Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 636 : “จอมเชือด”

ราชันเร้นลับ 636 : “จอมเชือด”

พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา ครุ่นคิดสักพักก่อนจะมอบคำตอบ

“สองทุ่มคืนนี้ ที่ท่าเรือหมายเลขหก”

ไม่เลว พร้อมเริ่มงานตลอดเวลา…

ไคลน์พยักหน้ารับ

“ตกลง”

เมื่อกล่าวจบ แสงจากลูกบอลคริสตัลเริ่มลดความสว่าง จนกระทั่งร่างในชุดคลุมสีดำทรงโบราณเลือนหายไปกับความมืด

ไคลน์หันหลังและเปิดประตู ถือลูกบอลคริสตัลที่กลายสภาพกลับไปเป็นลูกแก้วธรรมดาเดินออกจากห้อง

ชำเลืองหางตาเล็กน้อย ชายหนุ่มพบเจ้าของร้านที่กำลังยืนเอนหลังพิงกำแพงในสภาพเมามายสุดขีด จึงโยนลูกบอลคริสตัลไปหาอีกฝ่ายโดยไม่ประณีตบรรจง

เมื่อเห็นเจ้าของร้านรับไว้ได้อย่างทุลักทุเล มันเดินลงบันไดและออกจากร้านของชำด้วยย่างก้าวไม่เร่งรีบ

ด้านนอกผับระบำวาฬคลั่ง ไคลน์หยิบนาฬิกาพกสีทองออกมาเปิดฝาตรวจสอบ

ใกล้เที่ยงตรง ผับส่วนใหญ่เริ่มเปิดให้บริการ…

ไคลน์ขึ้นรถม้าเช่าและพูดกับคนขับเป็นภาษาฟุซัคว่า ‘ไปผับลาร์ดาล’ เป็นภาษาถิ่นซึ่งมีความหมายเดียวกับ ‘สนธยา’ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดรวมตัวของนักผจญภัยบนเกาะการ์กัส

สำหรับไคลน์ ข้อมูลข่าวสารคือสิ่งสำคัญในการดำรงชีพบนท้องทะเล เบาะแสเพียงเล็กน้อยที่ไม่สำคัญอาจช่วยให้มันเอาชีวิตรอดได้ในภายภาคหน้า ดังนั้น ถึงแม้จะไม่ชอบการเข้าผับสักเท่าไร แต่เพื่อความอยู่รอดก็จำเป็นต้องทำ ซึ่งวิธีการก็ไม่ซับซ้อนอะไรนัก เพียงสั่งเบียร์กลิ่นข้าวสาลีมานั่งดื่มในมุมหนึ่งของเคาน์เตอร์ คอยจับประเด็นสนทนาของนักผจญภัยรอบตัวโดยไม่ปล่อยให้ตกหล่น รอฟังเรื่องราวน่าสนใจและการผจญภัยทางท้องทะเล

นอกจากนั้น ไคลน์ยังต้องการทราบว่ารอย·คิงที่ถูกคุมขังอยู่ในบ้านพักนายกเทศมนตรีบายัมเมื่อสองเดือนก่อน ปัจจุบันถูกช่วยเหลือออกมาแล้วหรือยัง

วิล·อัสติน ‘อสรพิษปรอท’ มิได้เข้าฝันชายหนุ่มนานแล้ว และ ‘สภาแห่งชะตา’ ริคคาร์ดก็มิได้ส่งข่าวผ่านทางผู้ส่งสารถึงไคลน์ เพื่อแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับสมบัติวิเศษที่เน้นพลังโจมตีเป็นหลัก

ยี่สิบนาทีถัดมา รถม้าหยุดลงหน้าป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนเป็นภาษาฟุซัคว่า ‘ลาร์ดาล’

ไคลน์มองเห็นผับปลายทางอยู่ตรงหน้า

มันหยิบธนบัตรสองซูลจ่ายให้กับคนขับตามความเคยชินซูลจ่ายให้กับคนขับตามความเคยชิน

แต่เมื่อเห็นคนขับรถม้าเผยสีหน้าแปลกประหลาด ชายหนุ่มเริ่มฉุกคิดได้ว่า :

ที่นี่เป็นต่างประเทศ เป็นอาณานิคมของจักรวรรดิฟุซัค พวกมันมีเงินตราเป็นของตัวเอง!

หน่วยเล็กสุดคือ ‘โควเพ็ก’ ถัดมาคือ ‘เงินฟุ’ และ ‘เหรียญทองโฮร์น’ โดยอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยจะเป็นแบบหนึ่งต่อสิบเสมอ ส่งผลให้คิดคำนวณได้ง่ายกว่าสกุลเงินของโลเอ็นที่ค่อนข้างซับซ้อน

ดันลืมแลกเปลี่ยนเป็นเงินโควเพ็กกับเงินฟุ… ของเก่าใช้หมดไปกับค่าที่พักและอาหารแล้ว…

ขณะไคลน์กำลังมองหาธนาคารเพื่อทำการแลกเปลี่ยน คนขับรถม้ารีบหยิบธนบัตรหนึ่งซูลจำนวนสองใบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ตรวจนับอย่างตั้งใจหลายรอบก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

“ขอบคุณมาก! ขอบคุณสำหรับน้ำใจ!”

หือ… หมายความว่าสกุลเงินทองปอนด์ ซูล และเพนนียังมีค่าที่นี่? เป็นไปได้ เกาะการ์กัสอยู่ไม่ห่างจากเกาะทอสคาร์เตอร์กับโอลาวีมากนัก คงมีการแลกเปลี่ยนสินค้าอย่างต่อเนื่อง และคงมีนักผจญภัยชาวโลเอ็นที่ต้องการชมทัศนียภาพของทะเลวาฬขาวเดินทางแวะเวียนเข้ามา สกุลเงินของโลเอ็นจึงหมุนเวียนภายในเมืองนาสด้วย…

ดูเหมือนว่า ระบบเศรษฐกิจของโลเอ็นจะแข็งแกร่งกว่าฟุซัคมาก อาจมากกว่าที่เราคิดไว้ในตอนแรก ส่งผลให้ทองปอนด์แข็งค่ากว่าสกุลทองโฮร์นพอสมควร…

เดี๋ยวก่อน…

ขณะเตรียมเดินเข้าผับลาร์ดาล ไคลน์ฉุกคิดถึงความผิดปรกติเกี่ยวกับสีหน้าอันเบิกบานของคนขับเมื่อครู่

มันเพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อสายว่า ค่าเงินหนึ่งทองปอนด์จะเทียบเท่ากับ 5.5 ทองโฮร์น!

หรือก็คือสองซูลเท่ากับ 5.5 เงินฟุ!

สำหรับเมืองสีขาวแห่งนี้ ค่าบริการรถม้าเช่าจะตกชั่วโมงละสี่เงินฟุ ถ้าไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจะถูกปัดขึ้นเป็นหนึ่งชั่วโมง

ถึงว่าทำไมคนขับรถม้าต้องแสดงท่าทางดีใจขนาดนั้น…

ไคลน์รีบหันหลังกลับไปมอง และพบว่ารถม้าคันดังกล่าวหายไปจากการมองเห็นเรียบร้อย

ฟู่ว…

ชายหนุ่มพ่นลมหายใจพร้อมกับใช้มือกดหมวกลง ส่วนมืออีกข้างผลักเปิดประตูหน้าของผับลาร์ดาลที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก

สำหรับโลกใบปัจจุบัน ผับใกล้กับท่าเรือและย่านโรงงานมักขายอาหารกลางวันและค่ำ ส่งผลให้ส่วนใหญ่เปิดบริการตั้งแต่ก่อนสิบเอ็ดโมง โดยในช่วงเวลาดังกล่าว เหล่านักผจญภัยที่ว่างจะมารวมตัวกันหน้าเคาน์เตอร์บาร์ สั่งเครื่องดื่มพร้อมกับอาหารจำพวกปลารมควัน ซุปน้ำมัน ขนมปัง และกินอย่างเอร็ดอร่อย

หือ… ดื่มแลงติร้อนแรงกับเนโพสกันตั้งแต่เที่ยงวันเลยหรือ… คิดจะไม่พักตับบ้างรึไง… เป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมของฟุซัคที่เราจะไม่ทำตามโดยเด็ดขาด…

ไคลน์พึมพำพลางเดินไปทางเคาน์เตอร์บาร์โดยปราศจากอารมณ์บนใบหน้า เลือกนั่งลงตรงมุมหนึ่งและทำการเคาะแผ่นไม้กระดาน

“ขนมปังปิ้งสองแผ่นพร้อมไส้กรอก เนื้อวาฬรมควันหนึ่งจาน ซุปผักข้นหนึ่งถ้วย และเบียร์เกราสหนึ่งแก้ว”

เบียร์เกราสได้รับความนิยมอย่างมากทางแถบชายฝั่งตะวันออกของฟุซัค เช่นเดียวกันกับบนเกาะโซเนียและหมู่เกาะการ์กัส

“หน้าใหม่?” บาร์เทนเดอร์เงยหน้ามองไคลน์ “สี่เงินฟุกับหกโควเพ็ก”

ถ้าไม่ดื่มเหล้าจะถือเป็นพวกหน้าใหม่?

ไคลน์มิได้ใส่ใจกับถ้อยคำไร้สาระของอีกฝ่ายมากนัก เพียงยื่นธนบัตรหนึ่งซูลไปสองใบ

ดังที่กล่าวไปข้างต้น มูลค่าของสองซูลเท่ากับ 5.5 เงินฟุ หรือเทียบเท่าห้าเงินฟุ กับอีกห้าโควเพ็ก

เมื่อพิจารณาจากอุปนิสัยส่วนตัวของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไคลน์ตัดสินใจไม่รอเงินทอนและถือว่านั่นคือทิป

เหนือสิ่งอื่นใด ด้วยปริมาณอาหารข้างต้น หากเป็นผับของกรุงเบ็คลันด์จะมีราคาตกประมาณสองซูลอยู่แล้ว

หลังจากได้รับทิปจำนวนหนึ่ง บาร์เทนเดอร์เลิกพล่ามและรีบรินเบียร์ให้หนึ่งแก้ว จากนั้นก็ดันมาวางด้านหน้าไคลน์

สีของเบียร์ชนิดนี้จะเข้มกว่าปรกติ แถมยังมีฟองมาก รสสัมผัสแรกที่เข้าปากคือความรู้สึกคล้ายลำคอถูกแผดเผา หากกลั้วไปสักพักจะเริ่มสัมผัสถึงรสหวานฉ่ำซึ่งกระตุ้นให้เกิดความกระหาย แต่ในทางกลับกัน ปริมาณแอลกอฮอล์กลับสูงจนไคลน์นึกสงสัยว่า ทางร้านแอบใส่เหล้าอย่างอื่นผสมไปด้วยหรือไม่

ขณะกำลังรออาหารเสิร์ฟ ไคลน์จิบเบียร์อย่างรื่นรมย์ คอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาของนักผจญภัยรอบตัว

เรื่องราวส่วนใหญ่จะหนีไม่พ้นทำนอง : ใครบางคนโชคดีถูกเงินหล่นทับ ใครบางคนถูกโจรสลัดฆ่าตาย ใครบางคนสังหารกัปตันโจรสลัดแต่ไม่นำค่าหัวไปขึ้นเงิน เลือกจะกลายเป็นกัปตันโจรสลัดคนใหม่ด้วยลูกเรือของเหยื่อ ใครบางคนที่แอบมีลูกลับๆ กับหญิงชาวนาส ใครบางคนที่มีลีลาบนเตียงห่วงแตกจนโสเภณีในช่องแอบนินทาลับหลัง

ขณะซุปผักข้นสูตรพิเศษของการ์กัสซึ่งทำจากหัวผักกาด หอมใหญ่ กะหล่ำปลี แคร์รอต ปลา และครีมถูกยกมาวางตรงหน้า ไคลน์เริ่มได้ยินบทสนทนาที่น่าสนใจ

นักผจญภัยคนหนึ่งหรี่เสียงพูดกับเพื่อนในวงเหล้าของตนว่า :

“พวกนายได้ยินข่าวใหม่รึยัง? ถัดไปทางตะวันออกของการ์กัส ใต้ทะเลที่นั่นมีมรดกของยุคสมัยที่สี่ซ่อนอยู่!”

“ไม่จริงน่า ใครเป็นคนพบ?” พวกพ้องซักถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเจือความอยากรู้อยากเห็น

นักผจญภัยกวาดตามองรอบตัวและเล่าออกไปตามธรรมชาติ

“แกเร็ธเป็นคนไปเจอมา! พวกนายคงรู้อยู่แล้วว่าเจ้านั่นเป็นนักเดินเรือที่ดำน้ำได้เก่งกาจ ในวันหนึ่งขณะแกเร็ธกำลังเมาหัวราน้ำ ลมพายุได้พัดมันตกจากเรือและจมลงก้นทะเลลึก ช่วยให้เจ้านั่นพบกับซากอาคารที่สร้างจากโลหะเข้าโดยบังเอิญ! เป็นอาคารโลหะซึ่งเกิดจากฝีมือของมนุษย์ไม่ผิดแน่!”

“แล้วยังไงต่อ” พวกพ้องซักถาม

นักผจญภัยหัวเราะในลำคอ

“แกเร็ธตัดสินใจดำสำรวจซากอาคารดังกล่าวจนพบบ่อน้ำร้างขนาดใหญ่ที่ก้นทะเล แม้ในบ่อจะเต็มไปด้วยน้ำทะเล แต่กลับยังมอบความรู้สึกชวนขนหัวลุกเพียงได้มองลงไป… โอ้พระองค์วายุสลาตัน! ปลายทางของบ่อน้ำนั่นต้องเป็นแกนโลกแน่! แกเร็ธเล่าว่า มันได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเรียกหาจากด้านล่าง นั่นยิ่งทำให้มันไม่กล้าสำรวจต่อ รีบร้อนว่ายขึ้นผิวน้ำอย่างลนลาน”

บ่อน้ำร้างขนาดใหญ่ใต้ทะเล… แรงดึงดูดประหลาดพร้อมกับเสียงเรียก… อาจไม่ใช่แค่ยุคสมัยที่สี่ แต่ย้อนไปไกลถึงยุคสมัยที่สามหรือสอง… เดอะซันน้อยเคยเล่าว่า ในช่วงยุคแห่งความมืด สัตว์ทะเลทรงพลังทั้งหมดยอมจำนนต่อราชาเอลฟ์·ซอนญาธริม ช่วยให้ท่านปกครองทะเลอย่างสมบูรณ์…

หวาน เค็ม และเปรี้ยวกำลังพอดี…

ไคลน์จิบซุปผักข้นพลางใช้ส้อมจิ้มเนื้อวาฬขาวรมควันยัดใส่ปาก

นักผจญภัยคนเดิมมิได้กล่าวถึงแกเร็ธต่อ เนื่องจากเรื่องราวมิได้เกี่ยวข้องกับทองคำแท่ง เครื่องเพชร หรือสมบัติวิเศษที่มีเนื้อหาน่าสนใจ

บทสนทนาเปลี่ยนไปเป็นการซุบซิบนินทา พวกมันเริ่มเล่าถึงนักผจญภัยที่กำลังขัดแย้งกัน เย้ยหยันเรื่องที่อีกฝ่ายแต่งงานกับหญิงสาวพื้นเมืองหน้าตาสะสวย แต่หลังจากผ่านไปราวสามปีห้าปี พวกหล่อนกลับอ้วนขึ้นมากและมีพละกำลังเทียบเท่าผู้วิเศษลำดับต่ำ

ในตอนสุดท้าย มันลงความเห็นตรงกันว่า สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะหญิงสาวชาวพื้นเมืองล้วนมีเลือดของคนยักษ์ไหลเวียนในร่างกายอย่างเจือจาง

จนกระทั่งเวลาผ่านไปนาน ไคลน์จัดการอาหารกลางวันเสร็จและหันมาสนใจกับแก้วเครื่องดื่ม ตลอดระยะเวลาดังกล่าวไม่มีข่าวที่น่าสนใจหลุดจากปากกลุ่มนักผจญภัยรอบตัว ความเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวคือ แขกในร้านเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นทุกขณะ

ทันใดนั้น ประตูหนักหน้าร้านถูกเปิดกระแทกกำแพงจนเกิดเสียงดังโครม

ชายหนุ่มซึ่งสวมหมวกทรงสูงและมีเชื้อสายโลเอ็นวิ่งพรวดเข้ามาด้านใน จากนั้นก็ตะโกนถามอย่างประหม่า

“มีใครเป็นสมาชิกของสหภาพนักผจญภัยบ้างไหม…?”

ฉันเองสหาย… บิลต์ยังค้างการจ้างงานครั้งที่สามของฉันอยู่เลย…

ไคลน์พบว่าสุภาพบุรุษหนุ่มคนดังกล่าวคอยเหลียวหลังเป็นระยะอย่างกังวล คล้ายกับถูกใครบางคนตามล่าเอาชีวิต

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายแจ้งความประสงค์หรือขอความช่วยเหลือ นักผจญภัยสามคนลุกยืนอย่างพร้อมเพรียงตามแต่ละจุดภายในร้าน มีคนหนึ่งเด่นสะดุดตาไคลน์เป็นพิเศษ สูงสองเมตรกว่า ไหล่กว้างและกล้ามเนื้อบึกบึน เส้นผมสีทองอ่อน ดวงตาน้ำเงินเข้ม

แข็งแกร่งสอดคล้องกับรูปลักษณ์…

คงมีลำดับพอตัวอยู่เหมือนกัน…

ไคลน์เบือนหน้ากลับ ตัดสินใจเป็นเพียงผู้ชมเงียบขรึมตามเดิม สายตาหันไปมองประตูหน้า

ไม่นานหลังจากนั้น บุรุษสวมเสื้อเชิ้ตลินินและแจ็คเก็ตน้ำตาลเดินเข้ามาในร้าน ส่วนสูงและรูปร่างสันทัด ริมฝีปากม่วงคล้ำ ดวงตาสีน้ำตาลคล้ายกับพยายามระงับจิตสังหาร แต่สุดท้ายก็ปกปิดไม่อยู่

นี่มัน…

ไคลน์เห็นภาพซ้อนทับกับใบประกาศจับ!

ผู้ช่วยกัปตันของราชาอมตะ·อาการิธ!

‘จอมเชือด’ จิลเซียส ค่าหัวเก้าพันห้าร้อยปอนด์!

โจรสลัดคนดัง…!

พลังวิญญาณของไคลน์เริ่มไหลเวียน ดวงตาเพ่งจ้องใบหน้าอีกฝ่ายโดยที่มือซ้ายลดต่ำลงตามสัญชาตญาณ เตรียมพร้อมตอบสนองต่อทุกเหตุการณ์ผิดปรกติที่อาจเกิดขึ้น

จิลเซียสจ้องชายกำยำสูงสองเมตรก่อนจะหันมามองไคลน์ ทันใดนั้น มันรีบหันหลังกลับและเดินออกจากบาร์ลาร์ดาลโดยปราศจากท่าทีลังเล

ตัดสินใจได้เด็ดขาดและระมัดระวังตัวมาก…

ไคลน์ขมวดคิ้วพลางเชื่อว่าตนมิได้เผลอปล่อยจิตสังหารออกไปแน่นอน และแววตาก็ยังถูกควบคุมด้วยพลังตัวตลกเพื่อมิให้แฝงความมุ่งร้ายจนเกินพอดี

จิลเซียสแค่กลัวชายร่างยักษ์ หรือจะมีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมกว่านั้น? เหมือนกับพวกปีศาจที่สามารถหยั่งถึงอันตรายล่วงหน้า…

ไคลน์เร่งกระดกเบียร์จนหมดโดยไม่คิดร่วมวงสนทนากับสหภาพนักผจญภัย รีบตรงออกจากร้านและเดินมายังริมถนน

ตัวมันในตอนนี้มีเป้าหมายเพียงการตามหานางเงือก ไม่ใช่เวลามัวเพิ่มปัญหาจนการพัฒนาลำดับต้องเลื่อนออกไป

กวาดตามองไปรอบตัว เมื่อไม่พบร่องรอยของจอมเชือด·จิลเซียส ไคลน์รีบเดินทางกลับโรงแรมที่ตนพักทันที

เมืองเงินพิสุทธิ์ ภายในหอคอย

เป็นอีกครั้งที่เด็กหนุ่มเดอร์ริคถูกหัวหน้าสภาอาวุโส โคลิน·อีเลียด เรียกตัวเข้าพบ

มันยังจำได้แม่นยำ ย้อนกลับไปเมื่อราวเจ็ดสิบวันก่อน ตนถูกเกริ่นล่วงหน้าว่าจะมีภารกิจสำรวจภายในสองเดือน จึงเตรียมตัวเป็นอย่างดีเมื่อถูกเรียกเข้าพบ

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset