคุมให้เดอะเวิร์ลเงียบงันสองสามวินาทีและกล่าว
“ผมจะช่วยดูให้”
ในเมื่อเป็นคำขอร้องที่หาได้ยากของมาดามเฮอร์มิท ทั้ง ‘จัสติส’ และคนที่เหลือต่างก็มอบคำตอบในลักษณะใกล้เคียงกัน
“ขอบคุณมาก” แคทลียาไม่ประหลาดใจกับผลลัพธ์สักเท่าไร
คำขอที่เธอเสนอออกไป จุดประสงค์หลักคือการแสดงให้มิสเตอร์ฟูลเห็นว่า ตนต้องการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของชุมนุมทาโรต์ หญิงสาวมองว่า หากตนเอาแต่สั่นกลัวและนิ่งเงียบหลังจากถูกลงโทษ สถานการณ์คงมีแต่จะแย่ลง
เมื่อความเงียบปกคลุมไปได้สักพัก เดอร์ริค ‘เดอะซัน’ เตรียมกล่าวอีกครั้ง แต่ดันถูก ‘เดอะมูน’ เอ็มลินชิงพูดตัดหน้า
บารอนโลหิตหัวเราะในลำคอ
“ข้าสามารถบอกความต้องการของคนที่เหลือได้ เจ้าเด็กนี่ต้องการโอสถลำดับ 6 ของเส้นทางสุริยัน ‘ผู้รับรอง’ ส่วนมิสเตอร์แฮงแมนต้องการสูตรโอสถ ‘ผู้ขับขานสมุทร’”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ไคลน์พลันกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันใด เพราะย้อนกลับไปในตอนที่ได้ครอบครองยุบพองหิวโหยครั้งแรก ชายหนุ่มวางแผนปล่อยดวงวิญญาณของ ‘นักบวชแสง’ เพื่อถามสูตรโอสถลำดับ 6 และลำดับ 5 ของเส้นทางสุริยัน จากนั้นก็นำมาขายให้เดอะซัน แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็น ไคลน์ปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังมานาน
ในค่ำคืนนี้ เราจะออกตามล่าโจรสลัดที่มีพลังพิเศษและสมควรตาย หรือไม่ก็หัวหน้าแก๊งอันธพาลท้องถิ่น โดยไม่สนว่าพวกมันจะมีลำดับเท่าไร… หรือเราควรปล่อยดวงวิญญาณของนักบวชแสงไปเฉย ๆ โดยยังไม่ต้องหาตัวแทน? ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลก้มหน้าครุ่นคิด
“ภายในสามวัน ผมจะนำสูตรโอสถผู้รับรองมาให้”
กล่าวจบ ชายหนุ่มมองไปยังเดอะซันน้อย
“คุณคิดเตรียมไว้เลยว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด”
“ตกลงครับ มิสเตอร์เวิร์ล” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคกล่าวด้วยสีหน้ามีความสุข
สำหรับสูตรโอสถนักขับขานสมุทรที่แฮงแมนต้องการ ยังไม่มีใครพบเบาะแสของมัน
‘เดอะมูน’ เอ็มลินกระแอมในลำคอ
“แต่ความต้องการของข้าแตกต่างจากครั้งก่อน… ข้าต้องการให้ใครสักคนช่วยตามหาเบาะแสของเหล่าสาวกดวงจันทร์บรรพกาล ถ้าเป็นเบาะแสทางอ้อมจะได้รับค่าตอบแทนหนึ่งร้อยปอนด์ ส่วนเบาะแสทางตรงจะได้รับเงินห้าร้อยปอนด์!”
มันชำเลืองไปทางเดอะฟูลเพื่อขออนุญาต และทันทีที่อีกฝ่ายตอบรับ บารอนโลหิตทำการเสกสิ่งที่คล้ายกับใบค่าหัวขึ้น สมาชิกทุกคนได้รับไปคนละห้าใบ ยกเว้นตัวเอ็มลินเองและเดอะซันน้อย
ไคลน์ควบคุมเดอะเวิร์ลเพื่อรับกระดาษค่าหัว เพ่งอ่านด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
กาลิส·เควิน เดนเด้ ลอร่า วินเซอร์·เบริ่ง อาร์กอส… ค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็มีฝีมือเทียบเท่าแวมไพร์แรกเกิด… ชายหนุ่มกล่าวกับตัวเองพลางบันทึกข้อมูล
หลังจากประกาศงานของตัวเองเสร็จ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินเริ่มมั่นใจว่าตนจะเป็นผู้ชนะในการ ‘แข่งล่า’ จึงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ รอฟังคำขอร้องของสมาชิกคนอื่น
บรรยากาศของชุมนุมเข้าสู่ความเงียบงันสักพัก
‘เดอะฟูล’ ไคลน์เห็นดังนั้นจึงหัวเราะในลำคอและกล่าว
“เริ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ”
ทันใดนั้น ทั้ง ‘จัสติส’ ออเดรย์ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและสมาชิกคนอื่นต่างมุ่งความสนใจมายัง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคอย่างพร้อมเพรียง
ทุกคนยังจำได้ดี คราวก่อน ‘เดอะซันน้อย’ เคยเกริ่นไว้แล้วว่า ตนถูกมอบหมายให้เข้าร่วมภารกิจสำรวจเขตด้านนอกวังราชาคนยักษ์
……………………………………………….