“เป็นคุณเองหรือ”
เมื่อได้ยินเสียงเจือความประหลาดใจและสับสนของสตรีลึกลับ หัวใจไคลน์แทบหยุดเต้นกะทันหัน เนื่องจากคิดว่ามีใครบางคนมองตัวตนที่แท้จริงของมันออก
แต่ไม่นานก็กลับมาสุขุมตามเดิม เพราะรูปลักษณ์ในปัจจุบันคือคีลิงเกอร์ พลเรือโทวายุที่ไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว โดยภายใต้คีลิงเกอร์ยังมีนักผจญภัยเลือดเย็น เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ภายใต้เกอร์มันยังมีเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ และภายใต้นักสืบเชอร์ล็อกยังมีไคลน์·โมเร็ตติ
ยังเพียงเท่านั้น ลึกลงไปยังมีมิสเตอร์ฟูล รวมไปถึงโจวหมิงรุ่ย
ต้องไม่ใช่แน่… ไม่สมเหตุสมผลที่เธอจะมองตัวจริงของเราออก อีกฝ่ายไม่มีทางรู้จักปลาซิวปลาสร้อยอย่างไคลน์·โมเร็ตติ… และเธอก็น่าจะทราบว่าเราไม่ใช่คีลิงเกอร์ตัวจริง เป็นถึงผู้คุ้มครองพลเรือโจรสลัดลำดับ 5 อย่างเทรซี่ทั้งที ลำดับพลังของเธอไม่น่าจะต่ำกว่าครึ่งเทพ…
หมายความว่า คำถามดังกล่าวเจาะจงไปยังมิสเตอร์อะซิก ไม่ใช่เรา… แม่มดลำดับสูงอาจจดจำมิสเตอร์อะซิกได้ในฐานะผู้ทำลายแผนการของนิกายแม่มดกับอินซ์·แซงวีลล์ในเบ็คลันด์…
หรือจดจำเขาได้จากตัวตนในชีวิตก่อนหน้า?
ไคลน์รีบปรับความคิด เฝ้าระวังการลอบโจมตีจากเทรซี่และผู้ช่วยของเธอ ขณะเดียวกันก็ชำเลืองมิสเตอร์อะซิกด้วยมุมสายตา
เกี่ยวกับการปรากฏตัวของบุคคลทรงพลังฝ่ายเทรซี่ ชายหนุ่มไม่ประหลาดใจสักเท่าไร เพราะมิสเตอร์อะซิกเคยเตือนล่วงหน้าไว้แล้ว ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือ ไคลน์เชื่อว่าเทรซี่มิใช่คนที่มั่นใจในตัวเองสูงเกินเหตุ หากถูกลอบสังหารจนเกือบเสียท่า โดยยังไม่ทราบว่าอีกฝั่งเป็นใครและมีจุดประสงค์ใด เธอต้องรีบออกจากน่านน้ำหมู่เกาะรอสต์เพื่อติดต่อให้สมาชิกระดับสูงของนิกายแม่มดช่วยคุ้มครอง
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายไคลน์ก็คือ กำลังเสริมมาถึงเทรซี่เร็วเกินไป คล้ายกับพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา หรือไม่ก็อาศัยทางลัดผ่านโลกวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นสมบัติวิเศษหรือพลังที่คล้ายกับ ‘นักท่องเที่ยว’
เมื่อฟังจากเสียงอันไพเราะและอ่อนหวานของอีกฝ่าย ไคลน์เชื่อว่า คนที่หนุนหลังเทรซี่ในคราวนี้ต้องเป็นแม่มดระดับครึ่งเทพขึ้นไป
อะซิกยืนบนพรมหนากลางห้อง ทำสีหน้าลังเลราวสองสามวินาที
“คุณรู้จักผม?”
น้ำเสียงไม่มั่นใจ… หรือว่าก่อนจะสูญเสียความทรงจำ ลูกพี่ของเราเคยมีอดีตอันเร่าร้อนกับแม่มดบนเตียง?
ไม่สิ ทำไมเราถึงคิดแต่เรื่องแบบนี้…
ไคลน์เผลอจินตนาการอกุศลชั่วครู่ ก่อนจะรีบลบภาพออกจากหัวด้วยความรู้สึกผิด
ขณะเดียวกัน มันสัมผัสถึงความประหลาดใจของพลเรือโทโรคภัย เทรซี่ ความเยือกเย็นและเหยียดหยันในตอนแรก จางหายไปจากสีหน้าแววตาอย่างชัดเจน
จากนั้น เสียงกังวานไพเราะของหญิงสาว ที่ไม่มีใครทราบว่าดังจากจุดใด ยังคงกล่าวต่อไป
“แน่นอน ฉันรู้จักคุณ และคุณก็น่าจะรู้จักฉันเช่นกัน”
อะซิกยืนฟังพลางครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มขื่นขม
“เสียใจด้วย แต่ผมสูญเสียความทรงจำสมัยอดีตไปมากมาย อยู่ระหว่างการรวบรวมกลับคืน หากคุณยังจำผมได้ รบกวนช่วยปลุกความทรงจำบางส่วนกลับมาด้วย นั่นจะเป็นพระคุณอย่างมาก”
ได้ฟังบทสนทนา สีหน้าที่เคยสับสนและสงสัยของเทรซี่เริ่มบรรเทา
เธอค่อย ๆ ชำเลืองมาทางไคลน์อย่างระมัดระวัง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อพบกับใบหน้าพลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์
หญิงสาวลึกลับถอนหายใจยาวอย่างอ่อนโยน
“พวกเราพบกันครั้งสุดท้ายเมื่อหนึ่งพันสามร้อย ปีก่อน ขณะนั้น ‘แม่มดบรรพกาล’ และ ‘เทพมรณา’ ร่วมมือกันสร้าง ‘โรคระบาดไร้ชีวิตชีวา’ ขึ้นบนทวีปเหนือ คุณอาจลืมไปแล้ว แต่พวกเราเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่โดยมีศัตรูเป็นนักบุญและเทวทูตจำนวนมากจากโบสถ์รัตติกาล”
เราเคยได้ยินเรื่องดังกล่าว มันถูกบันทึกไว้ในไดอารีจักรพรรดิโรซายล์… มิสเตอร์ประตูได้กล่าวไว้ว่า เหตุการณ์นั้นทำให้แม่มดบรรพกาลได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีทีท่าว่าจะปรากฏกายบนโลกได้ในเร็ววัน ส่วนเทพมรณาร่วงหล่นทันที โดยใช้พลังเฮือกสุดท้ายสร้างทะเลคลั่งขึ้น กั้นแบ่งระหว่างทวีปเหนือและใต้…
ในเหตุการณ์ดังกล่าว นิกายแม่มดและกองทัพมรณาร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น จึงไม่แปลกหากแม่มดครึ่งเทพรู้จักกับมิสเตอร์อะซิกมาก่อน..
อา… เธอเองก็เป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตยาวนานกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยปีเหมือนเขา…
ไคลน์ยืนใคร่ครวญ
ทันใดนั้น มันผุดคำถามใหม่ เพราะไคลน์เคยเข้าใจมาตลอดว่า หลังจากมิสเตอร์อะซิกจ้องมองจักรพรรดิโลหิต อลิสต้า·ทูดอร์ โดยตรงจนหมดสติไป ร่างกายของเขาก็ไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกเลย ความทรงจำขาดหายและต้องคืนชีพใหม่เป็นวัฏจักร แต่ถ้อยคำเมื่อครู่ของแม่มดครึ่งเทพได้บอกเป็นนัยว่า ไม่เพียงอะซิกจะเอาชีวิตรอดจากสงครามสี่จักรพรรดิมาได้ แต่ยังมีโอกาสเข้าร่วมเหตุการณ์ ‘ภัยพิบัติไร้ชีวิตชีวา’ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นอีกหลายปี และดูเหมือนว่าจะมิได้สูญเสียพลังไประหว่างทาง…
อะซิกหลับตาลง นึกเค้นความทรงจำ
ผ่านไปสักพักใหญ่ มันถามอย่างลังเล
“คาร์เทอริน่า·เปลเล่? คุณเป็น ‘แม่มดยุพนิรันดร์’ แล้วหรือ”
“ฉันดีใจที่คุณยังจำได้ เพราะเทียบกับคุณในช่วงเวลานั้น ฉันได้เป็นเพียงตัวตนแสนอ่อนแอ”
เมื่อสิ้นเสียง หญิงงามนางหนึ่งปรากฏกายข้างเทรซี่ สวมชุดคลุมสีขาวเรียบง่าย แต่ส่วนขาทั้งสองข้างผ่าลึกขึ้นมาเกือบถึงสะโพก เผยให้เห็นเรียวขาอันงดงามไร้จุดตำหนิ ผิวพรรณอ่อนเยาว์ไม่ต่างจากเด็กสาวแรกรุ่น
ผมสีดำ ดวงตาสีฟ้า กิริยามารยาทสง่างามและชดช้อย รอบกายเปี่ยมด้วยกลิ่นอายความน่าหลงใหลเกินกว่าจะพรรณนา
เธอจ้องอะซิก·อายเกส มุมปากยกโค้งด้วยรอยยิ้มอ่อนละมุน
“แม้จะผ่านมากว่าพันปี แต่พวกเรากลับได้พบกันแบบยังมีชีวิต สิ่งนี้ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองอย่างมาก …คุณไม่คิดแบบนั้นบ้างหรือ? กงสุลมรณะแห่งจักรวรรดิไบลัม”
มิสเตอร์อะซิกคือ ‘กงสุลมรณะ’ แห่งจักรวรรดิไบลัม? เป็นชื่อโอสถระดับสูงบนเส้นทางเทพมรณา?
หืม… แม่มดยุพนิรันดร์ คาร์เทอริน่า·เปลเล่ มีรูปโฉมงามวิจิตรราวกับสตรีอายุสามสิบตอนต้น สง่างามและน่าหลงใหลในแบบฉบับของผู้ใหญ่…
ด…เดี๋ยวก่อน ในเวลาแบบนี้ ทำไมเราถึงเอาแต่คิดเรื่องอย่างว่า… เสน่ห์ที่เป็นพลังของ ‘แม่มดสุขสม’ ถูกยกระดับขึ้นถึงเพียงนี้เชียว?
ไคลน์รีบหลบหน้าหลบตา ตั้งสติเข้าฌานเพื่อรักษาสมาธิมิให้กระเจิดกระเจิง
โดยไม่รอให้อะซิกโต้ตอบ แม่มดยุพนิรันดร์ คาร์เทอริน่า·เปลเล่ กล่าวด้วยเสียงไพเราะประหนึ่งขับขานบทเพลง
“แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงยังสูญเสียความทรงจำอยู่อีก หากจำไม่ผิด คำสาปดังกล่าวจะเกิดขึ้นเฉพาะกับโอสถ ‘อมรณา’ บนเส้นทางของคุณเท่านั้น ต้องเวียนว่ายตายเกิดทุกหกสิบปี โดยจะสูญเสียความทรงจำในอดีตเสมอ… แต่คุณเลื่อนลำดับผ่านโอสถดังกล่าวมานานแล้ว ไม่น่าจะถูกผลของคำสาปเล่นงานเอาได้อีก เกิดอะไรขึ้นกับคุณหลังจากสิ้นสุดสงครามภัยพิบัติไร้ชีวิตชีวา? หึหึ… ย้อนกลับไปในช่วงนั้น เจ็ดเทพจารีตมิได้สามัคคีกันในตอนแรก บ้างแตกแยก บ้างกำลังเป็นศัตรู พวกเราฝ่ายแม่มดบรรพกาลและเทพมรณาจึงเชื่อว่าแผนการจะสำเร็จได้ด้วยดี ใครจะไปคิดว่า สุริยันเจิดจรัสแสนโอหังจะยอมก้มหัว วายุสลาตันแสนเกรี้ยวกราดจะยอมก้มหัว ร่วมมือกันปราบปรามพวกเรา… หากไม่เพราะฉันบังเอิญเลื่อนลำดับพอดี คงเป็นอีกหนึ่งร่างที่ร่วงหล่นในสงครามดังกล่าว… คุณเองก็คงได้รับบาดเจ็บจากสงครามไม่ต่างกัน เพราะเหนือสิ่งอื่นใด คงไม่มีการสูญเสียใด หนักหน่วงไปกว่าการสูญเสียเทพมรณาอีกแล้ว”
อะซิกยังคงเงียบงัน แต่ใบหน้าเริ่มเผยความเจ็บปวดเจือจาง
“ผ….ผมจำอะไรไม่ได้เลย”
ขณะเดียวกัน ไคลน์เพิ่งตระหนักได้ว่า ตนเคยเห็นแม่มดยุพนิรันดร์ คาร์เทอริน่า·เปลเล่ จากที่ไหนมาก่อน คำตอบคือ หญิงสาวผู้นี้คือคนเดียวกับแม่มดปริศนา ผู้ชักนำให้มาดามเชอรอนในเมืองทิงเก็น เข้าสู่เส้นทางแม่มดเต็มตัว!
คาร์เทอริน่าหันมาจ้องไคลน์ ส่งเสียงคิกคักพลางซักถามอะซิก
“ถ้าอย่างนั้น กลับเข้าจุดประสงค์ที่พวกคุณมาเยือนในวันนี้กันดีกว่า ฉันมีคำถาม ทำไมเขาถึงต้องการฆ่าเทรซี่? เพื่อผดุงคุณธรรมอย่างนั้นหรือ”
สายตาของแม่มดยุพนิรันดร์เปี่ยมด้วยความซุกซน เฉลียวฉลาด และอ่อนหวานของหญิงสาวแรกรุ่น โดยไม่ว่าจะภาษากาย อารมณ์ การแสดงสีหน้า ไม่มีจุดใดเลยที่มองแล้วขัดหูขัดตา แตกต่างจากผู้ใหญ่ที่แสร้งทำตัวเป็นเด็ก
ในวินาทีนี้ ไคลน์หลงเชื่ออย่างสนิทใจว่า คาร์เทอริน่า·เปลเล่คือหญิงสาววัยสิบหกสิบเจ็ดตัวจริงเสียงจริง
บริหารเสน่ห์ของสาวแรกรุ่นได้อย่างหมดจดและสมบูรณ์แบบ… ไม่ว่าจะสีหน้า แววตา บุคลิก ภาษากาย ผิวพรรณ หรือบรรยากาศ… ไม่แปลกใจว่าทำไมโอสถถึงชื่อแม่มดยุพนิรันดร์..
ไคลน์พยายามใช้เทคนิคการเข้าฌานเพื่อเอาชนะเสน่ห์อันเหลือล้นเกินห้ามใจ
มันหันไปทางสตรีแห่งโรคภัย เทรซี่
“เธอรู้จักพ่อค้ามั่งคั่งนามจิมมี่·เน็คหรือไม่”
เทรซี่พะงาบปากเล็กน้อย หุบกลับลงไป ก่อนจะขยับขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้ามึนงง
“ใครล่ะนั่น?”
“เธออาจไม่รู้จัก แต่ชายคนนั้นเคยรวบรวมเอกสารโบราณที่เกี่ยวกับเทพมรณา เขาเสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือพลเรือโทวายุ คีลิงเกอร์”
ไคลน์กล่าวด้วยใบหน้าคีลิงเกอร์
ดวงตาสีฟ้าของเทรซี่กลอกไปมาเล็กน้อย เผยความสับสนในตอนแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองในตอนหลัง
“นายคิดฆ่าฉันเพราะต้องการเอกสารนั่น…?”
อยู่ในมือหล่อนจริงด้วย… อย่างน้อยคราวนี้ก็ไม่เสียเที่ยว… ไคลน์คาดเดาจากน้ำเสียงและสีหน้าอีกฝ่าย
มันมอบคำตอบกลับไป
“ถูกต้อง”
เทรซี่สูดลมหายใจยาวเข้าปอด
“เอลเลนอยู่ที่ไหน? นายทำอะไรกับเธอบ้าง? ฉันรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ สัมผัสวิญญาณบอกมาว่าอย่างนั้น”
ไคลน์ไม่กลบเกลื่อนด้วยถ้อยคำคลุมเครือ เลือกอธิบายไปตามตรงโดยไม่ปกปิด
“กำลังกลับอินทิสและเริ่มต้นชีวิตใหม่”
สีหน้าเทรซี่พลันจมดิ่ง ภายในดวงตาคล้ายกับมีลมพายุก่อตัว พลเรือโทโรคภัยเผยจิตคุกคามรุนแรงออกมาชั่วขณะ จนกระทั่งอะซิกชำเลืองด้วยหางตา โทสะหญิงสาวจึงสงบลง
มุมปากหญิงสาวสั่นระริก
“ถูกต้อง เอกสารโบราณเกี่ยวกับเทพมรณาตกมาถึงมือฉันจริง แต่ฉันไม่ได้ใส่ใจนัก หลังจากอ่านไปสองสามหน้าก็เกิดเบื่อหน่าย จึงส่งมอบให้นิกาย ฮิฮิ… ถึงนายจะลอบสังหารฉันสำเร็จและสื่อวิญญาณ ก็คงไม่ได้ข้อมูลใดกลับไปอยู่ดี เพราะหัวสมองฉันไม่มีเรื่องเหล่านั้นเลย น่าเสียดาย ฉันชักอยากเห็นสีหน้าแสนสิ้นหวังขณะที่นายพบว่าตัวเองคว้าน้ำเหลว ติดตรงที่ฉันยังต้องการมีชีวิตอยู่”
ไคลน์โต้แย้ง
“ผิดแล้ว ฉันมิได้คว้าน้ำเหลว เพราะเจ้าสิ่งนี้สามารถเขมือบดวงวิญญาณ เลือดเนื้อ และตะกอนพลังของแม่มดทุกข์ระทมได้อย่างหมดจด พลังของเธอจะกลายเป็นของฉัน”
เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มยกกำปั้นซ้ายขึ้นมาโอ้อวด ยุบพองหิวโหยกำลังอยู่ในรูปลักษณ์ของถุงมือหนังสีดำธรรมดา
เทรซี่หรี่ตาลง เริ่มแผ่จิตคุกคามเข้มข้นออกมาอีกครั้ง ประหนึ่งพยัคฆ์กำลังถูกยั่วยุจากเหยื่อ หากไม่เพราะมีสองครึ่งเทพกำลังยืนรายล้อม เธอคงลงมือจู่โจมสายฟ้าแลบ
เมื่อไคลน์พูดจบ มันเริ่มพบความผิดปรกติเกี่ยวกับตัวเอง
เราไม่ใช่เกอร์มัน·สแปร์โรว์สักหน่อย แต่กำลังสวมบทบาทเป็นคีลิงเกอร์ แล้วทำไมถึงเอานิสัยของเกอร์มันมาใช้…?
ไคลน์เริ่มประหวั่น กังวลว่าตนอาจอยู่ในร่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์นานเกินไปจนถูกครอบงำ
ห้ามลืมเด็ดขาด… ต้องเป็นตัวเองเท่านั้น!
หากปล่อยตัวปล่อยใจ ไม่เพียงจะถูกอุปนิสัยของตัวละครครอบงำ แต่ยังจะเพิ่มโอกาสคลุ้มคลั่งขึ้นจากเดิม…
มันรีบประเมินตัวเองใหม่ กำชับให้สมองจดจำกฎเหล็กของผู้ไร้หน้า
เมื่อเห็นลูกศิษย์ของตนเงียบงัน อะซิกมองไปทางคาร์เทอริน่า·เปลเล่และกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“ช่วยคัดลอกเอกสารให้ผมได้ไหม”
“ไม่มีปัญหา” พูดจบ คาร์เทอริน่าหันไปยังเทรซี่ด้านข้างและถาม “เธออยากได้อะไรไหม”
เทรซี่จ้องไคลน์ พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งแหบพร่า
“ตอบฉันมา ตอนนี้เอลเลนอยู่ที่ไหน!”
ไคลน์จ้องหน้าเทรซี่ ก่อนจะย้ายไปมองแม่มดยุพนิรันดร์ คาร์เทอริน่า·เปลเล่ ที่ยืนด้านข้าง
มันมีคำตอบในใจแล้ว แต่ไม่กล้าพูดออกไป
ชายหนุ่มหันมามองมิสเตอร์อะซิกด้านข้างตน และได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน ปราศจากท่าทีบังคับหรือเร่งให้มอบคำตอบ
ไคลน์เบือนหน้ากลับ ตอบสั้นกระชับ
“ขอปฏิเสธ”
……………………