ณ มิติเหนือสายหมอก ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้พนักสูง จ้องมองยุบพองหิวโหยโดยไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน
ในที่สุด มันยังคงเลือกทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ ปลดปล่อยดวงวิญญาณของนักจิตบำบัดออกจากถุงมือหนังมนุษย์
ด้านข้างโต๊ะทองแดงยาวพลันปรากฏร่างมายาของคนตัวสูง เธอเป็นสตรี ใบหน้าค่อนข้างพร่ามัว แต่สีหน้าอันเจ็บปวดและบิดเบี้ยวกลับแจ่มชัด
ไคลน์จ้องหล่อนสักพัก ชวนเข้าสู่บทสนทนา
“ยังจำตัวเองได้ไหม”
ท่ามกลางมิติลึกลับ ชายหนุ่มสามารถสื่อสารกับดวงวิญญาณได้โดยตรง
นักจิตบำบัดเริ่มบรรเทาความรู้สึกด้านลบ มุมปากเผยรอยยิ้มขื่นขม
“แน่นอน ยังจำได้ ดิฉันเป็นสมาชิกขององค์กรลับแห่งหนึ่ง เดินทางไปยังเกาะทอสคาร์เตอร์เพื่อเยี่ยมเพื่อนสนิท แต่กลับต้องเผชิญหน้าโจรสลัดระหว่างทาง แม้ฉันจะใช้พลังของตัวเองเอาตัวรอดมาได้ แต่โจรสลัดที่หนีไปกลับคาบข่าวไปบอกคีลิงเกอร์ เพื่อที่จะช่วงชิงพลังของฉัน มันถึงกับยอมเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ ซุ่มโจมตีเรือของพวกเรา คุณคงเดาเหตุการณ์หลังจากนั้นได้ไม่ยาก แต่ต้องขอบคุณในความไม่ประมาทของมัน คีลิงเกอร์ฆ่าฉันทันที จึงไม่ต้องเผชิญความทุกข์ทรมานที่เลวร้ายไม่ต่างจากตายทั้งเป็นเหมือนกับผู้โดยสารหญิงคนอื่น”
ไคลน์เงียบงัน พยักหน้ารับอ่อนโยน
“รู้จักหนังสือโบราณที่ชื่อการเดินทางของกรอซายไหม”
ชายหนุ่มเชื่อว่า ในเมื่อการเดินทางของกรอซายถูกเขียนโดยตระกูลมังกร โอกาสที่นักจิตบำบัดจะเคยได้ยินชื่อก็ไม่เป็นศูนย์
นักจิตบำบัดสาวครุ่นคิดอย่างจริงจัง ตามด้วยการส่ายหน้าแผ่วเบา
“ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนั้น”
ไคลน์ไม่ซักไซ้ประเด็นเก่า เปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน
“คุณกำลังจะสลายไป ได้รับอิสรภาพอันเป็นนิรันดร์ มีความปรารถนาสุดท้ายเหลืออยู่ไหม”
นักจิตบำบัดก้มหน้าครุ่นคิด หัวเราะเบาๆ
“อยากคืนชีพอีกสักครั้ง… แต่ดิฉันทราบดีว่าความปรารถนาดังกล่าวคงไม่มีวันเป็นจริง ตอนนี้ไม่เหลือสิ่งใดให้ค้างคาใจอีกแล้ว ผ่านมาก็นาน ครอบครัวและเพื่อนสนิทคงได้รับข่าวการตายกันถ้วนหน้า หากต้องทราบข่าวสะเทือนใจซ้ำอีกหน เกรงว่าจะเกิดความเจ็บปวดขึ้นโดยไม่จำเป็น ขอบคุณมาก ดิฉันไม่ต้องการอะไรแล้ว”
ร่างกายหญิงสาวเลือนรางลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งสลายไปโดยสมบูรณ์ เหลือทิ้งไว้เพียงผลึกดวงตาสีทองขนาดใหญ่ ผลึกที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงจิตใจมนุษย์ทุกคน
นี่คือตะกอนพลังของนักจิตบำบัด
ไคลน์ถอนหายใจยาว ครุ่นคิดเกี่ยวกับรายละเอียดปลีกย่อยระหว่างคำพูดของหญิงสาว
“เธอถ่อไปถึงเกาะทอสคาร์เตอร์เพียงเพื่อพบเพื่อนสนิท เป็นการเดินทางตามลำพัง ไม่มีญาติคนใดไปด้วยกัน เกาะทอสคาร์เตอร์ตั้งอยู่สุดเขตตะวันออกของทะเลโซเนีย ถูกล้อมกรอบด้วยหมู่เกาะการ์กัสทั้งทิศเหนือและใต้ เกาะดังกล่าวเป็นอาณานิคมทางทะเลที่ไกลที่สุดของอาณาจักรโลเอ็น โดยที่หมู่เกาะการ์กัสเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิฟุซัค… ต้องเป็นเพื่อนแบบใดกันถึงอาศัยบนเกาะทอสคาร์เตอร์… แล้วคุ้มค่ากับการถ่อไปไกลถึงเพียงนั้นจริงหรือ… ถึงเธอมิได้เอ่ยชื่อองค์กรลับ แต่ก็มีโอกาสเป็นสมาคมแปรจิตมากทีเดียว และนี่อาจเป็นภารกิจลับบางอย่าง…”
ไคลน์ตัดสินใจเคารพผู้ตาย หยุดการขุดคุ้ยความลับของอีกฝ่าย คำถามในสมองจบลงเพียงเท่านี้ เปลี่ยนประเด็นไปคิดถึงเรื่องอื่นแทน
หลังจากสังหารนักเจรจา·มีซอร์·คิง ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด แต่เราก็ต้องรีบย้ายออกจากบายัมโดยเร็ว… ระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เราก่อเรื่องภายในเมืองแห่งการให้ไปไม่น้อย…
อา… คงต้องเข้าร่วมชุมนุมลับอีกสักสองสามแห่งดูก่อน ยืนยันให้แน่ใจว่าเมืองนี้ไม่มีวัตถุดิบหลักของโอสถนักเชิดหุ่น จึงค่อยย้ายออกเป็นการถาวร…
ไคลน์คิดไวทำไว สร้างฉากเดอะเวิร์ลกำลังสวดวิงวอนโดยมีสายหมอกสีเทารายล้อมรอบทิศ ส่งเข้าไปในดาวแดงตัวแทนจัสติส
…
ออเดรย์บนระเบียงชั้นสามกำลังมองออกไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง หลังคาบ้านส่วนใหญ่ในละแวกดังกล่าวเป็นสีของอิฐแดง จงใจเลียนแบบให้เกิดเป็นลวดลายเกล็ดมังกร
ทันใดนั้น ทัศนียภาพรอบตัวหญิงสาวพลันถูกปกคลุมด้วยสายหมอกสีเทาที่คุ้นเคย
ท่ามกลางกลุ่มหมอกหนา ชายคนหนึ่งกำลังสวดวิงวอนต่อเทพอย่างศรัทธา
“มิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ช่วยแจ้งให้มิสจัสติสทราบด้วยว่า ผมพร้อมทำการแลกเปลี่ยนแล้ว”
พร้อมแลกเปลี่ยน? หมายความว่าเขาหาตะกอนพลังของนักจิตบำบัดได้แล้ว…
แต่เมื่อวานยังไม่มีอยู่เลย…
การลงมืออันฉับไวของเดอะเวิร์ลทำให้หญิงสาวเริ่มเกิดความหวาดกลัว ยืนเหม่อลอยจนเกือบลืมขอบคุณมิสเตอร์ฟูล
น่าทึ่งมาก…
เธอมิได้เป็นหญิงสาวไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกอีกต่อไป เคยเห็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่มาไม่น้อย สติจึงคืนความสุขุมได้รวดเร็ว
ออเดรย์ขอบคุณเดอะฟูลจากก้นบึ้ง และฝากไปถึงมิสเตอร์เวิร์ลว่า ขอเวลาอีกสักสองสามวัน เพราะตนต้องชำระเงินที่ติดค้างกับข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูลให้ครบเสียก่อน
จริงอยู่ เธออาจมีเงินในมือมากเพียงพอ แต่ก็ต้องกันไว้ใช้ในยามฉุกเฉินส่วนหนึ่ง ไม่อย่างนั้น คนรอบตัวอาจพบความผิดปรกติ
รอจนกระทั่งหมอกมายาเลือนหาย หญิงสาวก้มหน้าลงไปมองซูซี่ที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานภายในสวนชั้นล่าง
ออเดรย์เดินกลับเข้าห้อง พึมพำกับตัวเอง
“มิสเตอร์เวิร์ลน่ากลัวจัง…”
…
ตกเย็น ณ ผับสายหร่ายทะเล
เนตรสีฟ้า·มีธที่เพิ่งนำเงินไปถลุงกับบ่อนพนัน นั่งลงหน้าเคาน์เตอร์ สั่งเแลงติร้อนแรงดื่ม
ขณะเตรียมยกแก้วซด บาร์เทนเดอร์พลันหรี่เสียงลงและกระซิบ
“นักเจรจา·มีซอร์ตายแล้ว”
“งั้นหรือ… ฝีมือใคร?” เนตรสีฟ้า·มีธประหลาดใจในตอนต้น จากนั้นก็ถามด้วยสีหน้าเจือความคาดหวัง “มีใครกล้าท้าทายพลเรือโทโรคภัยด้วยหรือ…”
“นักผจญภัยนามว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไม่เคยมีชื่อเสียงมาก่อน ใครจะไปคิดว่ามีซอร์จะถูกฆ่าโดยคนแบบนั้น!” บาร์เทนเดอร์ไม่เก็บซ่อนสีหน้าหวาดหวั่น “แถมหมอนั่นยังฆ่าโอซิล บอสใหญ่ตัวจริงแห่งผับใบไม้หอม ชายฉกรรจ์·โอซิล!”
เนตรสีฟ้า·มีธที่เตรียมจะกล่าวบางสิ่ง พลันขมวดคิ้วกะทันหัน
ช่วงเช้าของวันนี้ โอซิลส่งคนมาถามมันเกี่ยวกับเบาะแสของเพลิงพิโรธ·เดนิส มีธแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอีกฝ่าย เล่าว่าสรั่งเรือลำดับสี่แห่งฝันทองคำไปไหนมาไหนกับนักผจญภัยปริศนา และด้วยความช่วยเหลือจากพิธีกรรม มันทำการวาดภาพเหมือนส่งให้อีกฝ่าย
โอซิลตาย… มีซอร์·คิงตาย… ถูกฆ่าโดยนักผจญภัยหน้าใหม่นามว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์…
ฝ่ามือของเนตรสีฟ้า·มีธพลันสั่นระริก ภายในใจหวนนึกถึงภาพที่ตนวาดส่งให้โอซิล
สุภาพบุรุษหนุ่มลึกลับคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าผับ ผมสีดำ ตาสีน้ำตาล ใบหน้าผอมเพรียว สัดส่วนคมชัด คอยสำรวจแขกที่เดินผ่านเข้าออกร้าน คล้ายกับกำลังมองหาเหยื่อ
คิดมาถึงจุดนี้ ร่างกายเนตรสีฟ้า·มีธพลันสั่นเทาไปทุกส่วน ล้มเลิกความคิดที่จะดื่มของเหลวในแก้ว เหยียดตัวยืนตรง รีบจ้ำออกจากผับ
น่ากลัวเกินไป… เจ้านั่นเป็นสัตว์ประหลาด! แม้แต่นักเจรจา·มีซอร์ก็ยังเสร็จมัน ต้องมีฝีมือระดับเดียวกับพลเรือโจรสลัดแน่! ป่านนี้คงกำลังตามล่าตัวเราเพื่อหวังปิดปาก… ไม่ได้การ! เราอยู่ในบายัมไม่ได้แล้ว ต้องรีบกลับเรือ ออกห่างจากที่นี่ให้ไกลที่สุด!
เนตรสีฟ้า·มีธรีบตรงดิ่งไปทางโรงละครแดง ลากตัวพวกพ้องออกมาโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจ รวมกลุ่มกันเข้าไปในป่าลึกนอกเขตเมือง เดินวกวนสักพักจนกระทั่งถึงท่าเรือลับที่กลุ่มต่อต้านเป็นเจ้าของ
…
ร้านสมุนไพรในตรอกเยื้องกับโรงละครแดงยังคงเปิดบริการตามปรกติ นักปรุงยาอ้วน ดัควีลล์ กำลังนั่งหลังเคาน์เตอร์คิดเงิน สีหน้าสุขุมเยือกเย็นภายนอก แต่ในใจกำลังกระวนกระวาย
มันหาทางติดต่อกับสมาชิกของโรงเรียนชีวิตโดยใช้เกือบทุกวิธีที่รู้จัก ร้องขอความช่วยเหลือตามสมควร แต่ก็มิอาจทราบได้ว่าใครจะมาช่วย และมาตอนไหน ทำได้เพียงอดกลั้นความกลัว เปิดร้านต่อไป แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดัควีลล์ เจ้ากำลังงุ่นง่าน” นกฮูกอ้วนบินโฉบจากท้องฟ้า ร่อนลงบนเคาน์เตอร์
“ไม่ต้องย้ำ… ฉันตระหนักถึงสภาพจิตใจของตัวเองได้ดีกว่าใคร” ดัควีลล์โบกมืออย่างหัวเสีย
มันยังคงจดจำคำสอนของอาจารย์ได้แม่นยำ ‘จงระวังหน่วยพิเศษของทางการและกลุ่มผีดูดเลือดตัวจริงให้ดี’ นอกเหนือจากนั้น รอย·คิงยังยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากถูกกลุ่มดังกล่าวจับตัว มีทั้งการถูกคุมขังในคุกใต้ดินตลอดกาล หมดโอกาสเห็นเดือนเห็นตะวันตลอดชีวิต ไม่ได้พบสตรี กลายเป็นหนูทดลอง ร่างกายถูกใช้เพื่อทดสอบผลข้างเคียงของสมบัติปิดผนึกบางชิ้น รวมถึงการทดลองอีกหลายสิ่ง หรืออาจถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่พึ่งพาเพียงสัญชาตญาณ ถูกผีดูดเลือดกลืนกินจิตใจ กลายเป็นแค่หุ่นเชิด
ภาพจำดังกล่าวฝังลงในสมองนักปรุงยาอ้วน ความกล้าที่เคยมีเพียงน้อยนิดได้อันตรธานหายไปโดยสมบูรณ์ หลังจากแยกกับอาจารย์ ดีควีลล์แทบไม่เคยแช่อยู่ในเมืองใดนาน หากพบความเสี่ยงแม้เพียงเล็กน้อยก็จะรีบย้ายที่อยู่ทันที
มันพยายามข่มอารมณ์หวาดหวั่น สมาธิถูกนำไปใช้คิดหาวิธีช่วยเหลืออาจารย์
“ตาแก่น่าจะถูกจับตัวไปนานแล้ว แต่ทำไมถึงยังถูกขังอยู่ที่จวนนายกเทศมนตรีอีก… ด้วยขีดความสามารถของกองทัพ ความลับควรถูกรีดออกไปจนหมดแล้วไม่ใช่หรือ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นการถูกประหาร ฆ่าเพื่อช่วงชิงตะกอนพลัง หรือใช้เป็นหนูทดลองสมบัติปิดผนึก ตาแก่ก็ควรถูกย้ายไปสำเร็จโทษที่อื่น มิใช่ในจวนนายกเทศมนตรี…”
ตาแก่อาจมีเทคนิครักษาความลับเป็นเลิศ… หรือไม่ก็ พวกมันต้องการเก็บไว้เป็นสายข่าว…
เดี๋ยวสิ…!
ดัควีลล์พลันเกาหัวแกร่ก ขอบเขตความคิดเริ่มขยายกว้าง
ทีละเล็กละน้อย มันหวนนึกถึงรายละเอียดในจดหมายฉบับสุดท้ายจากรอย·คิง
“ตาแก่มีนิสัยชอบบอกใบ้ในจุดที่คาดไม่ถึง หรือว่าจดหมายฉบับนั้นจะมีเบาะแสเขียนไว้…? แต่จดหมายมิได้กล่าวถึงเรื่องใดเป็นพิเศษ เพียงนัดหมายให้เรามาพบใกล้กับโรงละครแดง รวมถึงการโอ้อวดเกี่ยวกับฝีมือนักพนัน เฮ่อะ! ฝีมืออะไรกัน การพนันขึ้นอยู่กับดวงเพียงอย่างเดียวไม่ใช่รึไง… หืม… เขายังบอกให้เราแวะไปยังร้านขายของชำ ‘มาร์เบล’ บนถนนเอ็นมาร์ทเพื่อซื้อลูกเต๋าหนึ่งลูก ไว้สำหรับเรียนเทคนิคการพนันจากเขา… เราคิดมาตลอดว่าเดี๋ยวค่อยซื้อหลังจากได้พบกันก็คงไม่สาย จึงไม่เคยไปที่นั่นเลยสักครั้ง… กำลังจะบอกว่าร้านนั้นมีความลับซ่อนอยู่?”
ดัควีลล์เค้นสมองนึกหาทางออกราวกับคนกำลังจะจมน้ำตาย
โดยทั่วไปแล้ว ถนนหลายสายของบายัมจะถูกตั้งชื่อตามเมืองสำคัญของโลเอ็น
ดัควีลล์ใช้เวลานานหลายนาทีเพื่อรวบรวมความกล้า ปิดร้านสมุนไพร เดินออกมายังถนนพร้อมกับนกฮูกอ้วน
ขณะยืนรอรถม้า มันซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่จากเด็กส่ง กวาดตาอ่านข่าวภายในและภายนอกเกาะด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
ทันใดนั้น มันได้พบใบหน้าอันคุ้นเคย เป็นภาพของนักผจญภัยคนที่แจ้งเบาะแสว่ารอย·คิงถูกจับขังในจวนนายกเทศมนตรี
“เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ลงมือสังหารมีซอร์·คิงยามกลางวันแสก ส่งผลให้โจรสลัดเจ้าของเงินค่าหัวห้าพันสี่ร้อยปอนด์เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ… นี่เราจ้างให้นักผจญภัยที่แข็งแกร่งขนาดนั้นช่วยทำงานหาเบาะแส…” ดัควีลล์โพล่งเสียงดัง
แต่เพียงไม่นานก็ขจัดความคาใจ รีบขึ้นรถม้าเช่าตรงไปยังถนนเอ็นมาร์ท ตามหาร้านขายของชำมาร์เบลจนพบ
เจ้าของร้านเป็นหญิงชราใจดี เธอมองสำรวจดัควีลล์หัวจรดเท้าและกล่าว
“ลูกเต๋าที่คุณต้องการมีราคาหนึ่งปอนด์”
คิดจะปล้นกันรึไงวะ!
ดัควีลล์สบถในใจ แต่นั่นยิ่งทำให้มันมั่นใจว่าลูกเต๋าดังกล่าวคือเบาะแส
หลังจากควักเงินจ่าย มันรับกล่องแหวนขนาดเล็กมาถือ เปิดฝาสำรวจ พบลูกเต๋าสีขาวนมสดหนึ่งลูก มีหกด้านตามมาตรฐาน กำลังเผยด้านที่มีสี่จุดสีแดงไว้ข้างบน
แม้จะสงสัยในหลายประเด็น ทั้งความธรรมดาของลูกเต๋า และเรื่องที่มันถูกยัดลงในกล่องขนาดพอดิบพอดี แทบไม่มีช่องว่างเว้นไว้ให้ขยับ แต่ดัควีลล์ตัดสินใจไม่ยืนตรวจสอบทันที เก็บใส่กระเป๋าเสื้อ เดินตรงไปยังอีกฝั่งของถนน
รอจนกระทั่งมาถึงจุดอับสายตา มันอดใจไม่ไหวที่จะเปิดฝาตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าไม่มีสิ่งผิดปรกติกับลูกเต๋า
ทันใดนั้น รถม้าลึกลับแล่นผ่านหลังไปด้วยความเร็วสูง ดัควีลล์พลันสะดุ้ง รีบสะบัดข้อมืออย่างลนลาน ทำลูกเต๋าหล่นตกพื้น
ลูกเต๋ากลิ้งกุกกัก จนกระทั่งหยุดแน่นิ่งบนพื้นถนนโดยหงายจุดสีแดงหนึ่งจุดขึ้นด้านบน
ดัควีลล์หันไปสบถด่าคนขับรถม้าอย่างหยาบคาย ตามด้วยการย่างกรายเข้าใกล้ลูกเต๋า เตรียมหยิบมันขึ้นมา
ขณะกำลังเดิน ร่างกายเกิดเสียหลักกะทันหันโดยที่รอบตัวไม่มีอุปสรรคใดเลย นักปรุงยาอ้วนล้มฟุบไปบนพื้นพร้อมกับเกิดอาการวิงเวียน
มันหมดคำจะกล่าวเป็นเวลานาน นอนแน่นอนนิ่งอยู่เช่นนั้น ด้านหน้ามองเห็นเพียงลูกเต๋าสีขาวนมสด
……………………