Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 658 : ห้าหมื่นห้าพันปอนด์

ราชันเร้นลับ 658 : ห้าหมื่นห้าพันปอนด์

ทิวลิปดำ… พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์… หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ … ไม่โชคร้ายไปหน่อยหรือ? ไคลน์ผู้กำลังลอยตัวกลางอากาศ มองเห็นเรือใบที่แล่นเข้ามาเป็นคนแรก มันอดไม่ได้ที่จะก้มมองแอนเดอร์สันผู้กำลังถือกริชสีดำสนิทพลางตรวจสอบอาการสัตว์ประหลาด

แอนเดอร์สันรีบแหงนมองตอบด้วยความสงสัย ขณะเดียวกันคอยระวังอันตรายจากก้อนเนื้อสีเทาดำที่อาจพุ่งโจมตีได้ทุกเมื่อ

“มองฉันด้วยสายตาแบบนี้… เกิดอะไรขึ้นอีก?”

ยังไม่ทันกล่าวจบ มันรีบหุบปากตามสัญชาตญาณเนื่องจากเหลือบไปเห็นบางสิ่ง ตามด้วยการกระโดดม้วนตัวอย่างคล่องแคล่ว หลบหลีกเศษเนื้อสีเทาดำที่แยกออกจากสัตว์ประหลาดซึ่งกำลังทำให้เล็บมือของตนงอกยาว เพียงไม่นานก็พาตัวเองไปถึงกราบเรืออีกฝั่ง

ขณะยืนยืดเส้นยืดสาย แอนเดอร์สันพลันผงะ

“พลเรือเอกขุมนรก…”

อีกฝ่ายมิใช่บุรุษจิตใจโอบอ้อมอารี หากแต่เป็นนายพลโจรสลัดเลือดเย็นที่ชื่นชอบการฆ่าฟัน ย่อมไม่มีความลังเลที่จะฉกฉวยผลประโยชน์ในยามที่ผู้อื่นกำลังเผชิญวิกฤติ!

หากประเมินแล้วว่า ตัวเองสามารถใช้สัตว์ประหลาดดุร้ายเป็นเครื่องมือในการสังหารพลเรือเอกดวงดาวและลูกเรือทุกคนของอนาคตกาล อีกทั้งยังจะได้กอบโกยสมบัติมหาศาล ลูเธอร์ไวล์ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไปแน่นอน!

ความซวยของเรามิได้ลดลงเลยสักนิด… เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นการฝากประจำและถอนเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว! แอนเดอร์สันหัวเราะไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก

ขณะเดียวกัน ข้อมูลหนึ่งแล่นผ่านความคิดไคลน์

พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ เฉพาะค่าหัวในโลเอ็นก็มากถึงห้าหมื่นห้าพันปอนด์!

ผู้สื่อวิญญาณสุดทรงพลัง เจ้าของค่าหัวอันดับหนึ่งจากบรรดาเจ็ดนายพลโจรสลัด!

บนทิวลิปดำ เรือธงของมัน มีโจรสลัดอยู่ไม่มากนัก งานพื้นฐานส่วนใหญ่ถูกจัดการโดยสิ่งมีชีวิตประเภทอันเดดและวิญญาณที่มันบงการ

ลูเธอร์ไวล์มักเอาชีวิตคนโดยปราศจากความปรานี แต่ใช่เพราะหลงใหลการฆ่า หากแต่เป็นความตั้งใจที่จะส่งดวงวิญญาณไปสู่ปรโลกเสียมากกว่า

มันมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับนิกายวิญญาณ โดยกล่าวกันว่า ลูเธอร์ไวล์ครอบครองแหวนที่เป็นมรดกตกทอดของ ‘เทพมรณา’ บรรพกาล!

ขณะไคลน์และแอนเดอร์สันจ้องไปยังทิวลิปดำ เข็มกลัดสีทองคำบนเสื้อคลุมแคทลียาเริ่มเปล่งแสงแดดอันบริสุทธิ์และเจิดจ้า

ณ ห้องกัปตัน ร่างอันพร่ามัวร่างตนหนึ่งเริ่มขยายขนาด

ร่างดังกล่าวแฝงกลิ่นอายความตายและความเงียบสงบอันน่าขนลุก แต่บรรยากาศรอบตัวกลับอบอุ่นคล้ายแสงแดด

นี่คือตัวตนอันผิดแผก วิญญาณอาฆาตที่เกิดจาก ‘น้ำมนต์สุริยันศักดิ์สิทธิ์’ !

มีทั้งความศักดิ์สิทธิ์และชั่วร้ายในตนเดียว!

‘วิญญาณอาฆาตสุริยัน’ เริ่มกางแขนบินด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง โอบกอดเศษเนื้อสีเทาดำ

เกิดเสียงไขมันละลายดัง ‘ฉ่า’ วิญญาณอาฆาตสุริยันและเศษเนื้อสีเทาดำเริ่มหักล้างกันและกันจนไม่มีร่องรอยใดหลงเหลืออยู่

ยิ่งสีม่วงในดวงตาของพลเรือเอกดวงดาวทวีความเข้มข้น เข็มกลัดสีทองก็ยิ่งสาดแสง เกิดเป็นวิญญาณอาฆาตสุริยันตนใหม่อย่างรวดเร็ว พุ่งตรงเข้าไปจัดการกับเศษเนื้อสีดำเทาที่พยายามบุกรุกอนาคตกาล

ขณะเดียวกัน ผู้ไร้เลือด ฮีธ·ดอลย์ ทำการปกป้องแฟรงค์ นีน่า และลูกเรือคนอื่นด้วยเทคนิคการ ‘เขมือบย่อย’ มันพยายามต่อกรกับสัตว์ประหลาดที่มีพลังชีวิตในระดับน่าทึ่งอย่างสุดฝีมือ

ทิวลิปดำมีความเร็วสูงกว่าที่ไคลน์คำนวณ เพียงไม่กี่วินาที เรือลำใหญ่ได้แล่นเข้าสู่ระยะอันตรายสำหรับอนาคตกาล

เรือใบสีดำที่มีแสงสีเขียวแซม เริ่มแล่นช้าลงและหยุดนิ่งที่ด้านข้าง คล้ายกับต้องการตรวจสอบสถานการณ์ให้แน่ชัด

ทันใดนั้น ไคลน์เหลือบเห็นดวงตาเกือบโปร่งใสปรากฏขึ้น ณ กึ่งกลางท้องฟ้าเหนืออนาคตกาล ด้วยรูม่านตาซีดเผือด ‘เนตร’ ดังกล่าวกำลังก้มมองลงมาโดยไม่กะพริบตา

นี่มัน… กล้องส่องทางไกลฉบับผู้สื่อวิญญาณ? แทบจะในพริบตา ไคลน์ชักปืนพกด้วยมือขวา ปากกระบอกเล็งไปยังดวงตาของสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณ

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มเริ่มเกิดความลังเล หากประเมินว่าตนคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยผู้บ้าบิ่นและอำมหิต การยิงดวงตาทิ้งคือทางเลือกที่สอดคล้องกับบุคลิกที่สุด แต่ในปัจจุบัน พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ ยังไม่แสดงท่าทีเป็นศัตรู บางที องค์กรลับเบื้องหลังแคทลียาอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้มันลังเล ด้วยเหตุผลข้างตน หากไคลน์ทำลาย ‘กล้องส่องทางไกล’ ส่งเดช สถานการณ์จะดำเนินไปถึงจุดที่มิอาจย้อนกลับ เป็นจุดที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยอันตราย!

ท่ามกลางความลังเลเพียงไม่กี่วินาที ดวงตามายาโปร่งใสพลันเลือนลับ ทิวลิปดำที่เคยอยู่ห่างออกไปไกล เริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้นทีละนิด

ด้านบนสุดมีโครงกระดูกสีขาวที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าหรือเสื้อหนัง กำลังก้มหน้าตั้งใจปรับใบเรืออย่างขยันขันแข็ง ส่วนด้านล่างเป็นกลุ่มซอมบี้ที่กำลังเดินลาดตระเวนพร้อมดาบยาวในมือ พวกมันกวาดตาซ้ายขวาด้วยเนตรเปลวไฟสีเขียว เงารางของภูตผีและสิ่งมีชีวิตพิสดารจำนวนมากบินโฉบไปมาเป็นระยะ บ้างบินเข้าไปในตัวเรือจนทำให้มีใบหน้าและคิ้วอันเลือนรางปรากฏอยู่ตามผนัง

จากที่ไคลน์เห็น มีเพียงบุคคลเดียวที่อาศัยอยู่บนทิวลิปดำ นั่นคือกัปตันเรือผู้กำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าและจ้องมายังอนาคตกาลอย่างเงียบงัน การแต่งกายดูคล้ายกับเพศชาย

กัปตันสวมหมวกทรงสามเหลี่ยมใบใหญ่ที่มีกะโหลกและขนนกสีขาวประดับ สวมเชิ้ตขาวลายลูกไม้และสวมโค้ทสีน้ำตาลทับ ดาบเรเพียร์เล่มบางห้อยลงจากเข็มขัดหนังวัวที่กำลังรัดติดเสื้อขาว

เค้าโครงใบหน้าถูกซ่อนอยู่หลังหน้ากากสีเงิน บริเวณช่องว่างตำแหน่งดวงตา จมูก และปาก มีเส้นลึกลับช่วยเน้นให้ดูน่าสะพรึงกลัว

ตรงตามภาพจำของพลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ ทุกประการ!

แล้วรองกัปตัน ผู้ช่วยกัปตัน ผู้ช่วยรองกัปตันไปไหน? ไคลน์ประหลาดใจเมื่อพบว่ามีเพียงบุคคลเดียวที่อยู่บนทิวลิปดำ แต่หลังจากนั้นก็คลายความกังวล

เฉกเช่นที่อนาคตกาลส่งผู้ช่วยรองกัปตัน ผู้บังคับการปืนใหญ่ และลูกเรือจำนวนมากไปประจำการยังเรือลำอื่นภายในกองเรือ เหลือไว้เพียงจำนวนต่ำสุดสำหรับการล่องน่านน้ำอันตราย พลเรือเอกขุมนรกก็คงไม่ปล่อยให้ลูกน้องแสน ‘เปราะบาง’ ของตนตามมาเช่นกัน เพราะเหนือสิ่งอื่นใด มันสามารถขับเคลื่อนเรือได้ด้วยกองทัพอันเดดและวิญญาณอยู่แล้ว

ในวินาทีนี้ ทิวลิปดำเริ่มหันกราบเรือฝั่งขวาใส่พร้อมกับเล็งปืนใหญ่หลายสิบกระบอก

เมื่อพลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ เลื่อนมือขึ้นมาจับหน้ากากเงิน เสียงระดมยิงสุดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นในพริบตา

กระสุนปืนใหญ่นัดแล้วนัดเล่า บ้างยิงไม่ถึง ลอยตกทะเลตรงหน้าจนเกิดเป็นคลื่นน้ำ บ้างพุ่งเลยออกไปไกลและตกลงที่ด้านหลัง

นี่คือการ ‘ยิงปรับเป้า’ !

เพียงไม่นาน ทิวลิปดำเริ่มกระหน่ำยิงระลอกที่สอง

ขณะไคลน์เตรียมกระตุ้นยุบพองหิวโหยและใช้พลัง ‘บิดเบือน’ ของบารอนแห่งการเน่าเปื่อยเพื่อเบี่ยงเบนให้กระสุนพลาดเป้า ชายหนุ่มบังเอิญเหลือบเห็นแอนเดอร์สัน·ฮู้ดยกมือขวาผลักไปข้างหน้า

อีกาเพลิงสีส้มแสดก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า ก่อนจะพุ่งออกไปทำลายกระสุนปืนใหญ่ทุกนัดอย่างแม่นยำ!

บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!

เปลวเพลิงลุกโชนเต็มน่านฟ้า เศษโลหะกระจัดกระจายคล้ายกับพลุดอกไม้ไฟหลายสิบนัด

คงต้องยอมรับว่า พลังของ ‘นักวางเพลิง’ มีประโยชน์อย่างมากในทะเล ไม่ต่างอะไรกับระบบต่อต้านขีปนาวุธแบบฉบับผู้วิเศษ… แต่ทั้งนี้ เป็นเพราะแอนเดอร์สัน นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด อยู่บนลำดับ 5 ของเส้นทาง หากเปลี่ยนเป็นเดนิส คงไม่มีทางทำลายกระสุนทุกนัดทิ้งในคราวเดียวแน่ ได้สักครึ่งหนึ่งก็นับว่าเก่งมากแล้ว… เฮ่อ… พลัง ‘ควบคุมไฟ’ ของเราจัดการได้แค่ทีละเป้าหมายเท่านั้น… ขณะไคลน์ถอนหายใจ ทิวลิปดำหยุดการระดมยิงพร้อมกับเร่งความเร็ว ย่นระยะเข้าหาอนาคตกาลอย่างรวดเร็ว

เมื่อขยับเข้าใกล้ แสงแดดสีทองบนผิวน้ำพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท มิได้ดำเช่นหมึก หากแต่คล้ายกับค่ำคืนอันมืดมิดที่ปราศจากแสงดาวและดวงจันทร์

ท่ามกลางผิวน้ำสีดำตรงหน้า สิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงซึ่งมีร่างกายโปร่งแสงกึ่งมายาค่อย ๆ ทยอยคืบคลานออกมา รวมไปถึงซากศพสีซีดที่พยายามเหยียดท่อนแขนเน่าเปื่อย และเปลวเพลิงสีแดงเข้มหรือไม่ก็เย็นยะเยือก ที่ก่อตัวกันเป็นดวงตาเปลวเพลิง

ทันใดนั้น ราวกับผืนทะเลดังกล่าวแปรเปลี่ยนเป็นประตูนรก ฝูงอันเดดจำนวนมหาศาลตะเกียกตะกายขึ้นจากผิวทะเล เช่นเดียวกันกับน้ำทะเลที่พุ่งกระเซ็นอย่างเกรี้ยวกราด

แอนเดอร์สันมองกลับไปยัง ‘วิญญาณอาฆาตสุริยัน’ ที่กำลังสลายตัวเพราะเศษเนื้อสีเทาดำ เมื่อพบว่าพลเรือเอกดวงดาวกำลังประสบความยากลำบากในการรับมือสัตว์ประหลาดทรงพลัง นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดพลันซี้ดปาก เงยหน้ายิ้มขื่นขมให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังลอยตัวกลางอากาศ

ขณะเตรียมวางมือลงบนกราบเรือเพื่อยิงเปลวไฟสีแดงเข้มออกไป หมายสกัดกั้นการรุกรานของกองทัพอันเดด แอนเดอร์สันพลันตะลึงเมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์หันหลังกลับและรีบเหาะไปยังห้องพักส่วนตัว

คิดจะหนีหรือไง…? บ้าน่า… สีหน้าแอนเดอร์สันเริ่มหม่นหมอง

ก่อนจะกลับมายิ้มแห้งและโน้มตัวไปข้างหน้า วางมือกดลงบนกราบเรือ

โดยแทบไม่มีเสียง เปลวไฟสีแดงเข้มปรากฏขึ้นจากอากาศอันว่างเปล่าและเริ่มกระจายตัวออกไปทางด้านหน้า

ทันใดนั้น ยันต์โลหะแผ่นหนึ่งตกลงตรงหน้าแอนเดอร์สัน พร้อมกับเสียงคาถาเฮอร์มิสโบราณดังแว่ว

“พายุ!”

หือ…? แอนเดอร์สันแหงนหน้ามองตามสัญชาตญาณ ได้เห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้สวมเสื้อเชิ้ตคอกลมและแจ็คเก็ตน้ำตาล ถูกสายลมพัดพาลอยไปยัง ‘ทิวลิปดำ’ อย่างรวดเร็ว

ม…หมอนั่นคิดจะฆ่าตัวตายรึไง! เราไม่เข้าใจความบ้าบิ่นระดับนี้เลยสักนิด… แอนเดอร์สันอ้าปากค้างครึ่งหนึ่ง สีหน้าเผยความสับสนชัดเจน

ฟ้าว!

อาศัยพลังจากยันต์ ไคลน์ถูกแรงลมส่งลอยไปถึงทิวลิปดำ

พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์เงยหน้ามอง เปลวเพลิงสีซีดสองดวงกำลังลุกโชนอย่างเงียบงันภายใต้หน้ากากเงิน

เหล่าภูตผี เงาดำ และวิญญาณบนทิวลิปดำที่อยู่ในขอบเขตอำนาจเส้นทางมรณา ต่างกรูเข้ามารุมโจมตีใส่ศัตรูแปลกหน้าทันที

บ้างอ้าปากส่งเสียงหวีดร้องแผ่วเบา บ้างแลบลิ้นเรียวยาวที่มีใบหน้าเล็กๆ ฝังอยู่ ดูคล้ายกับกำลังตื่นเต้นยินดี

ไคลน์จ้องพวกมันด้วยสีหน้าเรียบเฉย มือซ้ายซุกกระเป๋าเพื่อปลด ‘กำแพงวิญญาณ’ ที่ห่อหุ้มรอบกล่องเหล็กสี่เหลี่ยม

จากนั้น มันโยนนกหวีดทองแดงอะซิกที่ผูกกับไม้ขีดไฟสามก้าน ลงไปยังดาดฟ้าด้านหลังทิวลิปดำ

เพียงพริบตา เหล่าเงาดำและวิญญาณซึ่งมีร่างกายโปร่งใสและเย็นยะเยือก พากันชะงักงันคล้ายกับหนอนแมลงที่ถูกแช่แข็ง

ทันใดนั้น พวกมันหันหลังกลับโดยปราศจากความลังเล รีบพุ่งตัวไปยังดาดฟ้าท้ายเรือทิวลิปดำด้วยความเร็วสูงสุด สัตว์วิญญาณลึกลับชนิดอื่นต่างก็พุ่งตามไปไม่ห่าง

ไม่ถึงหนึ่งวินาทีถัดมา แม้กระทั่งโครงกระดูกและซอมบี้ที่คอยควบคุมเรือและเล็งปืนใหญ่ ต่างก็ทอดทิ้งพลเรือเอกขุมนรกและปรี่ไปยังดาดฟ้าท้ายเรือ ส่งผลให้ดาดฟ้าหัวเรือว่างเปล่า เหลือเพียงลูเธอร์ไวล์ยืนอยู่ตามลำพัง

กึก!

ไคลน์ร่อนลงบนดาดฟ้าในท่ากดหมวก เผชิญหน้ากับลูเธอร์ไวล์

ชายหนุ่มโน้มตัวไปหน้าเล็กน้อยพลางปล่อยมือขวาข้างที่กดหมวก ประสานสายตากับพลเรือเอกขุมนรกผู้กำลังสวมหน้ากากสีเงิน

…………………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset