Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 634 : เมืองสีขาว

ราชันเร้นลับ 634 : เมืองสีขาว

มหาวิทยาลัยสโตน…

รองศาสตราจารย์มิตเชล… บันทึกสงครามสองทศวรรษ…

ออเดรย์แยกคำสำคัญออกจากบทสนทนา สายตามองตรงไปทางซูซี่กำลังวิ่งนำหน้าม้าสีน้ำตาลแดงอย่างสนุกสนาน เปล่งเสียงถามซีมินด้วยสีหน้าสนใจ

“มิสซีมิน มันคือบันทึกเกี่ยวกับอะไรคะ”

“พวกเราเองก็ไม่แน่ใจ ทราบแต่เพียงว่า เนื้อหาเกี่ยวกับสงครามสองทศวรรษ และเป็นหนึ่งในของสะสมของรองศาสตราจารย์มิตเชล โดยจุดสำคัญของหนังสือเล่มนั้น คือลายเส้นบนปกที่เรียงต่อกันเป็นรูปมังกร” ซีมินไม่ปิดบัง เล่าทุกเรื่องที่เธอฟังมาให้ออเดรย์ทราบ

หลังจากฟังจบ หญิงสาวลดความเร็วม้าลง สมองครุ่นคิดหาวิธีทำภารกิจให้ลุล่วง

เราแค่ต้องหาโอกาสนัดพบรองศาสตราจารย์มิตเชลเพื่อขอดูของสะสม จากนั้นก็เอ่ยปากขอซื้อหนังสือสักเล่ม ฟังดูไม่ใช่งานยาก…

ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจสักเท่าไร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเราปรารถนาสิ่งใด แทบไม่มีชายใดกล้าตอบปฏิเสธ… อึก… ออเดรย์! เธอไม่ควรพึ่งพาเรื่องแบบนี้มากเกินไป!

ประเด็นสำคัญคือความแนบเนียน เราไม่เคยรู้จักมักจี่กับรองศาสตราจารย์มิตเชลมาก่อน การพรวดเข้าไปขอนัดพบคงไม่ใช่เรื่องดีนัก และยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าหนังสือเล่มดังกล่าวสำคัญต่อเขามากแค่ไหน การดึงดันขอซื้อรังแต่จะสร้างความหวาดระแวงและน่าสงสัย…

จริงสิ หากจำไม่ผิด พี่ชายของเจนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสโตน โดยในงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย เขาเป็นคนช่างพูดและชอบแลกเปลี่ยนความรู้ หากลองเราชักชวนให้มางานเลี้ยงน้ำชาพร้อมกันทั้งพี่ทั้งน้อง และเกริ่นถึงความสนใจด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และของสะสม เขาต้องเอ่ยชื่อรองศาสตราจารย์มิตเชลออกมาแน่…

คนที่ถูกเรียกว่า ‘นักสะสม’ คงมีไม่มากเท่าไรในมหาวิทยาลัย…

เมื่อเตรียมการเบื้องต้นเสร็จ เราจะส่งคนเข้าไปนัดกับรองศาสตราจารย์มิตเชลเพื่อขอดูของสะสม การเยี่ยมชมครั้งแรกต้องไม่เผยความสนใจจนเกินพอดี เพียงคอยจับตามองท่าทีของอีกฝ่ายก็พอ บรรจงกล่อมให้เผยความสนใจของตัวเองออกมาทีละนิด จากนั้นค่อยเอ่ยปากขอซื้อในจังหวะเหมาะสม…

หลังจากยืนยันแผนเสร็จ ออเดรย์หันไปพยักหน้าให้ซีมินพร้อมกับเผยรอยยิ้ม

“ดิฉันจะพยายามค่ะ แต่ไม่ขอรับประกันความสำเร็จ”

เมื่อสิ้นเสียง หญิงสาวเกร็งเท้าทั้งสองข้างเพื่อตบโกลนให้แนบลำตัวม้า เหยียดตัวยืนตรงอย่างสง่างาม ปล่อยสายธนูเพื่อส่งศรพุ่งตรงไปทางสุนัขจิ้งจอกสีน้ำตาลแดง ซึ่งกำลังถูกล้อมกรอบต้อนโดยเหล่าคนรับใช้

ท่ามกลางคลื่นทะเลสูงต่ำ โทสะสีครามโยกคลอนประหนึ่งใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิว ลำเรือโคลงเคลงซ้ายทีขวาที แต่สมดุลของมันยอดเยี่ยมจนน่าเหลือเชื่อ ยังคงยึดเกาะผิวน้ำไว้แนบแน่นโดยไม่มีทีท่าจะพลิกคว่ำ

ณ ห้องกัปตัน

อัลเจอร์วิลสันกำลังลอยตัวข้างหน้าต่างในลักษณะฝ่าเท้าไม่ติดพื้น ตามองออกไปยังคลื่นสูงประหนึ่งขุนเขาด้านนอกเรือ สายลมล่องหนกำลังหมุนวนรอบตัวอย่างเงียบงัน

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ อัลเจอร์ร่อนลงโดยใช้ฝ่าเท้าสัมผัสกับพรมหนา

‘ข้ารับใช้วายุ’ สวมบทบาทได้ง่ายสมชื่อ… ปัญหาเดียวคืออารมณ์ที่หุนหัน เพื่อให้เข้ากับความเกรี้ยวกราดของสายลม…

อัลเจอร์ถอนหายใจ สีหน้ามิได้เผยความยินดี

ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มันตามหาสูตรโอสถ ‘นักขับขานสมุทร’ มาครอบครองไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะจากช่องทางส่วนตัวหรือชุมนุมทาโรต์ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เหนือความคาดหมายสักเท่าไร โอสถลำดับ 5 หมายถึงประตูบานสุดท้ายก่อนถึงครึ่งเทพ ไม่มีขายในราคาท้องตลาดแน่นอน หากไม่ควักเงินก้อนโตก็คงยากจะได้มาครอบครอง นอกเสียจากจะยอมเสี่ยงโชคกับของถูกที่มีโอกาสปลอมมากกว่าจริง

ว่ากันตามตรง ช่องทางที่ง่ายและน่าเชื่อถือที่สุดคงหนีไม่พ้นโบสถ์ แต่อัลเจอร์ผู้มีตำแหน่งทัดเทียมบิชอปของโบสถ์วายุสลาตัน กลับไม่สามารถสะสมคะแนนผลงานแลกอย่างตรงไปตรงมาได้ มันต้องการให้ลำดับของตนถูกปิดเป็นความลับ เก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเพื่อแลกกับอิสรภาพและการไม่ถูกจับตามอง คอยสั่งสมพลังเพื่อรอโอกาสเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง จากนั้นก็สะสางในสิ่งที่ตนปรารถนามานาน

สิ่งที่ทำให้อัลเจอร์ใจเย็นลงก็คือ สองเดือนที่ผ่านมามิได้ผ่านไปอย่างสูญเปล่า อย่างน้อยพัฒนาการของโอสถ ‘ข้ารับใช้วายุ’ ก็คืบหน้าเป็นอันมาก

จริงอยู่ ตอนนี้อาจยังสวมบทบาทได้ง่าย แต่หากกลายเป็น ‘นักขับขานสมุทร’ เมื่อไร เราจะใช้วิธีใดสวมบทบาท? ต้องหมั่นร้องเพลง?

อัลเจอร์ครุ่นคิดพลางหันไปทางดาดฟ้าเรือ

แม้จะถูกกำแพงห้องกั้นหลายชั้น แต่มันยังได้ยินเสียงสำมะเลเทเมาของเหล่าลูกเรือด้านนอกอย่างชัดเจน เป็นการแหกปากร้องเพลงเพื่อเอาชนะเสียงหวีดแหลมของลมพายุกระโชก

อัลเจอร์ขมวดคิ้วหน้าหงิกโดยไม่รู้ตัว

กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด

คณะละครสัตว์ซินดิส

“พี่สาวไม่ใช่นักมายากลหรอกหรือ ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้?” เมื่อเห็นนักมายากลสวมชุดคลุมสีดำและหมวกปลายแหลมสีเดียวกัน เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องแต่งตัวแบบนี้… อาจเพราะในการแสดงครั้งแรก สมองของเราถูกอากาศอันหนาวเหน็บแช่แข็งจนทำงานผิดพลาด แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวมาตลอด…

ฟอร์สเกาแก้มสีแดงระเรื่อและยิ้มตอบ

“ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว มายากลมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเวทมนตร์คาถา”

แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยอธิบายว่าทำไมเราถึงแต่งตัวแบบนี้…

จากนั้น หญิงสาวยกหนึ่งในสามแก้วคว่ำที่วางอยู่ตรงหน้า สอดลูกบอลสีขาวใบเล็กและคว่ำกลับไปตามเดิม

ฟอร์สสับเปลี่ยนตำแหน่งของถ้วยด้วยความไวมืออันน่าทึ่ง ปิดท้ายด้วยการส่งรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งตั้งคำถาม

“ลูกบอลอยู่ใต้แก้วใบไหนเอ่ย?”

“นี่มันเกมการพนันที่จักรพรรดิโรซายล์คิดค้นไม่ใช่หรือ…” เด็กหนุ่มเกริ่นอย่างสนใจ “แต่พี่สาวไม่ใช่เจ้ามือบ่อน และที่นี่คือคณะละครสัตว์ ดังนั้นพี่สาวน่าจะเล่นกลตบตา สลับลูกบอลออกไปเรียบร้อยแล้ว! แก้วทั้งหมดว่างเปล่า!”

ฟอร์สกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ปิ๊งป่อง… ผิดจ้า”

หญิงสาวหงายเปิดแก้วใบกลาง ทันใดนั้น ร่างสีขาวโพลนโผล่พรวดออกมากะทันหัน

นกพิราบ!

เมื่อนกพิราบบินออกไป ลูกบอลสีขาวใบเล็กถูกวางอยู่ใต้ถ้วยใบเดียวกัน

“สุดยอด!”

“พระเจ้าช่วย!”

“เวทมนตร์!”

ท่ามกลางเสียงฮือฮา ฟอร์สแหงนหน้ามองไปทางนาฬิกาโบสถ์ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเจือความภาคภูมิใจ จากนั้น เธอรีบเก็บอุปกรณ์และเดินเข้าไปหาเจ้าของคณะละครสัตว์

“คุณจะลาออกจริงหรือ? ผมยินดีเพิ่มค่าแรงให้เป็นสองเท่า!” หัวหน้าคณะละครสัตว์รีบโน้มน้าวเมื่อเห็นอีกฝ่าย

คงไม่ได้กระมัง… เราค้นพบแก่นของนักตุกติกตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม จนกระทั่งย่อยโอสถอย่างสมบูรณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน หากไม่ใช่เพราะมีสัญญาจนถึงวันนี้ ก็คงไม่ลากสังขารออกจากบ้านมาทำแน่นอน…

อันที่จริง ชีวิตการเป็นนักมายากลในคณะละครสัตว์ก็ไม่เลวนัก แต่เรายังมีเป้าหมายที่จะเป็น ‘โหราจารย์’ และอาจารย์บอกว่าจะกลับมาถึงในสัปดาห์นี้ เพื่อมอบสูตรโอสถพร้อมกับวัตถุดิบหลักหนึ่งชิ้นเป็นของขวัญ…

จะเป็นชิ้นไหนกันนะ…

เฮ่อ… เสียงเพรียกในคืนจันทร์เต็มดวงนับวันยิ่งทรงพลัง หากไม่มีมิสเตอร์ฟูล เราคงคลุ้มคลั่งและกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปนานแล้ว…

ฟอร์สครุ่นคิดพลางยกมือปิดปากหาวอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม

“อันที่จริง ดิฉันเป็นนักเขียนนิยายขายดี เรื่องถัดไปมีเนื้อหาเกี่ยวกับคณะละครสัตว์ จึงสมัครเข้ามาทำงานกับที่นี่”

“นิยายขายดี?” แววตาหัวหน้าคณะละครสัตว์พลันลุกวาว รีบเปล่งเสียงถามด้วยน้ำเสียงกังวลปนคาดหวัง “คุณจะเขียนเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับพวกเราไหม…”

“ที่นี่มีอะไรแย่ด้วยหรือ ดิฉันมีความสุขมากตลอดสองเดือนที่ผ่านมา” ฟอร์สถอดหมวกสีดำปลายแหลม

หัวหน้าคณะละครสัตว์ฉีกยิ้มกว้าง

“อ…เอ่อ มิสวอลล์ รบกวนคุณช่วยเอ่ยชื่อคณะละครสัตว์ของเราในนิยายเรื่องใหม่ได้ไหม ผ…ผมยินดีจ่ายค่าโฆษณา แต่มันคงไม่มากมายอะไรนัก คุณคงทราบดีว่าผมมีหลายปากท้องให้ต้องเลี้ยงดู”

ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ… หัวหน้าคณะหลักแหลมไม่เบา โดยเฉพาะด้านการค้า…

เป็นครั้งแรกที่ฟอร์สตระหนักว่านิยายก็สามารถขายพื้นที่โฆษณาได้เช่นกัน ไม่ต่างไปจากหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ออกจะเป็นธรรมชาติและแนบเนียนกว่าด้วยซ้ำ

ท่ามกลางคลื่นทะเล เรือเดินสมุทรที่มีปืนใหญ่หลายกระบอกเรียงราย กำลังแล่นไปบนน่านน้ำปลอดภัยโดยไม่กล้าแฉลบออก

หากเป็นแถบน่านน้ำตะวันออกถัดจากเขตเกาะโอลาวี เรือที่แล่นออกจากนอกเส้นทางหลักมักสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่โจรสลัดห้าวหาญก็ยังไม่กล้าเสี่ยงเบี่ยงออกไปนานนัก

ผืนมหาสมุทรส่วนใหญ่ของโลกยังคงเต็มไปด้วยดินแดนที่ไม่ถูกสำรวจ เกือบทั้งหมดมีตำนานเหนือธรรมชาติซ่อนอยู่!

หลังจากทำงานอาสาสมัครนานกว่าสองเดือน ช่วยบรรลุความปรารถนาสุดท้ายของคนไข้ใกล้ตายไปสี่ราย ทำงานภารโรงเช่นการเช็ดคราบของเสีย ในที่สุดไคลน์ก็บอกลาเกาะโอลาวีและขึ้นเรือเดินสมุทรมายังหมู่เกาะการ์กัส

ย้อนกลับไปในช่วงต้นเดือนมีนาคม ไคลน์อาศัยชุมนุมทาโรต์เป็นช่องทางว่าจ้างเฮอร์มิท และใช้เมืองสีขาว ‘นาส’ เป็นจุดนัดพบ โดยหลังจากนั้น มันจะขึ้นเรือของพลเรือเอกดวงดาวไปยังสุดเขตตะวันออกของทะเลโซเนีย ซึ่งขึ้นชื่อว่างดงามประหนึ่งดินแดนมายาและเต็มไปด้วยอันตรายเหนือพรรณนา เพื่อตามหานางเงือกที่ดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติ

เฮอร์มิท·แคทลียาค่อนข้างสนใจการพบปะกับสมาชิกชุมนุมทาโรต์ในชีวิตจริง เพียงครุ่นคิดไม่กี่วินาทีก็ตอบตกลงคำขอร้องของเดอะเวิร์ล อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากระดับความอันตราย เธอเสนอราคาค่าจ้างที่ค่อนข้างสูง

สามพันปอนด์!

ความคิดแรกในหัวไคลน์คือโบกมือลา และหันไปขึ้นเรือของแฮงแมนแทน แต่หลังจากประเมินว่าอาจต้องร่วมทางกับลูกเรือของโบสถ์วายุสลาตันจำนวนมาก ทำให้ค่อนข้างขาดอิสระ รวมถึงกังวลเกี่ยวกับระดับอันตรายของน่านน้ำสุดเขตตะวันออก ท้ายที่สุด ไคลน์เลือกโดยสารไปกับเรือของเฮอร์มิท โดยอีกฝ่ายพร้อมเริ่มงานในช่วงต้นเมษายน และจะรอใกล้กับหมู่เกาะการ์กัสได้นานเพียงเดือนเดียว หากเลื่อนเวลาออกไปเกินกว่านั้นจะขอยกเลิกข้อตกลง

เพื่อไม่ให้เงินมัดจำหนึ่งพันปอนด์สูญเปล่า ชายหนุ่มไม่มัวรอให้โอสถย่อยสมบูรณ์ รีบเดินทางออกจากโอลาวีมายังหมู่เกาะการ์กัสทันทีในช่วงต้นเดือนเมษายน

อย่างไรก็ตาม การสวมรอยเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลสี่ครั้งตลอดสองเดือนเต็ม ช่วยให้โอสถผู้ไร้หน้าย่อยเกือบสมบูรณ์ ขอเพียงสวมบทบาทเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ต่อไปอีกสักสองสัปดาห์ โอสถคงก็ย่อยเสร็จพอดี

ด้วยเหตุผลข้างต้น ไคลน์ตัดสินใจผูกตัวตนเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไว้กับเดอะเวิร์ล เมื่อออกจากโรงพยาบาลจึงแปลงโฉมกลับเป็นนักผจญภัยเสียสติทันที แต่ยังปลอมตัวปกปิดทับอีกชั้น

หลังจากจ้องคลื่นทะเลที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นเวลานาน ในที่สุด ไคลน์มองเห็นเมืองท่าที่ใช้อิฐสีขาวเป็นวัสดุหลักในการสร้างอาคารส่วนมาก

ที่นี่คือดินแดนสุดเขตอาณานิคมทางตะวันออกของจักรวรรดิฟุซัค

เมืองเอกของหมู่เกาะการ์กัส นาส!

“ได้ออกจากอาณาจักรตัวเองซะที…”

ไคลน์จ้องเรือประมงที่กำลังลำเลียงเนื้อวาฬเข้าไปจอดในท่า ลูกเรือแต่ละคนล้วนกำยำบึกบึนแฝงความป่าเถื่อนสมคำร่ำลือ

ขณะเดียวกัน มันพบเรือหลายลำในท่าที่มีธงโจรสลัดโบกสะบัด ปราศจากการปกปิดหรือความคิดที่จะอำพราง

ไม่ผิดจากที่ได้ยินมา สุดเขตตะวันออกคือแดนสวรรค์ของโจรสลัด…

ไคลน์สวมหมวกพร้อมกับถือกระเป๋าเดินทาง รอจนกระทั่งเรือเดินสมุทรจอดแน่นิ่ง จึงย่างกรายออกจากห้องพักและลงจากเรือด้วยบันได

ผ่านไปสองสามก้าว มันเห็นการปะทะกันระหว่างกลุ่มโจรสลัดและกลุ่มที่น่าจะเป็นอันธพาลท้องถิ่น

ไคลน์เดินผ่านโดยไม่ส่งเสียง และไม่หยุดหันไปมองให้เสียเวลา

ทันใดนั้น หางตาบังเอิญเหลือบเห็นผู้ที่น่าจะเป็นอันธพาลท้องถิ่นคนหนึ่ง ล้วงหยิบกระป๋องของบางสิ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ เปิดฝาและขว้างลงไปยังกลางถนน

ทำเพื่ออะ…

…ไร!

ขณะเตรียมส่ายหน้า ไคลน์บังเอิญหวนนึกถึงสินค้าชื่อดังทางทะเลชนิดหนึ่ง

ปลาหมาป่ากระป๋อง!

ปลาหมาป่ากระป๋องได้รับความนิยมอย่างมากในแถบฝ่ายฝั่งตะวันออกของฟุซัคและหมู่เกาะการ์กัส!

ขณะความคิดข้างต้นแล่นผ่าน ความเหม็นที่เหนือพรรณนาได้ทะลวงเข้ามาในประสาทรับกลิ่นอย่างท่วมท้น!

ใบหน้าชายหนุ่มเริ่มบิดเบี้ยว ฝืนอดทนต่อความกระอักกระอ่วนทางกายภาพด้วยจิตใจอันเข้มแข็งของผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน รีบส่งตัวเองออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็ว

โจรสลัดที่ยืนใกล้กับกระป๋องอาหารพลันหลับกลางอากาศ บางรายที่ห่างออกไปเริ่มอ้วกอย่างไม่เขินอาย ส่วนคนที่ตั้งตัวได้ทัน รีบกลั้นหายใจและแบกซากเพื่อนออกจากจุดปะทะ

ราวหนึ่งนาทีถัดมา ภายในมุมหนึ่งของตรอกเปลี่ยวอับสายตา นักผจญภัยเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังนั่งยองและพ่นอ้วกโดยพยายามให้เสียงดังน้อยที่สุด

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset