Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 584 : รับเคราะห์

ราชันเร้นลับ 584 : รับเคราะห์

หลังจากวางนกหวีดทองแดงลง ไคลน์ทำการเปิดเนตรวิญญาณ

ชายหนุ่มมองเห็นกระดูกสีขาวผุดขึ้นจากพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงและขาดความน่าเกรงขาม แท่งกระดูกบรรจงก่อตัวเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่

ถ้าฉากการปรากฏตัวของผู้ส่งสารครั้งก่อน ๆ เป็นราวกับน้ำพุสวรรค์ในเทพนิยาย ฉากปรากฏตัวเมื่อครู่จะเป็นได้เพียงการเปิดก๊อกน้ำกลับด้าน

ไคลน์ยกมุมปากเล็กน้อย แสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติ

ไม่กี่วินาทีถัดมา ผู้ส่งสารกระดูกขาวปรากฏกายอย่างสมบูรณ์ ด้วยส่วนสูงเกือบสี่เมตร ศีรษะจึงเลยทะลุเพดาน เบ้าตามีเพลิงทมิฬลุกโชนเงียบงัน

หลังจากพับจดหมายที่เพิ่งเขียนเสร็จ ไคลน์ยื่นแขนไปหาฝ่ามือของอีกฝ่าย

ภายในจดหมาย ชายหนุ่มเขียนอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจิมมี่·เน็ค พ่อค้ามั่งคั่ง กับเอกสารโบราณที่ถูกค้นพบจากอนุสาวรีย์บรรจุศพของราชวงศ์ไบลัมแห่งทวีปใต้ รวมไปถึงความเชื่อมโยงกับพลเรือโทวายุ·คีลิงเกอร์ และพลเรือโทโรคภัย·เทรซี่ นอกจากนั้น ไคลน์ยังอธิบายว่าตนลอบเข้าไปในเรือเทรซี่สำเร็จ โดยแม้ภารกิจลอบสังหารจะล้มเหลว แต่ก็ได้ทิ้งวัตถุประจำตัวสำเร็จทำนายระบุพิกัดในภายหลัง

แน่นอน ไคลน์มิได้อธิบายว่าตนแทรกซึมเข้าไปด้วยวิธีใด ส่วนใหญ่เป็นการพรรณนาถึงพลังพิเศษของเทรซี่ รวมถึงวิธีการต่อสู้

หลังจากเห็นผู้ส่งสารใช้กำปั้นขนาดมหึมาที่สามารถส่งคนลอยไปในอากาศ จับคว้าจดหมายฉบับเล็กจากมือเล็กๆ ของมนุษย์เพศชายโตเต็มวัยไปถือ ไคลน์กระแอมในลำคอ :

“ฉันมีผู้ส่งสารประจำตัวแล้ว”

ได้ยินเช่นนั้น เพลิงทมิฬในเบ้าตาพลันไหววูบสองหนจนสามารถสังเกตเห็น ตามด้วยการแตกตัวกระจัดกระจายกลายเป็นน้ำตกโครงกระดูกแสนสง่างาม ไหลทะลุผ่านพื้นไม้ลงไปด้านล่าง

ไม่ต้องคอยพะวงว่าจะกลายเป็นผู้ส่งสารของฉันแล้วสินะ… เกลียดฉันมากขนาดนั้นเชียว? อา… ผู้ส่งสารเหล่านี้คงมาจากโลกแห่งความตาย และอาจรับใช้ทายาทเทพมรณามาทุกรุ่น… พวกนายชอบอยู่กับคนเก่งมากกว่า… ฉันเข้าใจ!

ขณะไคลน์กำลังจะเดินออกไปเช็กเอาต์โรงแรม จมูกเกิดคันขึ้นมากะทันหัน

ฮัดเช่ย! ฮัด…ชิ่ว! แค่ก! แค่ก!

น้ำมูกใสไหลย้อยมาพร้อมกับอาการไอจาม หน้าผากร้อนผ่าวราวกับถูกแผดเผา

ซวยฉิบ… เชื้อโรคของเทรซี่ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายเรา ได้ทำปฏิกิริยากับสภาพอากาศหนาวเย็นสิบองศาเซลเซียสจนเกิดเป็นอาการป่วย…

ไคลน์ใช้ทิชชูหยาบสั่งน้ำมูกพลางไตร่ตรองว่า ตนควรประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเองหรือไม่ เพราะการนำร่างวิญญาณเข้าไปอยู่ในห้วงมิติเหนือสายหมอก อาจส่งผลให้ร่างเนื้อบนโลกฟื้นฟูตัวเองด้วยความเร็วสูงกว่าปรกติ

แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไคลน์มองว่าวิธีดังกล่าวคงไม่ได้ผลด้วยสาเหตุสองประการ หนึ่ง อาการป่วยในร่างเนื้อน่าจะส่งผลไปถึงร่างวิญญาณด้วย เพราะร่างทั้งสองชนิดมีความสัมพันธ์ค่อนข้างลึกซึ้ง สอง หากปล่อยร่างเนื้อไว้โดยไม่คอยดูแล อาการคงมีแต่จะแย่ลง

ชักมึนหัวแฮะ…

ไคลน์จับหน้าผากพลางวางแผนกลับไปยังโรงแรมวายุครามเพื่อพบเดนิส จากนั้นค่อยประเมินอาการว่า ตนควรกินยาจากคลินิก หรือถึงกับต้องไปโรงพยาบาล

เมืองเงินพิสุทธิ์ บ้านตระกูลเบเกอร์

เมื่อเดอร์ริคได้รับผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสงจากเฮอร์มิท วัตถุดิบโอสถข้ารับใช้สุริยันจึงครบถ้วนสมบูรณ์

เด็กหนุ่มรีบปรุงโอสถโดยไม่รีรอ ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นของเหลวสีทองอร่ามที่มีอุณหภูมิค่อนข้างสูง โดยขณะดื่มเข้าไป เดอร์ริครู้สึกราวกับลำคอของตนถูกแผดเผา

ดวงตาเด็กหนุ่มเริ่มส่องแสง ยิ่งผ่านไปนานก็ยิ่งเจิดจ้าประหนึ่งดวงอาทิตย์ย่อส่วนสองดวง

ผิวกายถูกฉาบด้วยแสงสว่างสุกใส มาพร้อมอักขระเวทมนตร์สีดำเด่นชัด

ในเวลาเดียวกัน เส้นผมของเด็กหนุ่มเริ่มงอกยาวจากปรกติ ดูคล้ายกับขนนกที่ห้อมล้มประดับตกแต่งเปลวเพลิงสีทอง

เดอร์ริคทราบล่วงหน้าว่า การดื่มโอสถลำดับ 7 จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะดังกล่าว จึงปราศจากอาการตื่นตกใจ เพียงกัดฟันกรอด หวนนึกถึงความเจ็บปวดขณะลงมือสังหารบิดามารดาบังเกิดเกล้า หวนนึกถึงแสงแห่งความหวังที่มิสเตอร์ฟูลประทานให้ อาศัยอารมณ์อันเข้มข้นช่วยเอาชนะภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการคลุ้มคลั่ง

ผ่านไปสักพัก ความผิดปรกติทั้งหมดกลับคืนสู่ความปรกติ แต่ออร่ารอบตัวเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างชัดเจน คล้ายกับดวงอาทิตย์อันอบอุ่นที่คอยมอบแสงสว่างไปยังรอบตัว

เดอร์ริคสัมผัสได้ว่าสมรรถภาพร่างกายดีขึ้น สามารถต้านทานเชื้อโรคและสิ่งแวดล้อมไม่ปรกติอีกหลายรูปแบบ

แต่นั่นยังไม่ใช่สาระสำคัญ เดอร์ริคกำลังสนใจเวทมนตร์ใหม่ที่พรั่งพรูเข้ามาในหัว

ประกอบไปด้วย ‘เพลิงแสงศักดิ์สิทธิ์’ ‘ต้านทานความกลัว’ ‘คำสาบานศักดิ์สิทธิ์’ ‘ฟาดฟันชำระล้าง’ ‘ออร่าสุริยัน’ ‘ทำน้ำมนต์’ และอีกมาก

เดอร์ริคเดินวนเวียนในห้องอย่างมีความสุขพลางรู้สึกว่า เวทมนตร์ชนิดใหม่ของตน เหมาะแก่การเผชิญหน้าสัตว์ประหลาดชั่วร้ายในความมืดเป็นอย่างมาก

เด็กหนุ่มไม่คิดปิดเป็นความลับ รีบเดินทางไปยังหอคอยคู่เพื่อลงทะเบียนข้อมูลเกี่ยวกับการเลื่อนลำดับของตน

ณ ที่นั่น หากผ่านการทดสอบเบื้องต้น มันจะมีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับการเป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนทันที และมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของเมืองเงินพิสุทธิ์มากกว่าเดิม

มิสเตอร์เวิร์ลต้องการทราบวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลัง…

หลังจากตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่พอประมาณ เดอร์ริคอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำมั่นสัญญาซึ่งตนคิดค้างมานาน

มันมักหงุดหงิดใจทุกครั้งที่ตระหนักว่าตนยังติดค้างผู้อื่นอยู่ พาลให้รู้สึกแย่อยู่ร่ำไป แต่ในปัจจุบัน เมื่อเห็นโอกาสสะสางเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้น จิตใจเด็กหนุ่มจึงเริ่มเบิกบาน

ณ ผับใบไม้หอม ‘นักเจรจา’ มีซอร์·คิง กำลังถือแก้วไวน์แดงพลางนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ‘ชายฉกรรจ์’ โอซิล

มีซอร์ยกขาไขว่ห้างพร้อมกับตั้งคำถาม

“พอจะรู้รายละเอียดไหม”

มันได้รับมอบหมายจากพลเรือโทโรคภัยให้กลับมายังบายัม เพื่อสืบส่วนหาความจริงเบื้องหลังการค้นพบเอลเลนผมแดง แต่ก่อนอื่น มีซอร์เลือกนัดพบชายฉกรรจ์·โอซิลเป็นอันดับแรก เนื่องจากชายคนนี้คือผู้แจกจ่ายภารกิจตามหาเบาะแสในชุมนุมลับ แน่นอน มีซอร์ทราบดีว่าตนไม่สามารถไปถามกับกลุ่มต่อต้านโดยตรงได้ ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายอาจสมรู้ร่วมคิดกับเอลเลนผมแดงตัวปลอม เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น การนัดพบกับกลุ่มต่อต้าน ก็จะไม่ต่างอะไรกับการประเคนเงินค่าหัวตัวเองให้กับอีกฝ่าย

โอซิลดึงเก้าอี้ออกมานั่ง

“พวกมันมิได้ปิดบังอะไร แต่ฉันก็ระบุไม่ได้เช่นกันว่าทุกคำพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็อย่างที่นายทราบ ฉันชอบใช้กล้ามมากกว่าสมอง พวกมันเล่าว่า คนที่พาเอลเลนผมแดงมามอบให้คือเพลิงพิโรธ·เดนิส โดยกระทำในนามตัวแทนพลเรือโทธารน้ำแข็ง เจตนาเพื่อหวังสานสัมพันธ์กับกลุ่มกบฏ ทางนั้นเป็นฝ่ายแสดงความจริงใจโดยการยื่นความช่วยเหลือมาก่อน และผมแดงเอลเลนคือหนึ่งในนั้น เพลิงพิโรธ·เดนิส? พลเรือโทธารน้ำแข็ง?”

มีซอร์พึมพำทั้งสองชื่อด้วยสีหน้าจมดิ่ง

มันเอนหลังพิงพนัก ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในฐานะอดีตกัปตันเรือย่อยแห่งกลุ่มโจรสลัดวายุและผู้ช่วยรองกัปตันแห่งกลุ่มโจรสลัดโรคภัย มีซอร์ย่อมมีข้อมูลของพลเรือโจรสลัดคนอื่น และย่อมทราบว่า พลเรือโทธารน้ำแข็งมีฝีมือเก่งกาจ เต็มไปด้วยของสะสม ถึงจะมีเรือเพียงลำเดียวและลูกเรืออีกจำนวนแค่หยิบมือ แต่ศักดิ์ศรีกลับมิได้เป็นรองพลเรือโจรสลัดคนอื่น ถ้าวัดกันแค่ฝีมือด้านการต่อสู้ เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดจะเหนือกว่ากัปตันเรือทั้งสองคนของมีซอร์ด้วยซ้ำ

แต่ความผิดปรกติก็คือ พลเรือโทธารน้ำแข็งแทบไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับความบาดหมางระหว่างพลเรือโจรสลัดด้วยกัน ส่วนใหญ่มีเป้าหมายเพียงรวบรวมข้อมูลและล่าสมบัติ เหมือนกับนักผจญภัยมากกว่าโจรสลัด

ทำไมหล่อนถึงวางแผนลอบสังหารกัปตัน… ไม่สมกับเป็นเธอเลยสักนิด… ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มโจรสลัดธารน้ำแข็งเพิ่งได้รับความเสียหายใหญ่หลวง หลังจากที่พลเรือเอกโลหิตปล่อยข่าวว่าเธอครอบครองกุญแจแห่งมรณา… เป้าหมายการล้างแค้นจึงควรเป็นเซนอลมากกว่ากัปตัน…

มีซอร์จิบไวน์แดงพลางใช้มืออีกข้างบีบนวดหน้าผาก

ผ่านไปสักพัก มันเปลี่ยนมุมมองโดยไม่ยึดติดกับพลเรือโทธารน้ำแข็งมากเกินไป เบี่ยงเบนความสนใจมายังเพลิงพิโรธ·เดนิสแทน

หลังจากนึกเค้นความทรงจำ รูม่านตามีซอร์พลันหดลีบและสั่นเทา มันพบว่าในระยะหลัง สรั่งเรือลำดับสี่แห่งฝันทองคำเริ่มเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์แปลกประหลาดบ่อยครั้ง

เจ้านั่นวางแผนลอบฆ่าเหล็กกล้า·แม็ควิตี้พร้อมกับพุ่มหนามสีเลือด·เฮนดรี้และสควอลผู้เยือกเย็น… เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ค่าหัวพุ่งไปถึงสี่พันสองร้อยปอนด์… โดยหลังจากนั้นไม่นาน ด้วยเหตุผลบางประการที่เราไม่ทราบ ค่าหัวเพลิงพิโรธได้กลายเป็นห้าพันห้าร้อยปอนด์ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าเรา…

มีซอร์พึมพำพลางจินตนาการภาพเดนิสอย่างเลือนราง มันเริ่มรู้สึกว่า อีกฝ่ายถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับและน่ากลัว

เจ้านั่นเลื่อนลำดับพลังแล้ว? หรือได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการค้นพบบางสิ่ง?

มีซอร์ขยับเอว โน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับวางแก้วไวน์

มันกล่าวเสียงขรึม

“ฉันเคยมองค่าหัวของเดนิสเป็นเรื่องตลก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น… เพลิงพิโรธคือโจรสลัดที่คู่ควรกับค่าหัวห้าพันห้าร้อยปอนด์”

มีซอร์จ้องไปทางชายฉกรรจ์·โอซิล

“ช่วยฉันรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเพลิงพิโรธมาให้ฉัน ยิ่งใหม่เท่าไรก็ยิ่งดี!”

ณ ห้องพักสุดหรูของโรงแรมวายุคราม

เดนิสเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มันรีบกวาดตาไปรอบตัว ตามด้วยการหลีกทางให้อีกฝ่ายเข้ามา

“เป็นยังไงบ้าง… สำเร็จไหม”

หลังจากบานประตูปิดสนิท มักซักถามอย่างสงสัยแกมตื่นเต้น

พลเรือโทโรคภัยโด่งดังในด้านความงดงาม เราเคยเห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว และตระหนักว่าเสน่ห์ที่แท้จริงของเธอเหนือกว่าข่าวลือไปมาก… หากตายไปทั้งอย่างนั้นคงเสียของแย่ ควรจับหล่อนขังคุกตลอดชีวิตมากกว่า…

แม่เย็*! หล่อนก็ไม่ได้สวยไปกว่ากัปตันสักเท่าไรหรอกน่า! หน้าตาแบบนั้นหาได้ทั่วไปในโรงละครแดง!

เดนิสพยายามต่อสู้กับความรู้สึกขัดแย้งในใจ

ไคลน์ยกกำปั้นขึ้นมาจ่อปาก ตามด้วยเสียงไอกระแอมสองหน

“เกือบสำเร็จ” ชายหนุ่มมอบคำตอบหลังจากคอโล่ง

“น่าเสียดาย…” เดนิสถอนหายใจ

ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิด

เกอร์มัน·สแปร์โรว์คือสัตว์ประหลาด!

ไม่เพียงวางแผนลอบเข้าไปในกาฬมรณะเพื่อสังหารพลเรือโทโรคภัยอย่างบ้าบิ่น แต่ยังเกือบทำสำเร็จอีกด้วย! และถึงจะล้มเหลว ก็ยังหนีรอดกลับมาได้โดยแทบจะไร้รอยขีดข่วน!

อย่างที่ทราบกันดี พลเรือโจรสลัดนั้นมีอำนาจค้างฟ้าในทะเล โดยเป็นรองเพียงสี่ราชาโจรสลัดเท่านั้น เหตุผลก็ไม่ซับซ้อน นอกจากฝีมือส่วนตัวจะแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม แต่ละคนยังมีบริวารทรงพลังคอยรับใช้ข้างกาย ฉะนั้น การที่นักผจญภัยเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ หนีออกจากกาฬมรณะได้อย่างราบรื่นแม้จะลอบสังหารล้มเหลว คือเครื่องยืนยันเป็นอย่างดีว่า ชายคนนี้มีฝีมือทัดเทียมพลเรือโจรสลัด!

ยุบพองหิวโหยทรงพลังขนาดนั้นเชียว? ไม่สิ ถ้าเป็นเรา ถึงจะมียุบพองหิวโหยสองข้าง ก็คงทำแบบเดียวกันไม่ได้…

เดนิสเริ่มรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ที่วันนั้นมันเลือกเป็นมิตรกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มากกว่าตั้งตนเป็นศัตรู

ไคลน์ไอแห้งอีกสองหน ในใจเตรียมวานให้เดนิสออกไปซื้อยาแก้อาการป่วย

แต่มันเกิดเปลี่ยนใจ เพราะเริ่มตระหนักว่าอาการของตนค่อนข้างซับซ้อน หากไม่ให้หมอตรวจซึ่งหน้า คงยากจะได้รับยาที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจักรพรรดิโรซายล์มหาราชจะคิดค้นยาปฏิชีวนะกึ่งครอบจักรวาลมาแล้วก็ตาม

น่าเสียดายที่ห้วงมิติสายหมอกไม่สามารถใช้เป็นห้องตรวจโรคได้ เพราะอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นอาการป่วยทางกายภาพของร่างเนื้อ ไม่อย่างนั้น เราคงให้เอ็มลินช่วยวินิจฉัย จะได้เลือกซื้อยาได้ถูกชนิด…

ไคลน์เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด ตามด้วยการเปลี่ยนจากเสื้อชาวประมงไปเป็นชุดสุภาพตามปรกติ และเผาเสื้อผ้าเก่าโทรมเหล่านั้นทิ้งทันที

เมื่อเห็นอีกฝ่ายออกจากห้องน้ำ เดนิสถือถุงกระดาษเดินไปต้อนรับพลางหัวเราะในลำคอ

“รางวัลตอบแทนเจ็ดร้อยปอนด์”

ทันใดนั้น มันและไคลน์ต่างได้ยินเสียงเคาะประตูพร้อมกัน โดยผู้มาเยือนคือกัปตันไอร์แลนด์

กัปตันโมราขาวเดินเข้ามาในห้อง ตามด้วยการจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์พลางกล่าวเสียงค่อย

“ขณะเตรียมตัวกลับไปยังท่าเรือพริตส์ ผมบังเอิญได้ยินข่าวน่าสนใจเข้า ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์ใหญ่ที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นในเมืองท่าแบนชี”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset