Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 602 : เริ่มมีชื่อเสียง

ราชันเร้นลับ 602 : เริ่มมีชื่อเสียง

ดัควีลล์นอนหมอบเช่นนั้นเป็นเวลานาน ความคิดที่จะลุกยืนไม่มีอยู่ในหัว คล้ายกับสมองกำลังว่างเปล่า

นับตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ มันไม่เคยล้มหัวคะมำเช่นนี้เลยสักครั้งเดียว ยิ่งเฉพาะหลังจากดื่มโอสถจนร่างกายถูกเสริมสมรรถภาพด้วยแล้ว

แต่เมื่อครู่ เรากลับล้มลงอย่างไร้เหตุผล แทบจะหาคำใดมาอธิบายไม่ได้…

เหยียบโดนอะไรเข้า?

ดัควีลล์เริ่มได้สติ ใช้มือดันตัวเองขึ้นพร้อมกับพลิกตัวลุกยืน แสร้งทำเป็นไม่เคยล้ม

มันเหลียวซ้ายแลขวา ไม่พบสิ่งผิดปรกติใดบนพื้น ท่ามกลางความฉงน นักปรุงยาอ้วนเดินสองสามก้าวและก้มตัวหยิบลูกเต๋าสีขาวโพลน

พร้อมกันนั้น ตำรวจสายตรวจด้านข้างเริ่มตระหนักถึงความผิดปรกติ จึงรีบวิ่งเข้ามาดูพร้อมกับถือกระบองสั้นในมือซ้าย มือขวาเลื่อนลงไปจับลูกโม่ดัดแปลง

เมื่อเห็นภาพดังกล่าว นักปรุงยาอ้วน ดัควีลล์ พลันเกิดอาการลนลาน เริ่มสงสัยว่าตนอาจติดกับของศัตรูเข้าแล้ว

การที่พวกมันไม่เคยมายุ่งกับเราเลยสักครั้งหลังจากจับตัวตาแก่ได้ เป็นเพราะคอยจับตามองเราทุกฝีก้าวโดยไม่ให้รู้ตัว รอจนกว่าเราเข้าใกล้เบาะแสจึงค่อยลงมือ?

และเมื่อเราครอบครองลูกเต๋าประหลาด พวกมันจึงบุกเข้าจับกุมทันที?

ทั้งหมดคือแผนของหน่วยพิเศษทางการ?

สัญชาตญาณดัควีลล์ร้องเตือนให้มันหันหลังกลับและเผ่นหนีโดยด่วน แต่ด้วยอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าจากเหตุการณ์สะดุดล้มเมื่อครู่ สังขารจึงไม่เอื้ออำนวย

ภายในใจดัควีลล์เริ่มจินตนาการถึงภาพคุกใต้ดินแห่งหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวมีเพียงแสงเทียนชั่วนิรันดร์ นักโทษห้องข้างเคียงเอาแต่หายใจหอบกระเส่าในความมืดประหนึ่งกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น?” ตำรวจสายตรวจกำปืนแน่น ซักถามโดยเว้นระยะห่างอย่างไม่ประมาท

ดัควีลล์ที่ถูกความหวาดกลัวกัดกินจิตใจอย่างรุนแรง เริ่มมือไม้สั่นระริก จนทำลูกเต๋าสีขาวที่เพิ่งหยิบขึ้นมาหล่นตกพื้นอีกครั้ง หมุนกลิ้งกุกกักสองสามหน

คราวนี้ปรากฏจุดสีแดงหกจุดด้านบน

ขณะเผชิญหน้ากับสายตาเคลือบแคลงจากสายตรวจ ดัควีลล์ตอบด้วยกลับเสียงสั่นเครือ

“ผ…ผมเหยียบเปลือกกล้วยลื่นล้ม”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง หัวใจนักปรุงยาอ้วนพลันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อสายว่าบนพื้นไม่มีเปลือกกล้วยแม้แต่ชิ้นเดียว

เวรฉิบ! เราตื่นเต้นเกินไปหน่อย น่าจะตอบกลับไปว่าสะดุดขาตัวเองล้ม…

ดัควีลล์ครุ่นคิดอย่างหัวเสีย

มันเตรียมออกคำสั่งกับนกฮูกที่อยู่บนหลังคาฝั่งตรงข้าม พร้อมต่อสู้เฮือกสุดท้ายโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

สายตรวจจ้องตาเล็กน้อย หัวเราะในลำคอ

“คราวหน้ามองพื้นให้ดีก่อนเดินนะครับ ผมคิดว่าคุณถูกโจรปล้นเสียอีก”

สายตรวจปล่อยมือจากลูกโม่ดัดแปลง สลับกระบองสั้นมาถือด้วยมือขวา หันหลังเดินกลับไป

ดัควีลล์ยืนจ้องแผ่นหลังตำรวจสายตรวจด้วยสีหน้าสุดฉงน ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเชื่อในคำโกหกสุดโจ่งแจ้งของตนได้อย่างไร

มันเบือนหน้ากลับ ก้มจ้องลูกเต๋าสีขาวนมสดที่กำลังหงายหน้าหกบนพื้นอย่างเงียบงัน ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เราไม่ใช่ชาวโลเอ็นแท้สักหน่อย พวกตำรวจไม่มีความจำเป็นต้องประจบประแจง…

หรือจะเป็นฝีมือของเจ้าสิ่งนี้? ไล่ตั้งแต่การล้มลงอย่างเป็นปริศนา การเผชิญหน้ากับตำรวจอย่างไม่คาดฝัน ล้วนเป็นฝีมือของลูกเต๋าทั้งสิ้น?

เจ้านี่คือสมบัติปิดผนึกชิ้นสำคัญที่อาจารย์พยายามเก็บซ่อน?

ดัควีลล์เริ่มปะติดปะต่อข้อมูล ก้าวเดินอย่างระมัดระวัง ก้มตัวหยิบลูกเต๋าสีขาวอีกครั้ง และสอดกลับเข้าไปในกล่องแหวนขนาดเล็กที่ไม่เหลือช่องว่างพอจะให้ลูกเต๋าหมุน

หันไปขยิบตาให้นกฮูก ดัควีลล์เดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่ตนซื้อมาจากเด็กส่ง โบกรถม้ากลับไปยังโรงละครแดง

ระหว่างทาง เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืน แสงสว่างเพียงแหล่งเดียวจึงมาจากโคมตะเกียงริมถนนสองข้างทาง แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ มันจึงตัดสินใจยังไม่ศึกษากล่องแหวนและลูกเต๋าจนกว่าจะกลับถึงบ้าน

เมื่อกลับถึงร้านสมุนไพร ดัควีลล์รีบขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นเขตพักอาศัย จุดตะเกียงแก๊สผนัง ไล่นกโง่ออกจากห้อง หย่อนก้นลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ ตรวจสอบกล่องแหวนและลูกเต๋าสีขาวนมสดอย่างละเอียด

ในที่สุด มันพบช่องลับใต้กล่องแหวน ด้านในมีกระดาษขาวยาวหนึ่งข้อนิ้วพับสอดอยู่

ดัควีลล์หายใจทั่วท้อง รีบคลี่กระดาษอย่างคล่องแคล่ว พบเนื้อหาที่เขียนด้วยภาษาฟุซัคโบราณจำนวนสามย่อหน้า

“หากฉันไม่โผล่หน้าไปให้เห็นภายในสามวันหลังจากเวลานัดหมาย ให้สรุปว่ามีคนทรยศภายในองค์กร และฉันคงถูกจับตัวไปคุมขังด้วยวิธีการทารุณ ดังนั้น นายไม่ควรขอความช่วยเหลือจากคนของโรงเรียนชีวิต เพราะฉันเองก็ไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลังการทรยศ การกระทำดังกล่าวมีแต่จะนำพาอันตรายมาสู่ตัวเอง สิ่งเดียวที่นายต้องทำคือ นำลูกเต๋าสีขาวไปยังเกาะโอลาวี มอบให้คาโน่ คนตีระฆังประจำเมืองท่า เขาจะนำทางไปหาอาจารย์ของฉัน หนึ่งในสมาชิกสภา ริคคาร์ด จากนั้นเขาจะจัดการที่เหลือเอง ไม่ต้องกังวลว่าความลับจะรั่วไหล ฉันไม่แพร่งพรายออกไปแน่ หลังจากเขียนจดหมายฉบับนี้เสร็จ ความทรงจำทั้งหมดจะหายไป จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยมีนายเป็นลูกศิษย์ ความทรงจำจะไม่ฟื้นฟูกลับมาจนกว่าจะถูกช่วยเหลือสำเร็จ จงจำไว้ให้ดี พยายามอย่าใช้ลูกเต๋าเด็ดขาด มันมีสัญญาณชีพ ยิ่งถูกใช้งานก็ยิ่งมีโอกาสลืมตาตื่น ลักษณะพิเศษของลูกเต๋าคือการเปลี่ยนหน้าเองขณะที่ทุกคนละสายตา โดยไม่สนว่าจะมีช่องว่างมากพอให้หมุนหรือไม่ หากลูกเต๋าทอยออกหน้า ‘หนึ่ง’ เชื่อฉันเถอะ นายจะทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น เพราะทุกการกระทำจะประสบเพียงความล้มเหลว ไม่เว้นแม้แต่กิจกรรมบนเตียง”

นึกแล้วเชียว เป็นลูกเต๋าที่อันตรายฉิบหาย…

ดัควีลล์ถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว พลางพบว่ามันได้กระทำเรื่องโง่เขลาลงไปเพราะความหวังดี

นักปรุงยาอ้วนพยายามช่วยรอย·คิง อุตส่าห์เอาชนะความขี้ขลาด เลือกที่จะอยู่บายัมต่อ และส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปถึงสมาชิกของโรงเรียนชีวิตคนอื่น

จากเนื้อความในจดหมาย สิ่งนี้หมายความว่ามันกำลังถูกคนที่ทรยศรอย·คิงจับตามอง!

“ทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้… ไม่สิ ทำไมเราถึงไม่ซื้อลูกเต๋าให้เร็วกว่านี้!”

ดัควีลล์ยกแขน ทึ้งผมตัวเองด้วยมือสองข้าง

มันตัดสินใจรีบเผ่นหนีออกจากบายัม วางแผนซื้อตั๋วผีในคืนนี้ทันที ออกเดินทางไปยังเกาะโอลาวีในช่วงเช้า

เกาะโอลาวีจะอยู่ระหว่างเส้นทางเดินเรือ ‘หมู่เกาะรอสต์-เกาะทอสคาร์เตอร์’

ทันใดนั้น ดัควีลล์ฉุกคิดบางสิ่งได้ สองเท้าก้าวเดินไปรอบห้องพลางส่งเสียงพึมพำ

“เราต้องมีบอดี้การ์ด… ต้องจ้างใครสักคนมาเป็นบอดี้การ์ด”

แล้วจะจ้างใคร? ราคาเท่าไร?

ดัควีลล์ยืนครุ่นคิด ก่อนจะชำเลืองไปยังหนังสือพิมพ์ที่ตนซื้อมาจากเด็กส่ง

ชื่อของชายคนหนึ่งผุดขึ้นในหัว

เกอร์มัน·สแปร์โรว์!

นักผจญภัยทรงพลังที่สามารถจัดการโจรสลัดค่าหัวห้าพันสี่ร้อยปอนด์!

หากชายคนนั้นยอมรับงาน ตราบใดที่ไม่ถูกขัดขวางด้วย ‘สมาชิกสภา’ เราคงไปถึงโอลาวีได้อย่างราบรื่น…

แล้วจะพบเขาได้จากที่ไหน? จริงสิ ต้องปิดใบประกาศหน้าผับที่นักผจญภัยชอบไปรวมตัว!

ดัควีลล์พยักหน้า เก็บข้าวของจิปาถะยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ออกจากร้านสมุนไพรไปพร้อมกับนกฮูกอ้วน

ด้านนอกน่านน้ำหมู่เกาะรอสต์

ณ ท่าเรือเล็กแห่งหนึ่งที่เป็นอาณานิคมของอาณาจักรโลเอ็น กาฬมรณะจอดเทียบท่าอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย รายล้อมด้วยเรือย่อยอีกสามลำ

หลังจากเพิ่งอาบน้ำอุ่นเสร็จ พลเรือโทโรคภัย เทรซี่ สวมเชิ้ตของบุรุษอย่างหลวม ๆ จัดการทำแผลบนหัวไหล่เป็นครั้งสุดท้าย

สำหรับแม่มด แผลเป็นไม่มีอยู่จริง

สาวใช้ผมทองเคาะประตูห้องกัปตัน และเดินเข้าไปหลังจากได้รับอนุญาต

เธอจ้องเทรซี่ หน้าแดงก่ำ รีบเบือนหนี

“กัปตัน มีโทรเลขจากท่าเรือบายัมค่ะ”

“มีซอร์ เอ่อ… ผู้ช่วยรองกัปตันถูกสังหาร”

เทรซี่พลันชะงัก สีหน้าดำมืด ซักถามด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลง

“ฝีมือใคร”

เธอส่ง ‘นักเจรจา’ มีซอร์ ไปยังบายัมโดยมีจุดประสงค์หลักเป็นสืบหาเบาะแสของนักฆ่า แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการลงโทษที่มีซอร์ปล่อยปละละเลยจนนักฆ่าหลุดไปถึงเธอ และเหตุผลสุดท้ายคือการป่าวประกาศว่าให้ทุกคนทราบเธอกำลังบาดเจ็บหนัก เป็นการล่อให้อีกฝ่ายโจมตีซ้ำเข้ามาอีกครั้ง โดยไม่คาดหวังมีซอร์จะมีความคืบหน้าภายในเวลาอันสั้น

แม้ว่าหลังจากนั้น ครึ่งเทพที่ถูก ‘แม่มดยุพนิรันดร์’ เรียกว่า ‘กงสุลมรณะ’ จะแวะมาเยี่ยมเยียนถึงห้อง แต่เทรซี่ก็ยังปิดเรื่องนี้เป็นความลับจากมีซอร์ ไม่รีบแจ้งข่าวให้อีกฝ่ายทราบทันที ปล่อยให้ช่วงเวลาการลงโทษดำเนินต่อไป เผื่อว่ามีซอร์จะสืบจนพบเบาะแสเพิ่มเติมของคนร้าย แต่ถึงจะคว้าน้ำเหลว เธอก็ตั้งใจจะไม่โกรธอยู่แล้ว

เธอไม่สนว่ามีซอร์จะเสี่ยงอันตรายหรือไม่ เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของการทำโทษ

แต่สิ่งผิดความคาดหมายไปมากก็คือ มีซอร์ถูกสังหารภายในระยะเวลาไม่กี่วันเท่านั้น!

สาวใช้ผมทองกล่าวเสริม

“เป็นนักผจญภัยนามว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ค่ะ อีกทั้งยังมีการยืนยันได้ว่า ทางนั้นใช้พลังมังกรข่มขวัญเป็นหลัก”

“เกอร์มัน·สแปร์โรว์… มังกรข่มขวัญ… ฮะฮะ! คีลิงเกอร์เองก็มีมังกรข่มขวัญเหมือนกันไม่ใช่หรือ… หมอนั่นเคยให้ยุบพองหิวโหยเขมือบนักจิตบำบัดหรือไม่ก็นักสะกดจิตเข้าไป”

เทรซี่รับโทรเลขไปอ่าน ฉีกยิ้มกว้างเหยียดหยันพลางพึมพำกับตัวเอง

เธอค่อนข้างมั่นใจ เกอร์มัน·สแปร์โรว์คือคนเดียวกับที่ลอบสังหารตนด้วยรูปโฉมของเอลเลนผมแดง เพราะเหนือสิ่งอื่นใด พลังการแปลงโฉมของ ‘ผู้ไร้หน้า’ ก็มีอยู่ในยุบพองหิวโหยด้วย

เจ้านั่นมียุบพองหิวโหย แถมเบื้องหลังยังมีครึ่งเทพเก่าแก่ที่ท่านแม่เรียกว่ากงสุลมรณะ…

หรือคีลิงเกอร์จะถูกสังหารโดยกงสุลมรณะ?

เทรซี่รำพัน โบกมือไล่สาวใช้ผมทองออกไป

เมื่อประตูห้องกัปตันปิดสนิท หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะในลำคอ

“หากเราแพร่งพรายข่าวนี้ออกไป องค์กรลับที่จ้างวานให้คีลิงเกอร์ลอบสังหารดยุคนีแกนต้องหันมาสนใจแน่”

ณ ห้วงความคิดหนึ่ง เธอเตรียมลงมือทำตามแผนดังกล่าว แต่ประสบการณ์อันโชกโชนได้หักห้ามเทรซี่ไว้ทันท่วงที

เพราะการทำเช่นนั้นจะไม่ต่างอะไรกับการเรียกกงสุลมรณะมาฆ่าตน!

ความลับนี้มีเพียงน้อยคนที่ทราบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเรื่องราวถูกแพร่งพรายออกไป อีกฝ่ายจะต้องเดาได้ว่าเป็นฝีมือของเธอ

เมื่อถึงตอนนั้น นอกจากการหลบหลังท่านแม่ตลอดเวลา เราแทบไม่มีโอกาสรอดจากเงื้อมมือของกงสุลมรณะได้เลย… ถ้าเป็นนักบุญคนอื่น เราไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวมากนัก เพราะหากอีกฝ่ายคิดโจมตี อย่างน้อยก็ต้องเสียเวลาตามหาตัวให้พบ และนั่นจะมีเวลาให้เราหลบหนี แต่ถ้าเป็นกงสุลมรณะผู้สามารถเดินทางผ่านโลกวิญญาณได้อย่างอิสระ ขอเพียงทราบพิกัด ทางนั้นก็จะแวะมาเยี่ยมเราได้ทันที…

เทรซี่กัดริมฝีปาก ครุ่นคิดอย่างหงุดหงิด

เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากละทิ้งความตั้งใจดังกล่าว ทำได้เพียงจับตามองเกอร์มัน·สแปร์โรว์อย่างใกล้ชิด หากสบโอกาสเมื่อไร จะไม่ปล่อยให้รอดกลับไปได้แน่นอน

ในเวลาเดียวกัน ไคลน์ยังคงพักอยู่ในโรงแรมเทียน่า รอให้ค่าหัวถูกส่งมาถึง

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset