Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 656 : การกลายพันธุ์อันบ้าคลั่ง

ราชันเร้นลับ 656 : การกลายพันธุ์อันบ้าคลั่ง

มีใครบางคนเปิดประตูที่อยู่ลึกเข้าไปในห้องโถงจิตรกรรมฝาผนังและเดินออกมา? ผู้คลุ้มคลั่งหรือสัตว์วิเศษในละแวกใกล้เคียง? แถมยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในความฝัน? หลังจากฟังเรื่องราวของแอนเดอร์สัน·ฮู้ด ไคลน์พยายามวิเคราะห์หาต้นตอ

ท่ามกลางกระแสความคิด ชายหนุ่มผุดทฤษฎีใหม่

อาจเป็นเจ้าของดวงตาลึกลับที่เคยจ้องเราบนดาดฟ้าเรือ…

เป็นไปได้… หากบุคคลลึกลับดังกล่าวซ่อนตัวอยู่บนเรือเพื่อตามเราเข้ามาในท้องทะเลพิเศษแห่งนี้ ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนอนในยามกลางคืนและโผล่ตัวบนโลกความฝัน… มาดามเฮอร์มิทมิอาจตระหนักถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย หรือรู้แต่ยังอนุญาตให้ทำ? หรือนี่คือหนึ่งในไพ่ตายของเธอ และเป็นเหตุผลที่เธอกล้ารับงานโดยไม่เกรงกลัวอันตราย? ไม่สิ อย่าเพิ่งด่วนสรุป อย่างน้อยก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า บุคคลที่เปิดประตูในส่วนลึกของโถงจิตรกรรม เป็นคนเดียวกับเจ้าของดวงตาลึกลับบนอนาคตกาล… ไคลน์จ้องแอนเดอร์สันด้วยสายตาซับซ้อน ต่อด้วยซักถาม

“แล้วทำไมถึงคิดว่าไม่ใช่คนบนเรือ”

จากคำบอกเล่าของแอนเดอร์สัน·ฮู้ด มันเคยเชื่อว่านั่นคงเป็นเสียงฝีเท้าของใครสักคนบนอนาคตกาล แต่ภายหลังเกิดเปลี่ยนใจ

แอนเดอร์สันตอบพลางยิ้ม

“บนโลกความฝัน ฉันแวะไปหาทุกคนบนเรือและยืนยันจนแน่ใจว่า ไม่มีใครสามารถขยับตัวได้อย่างอิสระ ยกเว้นนายคนเดียว”

“เสียใจด้วย แต่ตอนนั้นฉันกำลังผลักประตูออกไปข้างนอก” ไคลน์ตอบเยือกเย็น

แอนเดอร์สันยักไหล่

“ฉันรู้ และมิได้สงสัยว่าเป็นนาย ท้องทะเลแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายอยู่แล้ว มีสัตว์ประหลาดเหนือจินตนาการซ่อนอยู่มากมาย บางที คนที่เปิดประตูอาจเป็นเจ้ายักษ์ศิลานั่น หรือไม่ก็มังกรเน่าเปื่อยสักตนที่กำลังฝันถึงกองสมบัติมหาศาล”

กล่าวถึงตรงนี้ แอนเดอร์สันเอนตัวพิงกราบเรือและมองออกไปยังท้องทะเลด้านนอกที่กำลังถูกฉาบด้วยแสงสีทองเรืองรอง มันเผยรอยยิ้ม

“ฉันค้นพบว่า หลังจากรอดชีวิตจากเหตุการณ์เรืออับปางเพราะพายุ ความโชคร้ายก็เริ่มลดลงทีละนิด ฮะฮะ! อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่า ฉันจะไม่ซวยบัดซบไปตลอดชีวิต… เห็นได้ชัดจากการที่ฉันว่ายน้ำขึ้นไปบนเกาะสำเร็จ ถึงจะประสบโชคร้ายหลังจากนั้นอีกเล็กน้อย แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดมาจนกระทั่งพบนายได้… ถึงจะดึงดูดให้สัตว์ร้ายเข้ามาหา เช่นยักษ์ศิลาตัวนั้น แต่พวกเราก็ร่วมมือกันจัดการได้ในพริบตา… และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันอยู่บนเรือลำนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว แต่กลับยังไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น จึงน่าจะอนุมานได้ว่า…”

ก่อนที่แอนเดอร์สันจะกล่าวจบ ไคลน์พูดแทรกเสียงเข้ม

“หุบปาก!”

ถ้าไม่ถูกชกสักหมัด หมอนี่จะไม่พูดให้น้อยลงหรือไง? ลองดูสักทีดีไหม? หากไม่ใช่เพราะเราเคยทำนายยืนยันบนมิติหมอกแล้วว่า แอนเดอร์สันไม่มีพิษภัยหรือถูกสิ่งใดครอบงำ ป่านนี้คงจับมันโยนก้นทะเลไปนานแล้ว… นั่นสินะ ลำดับ 8 แห่งเส้นทาง ‘นักล่า’ คือ ‘นักยั่วยุ’ ด้วยสันดานของหมอนี่ การย่อยโอสถในพริบตาคงไม่ใช่เรื่องยาก… ด้วยความสัตย์จริง ไคลน์มองว่าระดับการ ‘ยั่วยุ’ ของแอนเดอร์สันเหนือกว่าเดนิสหลายเท่า

“ตกลง… ตกลง… ฉันจะเงียบแล้ว” แอนเดอร์สันยกสองมือขึ้นพลางเผยรอยยิ้มขื่นขมโดยมิได้แสดงความขุ่นเคือง

เมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเสียงเปิดประตูและฝีเท้าในโลกความฝัน ไคลน์ยืนครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องโดยสาร

ในวินาทีนี้ มันเพิ่งตระหนักได้ว่า ตนมองข้ามสิ่งสำคัญไปหนึ่งเรื่อง!

เมื่อแอนเดอร์สันผู้ถูกสาปให้โชคร้ายโดยสารมากับเรือ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงว่า อนาคตกาลอาจถูกโจมตีหรือเผชิญภัยพิบัติเหนือธรรมชาติได้ทุกเมื่อ! การเตรียมตัวรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญ!

กลับถึงห้อง ไคลน์หยิบนกหวีดทองแดงของอะซิกออกมาพร้อมกับนกกระเรียนกระดาษของวิล·อัสติน เดินเข้าห้องน้ำ ประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเองเพื่อนำถุงมือ ‘อินธน์’ เข็มกลัดสุริยันและตะกอนพลัง ‘ฝันร้าย’ ออกจากมิติหมอกเทามายังโลกความจริง

มันมิได้สวมใส่อุปกรณ์เหล่านั้นทันที เพียงเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางร่วมกับขวดพิษชีวภาพ

ด้วยการเตรียมพร้อมระดับนี้ ถึงจะมีอันตรายเกิดขึ้นกะทันหัน แต่ก็ยังพอมีเวลาปรับแต่ง ‘ชุดศึก’ ให้เหมาะสมสถานการณ์

หลังจากจัดการเสร็จ ไคลน์ที่เริ่มบรรเทาความตึงเครียด เก็บข้าวของและเดินออกไปยังดาดฟ้าเรืออีกครั้ง ด้วยความกังวลว่าตนอาจพลาดเบาะแสสำคัญของนางเงือกไป

ในวินาทีที่ก้าวขาออกจากห้องโดยสาร ชายหนุ่มเห็นแฟรงค์·ลีนั่งยองอยู่ด้านข้าง สีหน้าเจือความตกตะลึงและเสียขวัญ

“เกิดอะไรขึ้น” หัวใจไคลน์แทบหยุดเต้น

มันเริ่มกังวลว่า การทดลองข้ามสายพันธุ์สุดพิสดารของแฟรค์อาจล้มเหลวและกำลังจะสร้างความฉิบหายขึ้นบนเรือ ส่งผลให้สมาชิกอนาคตกาลทุกคนต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางหายนะทางระบบนิเวศ

แฟรงค์ส่ายหน้าอย่างเหม่อลอย

“ฉันเคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ให้นายฟังแล้วใช่ไหม… พวกเด็ก ๆ ต้องนอนหลับสักพักถึงจะเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้… และในตอนนี้…”

“ในตอนนี้ทำไม?” ใบหน้าไคลน์เริ่มดำมืด

บทสนทนาดังกล่าวทำให้นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด แอนเดอร์สัน·ฮู้ด ผู้กำลังโอ้อวดกับลูกเรือคนอื่นว่าตนเคยล่าโจรสลัดไปมากเพียงใด พลันเปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะปลีกตัวเดินตรงมาทางไคลน์และแฟรงค์ด้วยความใคร่รู้

แฟรงค์ที่กำลังนั่งยอง เงยหน้าขึ้นและเล่าต่อ

“พวกเด็ก ๆ เพิ่งประสบความสำเร็จในการแพร่พันธุ์จำนวนมาก ปัจจุบันกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการปรับแต่งพันธุ์กรรมเป้าหมาย… น… นี่มันเหตุการณ์ระดับปาฏิหาริย์!”

“แล้วไงต่อ? พวกมันไปไหน? หรือยังอยู่ในท้องทดลองของนาย?” ไคลน์เริ่มสัมผัสถึงลางร้าย

แฟรงค์ใช้เวลาราวสองวินาทีเพื่อตกผลึกคำตอบ ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกระจุกขนดกหนาบนท่อนแขน

มันใช้มือเคาะพื้นดาดฟ้าตรงหน้า พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย

“พวกเด็ก ๆ ฝังตัวเองเข้าไปในนี้และพยายามปรับแต่งโครงสร้างของอนาคตกาลเสียใหม่…”

ท่ามกลางเสียงเคาะทื่อ ๆ หยดน้ำนมพลันพุ่งออกจากแผ่นไม้ดาดฟ้าเรือ สาดกระเซ็นจนเต็มใบหน้าแฟรงค์·ลี

มันเลียของเหลวข้างริมฝีปาก พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเจืออารมณ์ตื่นเต้น

“อนาคตกาล… อนาคตกาลผลิตน้ำนมได้แล้ว!”

ขณะเดียวกัน โจรสลัดที่กราบเรือต่างชี้ลงไปยังตำแหน่งของปืนใหญ่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ปากกระบอก… ปากกระบอกปืนใหญ่พ่นน้ำนมได้!”

นี่มัน… ไม่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์เลยสักนิด… ไคลน์เกือบหลุดกระตุกมุมปาก

นับตั้งแต่เริ่มโดยสารอนาคตกาล นับตั้งแต่เรือแล่นมาถึงหุบเหวและเผชิญการร่วงหล่นอย่างรุนแรง หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นโดยไม่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งศาสตร์เร้นลับในขอบเขตที่ตนเคยศึกษา!

แอนเดอร์สันเฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าตกตะลึง ถึงขั้นลืมซักถามความเป็นไป ทำเพียงกระทืบเท้าตามสัญชาตญาณเมื่อเห็นน้ำพุนมพวยพุ่งขึ้นมาจากบริเวณอื่น

กระแสความคิดมากมายแล่นเข้ามาในสมองไคลน์ ช่วยให้มันเริ่มเข้าใจถึงปัญหา

ชายหนุ่มมองไปทางแฟรงค์ ถามเสียงทุ้มลึก

“หลังจากสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ของนายฝังตัวลงในอนาคตกาล พวกมันสามารถแพร่ไปสู่คนได้ไหม”

ขณะตั้งคำถาม ไคลน์สอดมือขวาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หลังจากประเมินสถานการณ์ตรงหน้า มันเลือกหยิบ ‘ยันต์ลอยตัว’ เพื่อเตรียมบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เหตุเพราะไม่ต้องการอยู่ในเขตแพร่เชื้อ

แฟรงค์ไตร่ตรองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ในทางทฤษฎีก็ใช่…”

ยังไม่ทันกล่าวจบ คนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับตะบันแข้งใส่แฟรงค์จนตีลังกาหลายตลบและนอนแผ่ลงบนแอ่งน้ำนม

ผู้มาเยือนสวมเชิ้ตผ้าลินิน ไม่ใช่ใครนอกจากนีน่าในแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเข้ม

หญิงสาวจ้องแฟรงค์·ลีที่กำลังนอนแผ่บนดาดฟ้า ปากตะโกนด่าทอโดยไม่รักษาน้ำใจ

“แล้วทำไมถึงไม่รีบจัดการกับพวกเด็กเวรตะไลของนายสักที! ตอนสร้างขึ้นมา นายแอบคิดว่าหน้าอกของฉันยังใหญ่ไม่พอใช่ไหม!”

“ข…เข้าใจแล้ว” แฟรงค์·ลีลูบก้นพลางกล่าวอย่างไม่เต็มใจ

ขณะเดียวกัน ไคลน์ที่ดึงยันต์ออกมาแล้ว ทำการเปล่งเสียง

“วายุ!”

มันเชื่อว่า ตนไม่ควรล้อเล่นกับฝีมือในการก่อหายนะของแฟรงค์·ลี อันตรายที่จะเกิดตามมาคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแน่ จึงตัดสินใจลอยขึ้นฟ้าเพื่อตัดขาดจากปัญหา

เปลวเพลิงสีฟ้าลุกท่วมยันต์ดีบุกสีขาว ก่อเกิดเป็นสายลมกระโชกรุนแรง หมุนวนรอบฝ่าเท้าไคลน์พร้อมกับส่งร่างกายชายหนุ่มลอยขึ้นจากพื้นดาดฟ้า และหยุดค้างกลางอากาศในระยะสี่ถึงห้าเมตร

แอนเดอร์สันสะดุ้งเล็กน้อยในตอนแรก ก่อนจะรีบเหยียดแขนโดยหวังคว้าขาไคลน์ แต่การตอบสนองอันเชื่องช้าทำให้ความพยายามล้มเหลว จึงทำได้เพียงแหงนมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์ลอยขึ้นไป ขณะที่ตัวเองยังอยู่ในจุดเดิม

นักล่าผู้มีหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลา ส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง ภายในใจนึกตลกขบขัน แต่อีกใจก็หนึ่งอยากฉีกร่างของ ‘รองกัปตัน’ อนาคตกาลให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ขณะเดียวกัน แฟรงค์เปิดผาขวดแก้วที่บรรจุผงสีเขียวเข้ม หยิบผงออกมาราวหนึ่งกำมือ และท่องคาถาพลางโปรยลงพื้น

ในวินาทีที่ผงเขียวสัมผัสดาดฟ้า เถาวัลย์เขียวขุ่นพลันเจริญเติบโตด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง เพียงพริบตาก็สามารถดูดซับน้ำนมและ ‘สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ’ เข้าไปในราก จากนั้นก็กระจายตัวออกไปปกคลุมดาดฟ้าและห้องโดยสารจนทั่ว

ผ่านไปราวสิบวินาที อนาคตกาลแปรสภาพกลายเป็นผืนป่าเถาวัลย์เขียว

“ฟู่ว… แก้ไขเรียบร้อยแล้ว” แฟรงค์หันไปยิ้มให้นีน่าเล็กน้อย ก่อนจะเผยความตกตะลึงสุดขีด “เดี๋ยว! พ…พวกเขากลายพันธุ์!”

ทันใดนั้นเอง โจรสลัดคนหนึ่งเดินตรงมาอย่างโซซัดโซเซและตะโกนด้วยความหวาดกลัว

“ต…แตงโม! มีแตงโมงอกบนหัวฉัน!”

ไคลน์มองตามต้นเสียงและเห็นเส้นผมของโจรสลัดเริ่มแปรสภาพกลายเป็นเถาวัลย์ โดยเส้นหนึ่งมีผลแตงโมกำลังเบ่งบานคล้ายใกล้สุกเต็มที

“นี่น่ะหรือการกลายพันธุ์… สยองสิ้นดี!” แอนเดอร์สันโพล่งขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ

ทันใดนั้น มันเบือนสายตาออกและกล่าวเสียงขรึม

“มีบางอย่างผิดปรกติบนทะเลแถบนี้!”

ไคลน์บนท้องฟ้าเองก็กำลังคิดในสิ่งเดียวกัน

หากไม่ถูกรบกวนจากอิทธิพลภายนอก ลำพังวัตถุดิบทดลองและพลังของแฟรงค์·ลี ยังไม่มากพอจะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ระดับนี้ได้!

แคว่ก!

เถาวัลย์ต้นหนึ่งถูกฉีกขาด หน้าต่างห้องกัปตันเปิดออก

พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา โผล่หน้าพร้อมกับเปล่งเสียงที่ขยายด้วยเวทมนตร์

“แฟรงค์! หยุดการกระทำของนายทั้งหมด! ทะเลแถบนี้อาจมีเศษเสี้ยวออร่าของพระแม่ธรณีหลงเหลืออยู่”

พระแม่ธรณี? ไคลน์หันไปจ้องมาดามเฮอร์มิทด้วยสีหน้าฉงน ภายในใจกำลังคิดว่า ทฤษฎีเกี่ยวกับท้องทะเลที่ตนเคยวิเคราะห์ไว้ อาจพลิกผันจากหน้าเป็นหลังมือ!

“ส… สรรเสริญองค์พระมารดาผู้โอบอ้อม!” แฟรงค์กอดอก ทำท่าทางคล้ายกับอุ้มทารก

จากนั้น มันโน้มตัวลงไปจุมพิตเถาวัลย์สีเขียวขุ่นอย่างนอบน้อม

พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา เฝ้ามองฉากตรงหน้าอย่างเงียบงัน รอบกายเริ่มผุดดวงดาวพราวพรายจนอนาคตกาลทั้งลำสว่างไสวยิ่งกว่าเดิม

หญิงสาวตวัดนิ้วแผ่วเบา ปล่อยบอลแสงสีใสตกลงบนเถาวัลย์ข้างหน้าต่างห้องกัปตัน

เถาวัลย์พลันลุกโชนด้วยเปลวเพลิง แปรสภาพกลายเป็นขี้เถ้าอย่างเงียบงัน

เปลวไฟไร้สีเริ่มลุกลามโดยปราศจากสุ้มเสียง กระจายตัวแผดเผาเป็นวงกว้าง แต่มิได้ทำอันตรายต่อลูกเรือ และไม่มีจุดใดบนอนาคตกาลได้รับความเสียหาย เนื่องจากแสงสว่างของดวงดาวช่วยปกป้องมิให้ถูกเผาไหม้

ถัดมาไม่นาน ป่าเถาวัลย์ถูกขจัดโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงผลแตงโมที่เคยงอกเหนือศีรษะโจรสลัดตกอยู่บนพื้น ส่วนเถาวัลย์ที่เคยเชื่อมติดกันได้มอดไหม้ไปจนหมด

“ฟู่ว… นี่มันเหมือนกับ… วันสิ้นโลก!” โจรสลัดคนเดิมก้าวไปด้านหน้าเล็กน้อย ก้มหยิบผลแตงโมที่เคยงอกบนศีรษะของตน

“อย่าบีบ!” ขณะคำเตือนของพลเรือเอกดวงดาวดังกึกก้อง โจรสลัดออกแรงบีบผลแตงโมโดยมิได้ตระหนักถึงอันตราย ส่วนหนึ่งทำไปเพราะโมโห อีกส่วนหนึ่งเพราะความอยากรู้อยากเห็น

แตงโมถูกบีบจนแบ่งครึ่งซีก ด้านในมี ‘เนื้อสมอง’ สีขาวขุ่นและเมือกเหลว ผสมผสานกับเลือดสีแดงสดจำนวนมาก

ผลุบ! โจรสลัดคนดังกล่าวเสียชีวิตคาที่ ไม่เหลือที่ว่างสำหรับการยื้อชีวิต ตะกอนพลังในร่างกายเริ่มควบแน่นกลายเป็นของแข็งด้วยความเร็วสูง

ทั้งบ้าคลั่งและน่าสยดสยอง… ไคลน์ถอนหายใจแผ่ว เตรียมร่อนกลับลงไปบนดาดฟ้าเรือ

ทันใดนั้น มันเหลือบเห็นฝ่ามือขนาดมหึมาโผล่ออกจากผิวทะเลด้านข้างอนาคตกาล

นิ้วทั้งห้าของฝ่ามือเหยียดยาวผิดปรกติ ราวครึ่งเมตรเห็นจะได้ ทุกส่วนของฝ่ามือมีสีเทาดำคล้ายกับทุ่งกว้างอันรกร้างแห้งแล้ง

ไคลน์พึมพำในใจและอดไม่ได้ที่จะจ้องไปทางแอนเดอร์สัน·ฮู้ด

หมอนี่เพิ่งพูดออกมาว่า… ยังไม่เคยมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นนับตั้งแต่มันโดยสารมากับเรือ!

………………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset