Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 679 : จ้างวานฆ่า

ราชันเร้นลับ 679 : จ้างวานฆ่า

“ห้ามส่องความลับเทพ…”

เสียงพำพึมของ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เงียบลงอย่างรวดเร็ว แต่โสตประสาทของทุกคนกลับยังได้ยินถ้อยคำดังกล่าวอย่างแจ่มชัด และนั่นทำให้พวกเขาตื่นตัว

แม้ว่าในยามปรกติ มิสเตอร์ฟูลจะมิได้แสดงมาดของผู้สูงศักดิ์ให้เห็นบ่อยนัก แทบไม่ค่อยสนทนากับสมาชิกสักเท่าไร ส่งผลให้ทุกคนมองว่าอีกฝ่ายมีบุคลิกอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริง ท่านยังคงเป็นเทพ เทพที่มิควรจ้องมอง เทพผู้อยู่เหนือสามัญสำนึกทั้งปวง!

ทั้ง ‘จัสติส’ ออเดรย์ ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน และสมาชิกที่เหลือของชุมนุมทาโรต์ ต่างยอมรับและเห็นพ้องกับ ‘กฎ’ จากปากแฮงแมนที่แม้จะผิดแผกไปจากต้นฉบับเล็กน้อย ทุกคนแสร้งทำเป็นลืมว่า ‘กฎ’ ที่ถูกต้องควรจะเป็น ‘ห้ามจ้องมองเทพโดยตรง’ เพราะแต่ละคนล้วนเคย ‘มอง’ มิสเตอร์ฟูลอยู่หลายหน ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาหรือซักถามความเห็น โดยที่มิสเตอร์ฟูลไม่เคยถือสาให้เป็นเรื่องใหญ่

แน่นอน อาจไม่ใช่การจ้องมองโดยตรง เพราะมีหมอกหนาทึบบดบัง… พิจารณาจากอาการเมื่อครู่ของมาดามเฮอร์มิท มิสเตอร์ฟูลสร้างม่านหมอกขึ้นเพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน… ‘จัสติส’ ออเดรย์พ่นลมหายใจอย่างเชื่องช้า

ขณะเดียวกัน ‘เดอะฟูล’ ไคลน์กำลังครุ่นคิดภายในใจ

มิสเตอร์แฮงแมนทำหน้าที่สนับสนุนได้ไม่เลว… เราเตรียมจะให้เดอะเวิร์ลกล่าวในสิ่งที่คล้ายกันออกมาพอดี เพื่อปิดฉากขั้นตอนสุดท้ายของบทลงโทษ…

เดิมที ไคลน์วางแผนจะให้หุ่นเชิด ‘เดอะเวิร์ล’ กล่าวว่า ‘ห้ามตบตาเทพ’ หรือ ‘ห้ามส่องความลับเทพ’ แต่นั่นฟังดูน่าละอายไม่น้อย เพราะถ้าในอนาคต ความลับที่ ‘เดอะเวิร์ล’ ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูล ถูกเปิดโปงว่าเป็นคนเดียวกับเดอะฟูล ชายหนุ่มคงอับอายจนไม่กล้าสนทนากับใครอีก แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี เดอะเวิร์ลเคยพูดในทำนองเดียวกันมาแล้วหลายหน เพิ่มไปอีกสักเรื่องก็คงไม่เป็นอะไร แค่พยายามไม่ให้ความลับแตกก็พอ

ตามแผนเดิม หลังจากขจัดความตะขิดตะขวงใจ ไคลน์เตรียมดำเนินตามขั้นตอนที่ซักซ้อมอย่างใจเย็น แต่ใครจะไปคิดว่า สถานการณ์จริงกลับราบรื่นกว่าที่คาด แฮงแมนตกตะลึงกับบทลงโทษที่เฮอร์มิทได้รับจนกล่าวออกมาเองว่า ‘ห้ามส่องความลับเทพ’ ส่งผลให้เหตุการณ์ภาพรวมเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ!

อา… เรื่องราวดำเนินไปอย่างไร้ที่ติ… มาดามเฮอร์มิทปล่อยให้ความลับของชุมนุมทาโรต์รั่วไหล เมื่อเดอะฟูลทราบเข้าจึงตักเตือนพอเป็นพิธี โดยหลังจากนั้น หญิงสาวเผชิญความเจ็บปวดแสนสาหัสจากการพยายามแอบส่องความลับเทพของตัวเอง มิใช่เพราะเดอะฟูลเจตนาลงโทษ…

นี่คือผลลัพธ์ในอุดมคติที่ไคลน์คาดหวังไว้ และเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของเดอะฟูลได้ดีที่สุด เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ตัวตนระดับเทพย่อมไม่แยแสมนุษย์ นั่นจะเป็นการ ‘ลดตัว’ มากเกินไป…

แต่มาดามเฮอร์มิทเองก็ใจกล้าไม่เลว… จากเหตุการณ์ในวันนี้ เราสามารถยืนยันได้ว่า เธอเคยแอบส่องความลับของเดอะฟูลมาแล้วมากกว่าหนึ่งหน ถึงจะมิได้มีเจตนาร้าย แต่ก็สมควรถูกลงโทษเพื่อเป็นกรณีเยี่ยงอย่าง… หึหึ… การเพิกเฉยของเราในครั้งก่อนๆ ทำให้เธอคิดไปเองว่า เรา ‘อนุญาต’ ให้เธอแอบส่องได้ นั่นกลายเป็นนิสัยติดตัวจนตกหลุมพรางแผนการของเราในวันนี้…

นอกจากนั้น ทั้งที่ยังไม่รู้จักเดอะฟูลดีพอ แต่กลับกลับนำข้อมูลของชุมนุมออกไปเปิดเผยสู่ภายนอก นับว่าใจกล้าเกินขอบเขตไปสักหน่อย… หมายความว่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเธอยังเผชิญความเจ็บปวดและสูญเสียไม่มากพอ บทเรียนในวันนี้คงทำให้เธอเข็ดหลาบไปอีกนาน…

ก็ไม่แปลกใจอะไรนัก… พิจารณาจากพฤติกรรมของแคทลียาในความฝัน เธอยังขาดการอบรมในหลายเรื่อง อาจไม่เคยผ่านไม้เรียวของแม่ด้วยซ้ำ!

หึหึ… เหตุการณ์ในวันนี้คงทำให้มิสเตอร์แฮงแมนและสมาชิกที่เหลือตื่นตัวไปด้วยกระมัง? ไคลน์รำพันติดตลกในใจ ก่อนจะมองไปรอบตัวและกล่าวเสียงขรึม

“เท่านี้คงพอแล้ว”

ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาที่เริ่มฟื้นฟูจิตใจกลับมา คลายความตึงเครียดลง ร่างกายถูกอาการเหนื่อยล้ารุมเร้าพร้อมกับความยินดีที่พรั่งพรูเข้ามาในจิตใจ หญิงสาวรู้สึกอยากทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เอนหลัง นอนแผ่หลาและพักผ่อนสักพักใหญ่

ครั้งแรกเป็นเพียงการตักเตือน แต่ถ้ามีครั้งที่สอง จุดจบคงไม่สวยนัก… พลเรือโจรสลัดถอนหายใจเงียบ กล่าวกับตัวเองว่าอย่าริอ่านทำเป็นเก่งอีก อย่าได้คิดว่ามิสเตอร์ฟูลไม่รู้เรื่องที่ตนแพร่งพรายข้อมูลให้คนภายนอก และห้ามแอบส่องความลับท่านอีก!

สำหรับหญิงสาว ความเจ็บปวดเมื่อครู่มิได้ด้อยไปกว่าความทรมานขณะปราชญ์เร้นลับโอนถ่ายมวลความรู้ปริมาณมหาศาล และนอกจากนั้น เธอยังเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า มิสเตอร์ฟูลคือตัวตนระดับเทพโดยแท้จริง เทพที่ห้ามจ้องมองและสำรวจ!

ฟู่ว… อย่างน้อยองค์ราชินีก็ได้ทราบว่า ท่านมีสิทธิ์นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกับคำถามที่ท่านกำลังตามหา… จะไม่มีการแพร่งพรายข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตอีกแล้ว… แคทลียาเบือนสายตา จ้องมองอย่างสั่นกลัวไปทางหัวโต๊ะทองแดงยาว โดยในหนนี้ หญิงสาวมิกล้ามองเกินขอบโต๊ะ อย่างมากก็ที่วางแขนของเก้าอี้ แสงสีม่วงเข้มในดวงตาเจือจางลงจากเดิมหลายส่วน

ท่ามกลางความเงียบงัน เธอกล่าวอย่างจริงใจ

“ดิฉันจะจดจำความกรุณาของท่านตลอดไป”

ไคลน์ ‘เดอะฟูล’ หลังม่านหมอกพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่กล่าวคำใดต่อ

หลังจากรอสักพัก ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สชิงลงมือตัดหน้า ‘จัสติส’ ออเดรย์ รีบเหยียดหลังตรงและกล่าวพลางมองไปรอบตัว

“มีใครในนี้รับงานฆ่าคนไหม… เป้าหมายคือสมาชิกคนสำคัญของลัทธิมาร”

ฟอร์สรู้สึกติดหนี้บุญคุณอาจารย์โดเรี่ยน·เกรย์มาก จึงคิดหาวิธีตอบแทนอีกฝ่ายอยู่เสมอ

หลังจากพิจารณาสักพัก หญิงสาวตัดสินใจพุ่งเป้าไปยังผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ตระกูลของอาจารย์ เป้าหมายดังกล่าวมีนามว่าลูอิส·เวย์น ผู้อาจจะเป็นนักบันทึกหรือนักท่องเที่ยว!

ฟอร์สมิได้มองว่าการครอบครอง ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ จะทำให้เธอแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าผู้วิเศษลำดับ 6 มากประสบการณ์ หรือแม้กระทั่งลำดับ 5 มือใหม่ แต่ที่เธอกล้าคิดเรื่องการฆ่าอีกฝ่าย เพราะเชื่อว่าชุมนุมทาโรต์ องค์กรลับในเงามืด สามารถให้ความช่วยเหลือในระดับเหนือจินตนาการ

ไม่ว่าจะมาดามเฮอร์มิทหรือมิสเตอร์เวิร์ล พวกเขาล้วนเก่งกาจพอที่จะสู้กับลูอิส·เวย์นแบบตัวต่อตัว จะเป็นใครลงมือก็ได้ นอกจากนี้เรายังจะช่วยสนับสนุนด้วยการให้ยืมบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ โอกาสสำเร็จจึงมีค่อนข้างมาก… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สร่างภาพในอุดมคติ

แน่นอน หญิงสาวย่อมทราบว่า เงินเก็บในปัจจุบันของตนไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าจ้างในการสังหารผู้วิเศษระดับลูอิส·เวย์น ด้วยเงินจำนวนเพียงแปดร้อยสามสิบปอนด์ของตน แค่จะซื้อมือสักข้างของมันยังทำไม่ได้ ต้องไม่ลืมว่า เพื่อจะสังหารราชทูตอินทิสซึ่งเป็นลำดับ 6 ‘นักวางแผน’ มิสจัสติสต้องใช้เงินมากถึงหนึ่งหมื่นปอนด์ ลูอิส·เวย์นซึ่งอยู่ในลำดับเดียวกันหรือสูงกว่า ย่อมต้องมีราคาแพงกว่าแน่!

แผนของฟอร์สก็คือ ยอมชดเชยส่วนที่ขาดด้วยการทำภารกิจเล็กๆ น้อยจากผู้ลงมืออย่างต่อเนื่อง จำพวกงานจิปาถะที่อีกฝ่ายไม่สะดวกออกหน้าเอง หลังจากได้ครอบครองบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ ฟอร์สเชื่อว่าตนสามารถรับงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นจากเดิมได้

เมื่อได้ยินข้อเสนอของมิสเมจิกเชี่ยน ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ และ ‘จัสติส’ ออเดรย์ ต่างหันไปมอง ‘เดอะเวิร์ล’ อย่างพร้อมเพรียง จากมุมมองของทุกคน สุภาพบุรุษรายนี้มีงานอดิเรกเป็นการล่าผู้วิเศษ แถมยังมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรับทำภารกิจ

แต่เราไม่ได้อยู่ในเบ็คลันด์… ไม่สิ จะตอบแบบนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะต่อหน้าแฮงแมนและเฮอร์มิท จะปล่อยให้พวกเขาคิดว่ามิสเตอร์ฟูลมีข้ารับใช้เพียงสองหรือสามคนไม่ได้เด็ดขาด… ไคลน์ถ่ายจิตไปบังคับเดอะเวิร์ล ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับประสาทสัมผัส กล่าวกับทุกคนด้วยเสียงแหบพร่า

“ลงมือที่ไหน? เหยื่อเป็นคนขององค์กรใด ลำดับเท่าไร พลังพิเศษเป็นอย่างไร?”

หืม… มิสเตอร์เวิร์ลแตกต่างจากเมื่อก่อนนิดหน่อย… แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าตรงไหน… คล้ายกับอารมณ์ดีกว่าทุกครั้ง… หรือว่าพักนี้เขาจะได้เจอกับเรื่องดีๆ เข้า? ‘จัสติส’ ออเดรย์เอะใจกับความผิดปรกติ พลางสงสัยว่ามิสเตอร์เวิร์ลได้เจอเรื่องอะไรมา

‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตอบด้วยสีหน้ายินดี

“เป็นผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือ ประจำอยู่ที่เบ็คลันด์ ข้อมูลล่าสุดคือลำดับ 6 ปัจจุบันอาจกลายเป็นลำดับ 5 ไปแล้ว แต่ยังไม่ขอยืนยันเรื่องนี้… พลังของเขาคือการบันทึกพลังพิเศษของคนอื่นและใช้งานได้หนึ่งครั้ง หลบหนีเก่งกาจ การล้อมจับทำได้ยากมาก สามารถเดินทางผ่านโลกวิญญาณ”

เป้าหมายคือผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือ ลำดับ 6 หรือ 5 ที่มีความสามารถคล้ายกับ ‘ผู้ฝึกหัด’ … คิดไว้ไม่มีผิด มิสเมจิกเชี่ยนไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เห็น สัญชาตญาณของเราในตอนแรกบอกถูก… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาที่กลับมาเป็นปรกติอย่างรวดเร็ว ไม่แปลกใจว่าทำไม ‘เมจิกเชี่ยน’ ถึงกล้าวางอุบายลอบสังหารสมาชิกระดับสูงของชุมนุมแสงเหนือ

ส่วนจะเป็น ‘ผู้ส่งสาร’ คนใด เธอเองก็ไม่ทราบ เพราะรู้จักเพียงมิสเตอร์ Z และมาดาม D

ขณะเดียวกัน ไคลน์รีบใคร่ครวญ

ผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือ ไม่มีทางเป็นคนดีแน่… ตรงกันข้าม มันคงเป็นพวกเสียสติที่คร่าชีวิตคนบริสุทธิ์มานักต่อนัก การสังหารมันคงไม่ทำให้เรารู้สึกผิด…

เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่ว่าเราเคยมีความบาดหมางกับชุมนุมแสงเหนือแค่ครั้งสองครั้งสักหน่อย…

ลำดับ 6 หรือ 5 ไม่ใช่เป้าหมายที่เกินเอื้อม… ฟังจากความสามารถและลักษณะพิเศษที่มิสเมจิกเชี่ยนอธิบาย เราเคยเห็นมิสเตอร์ A ใช้มาก่อน… แต่อาจเป็นคนละอย่างกัน…

สำหรับเรา ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจในการหลบหนีหรือสามารถเดินทางผ่านโลกวิญญาณ ขอเพียงเข้าประชิดตัวและควบคุมด้ายวิญญาณได้ เจ้านั่นจะไม่มีทางรอด!

หากปะทะกันซึ่งหน้า ผลลัพธ์การต่อสู้คงยากคาดเดา แต่ถ้าเป็นการลอบสังหาร เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะถือครองความได้เปรียบ ส่วนจะปลิดชีพได้ไหมนั่นก็อีกเรื่อง…

หลังจากครุ่นคิดสักพัก เดอะเวิร์ลหันไปมอง ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและกล่าว

“ผมรับงานนี้ได้ แต่ไม่ใช่ช่วงนี้ อย่างเร็วก็อีกสองเดือนข้างหน้า”

ชายหนุ่มไม่ทราบว่าจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องทะเลขณะกลับหรือไม่ จึงกะเกณฑ์เวลาไว้อย่างหยาบ

“สองเดือนข้างหน้า…” เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส พึมพำระยะเวลาซ้ำ

ค่อนข้างนาน อาจจะนานเกินไป เพราะเธอเองก็ไม่ทราบว่าลูอิส·เวย์นจะอยู่ในกรุงเบ็คลันด์อีกนานแค่ไหน

ถึงตรงนี้ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่อยู่วงนอกมาสักพัก กล่าวแทรกหลังจากใคร่ครวญ

“มิสเมจิกเชี่ยน คุณจำเป็นต้องสังหารผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือด้วยตัวเองหรือไม่?”

“ไม่… ก็อย่างที่คุณเห็น ฉันกำลังพิจารณาว่าจะจ้างมิสเตอร์เวิร์ล” ฟอร์สยิ้ม

อัลเจอร์พยักหน้าครุ่นคิด

“ตามปรกติแล้ว เงื่อนไขแรกสุดของการภารกิจลอบสังหารคือการหาตัวเป้าหมายให้พบ คุณเจอเขาแล้วหรือยัง?”

“ยัง… แต่จะพยายามให้พบ” ฟอร์สตอบไปตามจริง

“สรุปว่าแผนของคุณก็คือ จะสืบหาเป้าหมายให้พบก่อน จากนั้นค่อยกลับมาบอกให้มิสเตอร์เวิร์ลเริ่มงาน?” แฮงแมนถามหยั่งเชิง

“ใช่… แต่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจจ้างเขา” ฟอร์สค่อนข้างฉงน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแฮงแมนถึงต้องซักถามสิ่งเหล่านี้

‘แฮงแมน’ อัลเจอร์หัวเราะในลำคอ

“หากคุณสามารถระบุตำแหน่งของผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือได้ แล้วทำไมถึงต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อจ้างฆ่า? แค่รายงานให้โบสถ์หลักทราบยังไม่เพียงพอหรือ… นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน ทุกโบสถ์ต่างพยายามค้นหาเบาะแสที่อาจเกี่ยวข้อง”

มันมิได้คิดจะขัดขวางธุรกิจของเดอะเวิร์ล เพียงแต่เล็งเห็นความลังเลในใจมิสเมจิกเชี่ยน เชื่อว่าหญิงสาวมีแนวโน้มสูงที่จะไม่จ้างงาน เพราะด้วยเวลาที่นานถึงสองเดือน ระหว่างนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น จึงพยายามชักนำให้เกิดการเจรจาเบื้องต้นเสียก่อน

แจ้งให้โบสถ์หลักทราบ? วิธีการฟังดูคุ้นเคย… ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่ามิสเตอร์แฮงแมนจะเสนอแนะวิธีแบบนี้

หึหึ… นั่นสินะ นอกจากทุกคนจะติดเชื้อเจ้าเล่ห์มาจากแฮงแมนแล้ว เขาเองก็ได้รับอิทธิพลจากวิธีของพวกเราเช่นกัน… ไคลน์รำพันอย่างผ่อนคลาย

“รายงาน?” ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สสะดุ้ง

ผ่านไปหนึ่งอึดใจ หญิงสาวพึมพำ

“น่าสนใจ…”

ได้ยินเช่นนั้น แฮงแมนกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม

“คุณลองทำแบบนี้ดู ก่อนอื่นก็ค้นหาเป้าหมายให้พบ หากทำสำเร็จภายในสองเดือน ให้รีบรายงานไปยังสามโบสถ์หลัก แต่ถ้าเกินสองเดือนและมิสเตอร์เวิร์ลไม่ติดธุระใด ถึงตอนนั้นค่อยจ้างก็ยังไม่สาย”

‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สครุ่นคิดอย่างจริงจังสักพัก ก่อนจะกล่าว

“เข้าใจแล้ว… เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะตกลงราคากับมิสเตอร์เวิร์ล”

……………………………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset