ซินเธีย ผู้สัมผัสถึงความเจ็บปวดและอับจนหนทางของนายพลอมิรุส มิได้กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงสวมกอดให้แน่นขึ้น ใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือช่วยสงบจิตใจของอีกฝ่าย
เสร็จจากอาหารค่ำเรียบง่าย ไคลน์ชำระล้างร่างกายด้วยน้ำอุ่น เดินกลับมานอนแผ่บนเตียงในห้องเงียบห้องเดิม สายตาแหงนมองเพดาน
สำหรับไคลน์ การสวมบทบาทเป็นอมิรุสให้กลมกลืนไม่ใช่เรื่องยาก เพราะการยอมจำนนต่อโชคชะตา การต้องปกปิดความเจ็บปวด ล้วนเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เคยผ่านมาแล้วทั้งสิ้น การปลอมตัวเป็นอมิรุสจึงไม่ต่างอะไรกับการเรียกตัวเองในอดีตกลับมา
แต่การดำดิ่งเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี… หากเราไม่ใช้เทคนิค ‘เข้าถึง แต่ไม่หลอมรวม’ ป่านนี้คงสูญเสียตัวตนไปแล้ว… หึหึ… คงเหมือนกับดาราจากโลกเก่า เข้าถึงบทบาทของตัวละครมากเกินไป จนเกิดอาการทางจิตตามมา… แต่ในกรณีของผู้วิเศษ อาการทางจิตจะหมายถึงหายนะ…
สติไคลน์จดจ่อ ตระหนักถึงตัวเองแจ่มชัด
คาดไม่ถึงว่านายพลระดับสูงแห่งกองทัพเรือ บุคคลระดับครึ่งเทพ จะยังต้องเผชิญความอับจนหนทางถึงเพียงนี้ และเจ็บปวดถึงเพียงนี้…
ความแข็งแกร่งช่วยให้คนเราสะดวกสบาย แต่ก็ไม่ใช่ยาครอบจักรวาล… พันคนก็พันใบหน้า และนี่คือตัวตนที่แท้จริงของครึ่งเทพ…
ไคลน์มองเห็นแสงจันทร์สลัว อันกำลังฉาบเครื่องเรือนภายในห้องให้เป็นสีแดง
ในวินาทีนี้ ชายหนุ่มนำประสบการณ์และอุปนิสัยของอมิรุสมาเทียบกับตัวเอง พยายามค้นหาจุดแตกต่าง
จนกระทั่ง มันเริ่มพบความเป็นอมิรุสอย่างถ่องแท้ในทุกแง่มุม ขณะเดียวกันก็เริ่มมองเห็น ‘ตัวเอง’ อย่างถ่องแท้ในทุกแง่มุมเช่นกัน
มันคือคนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก!
ความทรงจำส่วนหนึ่งมาจากโลกเก่า แต่ก็ถูกอิทธิพลของไคลน์·โมเร็ตติกล่อมเกลาเล็กน้อยจนกลายเป็นบุคคลในปัจจุบัน
ชายผู้มีเส้นทางอาชีพเหยี่ยวราตรีอันแสนสั้น แต่กลับอัดแน่นไปด้วยประสบการณ์และความทรงจำ ถือเป็นประตูบานแรกในโลกผู้วิเศษ
ชายผู้มีไหวพริบดี เกรงกลัวอันตราย สามารถยับยั้งชั่งใจในทุกสถานการณ์วิกฤติ
ชายผู้มีอุปนิสัยเกียจคร้านจากก้นบึ้ง ชื่นชอบการกิน การออกไปท่องโลกกว้าง การใช้ชีวิตอย่างเสรี แต่กลับทำไม่ได้เนื่องจากชีวิตยังมีเป้าหมายที่สำคัญกว่านั้น
ชายผู้ชื่นชอบหญิงงาม แต่จำเป็นต้องยึดติดกับกฎที่ตัวเองสร้างขึ้น ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจ
ชายผู้หลงใหลเงินทอง แต่ก็ไม่ลังเลที่จะใช้จ่ายเพื่อความสุขของพี่ชายและน้องสาว
ชายผู้เก็บซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใน และสวมหน้ากากยิ้มแย้มเป็นเปลือกนอก
ชายผู้ชอบรำพันกับทุกเรื่อง แต่ต้องแสดงออกว่าสุภาพถ่อมตน
ชายผู้สามารถเอาชนะอุปสรรคทางจิตใจได้หนแล้วหนเล่า โดยไม่ฝ่าฝืนศีลธรรมพื้นฐานของตัวเอง
ชายผู้เคอะเขิน และรู้สึกประหม่าทุกครั้งเมื่อต้องทำการแสดงต่อหน้าคนหมู่มาก
…
นอกจากนั้น เรายังเป็นผู้ทักพิทักษ์และสิ่งมีชีวิตที่น่าสมเพช ที่ต้องคอยรับมือกับภัยคุกคามและความบ้าคลั่งของโลกตลอดเวลา…
มุมปากไคลน์ยกขึ้น กล่าวกับตัวเองเงียบงัน
ชุดความคิดข้างต้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับได้ใช้ฝ่ามือ ‘สัมผัส’ กับแก่นแท้ของตัวเอง
ผ่านไปสักพัก ไคลน์หลับสนิทโดยไม่รู้ตัว ด้วยร่างกายและจิตใจที่สงบสุขผ่อนคลาย
…
ณ ห้องนอนใหญ่ ซินเธียกำลังหลับลึกเช่นกัน
หญิงสาวสวมชุดนอนผ้าบาง เริ่มขยับเรียวขาอันเปลือยเปล่าทั้งสองข้างที่มีผ้าห่มวางปิด เพื่อเสียดสีกันอย่างอ่อนโยน
ปลายเล็บข่วนจิกผิวหนังโดยไม่รู้ตัว เกิดรอยแดงเป็นทางยาว บวมนูนขึ้นมาเล็กน้อย
หญิงสาวกำลังอยู่ในความฝัน มองเห็นดาวมายาอันงดงามบนท้องฟ้าดวงเดิม โดยอีกฝ่ายกำลังส่องแสงสว่างไสว
ทัศนียภาพของซินเธียขยับเข้าไปใกล้ทีละนิด จนเริ่มมองเห็นดาวดวงดังกล่าวได้อย่างเลือนราง
…
ฟู่ว…
ไคลน์ลืมตาตื่นกลางคัน สมองยังคงคุกรุ่นไปด้วยฉากอันน่าเหลือเชื่อภายในความฝันเมื่อครู่ของตน
ทำไมเราถึงฝันแบบนี้…
มันขมวดคิ้ว ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อตัวเอง
เมื่อครู่ ไม่เพียงมันจะฝันถึงซินเธียในชุดนอนผ้าบางแสนเย้ายวน แต่ยังมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหล่อน นอกจากนั้น มันยังฝันในลักษณะเดียวกันกับมาดามเชอรอน ‘แม่มดสุขสม’ จากเมืองทิงเก็น ฝันถึงมิสชารอน ผู้มีรูปโฉมงดงามราวกับตุ๊กตา ฝันถึงมิสจัสติส ผู้มีใบหน้าพร่ามัวคล้ายกับขณะอยู่บนมิติหมอก ฝันถึงทริสซี่·ชีค ฝันถึงเทรซี่ ทุกคนล้วนเป็นหญิงงามที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต โดยในแต่ละความฝันยังทำกิจกรรมด้วยท่วงท่าแตกต่างกันออกไป
สำหรับผู้วิเศษส่วนใหญ่และคนธรรมดา ฝันเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่ออารมณ์ทางเพศไม่ถูกปลดปล่อยเป็นเวลานาน แต่ในฐานะนักทำนายมืออาชีพ ไคลน์ย่อมให้ความสำคัญกับ ‘ฝัน’ มากเป็นพิเศษ
ชายหนุ่มรีบสำรวจร่างกาย พบว่าน้องชายเบื้องล่างกำลังตั้งโด่ในสภาพแข็งตัว คราบอสุจิเปรอะเปื้อนหลายจุดบนเตียงนอนและผ้าห่ม
ไม่ใช่ลางบอกเหตุในเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นอิทธิพลจากภายนอก…
มีศัตรู! ไคลน์ประเมินสถานการณ์ด้วยสีหน้าตึงเครียด
ขณะเดียวกัน มันรีบพลิกตัวลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง เปลี่ยนไปสวมเครื่องแบบของนายพลแห่งกองทัพเรือ
จากนั้น ชายหนุ่มจัดแจงยันต์กฎหมายที่เก้าและยุบพองหิวโหยให้เข้าที่ อยู่ในสภาพพร้อมทำศึกเต็มอัตรา
เนื่องจากยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ไคลน์ไม่บุ่มบ่ามส่งตัวเองเข้ามิติหมอกจนทำให้ร่างหลักไร้การป้องกัน ยังคงสวมบทบาทเป็นอมิรุสต่อไป
ด้วยใบหน้าขึงขัง ชายหนุ่มเดินไปหยุดหน้าประตูห้อง มือกำลูกบิด
ทันใดนั้น คล้ายกับมันเพิ่งได้เชื่อมต่อกับโลกแห่งความจริง ด้านนอกมีเสียงสับสนอลหม่านดังระงม
มีทั้งเสียงของใครบางคนกำลังเคี้ยวอาหาร เสียงครางอย่างกระสัน เสียงคำรามอย่างเดือดดาล และเสียงกระตุ้นแหลมลึก
เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น…
ก่อนนอนยังปรกติดีทุกอย่าง!
ไคลน์กลืนน้ำลาย ใช้การเข้าฌานสะกดจิตให้ตัวเองสุขุมเยือกเย็น
ก่อนนอนหลับ มันจะใช้เนตรวิญญาณตรวจสอบสภาพเหตุการณ์รอบคฤหาสน์เสมอ แต่ไม่เคยพบความผิดปรกติแม้แต่อย่างเดียว
บอดี้การ์ดของนายพลไปไหน?
เลขาลัวอานมัวทำอะไรอยู่?
ยิ่งไคลน์ไตร่ตรองสถานการณ์ปัจจุบัน มันก็ยิ่งพบความผิดปรกติ
ชายหนุ่มสัมผัสยันต์กฎหมายที่เก้าด้วยมือขวา แผ่อำนาจบารมีของนักสานกฎหมายออกมารอบตัว ระงับกระแสอากาศอันชวนอาเจียนที่ไหลเวียนไปทั่ว
ไคลน์ออกแรงมือซ้าย หมุนบิดกลอนประตูและเปิดออกไป
ยังไม่ทันได้ก้าวขา มันเห็นบริกรชายคนหนึ่งกำลังนั่งขวางทางเดินฝั่งตรงข้าม
ด้านหน้าบริกรชายมีจานอาหารวางเรียงรายมากมาย บ้างสุก บ้างดิบ ประกอบด้วยสเต๊กเนื้อ แกะ ปลากระดูกมังกร และล็อบสเตอร์โอลาวี
ทันใดนั้น บริกรชายหยิบปลาตัวใหญ่ซึ่งดูคล้ายเพิ่งตายไปเมื่อครู่ พลางหันมาจ้องไคลน์ที่กำลังยืนมองฝั่งตรงข้าม และกล่าวด้วยรอยยิ้มล่องลอย
“ท่านนายพล ผมอิจฉาอาหารของท่านมาตลอด”
ท้องของมันกำลังบวมพอง ขยายใหญ่จนน่าหวาดเสียว คล้ายกับหญิงสาวตั้งครรภ์เจ็ดแปดเดือน
เมื่อสิ้นเสียง บริกรชายยกปลาขึ้น กัดปลาสดที่ไม่ผ่านการปรุงเข้าไปหนึ่งคำใหญ่ ใช้ฟันฉีกเนื้อแดงชิ้นหน้าและกระชากออกมา
ริมฝีปากของมันพลันแดงฉาน ออกแรงเคี้ยวด้วยสีหน้าเย็นชา
มันกลืนลงคออย่างรีบเร่ง ท้องที่ป่องเกินพอดีไปมากยิ่งขยายตัว คล้ายกับพร้อมระเบิดทุกเมื่อ
เป็นอาการคล้ายคนยับยั้งภาวะอยากอาหารของตัวเองไม่ได้…
ไคลน์ยืนจ้องบริกรชายตรงหน้า ด้วยเหตุผลบางประการ มันหวนนึกถึงคนเร่ร่อนที่บิลต์เตรียมไว้ ซึ่งเสียชีวิตไปจากอาการป่วยหลังจากกินอาหารเกินพอดี
มันไม่มัวคิดนานนัก และไม่มีแผนช่วยเหลืออีกฝ่าย เนื่องจากทราบเป็นอย่างดีว่า หากต้นตอของปัญหายังไม่ถูกแก้ไข ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็คงไม่เกิดประโยชน์มากนัก
ไคลน์เริ่มขยับตัว อาศัยสัมผัสวิญญาณนำทาง เดินอย่างระมัดระวังไปยังห้องนอนใหญ่
มองไปยังบานประตูตรงหน้า จุดดังกล่าวมีสาวใช้สองคน คนหนึ่งนอนราบไปกับพื้น ส่วนอีกคนกำลังนั่งทับและบีบคอคนที่นอนอยู่
สาวใช้ด้านบนฉีกยิ้ม ออกแรงบีบคอสาวใช้ด้านล่าง แผดเสียงตะโกน
“เร็วเข้า! สรรเสริญฉันเร็ว! เร็วเข้าสิ! สรรเสริญฉันเดี๋ยวนี้!”
เธอต้องการให้ใครสักคนชื่นชม…
ไคลน์ขมวดคิ้ว เดินสองสามก้าว ออกแรงกระชากคอเสื้อสาวใช้คนด้านบน
โครม! ชายหนุ่มเหวี่ยงหล่อนกระแทกกำแพง เป็นความรุนแรงที่มากพอจะทำให้หมดสติทันที
แต่เธอกลับยังลุกขึ้นมาคลานไหว
สาวใช้คนที่นอนอยู่เอาแต่อ้าปากหาวพลางใช้มือปิดปาก ดวงตาหลับสนิทแม้เพิ่งจะเกือบจะขาดอากาศตาย ประหนึ่งว่ากำลังง่วงนอนเสียเต็มประดา
เธอปรารถนาที่จะนอน…
นี่มัน… ไคลน์เกิดความคิดที่จะวิ่งหนีออกจากคฤหาสน์ ไปแจ้งให้โบสถ์และกองทัพเรือทราบ
แต่เมื่อลองไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มันพบว่าบนเกาะโอลาวีแห่งนี้ ไม่มีใครทรงพลังไปกว่านายพลอมิรุส·รีเวลต์อีกแล้ว!
และตอนนี้เราคืออมิรุส… เดี๋ยวก่อน นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่ควรกังวลในตอนนี้คือชีวิตของตัวเองต่างหาก…
ไคลน์ ผู้เริ่มขนลุกไปทุกส่วน ผลักประตูห้องนอนใหญ่เปิดเข้าไป
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือบรรยากาศอันเย้ายวนเกินพรรณนา รวมถึงเสียงครวญครางอย่างสุขสมอันชวนให้หัวใจเต้นแรงและถี่
ไคลน์เริ่มตระหนักว่า จมูกของตนมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย
นอกจากนั้นยังมีกลิ่นของเหลวในเชิงกามฟุ้งอบอวลจนเต็มห้อง สร้างความวิงเวียนและมึนเมาให้แก่ทุกคนที่สูดดม
ถัดมา ไคลน์เห็นลัวอาน เลขานุการผมทอง
มันกำลังยืนข้างประตู สายตาเพ่งเข้าไปข้างในอย่างเย็นชาเจือความเหยียดหยัน ประหนึ่งกำลังขยะแขยงบางสิ่ง
เมื่อตระหนักว่ามีใครบางคนเดินเข้าไปใกล้ ลัวอานมองกลับมา และพบว่าอีกฝ่ายคืออมิรุส
สีหน้าของมันไม่แปรเปลี่ยน เช่นเดียวกันกับสายตาแสนเย็นชา โดยยังคงจ้องอมิรุสประหนึ่งอีกฝ่ายเป็นเพียงชาวบ้านตาสีตาสา
ในยามปรกติ เลขาคนนี้มักแสดงความเคารพตลอดเวลา… เนื้อแท้เป็นพวกทระนงตนสินะ…
ขณะไคลน์เตรียมถามโดยเชื่อว่าอีกฝ่ายยังสามารถครองสติไว้ได้ ลัวอานพลันเบือนหน้าหนี และมองตรงไปยังใจกลางห้องนอนใหญ่
เขายังปรกติอยู่ใช่ไหม…
ไคลน์มองตามสายตาลัวอาน และพบว่าบนเตียงขนาดใหญ่ ณ กึ่งกลางห้อง มีร่างสีขาวสูงกว่าสามเมตรกำลังปักหลักเด่นสง่า
ผิวของร่างดังกล่าวถูกปกคลุมด้วยก้อนสีน้ำตาลอมเขียวคล้ายตุ่มต้นไม้ บางจุดมีรอยแยก รอบ ๆ รอยแยกบานออกคล้ายดอกไม้
บอดี้การ์ดของนายพลบางคน รวมถึงบริกรชายอีกจำนวนหนึ่ง ต่างกำลังรุมล้อมร่างปริศนาสูงสามเมตรไว้ทุกทิศ บ้างยืนบ้างคุกเข่า บ้างปีนขึ้นไปบนลำตัว โดยทุกคนจะสอดแท่งอวัยวะเพศเข้าไปในช่องว่าง ‘ดอกไม้’ พลางส่งเสียงครางสั่นกระเส่าตลอดเวลา
ส่วนบอดี้การ์ดและคนรับใช้ที่เหลือ บางส่วนกระจายตัวไปตามพื้นห้องนอน ร่วมเพศกับสาวใช้เป็นหมู่คณะในจำนวนแตกต่างออกไป ด้วยสีหน้าท่าทางเร่าร้อน
หันกลับไปมองร่างสีขาวสูงสามเมตร นอกจาก ‘ตุ่มต้นไม้’ และ ‘ดอกไม้’ ยังมี ‘กิ่งไม้’ ยืดยาวออกมาสร้างปฏิสัมพันธ์กับทุกอิริยาบถรื่นเริงของคนรอบข้าง
เชี่ยอะไรเนี่ย…
ไคลน์ ผู้ได้เปิดโลกทัศน์ของศาสตร์เร้นลับในมุมใหม่ รีบลดมือซ้ายลดลง ตั้งท่าเตรียมต่อสู้
ทันใดนั้น ศีรษะของร่างปริศนาสูงกว่าสามเมตรเริ่มหันกลับมาจ้องไคลน์อย่างเชื่องช้า
เป็นใบหน้าของหญิงสาว เส้นผมสีทองอ่อน ดวงตาสีฟ้า สันจมูกโด่ง ริมฝีปากอวบอิ่ม
ไม่ใช่ใครนอกจากซินเธีย หญิงสาวผู้ยังหลงเหลือความซุกซนของวัยรุ่น!
‘กิ่งไม้’ เริ่มขยับโยก ‘ดอกไม้’ เริ่มบานออกสลับหุบเข้า ซินเธียจ้องไคลน์ด้วยสีหน้าขวยเขิน และกล่าวด้วยน้ำเสียงล่องลอย
“ท่านนายพล ข้าอยากมีทายาทกับท่าน”
……………………