ภายในห้องน้ำที่มีทั้งเขตเปียกและแห้ง หมอกไอน้ำสีขาวกำลังระเหยรอบอ่าง
นอกจากส่วนศีรษะ ร่างกายทั้งหมดของไคลน์จมอยู่ในน้ำอุ่นโดยสมบูรณ์ ลำตัวพาดยาวเต็มอ่างด้วยสีหน้าแสนผ่อนคลาย สบายจนไม่อยากขยับแม้แต่ปลายนิ้วเท้า
ช่างเป็นค่ำคืนแสนวิเศษ ถ้าไม่มีซินเธียรอข้างนอกคงดีกว่านี้…
แต่เราคงหลบหน้าเธอตลอดไปไม่ได้…
ไคลน์ถอนหายใจ ครุ่นคิดหาข้ออ้างที่จะใช้ปฏิเสธการหลับนอนกับซินเธีย
จากอุปนิสัยของนายพลอมิรุส·รีเวลต์ ไคลน์เตรียมใช้ข้ออ้างว่างานยุ่ง หรือไม่ก็ ช่วงนี้พักผ่อนไม่เพียงพอ ช่วงนี้ไม่มีอารมณ์เพราะอาการบาดเจ็บ ช่วงนี้กำลังย่อยโอสถ จึงต้องใช้เวลาปรับสภาพอีกสักพัก หรือไม่ก็ เพิ่งค้นพบรสนิยมทางเพศที่แท้จริงของตัวเอง เริ่มมองว่าลิงบาบูนขนหยิกมีเสน่ห์น่าค้นหา
ส่วนเรื่องที่ว่า ข้ออ้างดังกล่าวจะทำให้ภาพลักษณ์นายพลเสื่อมเสียหรือไม่ และมากแค่ไหน ไคลน์ไม่แยแสสักเท่าไร ขอเพียงซินเธียไม่สงสัยว่าตนคือเป็นตัวปลอม มันพร้อมทำทุกวิถีทาง
หน้าที่ในการอธิบายความจริง หรือการหาข้ออ้างเพื่อกลบเกลื่อนว่า รสนิยมทางเพศได้กลับเป็นแบบเดิมแล้ว สิ่งนี้คือปัญหาของอมิรุสเอง
คนอื่นจะมองอมิรุสอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์? แล้วคนอื่นจะมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์อย่างไร เกี่ยวอะไรกับเชอร์ล็อก·โมเรียตี้?
ไคลน์ลุกยืนด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เดินออกจากเขตเปียก ดึงผ้าขนหนูมาเช็ดร่างกาย
หลังจากเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมอาบน้ำที่ถูกแขวนเตรียมไว้บนราว มันถอนหายใจเงียบ คลายกลอนห้องน้ำด้วยบรรยากาศตึงเครียดประหนึ่งเตรียมเข้าห้องบอสใหญ่ภายในเกม
แต่เมื่อได้เห็นทางเดินว่างเปล่า มีเพียงแสงเหลืองนวลจากโคมไฟผนังคอยขจัดบรรยากาศสลัว ไคลน์ถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าโล่งอก ไม่ตึงเครียดเหมือนในตอนแรก
ยังกับกำลังจะเข้าไปสู้กับพลเรือโจรสลัด…
ชายหนุ่มพึมพำ พลางตระหนักถึงปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน นั่นคือ มันไม่แน่ใจว่าทางไหนเป็นห้องนอนใหญ่ และทางไหนคือห้องทำงาน
เฮ่อ… ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง แต่อมิรุสก็ต้องแวะไปทักทายซินเธียก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงมองว่าเราผิดปรกติ…
ไคลน์นึกทบทวนโครงสร้างของบ้าน เตรียมเปลี่ยนเป้าหมายไปยังห้องนอนใหญ่
ทันใดนั้น ประตูห้องที่อยู่เยื้องฝั่งตรงข้ามพลันเปิดแง้ม ซินเธียในชุดนอนเดินออกมา
เส้นผมสีทองทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงในลักษณะไม่เรียบร้อย สองสามเส้นปรกหน้า บดบังดวงตาสีฟ้าและริมฝีปากแดงฉ่ำ ฉากตรงหน้าช่างเย้ายวนและสั่นคลอนหัวใจชายหนุ่มอย่างหนักหน่วง
ภาพของชุดนอนที่ผ่าคอลึกจนเห็นเนินอก และผิวพรรณขาวหิมะที่ถูกฉาบด้วยแสงไฟผนังสีเหลืองนวล กำลังปรากฏในสายตาไคลน์อย่างแจ่มจัด
มันเกือบแหงนหน้ามองเพดานตามสัญชาตญาณ เพื่อมิให้หัวจิตหัวใจปั่นป่วนไปมากกว่าเดิม
เย็นไว้… ใจเย็นก่อน… เราคืออมิรุส·รีเวลต์… เทียบกับสตรีแห่งโรคภัย เสน่ห์ของซินเธียยังด้อยกว่ามาก… เดี๋ยวก่อนสิ… ทำไมเราถึงต้องอ้างอิงจากแม่มด? พวกมันอาจเป็นชายมาก่อนก็ได้!
ไคลน์ลืมตา จ้องสำรวจอีกฝ่ายหัวจรดเท้า
เพียงพริบตา มันตระหนักถึงความฮึกเหิมจากส่วนลึกของจิตใจ เพียงแต่ว่า อวัยวะเบื้องล่างกลับไม่ยอมลุกซู่ชูชัน
อำนาจของพันธสัญญา… ว่ากันตามตรง นายพลอมิรุสไม่มีความจำเป็นต้องลำบากทำแบบนี้ เราสามารถควบคุมอารมณ์และอวัยวะของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ… ฉากที่วาบหวิวกว่านี้ก็เคยเห็นมาเยอะแล้ว…
จะว่าไป… ท่าทีซินเธียแตกต่างจากข้อมูลในเอกสารของบิลต์พอสมควร เธอไม่ได้เพิ่งมาเป็นภรรยารองของอมิรุสแค่ปีสองปี และใช่ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันนานสักหน่อย รวมถึง อมิรุสก็มิได้บกพร่องเรื่องบนเตียง แล้วเหตุใดเธอถึงต้องรุกหนักอย่างผิดธรรมชาติเช่นนี้?
หรือเป็นเพราะตระหนักว่าตำแหน่งภรรยารองเริ่มสั่นคลอน อาจถูกแทนที่ด้วยหญิงอื่น?
นับตั้งกลายเป็นผู้ไร้หน้า ไคลน์จะเตือนสติตัวเองไว้เสมอว่า ทุกคนล้วนสวมหน้ากากเข้าหากันเพื่อปกปิดสันดานแท้จริง
ซินเธียก้มหน้าลง เริ่มสูญเสียความมั่นใจเมื่อถูกอมิรุสเพ่งจ้องปานจะกลืนกิน ใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อคล้ายกำลังเขินอาย แต่ยังหลงเหลือความภาคภูมิใจไว้บางส่วน
จากนั้น เธอได้ยินคำสั่งเสียงขรึม
“ชงกาแฟให้ฉันสักแก้ว และนำมาส่งที่ห้องอ่านหนังสือ คืนนี้มียังงานให้ต้องสะสางอีกมาก เธอนอนก่อนได้เลย ไม่ต้องรอฉัน”
ซินเธียเงยหน้ามองด้วยสายตาว่างเปล่า ใบหน้ายังคงแดงชมพูด้วยเลือดฝาด
เธอตามบทสนทนาไม่ทันไปหลายวินาที
ไคลน์สูดลมหายใจยาว เดินเข้าไปสวมกอดและจุมพิตหน้าผากอย่างอ่อนโยน
“ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฉันจะชดเชยให้แน่”
นี่คือคำตอบตามข้อมูลในเอกสารที่บิลต์เตรียมไว้ให้ เพียงแต่ไคลน์ดัดแปลงเล็กน้อย
ด้วยความสัตย์จริง หากไม่เคยทราบล่วงหน้ามาก่อน ไคลน์คิดว่าอมิรุสต้องทำหน้าเคร่งขรึมและเอาจริงเอาจังใส่ภรรยารองตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งยามอยู่บนเตียง
แต่ในความเป็นจริง ครึ่งเทพรายนี้มีมุมอ่อนโยนและรอยยิ้มอบอุ่น เพียงแต่ไม่ถนัดการหยอดคำหวาน
เรื่องนี้ช่วยสอนไคลน์ว่า อย่าตัดสินคนจากภายนอก ถ้ายังไม่ได้เห็นมุมลับของคนคนนั้น
สัจธรรมดังกล่าวคือสิ่งที่ผู้ไร้หน้าต้องพึงระวัง ไม่อย่างนั้นอาจถูกคนใกล้ตัวพบพิรุธเอาได้ง่าย สรุปโดยสั้น การศึกษาข้อมูลของเป้าหมายให้ดีคือสิ่งสำคัญ หลักการคล้ายกับ ‘ห้ามแสดงกลโดยไม่เตรียมตัว’ ของนักมายากล
ซินเธียเผยสีหน้าผิดหวังชัดเจน แต่ไม่นานก็รวบรวมสติกลับมายิ้ม
“ตกลงค่ะ ท่านนายพล ชุดนอนอยู่ในห้องนะคะ เสื้อคลุมอาบน้ำคงไม่เหมาะแก่การทำงานสักเท่าไร”
ตรงตามข้อมูล… เป็นคนเอาใจใส่ดีมาก…
ไคลน์ยืนจ้องซินเธียที่หันหลังไปสั่นกระดิ่งเรียกสาวใช้ และถือโอกาสดังกล่าวถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออก สวมชุดนอนสีแดงเลือดหมูแทน
ซินเธียเปิดประตูห้องอ่านหนังสือ เดินไปเก็บกวาดโต๊ะทำงานที่ไม่เป็นระเบียบ ตามด้วยการเดินไปรอรับกาแฟที่สาวใช้ชง จึงค่อยส่งให้ไคลน์กับมือตัวเอง
จากนั้น ไคลน์นั่งลง อ่านเอกสารทางการทหารด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ประหนึ่งว่าตนต้องสะสางกิจการสำคัญของกองทัพภายในคืนนี้
แต่ในความเป็นจริง มันอ่านแปลนของเรือรบหุ้มเกราะไม่เข้าใจเลยสักนิด คล้ายกับเป็นพวกไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
เกี่ยวกับความรู้ด้านดังกล่าว มันพอจะเข้าใจอยู่ไม่กี่เรื่อง จำพวกเรือบรรทุกเครื่องบิน ปืนต่อต้านอากาศยาน ปืนใหญ่ประจำเรือรบ และปืนกลหนักรอบลำเรือ
จากมุมสายตา เมื่อได้เห็นซินเธียเดินออกจากห้องและปิดประตูอย่างมีมารยาท ไคลน์คลายความกดดันทั้งหมดลง เชื่อว่าบททดสอบในค่ำคืนนี้จบลงโดยสมบูรณ์
ณ ห้องนอนใหญ่ ซินเธียเม้มปากอย่างเจ็บใจ หยิบสร้อยคอจากใต้หมอน และกำนอแรดสีดำขนาดเท่าหนึ่งข้อนิ้วไว้ในมือ
หญิงสาวยืนตัวตรง สวดวิงวอนเสียงแผ่ว
“ข้าแต่พระมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย… ได้โปรดอำนวยพรให้ข้าเปี่ยมด้วยเสน่หาน่าดึงดูดยิ่งกว่านี้… ได้โปรดดลบันดาลให้นายพลอมิรุสปรารถนาในตัวข้า ต้องการเสพสมข้า ต้องการมีบุตรกับข้า”
…
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบเชียบภายในห้องอ่านหนังสือ ไคลน์ก้มมองเอกสารตรงหน้าด้วยแววตาลุ่มลึก อาศัยข้อมูลจากบิลต์ มันเลือกหยิบแผ่นที่มีความสำคัญไม่มากขึ้นมาเซ็นชื่อ
เป็นลายมือที่เหมือนกับอมิรุส·รีเวลต์ทุกประการ สิ่งนี้เกิดจากพลังผู้ไร้หน้าที่สามารถจดจำรายละเอียดได้แม่นยำ และพลังตัวตลกที่ควบคุมความนิ่งของมือได้ดังใจ
ในส่วนของเอกสารซับซ้อนที่ยากเกินความเข้าใจ ไคลน์เขียนบันทึกช่วยจำลงไปว่า :
“รอดูไปก่อน”
ชายหนุ่มทำตัว ‘ยุ่ง’ จนถึงรุ่งสาง พลางเลื่อนมือขึ้นมาปิดปากหาว
ไม่ได้การ… เราต้องหลับพักผ่อนบ้าง… พรุ่งนี้ยังมีบททดสอบอีกมาก… ต้องรักษาพลังงาน…
ไคลน์ใคร่ครวญ ล้มเลิกความคิดที่จะกลับไปหลับพักผ่อนในห้องนอนใหญ่
มันยกมือขวาขึ้นพร้อมกับหลับตา ใช้ปลายนิ้วชี้และโป้งกดลงไปบนเปลือกตาฝั่งละข้าง จากนั้นก็กระตุกเลื่อนลง ส่งผลให้ตำแหน่งของดวงตาขยับลงมาอยู่บนโหนกแก้ม
ถัดมา ในจุดเดิมที่เคยมีดวงตา ไคลน์สร้างดวงตาปลอมที่สมจริงขึ้นมาแทน
ตั้งแต่ได้เป็นผู้ไร้หน้า เราก็ยิ่งเหมือนสัตว์ประหลาดเข้าไปทุกที… ถ้าสมัยเรียนมีเทคนิคแอบงีบแบบนี้บ้างก็คงดีไม่น้อย…
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยปิดดวงตาจริงลง เปิดตาปลอม แสร้งทำเป็นอ่านเอกสารในท่าหลับ
พลังตัวตลกช่วยรักษาสมดุลร่างกายให้ไม่กระดุกกระดิก แน่นิ่งประหนึ่งรูปปั้นหินก็มิปาน
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ไคลน์ได้สติอีกครั้งภายในความฝันตัวเอง และตระหนักอย่างแจ่มชัดว่า มันถูกใครบางคนบุกรุกความฝันขณะนอนหลับ!
ใครกัน… เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย…. ทำไมถึงถูกบุกรุกความฝัน…
ไม่สิ… ตอนนี้เราคือนายพลอมิรุส·รีเวลต์…
ไคลน์รีบเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายในความฝันให้เหมือนกับครึ่งเทพแห่งกองทัพเรือ
ขณะเดียวกัน มันสัมผัสว่าจิตใต้สำนึกของตนเริ่มเจือจางลง คล้ายกับพยายามเก็บซ่อนบางสิ่งจากคนแปลกหน้า
หนนี้ไม่เหมือนกับความฝันทั่วไป สติของเรากระจ่างชัด ตระหนักถึงร่างกายบนโลกภายนอกได้ทุกส่วน แต่ไม่สามารถออกจากความฝัน…
ไคลน์ทดสอบกระทำบางสิ่ง แต่ไม่สำเร็จ
มันรู้สึกตัวว่ากำลังฝัน แถมยังขยับร่างกายนอกความฝันได้ตามปรกติ ยืนยันได้ว่าฝ่ามือของตนยังอยู่บนโต๊ะทำงาน แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็มิอาจฝืนตื่นจากความฝันนี้ได้
จากนั้น ดวงตาชายหนุ่มเริ่มพร่ามัวและเต็มไปด้วยหมอกควันสีขาว คนผู้หนึ่งปรากฏตัวในสภาพไม่ชัดเจน
ไคลน์หรี่ตาลง รีบส่งพลังวิญญาณออกนอกความฝัน บังคับฝ่ามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ สัมผัสกับยันต์กฎหมายที่เก้า
ขณะเดียวกัน บุคคลปริศนาส่งเสียง
“ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของออสเท่นเด็ดขาด นี่คือคำเตือน”
ต้องแน่แค่ไหนถึงกล้าเตือนครึ่งเทพ…
พวกมันกำลังวางแผนอะไรไว้…
ไคลน์ครุ่นคิด พลางถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในยันต์กฎหมายที่เก้า ส่งผลให้บรรยากาศอันน่าเกรงขามของอมิรุสแผ่ออกจากร่างกายในปริมาณเข้มข้น
มันเปล่งเสียงถามออกไป
“คุณเป็นใคร ฝ่ายไหนเป็นคนส่งมา”
บุคคลปริศนาพลันผงะ สีหน้าเผยความประหวั่นราวเสี้ยววินาที ก่อนจะฉีกยิ้ม
“โฮ่… สมกับเป็น ‘นักสานกฎหมาย’ อมิรุส… สามารถคงสติได้ในความฝันตัวเอง”
ผิดแล้วสหาย อมิรุสอาจเป็นนักสานกฎหมายที่เก่งกาจ แต่คงมิอาจรักษาสติในความฝันได้แน่ นายต้องพูดว่า สมกับเป็น ‘ท่านฟูล’ จึงจะถูก…
ไคลน์รำพัน เอ่ยปากถามเสียงขรึม
“ตอบคำถามมา”
ร่างพร่ามัวหัวเราะในลำคอ
“คุณไม่จำเป็นต้องทราบว่าผมเป็นใคร ในฐานะครึ่งเทพ คุณคงทราบดีว่าทุกสิ่งดำเนินไปตามลิขิตฟ้า ไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม อย่าได้ฝ่าฝืนกฎแห่งชะตากรรมเด็ดขาด มันคือกระแสเวลาอันเชี่ยวกราก หากริอ่านเอาตัวเข้าไปขวาง จุดจบเดียวคือการได้เป็นเครื่องสังเวยของประวัติศาสตร์”
ชะตากรรม… กระแสแห่งเวลา… เครื่องสังเวยในประวัติศาสตร์…
ฟังถึงตรงนี้ ไคลน์ผุดหนึ่งคำในหัว
สภานักสิทธิ์สนธยา!
แต่มันมิได้กล่าวคำใดออกไป เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้า นายพลอมิรุสจะกลับไปเป็นตัวจริง
เมื่อบุคคลร่างเลือนรางเห็น ‘นักสานกฎหมาย’ อมิรุสเงียบงันไปพักใหญ่ มันไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงหายตัวไปพร้อมกับหมอกควันสีขาวโพลน ปล่อยไคลน์เป็นอิสระจากความฝัน
……………………