Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 660 : ใต้หน้ากาก

ราชันเร้นลับ 660 : ใต้หน้ากาก

คำแล้วคำเล่า ภาษาอันโหยหวนและยากจะทำความเข้าใจ ถูกพ่นออกจากปากไคลน์อย่างเชื่องช้า ส่งผลให้ลมพายุกระโชกที่สร้างจากแรงดึงดูดของประตูทองแดง เริ่มบรรเทาความเกรี้ยวกราดลงจนบรรยากาศที่แต่เดิมหม่นหมองอยู่แล้ว ทวีความเงียบงันยิ่งกว่าเก่า

ชายหนุ่มเพิ่งได้ทราบว่า ชื่อของพลังพิเศษที่พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ เพิ่งใช้ออกมาก็คือ ‘วาจาแห่งความตาย’ เป็นพลังที่สามารถทะลวงผ่านร่างเนื้อ ตรงเข้าไปเล่นงานร่างวิญญาณได้ทันที

นับเป็นพลังขั้นสูงของ ‘ผู้สื่อวิญญาณ’ ช่วยให้สื่อสารกับวิญญาณได้โดยตรง ไม่ว่าจะออกคำสั่งหรือเปลี่ยนให้กลายเป็นทาส

ถ้อยคำที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปมิอาจทำความเข้าใจ กำลังก้องกังวานทั่วดาดฟ้าส่วนหัวเรือ ร่างกายลูเธอร์ไวล์พลันแข็งทื่ออย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ร่างมายาโปร่งใสเริ่มปรากฏบนลำตัวของกัปตันโจรสลัด

วิญญาณของมันกำลังถูกพลังที่มองไม่เห็นดึงออกมา!

ทันใดนั้น แหวนสีดำทรงเหลี่ยมบนนิ้วชี้ซ้ายลูเธอร์ไวล์ เริ่มส่องแสงแผ่วเบา

ร่างวิญญาณที่ถูกกระชากออกจากร่างเล็กน้อย ย้อนกลับคืนร่างเนื้อในทันที ผสานเป็นหนึ่งเดียวอย่างกลมกลืน

ฉึบ!

ลูเธอร์ไวล์ใช้มือขวาดึงเรเพียร์เล่มบางที่ห้อยตรงเอว

ผิวคล้ายเหล็กดำ ปลายดาบดูดกลืนแสงโดยรอบจนมีสีทึบ

พลเรือเอกขุมนรกย่างกรายเข้าใส่อย่างดุดัน อาศัยแรงลมกระโชก ระยะห่างจากมันและไคลน์ลดลงอย่างมากในพริบตา เรเพียร์ในมือทิ่มแทงด้วยความรวดเร็วราวกับอสนีบาต

ประตูทองแดงสลักลวดลายลึกลับยังคงตั้งตรงในตำแหน่งเดิม มิได้หายไปเพียงเพราะลูเธอร์ไวล์ปล่อยมือข้างซ้ายออก ตรงจุดนี้แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ไคลน์เคยเห็นมาดามชารอนใช้สมบัติวิเศษ

ฟุ่บ!

เรเพียร์สีดำทะลวงร่างไคลน์ในวิถีที่มิอาจหลบพ้น

ร่างกายชายหนุ่มพลันแห้งกรังกลายเป็นแผ่นกระดาษบางที่ถูกย้อมด้วยสีเหลืองแก่ คล้ายกับตากแดดตากลมมานานนับพันปี

แผ่นกระดาษถูกพายุกระโชกจากประตูทองแดงฉีกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

บนท้องฟ้า ไคลน์กระโดดออกจากมุมมืด ในมือถือแผ่นยันต์เทพสมุทรจำนวนมาก

“พายุ!”

หลังจากเสียงคาถาเฮอร์มิสโบราณก้องกังวาน เศษดีบุกขาวจำนวนมากถูกเผาอย่างพร้อมเพรียง เป็นการสังเวยตัวเองแด่เทพสมุทร หรือกล่าวได้ว่า หากไคลน์ปรารถนา มันสามารถนำวัสดุทำยันต์เกือบทั้งหมดกลับมาใช้ใหม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าดีบุกขาวจะมิอาจบรรจุพลังวิญญาณได้อีก

ฟ้าว!

คมมีดสายลมสีฟ้าพลันพวยพุ่ง น้ำทะเลรอบข้างยกตัวสูงขึ้นจนเท่าห้องโดยสาร เนื่องจากไคลน์ไม่มีเวลาจำแนกชนิดของยันต์ และยันต์ทุกชนิดก็ใช้คาถากระตุ้นแบบเดียวกัน การโจมตีหลากหลายประเภทจึงถาโถมใส่ลูเธอร์ไวล์อย่างพร้อมเพรียง ขณะเดียวกันก็เป็นการมอบผลลัพธ์เชิงบวกให้กับพลเรือเอกขุมนรก ไม่ว่าจะพรหายใจใต้น้ำ พรว่ายน้ำอิสระ พรการเหาะ พรการต่อต้านแรงลม และอีกมาก แต่ทั้งหมดคือสิ่งไร้ค่าในสถานการณ์ปัจจุบัน

ลูเธอร์ไวล์เปิดปากพร้อมกับกรีดร้องโดยแทบไม่มีเสียงเล็ดลอด ทันใดนั้น คลื่นทะเลรอบข้างและใบมีดลมเฉือนจำนวนมาก ต่างพากันชะงักค้างกลางอากาศ

วินาทีถัดมา พลเรือเอกขุมนรกยกมือซ้าย แหวนสีดำทรงเหลี่ยมบนนิ้วชี้เริ่มส่องแสงแฝงความชั่วร้ายและดำมืด

ฟ้าว!

ประตูทองแดงที่อัดแน่นด้วยความรู้สึกยากอธิบาย พลันขยายขนาดขึ้นเป็นสองเท่า

ท่ามกลางเสียง ‘แอ๊ด’ บานประตูเริ่มเปิดกว้าง แรงดึงดูดที่มากมายอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งทวีความรุนแรงจนเหนือจินตนาการ

ไม่ว่าจะใบมีดลมเฉือนสีฟ้า คลื่นยักษ์สีดำ หรือไคลน์ที่กำลังลอยกลางอากาศ ทั้งหมดถูกดูดเข้าหาบานประตูทองแดงอย่างพร้อมเพรียง โดยมีเถาวัลย์ประหลาดและท่อนแขนโชกเลือดกำลังอ้าแขนรอรับ

ขณะไคลน์เตรียมกระตุ้นดวงวิญญาณนักบวชแสงและใช้ ‘แสงศักดิ์สิทธิ์’ โจมตีใส่ประตูเพื่อสร้างจังหวะหลบหนี มันบังเอิญเหลือบไปเห็น ‘ครึ่งลูกไฟครึ่งคน’ กำลังเหาะมาจากอีกทิศทางหนึ่ง

ลูกไฟพุ่งด้วยความเร็วสูงกว่าปรกติเนื่องจากถูกอิทธิพลของประตูทองแดงดูดเข้าหา เพียงไม่นานก็โฉบผ่านไคลน์ กระแทกใส่ช่องว่างระหว่างบานประตู

บึ้ม!

เปลวไฟสาดกระเซ็นโปรยปรายคล้ายเม็ดฝน แต่ก็ทำได้เพียงโยกคลอนประตูทองแดงอย่างแผ่วเบา รวมไปถึงสีที่หม่นหมองลงเล็กน้อย

ไคลน์ไม่พลาดโอกาสทอง มันรีบดีดนิ้ว

ก้านไม้ขีดไฟที่พกมาในกระเป๋าเสื้อเริ่มลุกไหม้ เปลวเพลิงสีแดงเข้มคลอกร่างภายในเวลาอันสั้นและอันตรธานหายไป

กองไฟจุดใหม่ปรากฏขึ้นข้างประตูทองแดงโดยมีไคลน์กระโจนออกมา

ชายหนุ่มมองเห็นแอนเดอร์สัน·ฮู้ดกำลังลอยตัวกลางอากาศด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ในมือกำลังถือหอกเพลิงเล่มยาวสุกสว่างลุกโชน

ในที่สุด นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดก็มาช่วย แต่ดูเหมือนหมอนี่จะไม่ถนัดการเหาะสักเท่าไร…

เมื่อพลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ เงยหน้าขึ้นและพบฉากตรงหน้า เปลวไฟสีซีดบริเวณช่องดวงตาใต้หน้ากากเงินพลันวูบวาบอย่างเห็นได้ชัด

ไม่แปลกที่มันจะตกใจ เพราะคงไม่มีใครคาดคิดว่า บนอนาคตกาลจะมีบุคคลที่แข็งแกร่งระดับนายพลโจรสลัดอีกถึงสองคนนอกเหนือจากแคทลียา และทั้งหมดล้วนพกสมบัติวิเศษทรงพลังติดตัว

ในวินาทีนี้ ลูเธอร์ไวล์เลื่อนมือขึ้น กดลงบนใบหน้าและถอดหน้ากากเงินออกอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน

แสงสีซีดปริมาณเข้มข้นพลันพวยพุ่งจากใต้หน้ากาก แหวนสีดำทรงเหลี่ยมบนนิ้วชี้ซ้ายของลูเธอร์ไวล์เริ่มปกคลุมด้วยบรรยากาศเงียบงัน

ความเงียบดังกล่าวเริ่มหลั่งไหลไปทางบานประตูทองแดง ผลักจนประตูกระเด็นออกจากดาดฟ้าเรือและลอยไปในอากาศ

ประตูลวดลายลึกลับผสานเป็นหนึ่งกับความเงียบงันไร้ก้นบึ้ง ขนาดของมันขยายขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีความสูงไม่ต่ำกว่าสามสิบเมตร

บานประตูขนาดมหึมาตั้งเด่นตระหง่านเหนือผิวทะเล คล้ายกับอีกฝั่งเชื่อมต่อกับมิติลึกลับที่แตกต่างกับโลกปัจจุบัน

แอ๊ด~

บานประตูทองแดงเปิดออกอีกครั้ง ความมืดมิดอันยากจะบรรยาย พวยพุ่งออกมาจนท่วมดาดฟ้าหัวเรือทิวลิปดำ

ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์ไม่คิดผลีผลามโจมตีเข้าไป เพียงเลือกหยิบยันต์อย่างเยือกเย็นและใช้กับตัวเอง

สายลมรุนแรงพัดพาร่างชายหนุ่มออกจากน่านฟ้าเหนือหัวเรือทิวลิปดำ

คล้ายกับถูกความมืดมิดชักลาก เรือใบลำใหญ่เริ่มหันหัวไปยังทิศทางของบานประตูสูงหลายสิบเมตร ประหนึ่งเตรียมแล่นเข้าไปและโผล่ที่โลกอื่น

พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ ที่กำลังยืนบนหัวเรือ แหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้า ใบหน้าถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างสีซีดจางจนมิอาจเห็นเค้าโครงชัดเจน

สายตาของมันจดจ้องมาทางไคลน์เป็นคนแรก ก่อนจะเบือนไปทางแอนเดอร์สัน·ฮู้ด คล้ายกับพยายามจดจำใบหน้าของสองนักล่าให้ขึ้นใจ แต่มิได้พยายามโจมตีใส่ ราวกับถูกความมืดมิดโดยรอบยับยั้ง

แอนเดอร์สันผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขว้างหอกเพลิงในมือโดยปราศจากความลังเล

หอกไฟตรงดิ่งไปยังลูเธอร์ไวล์ทันที แต่เมื่อพุ่งเข้าสู่ขอบเขตความเงียบสงัด หอกทั้งเล่มกลับอันตรธานหายไปอย่างเงียบงัน

ลูเธอร์ไวล์คิดหนี? คิดเร็วทำเร็วมาก… ไคลน์ผงะเล็กน้อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านกหวีดทองแดงของอะซิกยังอยู่บนดาดฟ้าท้ายเรือทิวลิปดำ

เมื่อเห็นเรือใบขนาดมหึมาแล่นผ่านประตูทองแดงไปแล้วเกือบครึ่งลำ ใกล้เดินทางไปยังอีกโลกหนึ่งสำเร็จ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะยับยั้งได้ ไคลน์ตัดสินใจโยนไม้ไฟขีดขึ้นฟ้าพร้อมกับดีดนิ้ว

ณ ดาดฟ้าท้ายเรือที่ห่างออกไปราวห้าสิบเมตร นกหวีดทองแดงของอะซิกซึ่งเปลี่ยนมืออย่างต่อเนื่องเพราะถูกซอมบี้และโครงกระดูกยื้อยุดแย่งชิง พลันลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีแดงเข้มจากก้านไม้ขีดที่ผูกติดอยู่

ท่ามกลางเปลวเพลิง ไคลน์ปรากฏกายพร้อมกับใช้มือคว้านกหวีดทองแดง

นี่คือแผนการทวงคืนนกหวีดที่ถูกวางไว้ตั้งแต่ต้น!

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อป้องกันมิให้ไม้ขีดไฟหลุดออกโดยฝีมือเหล่าอันเดด มันยังเคลือบผิวของนกหวีดทองแดงไว้ด้วยน้ำมันสกัดจากสุริยัน!

ไคลน์ที่ถูกรายล้อมด้วยภูตผีและอันเดดจำนวนมาก ไม่มีเวลาแม้แต่จะเก็บนกหวีดทองแดงกลับเข้ากระเป๋า ต้องรีบดีดนิ้วทั้งอย่างนั้น

ทันใดนั้น ฝ่ามือโปร่งใส เน่าเปื่อย ขาวซีด กึ่งมายา พลันเหยียดออกมาจับคว้าชายหนุ่มไว้แน่น!

ขณะเดียวกัน ก้านไม้ขีดไฟที่ไคลน์โยนเตรียมไว้ก่อนจะมาโผล่ท้ายเรือ เริ่มลุกไหม้กลางอากาศ

ร่างกายชายหนุ่มโผล่ออกจากกองไฟดังกล่าวอย่างรวดเร็ว แต่ใบหน้าเริ่มกลายเป็นสีม่วงคล้ำ ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด

ไคลน์ที่ถูกสัมผัสโดยเงามืด วิญญาณอาฆาต และสัตว์วิญญาณอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงก้นบึ้งดวงวิญญาณ มิอาจควบคุมร่างกายได้ถนัด จนเสียหลักตกลงสู่ผืนทะเลสีทองอร่าม

เนื่องจากทิวลิปดำใกล้ผ่านประตูทองแดงเข้าไปเต็มลำ ผิวทะเลที่เคยเป็นดั่งปากประตูนรกจึงกลับสู่สภาวะปรกติ

หลังจากจมลงไปได้ไม่กี่เมตร ไคลน์เริ่มสำลักน้ำขมฝาดและได้สติกลับคืนมา

แค่ก… อย่างน้อยก็เตรียมตัวมาดี… ขณะความคิดแล่นผ่าน ชายหนุ่มพลันฉุกคิดถึงบางสิ่ง

ในเมื่อตนกำลังติดกระดุมข้อมือเมอร์ล็อค ก็ควรหายใจใต้น้ำได้อย่างอิสระไม่ต่ำกว่าสิบนาทีไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงสำลักน้ำ?

ไคลน์รีบก้มมองข้อมือ และพบว่ากระดุมข้อมือสีน้ำเงินหลุดหายไปโดยที่ตนไม่รู้ตัว

หายไปแล้ว… เป็นฝีมือของถุงมืออินธน์… เราอยู่บนทิวลิปดำตลอดเวลา… ไคลน์ตีแขนสองสามครั้งจนลอยตัวขึ้นมาบนผิวน้ำ ภาพแรกที่เห็นคือ เรือใบลำใหญ่กำลังแล่นหายเข้าไปในความมืดมิด บานประตูทองแดงขนาดมหึมากำลังปิดตัวลงอย่างเชื่องช้า

ด้วยสัญชาตญาณ ชายหนุ่มว่ายน้ำไปข้างหน้าสองสามเมตร ก่อนจะหยุดลงและหยิบยันต์สำหรับหายใจใต้น้ำออกมาใช้กับตัวเอง

แอนเดอร์สันที่กำลังลอยตัวกลางอากาศ รีบส่ายหน้าเมื่อได้เห็นฉากดังกล่าว

“บ้าบิ่นชะมัด… คิดจะไล่ล่าไปถึงไหนกัน!”

ทันใดนั้น มวลหมู่ดวงดาวจากอนาคตกาลเริ่มรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ ก่อนจะเรียงรายกลายเป็นสะพานดวงดาวยื่นยาวออกมายังสองหนุ่ม

ในที่สุด พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา ก็กำจัดสัตว์ประหลาดที่ทนทายาดตัวนั้นสำเร็จ!

น่าเสียดาย ถ้าพลเรือเอกขุมนรกมีความลังเลสักนิดและไม่รีบเผ่นหนีไปก่อนล่ะก็… แอนเดอร์สันถอนหายใจแผ่วพลางร่อนลงบนสะพานดวงดาวอย่างมั่นคง

ขณะเตรียมกล่าวคำชมเชยพอเป็นพิธีกับเกอร์มันสแปร์โรว์ที่กำลังเหาะตรงมา มันบังเอิญเหลือบเห็นแววตาอันเย็นชาและไร้อารมณ์ของอีกฝ่าย

แอนเดอร์สันล้มเลิกความคิด เพียงหัวเราะแห้งสองหน ปล่อยให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินผ่านไป

เมื่อกลับมาถึงอนาคตกาลด้วยสะพานดวงดาว ไคลน์ฝืนเก็บงำอารมณ์ทั้งหมด ขณะเดียวกันก็หันไปเห็นแฟรงค์·ลีเดินเข้ามาทักทายพร้อมกับยกนิ้วให้

“ในชีวิตนี้ ฉันไม่เคยเห็นใครบ้าบิ่นเท่านายมาก่อน! กล้าขึ้นไปเหยียบทิวลิปดำและดวลกับพลเรือเอกขุมนรกตัวต่อตัว! แถมยังรอดชีวิตกลับมาได้!”

ขอโทษด้วยสหาย… แต่ถ้าจะวัดกันเรื่องความบ้าบิ่น ฉันยังแพ้นายหลายขุม… ไคลน์ตอบในใจ

ขณะเดียวกัน โจรสลัดหลายคนที่มีเส้นผมยืดยาวหรือใบหน้ารกรุงรัง ต่างมองมาทางชายหนุ่มด้วยสีหน้าทึ่งแกมชื่นชม

ท่ามกลางบรรยากาศตรงหน้า ไคลน์หลับตาลงพร้อมกับตระหนักได้ว่า โอสถ ‘ผู้ไร้หน้า’ ถูกย่อยเสร็จสมบูรณ์ในวินาทีนี้แล้ว

……………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset