ได้ยินคำถามจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ความคิดแรกในหัวดัควีลล์คือการอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับลูกเต๋าพิสดารโดยไม่ปิดบัง ให้นักผจญภัยที่ตนจ้างมาในราคาแพงได้ทราบถึงต้นตอของปัญหา จะได้มอบความคุ้มครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ทันใดนั้น มันหวนนึกถึงคำแนะนำของอาจารย์ จึงสงสัยว่าลูกเต๋าอันนี้อาจเป็นสมบัติปิดผนึกที่สำคัญของโรงเรียน หากอธิบายให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ฟังอย่างละเอียด ต่อมความโลภของอีกฝ่ายอาจถูกกระตุ้นจนทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม
มีข่าวลือมากมายในท้องทะเลที่เกี่ยวกับการสังหารนายจ้างเพื่อผลประโยชน์ที่มากกว่า… กรณีของเราก็ไม่แตกต่างกันนัก ยังไม่สนิทสนมกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ขนาดนั้น ไม่มีทางทราบเลยว่าอีกฝ่ายมีนิสัยใจคอเป็นเช่นไร จึงควรระวังตัวและรอบคอบให้มาก…
เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้ลูกเต๋ายังทอยค้างอยู่ที่สองแต้ม สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายสุดขีด ยังพอมีโอกาสให้แก้ตัว…
ดัควีลล์ลังเลครู่หนึ่ง ตัดสินใจว่าตนควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงลูกเต๋า และเล่าเพียงสถานการณ์อย่างผิวเผิน
มันเผลอหลบเลี่ยงสายตาแสนเย็นชาของเกอร์มัน·สแปร์โรว์โดยไม่รู้ตัว
“เรื่องราวก็คือ ฉันและอาจารย์เป็นสมาชิกขององค์กรลับแห่งหนึ่ง ต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนเนื่องจากเกิดการทรยศภายใน ศัตรูอยู่มีพลังบนเส้นทางโชคชะตา สามารถเปลี่ยนให้ตัวเองดวงดีกว่าปรกติ และสาปให้คนอื่นโชคร้ายกว่าปรกติ… ฉ…ฉันคงถูกสาปให้ดวงซวย ฟ้าจึงผ่าลงมาขณะเกิดพายุ”
เมื่ออธิบายจบ มันฝืนปิดบังความกระสับกระส่าย รอคอยคำตอบจากเกอร์มันอย่างใจเย็น
เขาจะยอมเชื่อรึเปล่า… การตบตานักผจญภัยที่ทรงพลังและมากประสบการณ์คงไม่ง่ายนัก… ถ้าพบว่าเราโกหก คงจับโยนลงทะเลโดยไม่ลังเลแน่นอน…
ดัควีลล์ยืนตัวเกร็ง สีหน้าเริ่มเผยความกระสับกระส่าย คล้ายกับนักเรียนที่ถูกอาจารย์เรียกให้ตอบคำถามหน้าโถงบรรยาย
เป็นโรงเรียนชีวิตจริงด้วย…
เส้นทาง ‘สัตว์ประหลาด’ สินะ…
ไคลน์พยักหน้ารับ ครุ่นคิดสักพัก
“เข้าใจแล้ว พยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด ฉันจะลองคิดหาวิธีขจัดความโชคร้ายให้”
ฟู่ว… ดัควีลล์ยืนตัวแข็งไปอีกสักพัก
มันคาดไม่ถึงว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะยอมเชื่อเหตุผลที่ตนกุขึ้นมาอย่างกะทันหันได้ง่ายดาย
นักปรุงยาอ้วนฝืนยิ้มแห้ง แสดงความขอบคุณไคลน์อีกหน จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง ปิดประตูและยืนพิง มือล้วงหยิบกล่องใบเล็กสำหรับใส่แหวน
กึก! มันเปิดฝากล่องด้วยฝ่ามือสั่นเทา พบว่าลูกเต๋าสีขาวนมสดทอยตัวเองอย่างเป็นปริศนาอีกครั้ง
กลายเป็นหกแต้มเต็ม!
หมายความว่า เป็นเพราะเราโชคดี จึงหลอกเกอร์มัน·สแปร์โรว์สำเร็จอย่างง่ายดาย?
ดัควีลล์ก้มหน้าครุ่นคิด
มิสเตอร์แฮร์รี่ นกฮูกอ้วน บินโฉบลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มิได้เลือกเกาะไหล่ดัควีลล์เหมือนทุกที คล้ายกับกำลังหวาดกลัวว่าจะตนถูกดึงเข้าไปพัวพันกับอุบัติเหตุร้ายแรง
มันยืนบนโต๊ะไม้ มองตรงด้วยดวงตากลมกลึง
“ดัควีลล์ เจ้ากำลังประหม่า”
“ฉันรู้น่า…” ดัควีลล์ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเจือความโกรธเคือง
นกฮูกกางปีกออก
“เข้าใจแล้ว ข้าจะพูดตามตรงก็แล้วกัน ข้ามีความคิดที่จะเปลี่ยนเจ้านาย ดูเหมือนเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก”
“แล้วฉันล่ะ?” ดัควีลล์ซักถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ หลงลืมความขุ่นเคืองชั่วคราว
มิสเตอร์แฮร์รี่มอบคำตอบ
“หากปล่อยไว้เช่นนี้ เจ้าคงไม่มีอนาคตแน่ อาจไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ! ลูกเต๋าพิสดารนั่นอันตรายเกินไป! ถ้าข้าเป็นเจ้า จะจับมันโยนออกไปนอกหน้าต่าง ทิ้งลงทะเล ปล่อยให้อาจารย์ของอาจารย์เจ้ามาเก็บไปเอง!”
“แกรู้จักอาจารย์ของอาจารย์ฉันได้ยังไง…”
ดัควีลล์โพล่งถาม
มิสเตอร์แฮร์รี่เชิดคางอย่างภาคภูมิใจ
“อย่าได้ดูถูกสายตาของนกฮูกเป็นอันขาด”
ดัควีลล์ก้มหน้าครุ่นคิดปัญหาของตัวเองต่อ หาได้สนใจคำตอบจากอีกฝ่าย
“ทำแบบนั้นไม่ได้… การโยนลูกเต๋าลงทะเลไม่ช่วยให้ปัญหาคลี่คลาย จากที่ตาแก่อธิบาย แม้ลูกเต๋าจะจมก้มทะเล แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน มันจะดึงดูดให้ผู้วิเศษลำดับสูงเข้ามาหา จากนั้นก็จะถูกขโมย… เจ้านกโง่ แกยังไม่รู้จักโลกของศาสตร์เร้นลับดีพอ จึงไม่เข้าใจว่าสมบัติปิดผนึกมีความสำคัญมากเพียงใด มันเหมือนกับโสเภณียอดนิยมของโรงละครแดง มีอำนาจดึงดูดพวกหิวกระหายได้เสมอ”
“รวมถึงเจ้าด้วย” นกฮูกแฮร์รี่ตอบอย่างสุขุม “สำหรับเรื่องที่ข้ายังมีความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับไม่เพียงพอ สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ด้วยคำกล่าวอันโด่งดังของจักรพรรดิโรซายล์
“หากเด็กคนหนึ่งไม่ได้รับการศึกษาที่ดี นั่นคือความผิดของผู้เป็นบิดา ประโยคนี้สามารถใช้ได้กับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและสัตว์เลี้ยง… เรื่องนั้นช่างมันก่อน ดัควีลล์ สำหรับความสำคัญอันดับหนึ่งในตอนนี้ เจ้าควรเล่าความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับลูกเต๋าพิสดารให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ทราบ ไม่อย่างนั้นจะยิ่งมีแต่อันตราย”
“ขอคิดก่อน รอดูไปอีกสักพัก มันอาจค้างอยู่ที่หกแต้มจนกระทั่งเราถึงจุดหมาย” ดัควีลล์ตอบด้วยสีหน้าลังเล
มันนั่งลงบนขอบเตียง ทิ้งตัวลงนอน
ขณะเดียวกัน พายุฝนฟ้าคะนองด้านนอกเริ่มเสื่อมฤทธิ์ ท้องฟ้าเผยความปลอดโปร่ง เรือโดยสารส่งเสียงหวูดยาวก่อนแล่นออกจากท่า
ภายในห้องนั่งเล่นของห้องพักเฟิร์สคลาส เกอร์มัน·สแปร์โรว์มองออกไปนอกหน้าต่าง เพ่งจ้องสายรุ้งที่มีบรรยากาศสลัวหลังฝนซา ภายในใจมิได้สงบนิ่งเหมือนกับสีหน้า
มันหาได้หวาดกลัวศัตรูหน้าไหน นอกเสียจากอีกฝ่ายจะเป็นสี่ราชาโจรสลัด ครึ่งเทพของทางการ หรือไม่ก็พลเรือโจรสลัดที่มาพร้อมกองเรือเต็มอัตราศึก
ศัตรูธรรมดามิอาจคุกคามไคลน์ที่มียุบพองหิวโหยและสมบัติวิเศษอีกหลายชิ้นได้แน่ หรือต่อให้เรือถูกถล่มจนอับปาง มันก็ยังมียันต์ในขอบเขตเทพสมุทรอีกหลายชิ้น การหนีเอาตัวรอดจึงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ถ้าเป็นพลังแห่งโชค สิ่งนี้เกินกว่าจะหยั่งถึงด้วยขอบเขตพลังในปัจจุบัน ชายหนุ่มแทบไม่มีวิธีรับมือหรือจัดการให้อยู่หมัด
แม้เราจะมีสมญานาม ‘ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ’ แต่นั่นถูกดัดแปลงมาจากคาถาในพิธีกรรมเสริมดวงชะตา และพิธีกรรมดังกล่าวก็มีได้ช่วยให้ผู้คนหลุดพ้นจากความอับโชคได้จริง… การคุมครองดัควีลล์ถือเป็นงานที่ยาก เราทำอะไรไม่ได้มากไปว่าเพิ่มความตื่นตัว ใส่ใจกับความผิดปรกติอีกฝ่ายให้มากขึ้น หากเกิดเรื่องเลวร้ายที่อาจทำให้ถึงตาย จะได้ยื่นมือช่วยเหลือได้ทันท่วงที…
ได้แต่หวังว่าหมอนั่นจะเอาตัวรอดผ่านสองสามวันนี้ไปได้ ถ้าถึงเกาะโอลาวีเมื่อไร สมาชิกระดับสูงของโรงเรียนชีวิตคงมีหนทางช่วยขจัดโชคร้าย…
ไคลน์ใช้สองนิ้วนวดหน้าผาก สีหน้าภายนอกยังคงเรียบเฉย
….
ดัควีลล์ที่เครียดจนนอนไม่หลับมาทั้งคืน เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ผ่านไปสักพัก กระเพาะอาหารส่งสัญญาณว่าใกล้ถึงเวลามื้อเที่ยงแล้ว
มันพยายามลืมตา แต่กลับทำไม่สำเร็จ คล้ายกับถูกใครบางคนที่มองไม่เห็นนั่งทับ ส่งผลให้ร่างกายมิอาจขยับเขยื้อนแม้แต่ปลายนิ้ว
ดัควีลล์รู้สึกราวกับสมองจองตนกำลังบวม ท้ายทอยเจ็บแปลบแสบคัน หายใจยากลำบาก หัวใจเต้นระรัวผิดจังหวะ
ไม่ได้… เราจะตายในฝันไม่ได้เด็ดขาด!
ดัควีลล์พยายามกระเสือกกระสน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ตื่นสักที อวัยวะทุกส่วนเริ่มอ่อนแรงลงทุกขณะ
ทันใดนั้น ปากของมันถูกถ่างออกด้วยบางสิ่งที่มีลักษณะแหลมยาว ของเหลวเย็น ๆ ไหลจากทิศทางดังกล่าว บางส่วนเอ่อล้นออกจากปากจนรอบคางและลำคอเปียกซึม
ร่างกายดัควีลล์เริ่มเบาสบาย จนสามารถลืมตาได้ในอีกไม่กี่อึดใจถัดมา สิ่งแรกที่มันเห็นคือดวงตากลมโตสีเหลืองสดใส อยู่ในระยะใกล้ชินจนแทบจะชนกัน
สัตว์เลี้ยงวิเศษก็มีประโยชน์ในบางครั้ง…
ดัควีลล์ถอนหายใจสั้น พยุงตัวนั่งอย่างรวดเร็ว รีบนำกล่องแหวนออกมาตรวจสอบ
แล้วก็ต้องพบว่า ลูกเต๋าด้านในที่เคยเป็นหกแต้มมาสักพัก เกิดความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
หนึ่งแต้ม!
ดวงซวยจนเกือบตายในฝัน…?
ไม่ใช่… คงไม่เรียบง่ายขนาดนั้น หลักการทำงานคงเป็นการ ‘ขยาย’ โอกาสความซวยให้มากขึ้น เช่นโอกาสเสียชีวิตจากการละเมอคำแปลก ๆ ในฝัน โอกาสถูกฟ้าผ่าขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง… ท่าไม่ดีแล้ว หากปล่อยเอาไว้แบบนี้ เราคงได้ตายจริงแน่!
ดัควีลล์ครุ่นคิดด้วยสีหน้าหวาดผวา
ความกลัวกำลังนำพาจิตใจ ภายในสมองไม่มีความคิดอื่นนอกจากการถือกล่องแหวนเดินไปทางประตูห้อง
อาจเป็นเพราะผลพวงจากสภาวะเกือบตายในความฝัน ร่างกายดัควีลล์จึงปราศจากเรี่ยวแรง การบิดกลอนเป็นไปอย่างยากลำบาก
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” มิสเตอร์แฮร์รี่ นกฮูกสีดำตัวอ้วน ส่งเสียงตะโกนผ่านประตู
โครม!
บานประตูถูกเปิดออกจากด้านนอก กระแทกใส่ใบหน้าดัควีลล์เต็มแรง หากไม่ใช่เพราะไคลน์ยั้งมือไว้บางส่วน นักปรุงยาอ้วนคงหัวแตกพร้อมกับเลือดสาดกระเซ็น
โดยไม่เสียเวลาลูบคลำความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกลางหน้าผาก ดัควีลล์เล่าด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“เพราะมัน… ทั้งหมดเป็นฝีมือของมัน! ลูกเต๋าอันนี้สาปให้ฉันโชคร้าย! ตอนนี้ทอยได้หนึ่งแต้ม ฉันจะล้มเหลวในทุกเรื่องที่ลงมือทำ!”
ดัควีลล์ไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว จึงกล้าบอกให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์รับรู้เรื่องราวทั้งหมด หวังให้นักผจญภัยที่เก่งกาจมอบคำแนะนำและการคุ้มครองอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับโอกาสที่จะถูกอีกฝ่ายฆ่าทิ้งเพราะความโลภ ดัควีลล์ยังตัดทิ้ง เพียงแต่ว่า ถ้ามันต้องเลือกระหว่างความฉิบหายสองฝั่ง ก็ขอเลือกฝั่งที่อันตรายน้อยกว่า
การเล่าให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ฟังอาจทำให้ถึงแก่ความตาย แต่ถ้าไม่เล่า มันจะตายอย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ไม่ยากนัก
หากอีกฝ่ายต้องการลูกเต๋า เราก็แค่ยอมยกให้เขาแต่โดยดี ชีวิตของตัวเองสำคัญกว่ามาก!
ดัควีลล์ซื่อสัตย์กับความรู้สึก
ทันใดนั้น มันเห็นรอยยิ้มสุภาพของเกอร์มัน
“ขอบคุณที่เล่าเรื่องตลกให้ฟัง เป็นมุกที่ไม่เลว”
นี่ไม่ใช่มุก…
ดัควีลล์ก้มมองกล่องแหวน พบว่ายังคงเป็นหน้าหนึ่งแต้มสีแดงสดเช่นเคย
หรือว่า เป็นเพราะลูกเต๋าบัดซบอันนี้ เราจึงโน้มน้าวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่สำเร็จ ทั้งที่มีเหตุผลรัดกุมรอบคอบ…
นักปรุงยาอ้วนทำหน้าสิ้นหวัง
“เป็นความจริง! เขาพูดความจริง!” นกฮูกแฮร์รี่แหกปากพลางตีปีก
ดัควีลล์ที่เริ่มมีหวัง กลับได้ยินคำตอบแสนเย็นชาจากปากเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“แล้วทำไมถึงไม่โยนมันลงทะเล…”
กล่าวจบ ไคลน์ปิดประตูอย่างนุ่มนวล เดินกลับไปนั่งในห้องนั่งเล่น
หมอนี่คงพยายามปิดบังบางสิ่งจากเรา จึงกุเรื่องส่งเดชโดยปราศจากความสมเหตุสมผล…
ไคลน์นั่งบนเก้าอี้ รอให้ดัควีลล์เปลี่ยนใจออกมาเล่าความจริงที่มีเนื้อหาฟังขึ้น
ดัควีลล์นั่งลงกับพื้นห้องนอนด้วยสีหน้าเหม่อลอย ไม่กล้าขยับร่างกายเป็นเวลานาน ด้วยเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตาย
แต่มันอาจไม่ทราบว่า ตอนนี้ลูกเต๋าได้แอบทอยตัวเองกลายเป็นแต้มสามเรียบร้อยแล้ว
…
ก่อนเริ่มมื้อกลางวัน ไคลน์เข้าห้องน้ำเพื่อทำให้ท้องว่าง
หลังจากล้างมือเสร็จ ชายหนุ่มแวะเข้าไปในมิติหมอก เตรียมสำรวจคำวิงวอนมากมายจากสาวกเทพสมุทร
ขณะนั่งลงบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล รายละเอียดของทุกเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นพลันพรั่งพรูเข้ามาสมอง ส่งผลให้ดวงตาไคลน์เบิกกว้าง
“เราเชื่อเหตุผลเหลวไหลแบบนั้นไปได้ยังไง… แล้วทำไมถึงคิดว่าลูกเต๋าเป็นเรื่องไร้สาระ… คล้ายกับทั้งสองครั้ง เราถูกหมอกดำรบกวนระบบเหตุผลและการตัดสินใจ ไม่สิ… คล้ายกับว่า คำอธิบายที่ฟังดูเหลวไหลของดัควีลล์จะสอดคล้องกับสิ่งที่เราคาดเดาในตอนแรกโดยบังเอิญ สัญชาตญาณจึงตัดสินว่าน่าเชื่อถือ… แต่อีกกรณีหนึ่ง คำอธิบายมิได้สอดคล้องกับสิ่งที่เราคิด จึงด่วนตัดสินว่าไม่น่าเชื่อถือทันที…”
ไคลน์นั่งครุ่นคิด ดวงตาเริ่มหรี่ลง
ในตอนนี้ มันมั่นใจเป็นอย่างมากว่า
“ลูกเต๋านั่นคือต้นตอของปัญหาทั้งหมด!”
……………………