Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 608 : มืออาชีพ

ราชันเร้นลับ 608 : มืออาชีพ

สายหมอกสีเทาไร้ขอบเขตกำลังไหลเวียนไปรอบมิติอย่างเงียบงัน พวกมันจะเกิดแรงเสียดทานเล็กน้อยเมื่อเคลื่อนตัวไปบนผิวของโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ

ไคลน์เปลี่ยนท่านั่ง ครุ่นคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณมารอย่างละเอียด ไม่เข้าใจว่าทำไมตนและมาดามชารอนถึงได้มองข้ามปัญหาเกี่ยวกับราฟเตอร์·พาวน์ในขณะนั้นโดยสิ้นเชิง

“หรือจะเป็นเพราะพลังของ ‘นักวางแผน’ บนเส้นทางนักบวชสีชาด…? เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับการหลอกลวงตามธรรมชาติโดยมิได้พึ่งพาพลังพิเศษ มิติสายหมอกของเราจึงไม่ช่วยให้ระลึกถึงความจริงเบื้องหลัง และจะไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกจนกว่าจะไตร่ตรองอย่างรอบคอบ? ถ้าไม่ใช่เพราะเราบังเอิญทราบข้อมูลจากมิสเตอร์อะซิกว่า วิญญาณมารตนดังกล่าวคืออดีต ‘เทวทูตสีชาด’ เมดีซี ที่ร่วงหล่นไปเมื่อหลายพันปีก่อน เราคงไม่มีทางพบความผิดปรกติในเรื่องนี้เลย และไม่จ้างมิสเมจิกเชี่ยนให้คอยจับตามองถนนวิลเลียมส์”

ก้มหน้าครุ่นคิดหลายวินาที ไคลน์หยิบปากกาและกระดาษออกมาวาง เตรียมยืนยันทฤษฎีของตนด้วยการทำนาย

ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มเขียนประโยคที่จะใช้ในเทคนิคทำนายด้วยความฝัน

“บาโรเน็ตราฟเตอร์·พาวน์ในปัจจุบัน”

วางปากกาหมึกซึมสีแดงลง ไคลน์ถือกระดาษพร้อมประโยคทำนาย เอนหลังพิงพนักเก้าอี้

ก่อนอื่น มันต้องเรียกข้อมูลที่เกี่ยวกับราฟเตอร์·พาวน์ทั้งหมดในความทรงจำเพื่อให้การทำนายประสบผลสำเร็จ จากนั้นก็หลับตาลง พึมพำเสียงแผ่วและเข้าฌานเพ่งสมาธิ

จิตไคลน์เข้าสู่ภาวะสงบนิ่ง โลกความฝันสีเทาหม่นปรากฏขึ้นตรงหน้า

ท่ามกลางโลกอันพร่ามัว ฉากเหตุการณ์ถูกฉายผ่านสายตาชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งหยุดลงที่บ้านเลขที่ 29 ถนนซิลวารัส

ภายในห้องนั่งเล่นบรรยากาศอบอุ่น บาโรเน็ตราฟเตอร์·พาวน์ สวมชุดนอนผ้าฝ้าย มือหนึ่งถือแก้วไวน์บรรจุของเหลวสีแดง ยืนมองไปทางกรมตำรวจประจำเมืองหลวงที่อยู่เยื้องฝั่งตรงข้าม

จุดสีขาวบนจอนข้างขมับราฟเตอร์·พาวน์ชัดเจนขึ้นจากแต่ก่อนมาก ถุงใต้ตาปรากฏความหมองคล้ำชัดเจน ริ้วรอยตรงหน้าผากและหางตาลึกเกินกว่าจะเป็นชายวัยสี่สิบ

รูม่านตาอาจยังมีชีวิตชีวา แต่ก็ขยายขนาดมากกว่าปรกติเล็กน้อย ผิวแก้มแดงระเรื่อ ยิ้มอ่อนมุมปากตลอดเวลา ไคลน์พบรายละเอียดยิบย่อยมากมายซึ่งแตกต่างจากราฟเตอร์·พาวน์ที่ตนเคยรู้จัก

นึกแล้วเชียว มีบางสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นกับราฟเตอร์·พาวน์…

ไคลน์ส่งตัวเองออกจากความฝัน ครุ่นคิดหาวิธีจัดการกับวิญญาณมาร

แต่ก็ไม่เสียเวลาต้องไตร่ตรองนานนัก เพราะมันมีวิธีแก้ปัญหาในใจอยู่แล้ว ประกอบกับที่ตนไม่สามารถติดต่อกับมาดามชารอนได้ สิ่งแรกที่ต้องรีบทำคือการ ‘รายงาน’ ให้ทางการทราบ!

แต่จะรายงานด้วยวิธีไหน…

ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะเสกเดอะเวิร์ลขึ้นมาทำท่าสวดวิงวอน :

“จงใช้ช่องทางที่น่าเชื่อถือ ส่งข้อมูลต่อไปนี้ให้กับโบสถ์เทพจักรกลไอน้ำและโบสถ์รัตติกาล ข้อมูลก็คือ : สายสืบระดับสูงจากฟุซัคและอินทิสกำลังรวมตัวบนถนนวิลเลียมส์ เป้าหมายที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด ค่าตอบแทนของภารกิจนี้คือหนึ่งร้อยปอนด์”

ข้อความดังกล่าวคือผลลัพธ์จากการใคร่ครวญอย่างละเอียดของชายหนุ่ม หากตนเปิดเผยความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับราชาเทวทูต นักบวชสีชาด ตระกูลเมดีซี และราชวงศ์ทูดอร์ ไม่เพียงอาคารโบราณใต้ดินจะถูกทางการกับกองทัพขุดค้น แต่ตัวมิสเมจิกเชี่ยนเองก็จะถูกสอบปากคำสถานหนัก อาจถึงขึ้นถูกจับคุมขัง ผลลัพธ์ที่ตามมาจะอันตรายอย่างมาก

ในทางกลับกัน ข้อมูลที่ว่า ‘สายลับระดับสูงของฟุซัคและอินทิสกำลังรวมตัวกันบนถนนวิลเลียมส์’ ไม่เพียงจะลดระดับความอันตรายลง แต่ยังกลมกลืนไปกับเหตุการณ์ปรกติที่ผู้วิเศษทั่วไปสามารถพบเห็นได้โดยบังเอิญ และระดับความอันตรายยังสูงพอจะกระตุ้นให้โบสถ์หลักกับกองทัพส่งมือดีมาสืบสวนด้วยตัวเอง นับเป็นข้ออ้างที่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย

ในส่วนของผลการสืบสวนหลังจากนั้น รวมไปถึงคะแนนผลงานส่วนตัวของหน่วยพิเศษแต่ละคน จะไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับคนแจ้งข่าว มิสเมจิกเชี่ยนอยู่ในสถานะปลอดภัยไร้กังวล

ไคลน์ตัดสินในไม่เรียกมิสเตอร์อะซิกมาช่วย เนื่องจากศัตรูเป็นถึงวิญญาณมารของราชาเทวทูต แต่มิสเตอร์อะซิกยังฟื้นฟูความทรงจำกลับมาไม่สมบูรณ์ ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ในการดวล

อาศัยการเพ่งสมาธิเล็กน้อย ไคลน์เปลี่ยนให้ฉากสวดวิงวอนของเดอะเวิร์ลกลายเป็นกระแสพลังงาน ไหลซึมเข้าไปในดาวแดงเข้มที่เป็นตัวแทนของเมจิกเชี่ยน

กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด

หลังจากได้รับคำตอบจากเดอะเวิร์ล ฟอร์สทำสีหน้าตกตะลึง

“แท้จริงแล้ว… คนเหล่านั้นเป็นสายลับระดับสูงจากฟุซัคและอินทิส?” หญิงสาวประหลาดใจหนักหน่วง เชื่อว่าลำพังข้อมูลที่ตนบรรยายส่งไป ไม่มากพอจะช่วยให้อนุมานเป็นแบบนั้นได้แน่!

แต่เพียงไม่นาน ฟอร์สเริ่มเข้าใจสถานการณ์

คงเป็นเพราะมิสเตอร์เวิร์ลมีเบาะแสอยู่ก่อนแล้วว่าถนนวิลเลียมส์ถูกสายลับแทรกซึม เมื่อเราเล่าถึงความหนาแน่นของชาวฟุซัคและอินทิส นั่นเป็นการยืนยันข่าวกรองของเขาถูกต้อง…

ให้ส่งข้อความถึงโบสถ์จักรกลไอน้ำและโบสถ์รัตติกาล? เขากำลังบอกใบ้ทางอ้อมให้เรา ‘รายงาน’ เข้าไปสินะ… น่าเสียดายที่เราจะไม่ได้รับรู้ความคืบหน้าหลังจากนี้ อดเห็นฉากเด็ดที่อาจนำไปใช้เขียนนิยาย…

การแจ้งข่าวให้หน่วยพิเศษทราบ เรื่องนี้มิได้ไกลตัวฟอร์สสักเท่าไร เพราะเหนือสิ่งอื่นใด รูมเมทของเธอคือนักล่าค่าหัวที่มีชื่อเสียง

เพียงไม่นานก็ได้ข้อสรุป หญิงสาวตัดสินใจฝากฝังให้เพื่อนผู้เชี่ยวชาญ รับหน้าที่รายงานไปยังหน่วยพิเศษของโบสถ์หลักประจำกรุงเบ็คลันด์

เดินออกจากห้องนอน ฟอร์สเห็นซิลกำลังนั่งบนโซฟาตัวโปรด โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย สายตาเพ่งอ่านเอกสารเกี่ยวกับเป้าหมายภารกิจ มือข้างหนึ่งขยับขึ้นมาสางผมที่ค่อนข้างยุ่งเหยิงเป็นระยะ สีหน้าคล้ายกำลังเคร่งเครียด

ฟอร์สแวะหยิบของตกแต่งชิ้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กับโซฟา จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้

“มากินเค้กกัน”

ซิลชำเลืองจานเค้กเนยฉ่ำครีม ตามด้วยการเหยียดแขนคว้าโดยไม่เบือนหน้าจากกระดาษเอกสาร

ทันใดนั้น ฟอร์สบิดข้อมือ เปลี่ยนให้จานเค้กกลายเป็นดอกไม้กระดาษสีทอง

“ตกใจไหม” เธอถามพร้อมรอยยิ้ม

ซิลกลอกตามองบนอย่างเอือมระอา

“เลิกเล่นกลไร้สาระสักที ฉันต้องการอาหารของจริงมากกว่า!”

“ตกลง เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ฉันมีงานด่วนมาให้เธอทำ ค่าตอบแทนเจ็ดสิบปอนด์”

ฟอร์สนั่งลงพลางยิ้ม

หลังจากจัดการเรื่องของวิญญาณมารเสร็จ ไคลน์ส่งตัวเองกลับสู่โลกจริง ประกอบพิธีกรรมนำเครื่องรับโทรเลขไร้สายที่แช่ออร่าสายหมอกมาแล้วหลายวัน ลงมายังห้องนอนใหญ่

ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนบนเตียง ด้วยความช่วยเหลือจากการเข้าฌาน มันหลับสนิทอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงดัง ‘กุกกัก’ ของเครื่องรับโทรเลขไร้สาย

เมื่อไคลน์ลืมตา แสงจันทร์สีแดงเข้มด้านนอกกำลังส่องสลัว บางส่วนฉายเข้ามาในห้อง ปกคลุมเครื่องรับโทรเลขบนโต๊ะที่กำลังพ่นกระดาษมายาสีขาว

ยังกับอยู่ในหนังสยองขวัญ…

แต่ในความเป็นจริง เครื่องรับโทรเลขไร้สายกำลังเชื่อมต่อกับกระจกวิเศษไร้ยางอายและไม่มีขีดกำจัดล่าง…

ไคลน์พยุงตัวนั่งบนเตียง จากนั้นก็ลุกเดินเข้าไปใกล้ ก้มหน้าอ่านตัวหนังสือภาษาโลเอ็นบนกระดาษมายา

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่เหนือโลกวิญญาณ ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ อาโรเดส มาคอยรับใช้ท่านแล้ว! นายท่านต้องการทดสอบข้าใช่ไหม”

เห็นไหม… เห็นไหม! นี่คือศาสตร์แห่งการสนทนาอย่างไร้ยางอาย! มืออาชีพตัวจริง!

ในตอนนี้ ไคลน์นึกอยากลากตัวนักปรุงยาร่างท้วม ดัควีลล์ เข้ามาฟังวาทศิลป์อันคมคายของกระจกวิเศษอาโรเดส อีกฝ่ายจะได้เลิกตายเพราะปากหมา

ทั้งที่เราเป็นฝ่ายเตรียมคำถาม แต่ทางนั้นกลับเปลี่ยนมันให้เป็นบททดสอบของตัวเอง แถมยังชิงสร้างคำถามเก็บสะสมไว้ล่วงหน้าอย่างแนบเนียน…

ไคลน์ฝืนเกร็งมุมปาก ตอบเสียงแผ่ว

“ถูกต้อง”

“เชิญนายท่านถามมาได้เลย อาโรเดสผู้โง่เขลาและตื้นเขินพร้อมรับการทดสอบแล้ว!”

ท่ามกลางเสียงกุกกัก บนกระดาษมายาไม่เพียงจะมีตัวหนังสือภาษาโลเอ็น แต่ยังพ่วงท้ายด้วยสัญลักษณ์รอยยิ้มแสนสดใส

นี่คงเป็นต้นกำเนิดของอีโมจิ…

หมอนี่วิวัฒนาการไวชะมัด…

ไคลน์ซักถามไม่อ้อมค้อม

“ฉันจะตามหาสมบัติวิเศษที่สามารถช่วงชิงพลังพิเศษของคนอื่นได้จากที่ไหน”

ทันใดนั้น เสียงกุกกักดังหนักแน่นยิ่งกว่าเก่า กระดาษมายาสีขาวเริ่มพ่นภาพเสมือนจริงราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์

ประกอบด้วยภาพด้านในประตูยานิสเมืองทิงเก็นที่ไคลน์ยังไม่ลืม ภาพของเลียวนาร์ด·มิเชล นักกวีหล่อเหลาเจ้าของเส้นผมสีดำขลับและดวงตาเขียวมรกต ภาพของชายวัยกลางคนกำลังนั่งบนโซฟา มุมปากอมยิ้มพลางจ้องหญิงสาวตระกูลขุนนางฝั่งตรงข้าม ภาพของหญิงสาวมาดสง่างาม กำลังเดินเตร็ดเตร่ภายในท่อระบายน้ำอันมืดมิด

มีทั้งหมดสิบสองภาพ ปิดท้ายด้วยข้อความภาษาโลเอ็น

“นี่เป็นเพียงช่องทางที่นายท่านสามารถหาได้ง่ายหรือสะดวกในการเข้าถึง ความจริงยังมีมากกว่านี้ แต่มันซับซ้อนและอันตราย หรือไม่ก็มีระดับสูงจนข้ามิอาจมองทะลุ”

ไม่เลว… รู้จักคัดกรองข้อมูลก่อนถึงมือเราเพื่อความสะดวก… นี่มันกูเกิ้ลรุ่นเฉลียวฉลาดแห่งโลกศาสตร์เร้นลับ…

ไคลน์พยักหน้ารับ ซักถามในสิ่งที่ตนทราบคำตอบอยู่ก่อนแล้ว

“ถึงคิวเจ้าถาม”

“ท่านได้ตอบไปแล้ว” บนกระดาษมายาขาว อาโรเดสได้ตอบในสิ่งที่ไม่เหนือความคาดหมาย

ไคลน์หัวเราะในลำคอ ซักถามต่อไป

“เลียวนาร์ด·มิเชลอยู่ที่ไหน”

เสียงกุกกักดังอย่างดุดันอีกครั้ง ฉากแล้วฉากเล่าปรากฏสู่สายตาไคลน์ในลักษณะรูปภาพจำนวนมากเรียงต่อกัน

เป็นภาพของหนึ่งในสถานที่สำคัญประจำกรุงเบ็คลันด์ หอคอยโกธิกสีดำสูงตระหง่าน ด้านบนสุดมี ‘ระฆังประกาศิต’ แขวนอยู่

ด้านล่างเป็นป้ายบอกชื่อถนน

เขียนไว้ว่า ‘ถนนพินสเตอร์’

ณ บ้านแถวเลขที่ 7 ด้านในมีชายสวมโค้ทตัวใหญ่สีดำ ถุงมือสีแดง ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเลียวนาร์ด·มิเชล นักกวีสุดหล่อที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมหน่วยของไคลน์

เลียวนาร์ดกำลังก้มหน้าอ่านแฟ้มคดีคาพินและลาเนวุส

หมอนั่นกำลังอยู่ในเบ็คลันด์ แถมยังสืบคดีของคาพินกับลาเนวุส?

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…

มุมปากไคลน์พลันกระตุก เค้นสมองไตร่ตรองว่าตนเหลือเบาะแสใดทิ้งไว้ในคดีดังกล่าวบ้าง

เบาะแสเดียวก็คือ การมีส่วนร่วมในทั้งสองคดีของนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ หากนายบุกรุกความฝันเดซีย์ ก็จะได้พบความเชื่อมโยงดังกล่าว แต่ตอนนั้นเราสวมหนวดเครารุงรัง เป็นการปลอมตัวที่ยอดเยี่ยม ลำพังฉากพร่ามัวในความทรงจำเดซีย์คงมิอาจระบุตัวตนได้ชัดเจน…

หรือต่อให้รู้จักแล้วยังไง เชอร์ล็อก·โมเรียตี้มิได้เกี่ยวอะไรกับเราที่เป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์สักหน่อย…

ไคลน์นำสติกลับเข้าประเด็น พยายามจดจำที่อยู่ปัจจุบันของเลียวนาร์ด·มิเชล

7 ถนนพินสเตอร์ เขตเหนือของกรุงเบ็คลันด์

ชายหนุ่มเตรียมฝากฝังให้เดอะมูน·เอ็มลินแห่งชุมนุมทาโรต์ แวะไปเยี่ยมเลียวนาร์ดภายในวันมะรืน พร้อมกับใช้เข็มกลัดของชุมนุมผู้สันโดษแห่งชะตาเพื่อเจรจาขอซื้อสมบัติวิเศษ

หวังว่าสหายเก่าของเราจะมีสมบัติวิเศษสำรองไว้หลายชิ้น… ไม่อย่างนั้น เกรงว่าราคาคงถูกโก่งขึ้นจากปรกติ…

ไคลน์หันไปกล่าวกับเครื่องรับโทรเลข

“ตาเจ้าถามแล้ว”

ว่ากันตามตรง ไคลน์อยากรู้ว่ากระจกวิเศษไร้ยางอายจะบ่ายเบี่ยงคำถามไปในทิศทางใด

กุกกัก. กุกกัก.

เครื่องรับโทรเลขพ่นกระดาษมายาสีขาวที่มีภาษาโลเอ็นออกมา

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ เลียวนาร์ด·มิเชลมีความลับสำคัญอยู่หนึ่งเรื่อง ท่านอยากทราบหรือไม่”

ถามแบบนี้ก็ได้หรือ…

ไคลน์เงยหน้าขึ้นด้วยความขบขันปนตะลึง เพ่งมองดวงจันทร์กำลังแผ่แสงสีแดงนวลอย่างเงียบงันท่ามกลางทะเลสีดำ

ชายหนุ่มตอบกลับอย่างซื่อตรง

“แน่นอน”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset