Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 583 : กำลังเสริม

ราชันเร้นลับ 583 : กำลังเสริม

ร่างกายทุกส่วนของไคลน์ถูกของเหลวอุณหภูมิเย็นเฉียบโอบกอด เดรสยาวสีทองสลับแดงเปียกชุ่มจนหนักราวกับหิน ช่วยถ่วงให้ชายหนุ่มจมลงก้นทะเลอย่างรวดเร็ว

ระหว่างนั้น ยุบพองหิวโหยเขมือบเลือดเนื้อและวิญญาณของโจรสลัดโชคร้ายหมดพอดี ขจัดน้ำหนักส่วนเกินที่เป็นภาระออกไป

ไคลน์ไม่คิดลอยไปบนผิวน้ำ เลือกจมดิ่งลงก้นทะเลด้านล่าง สองข้างมีเสียงคลื่นทะเลดังแว่ว เป็นเสียงของโจรสลัดเส้นทาง ‘ลูกเรือ’ ที่กระโดดตามลงมา

สมรภูมิใต้น้ำคือสวรรค์ของพวกมัน!

หากเป็นที่นี่ ‘ลูกเรือ’ จะไม่ต่างอะไรกับปลา!

แต่ไคลน์หาได้ประหม่า ในฐานะนักมายากลผู้เตรียมพร้อมก่อนการแสดงทุกครั้ง มันย่อมคิดแผนหลบหนีในกรณีล้มเหลวเผื่อเอาไว้ เพราะไม่มีใครทำสำเร็จไปทุกเรื่อง

จริงอยู่ เพื่อให้แปลงโฉมเป็นเอลเลนได้อย่างแนบเนียน ไคลน์ต้องทิ้งสมบัติวิเศษเกือบทั้งหมดไว้บนมิติสายหมอก รวมไปถึงเงินสดและยันต์ขอบเขตเส้นทางวายุที่เคยทำเตรียมไว้ แต่นั้นก็มิอาจขัดขวางแผนการหลบหนีของไคลน์ ผู้เป็นถึงสามตัวตนในตัวคนเดียว ทั้งเทพสมุทร ข้ารับใช้เทพสมุทร และสาวกเทพสมุทร!

หลังจากกินจนอิ่มหนำ ยุบพองหิวโหยในมือซ้ายเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด พร้อมกับแผ่ไอความเย็นไปรอบตัวในรัศมีหลายเมตร น้ำทะเลโดยรอบจึงเริ่มจับตัวกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง

แต่ก่อนที่ไคลน์จะถูกแช่อยู่ในก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมา กล้ามเนื้อแผ่นหลังพลันขยายขนาด ชายหนุ่มอาศัยพละกำลังช้างสารของซอมบี้ ชกทำลายแผ่นน้ำแข็งรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง

ลงเอยด้วย ไคลน์สร้างช่องว่างเล็ก ๆ รอบตัวที่ปราศจากน้ำทะเลขึ้น

อย่างไรก็ตาม น้ำทะเลบางส่วนเริ่มไหลซึมเข้ามาตามรอยแตก ไคลน์จึงเหยียดแขนพร้อมกับแผ่ไอความเย็นฉาบรอยรั่วทุกจุด เกิดเป็นกำแพงผลึกน้ำแข็งล้อมรอบร่างกายโดยสมบูรณ์

ชายหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังถูกขังในคุกน้ำแข็ง แต่ถึงที่ว่างจะค่อนข้างคับแคบ ก็ยังกว้างพอให้ยืดเส้นยืดสาย

ไคลน์ไม่สิ้นเปลืองเวลา รีบเดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว ปากพึมพำคาถา ‘เซียนราชันฟ้าดินประทานโชค’ เพื่อส่งร่างวิญญาณเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก

เมื่อชายหนุ่มปรากฏกายบนที่นั่งเดอะฟูล มันรีบหยิบคทาสั้นที่วางเตรียมไว้บนโต๊ะขึ้นมาถือ

โดยไม่ต้องเสียเวลาควานหา เพียงเพ่งจิตอย่างแน่วแน่ ไคลน์ก็พบจุดแสงสีขาวที่เป็นของเกอร์มัน·สแปร์โรว์—สาวกเทพสมุทรหน้าใหม่ที่สร้างการเชื่อมต่อเตรียมไว้ล่วงหน้า

จากนั้น ชายหนุ่มยกไม้เท้ากระดูกขาว ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปจนอัญมณีสีฟ้าเปล่งแสง

ไคลน์ตอบสนองคำวิงวอนตัวเอง ตามด้วยการเสกเวทมนตร์มากมาย ฉาบร่างกายเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่อยู่ในคุกน้ำแข็ง มีทั้งพรที่ช่วยให้หายใจใต้น้ำ พรต้านทานแรงดันน้ำ พรที่มอบอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกายใต้น้ำ รวมถึงพลังที่เกี่ยวข้องชนิดอื่น ๆ

ปิดท้ายด้วย ไคลน์ส่งเทวทูตกระดาษโอบกอดตัวเองเพื่อต่อต้านพลังทำนายทุกรูปแบบ อีกทั้งยังออกคำสั่งให้สัตว์ทะเลคอยช่วยเหลือเกอร์มัน·สแปร์โรว์

เมื่อเตรียมการเสร็จ ชายหนุ่มมัวไม่เอ้อระเหย รีบส่งตัวเองกลับไปยังโลกจริง และตระหนักถึงสถานการณ์รอบตัว

แรงดันมหาศาลของน้ำทะเลกำลังกัดเซาะคุกน้ำแข็ง บางส่วนไหลทะลักเข้ามาในรอยแตก พื้นที่ว่างรอบตัวไคลน์เริ่มถูกแทนที่ด้วยน้ำทะเล

แต่ไม่มีสิ่งใดให้ไคลน์ต้องกังวล ตัวมันในตอนนี้มีอิสรภาพไม่ต่างจากเส้นทาง ‘ลูกเรือ’

เมื่อพังคุกน้ำแข็งออกมา ไคลน์พบปลาตัวหนึ่งกำลังว่ายมาทางตน ไม่เพียงเท่านั้น ใต้ฝ่าเท้ายังมีเงาดำทะมึนของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ลอยขึ้นจากก้นทะเลด้วยความเร็วสูง

มันคือปลาหมึกยักษ์สีน้ำตาลแดง รูปร่างค่อนข้างประหลาด ลำตัวมีขนาดมโหฬารชนิดที่พังเรือเดินสมุทรได้ง่ายดายด้วยหนวด

สัตว์ร่างยักษ์ทำการพ่นหมึกดำปกคลุมท้องทะเลภายในรัศมี ลูกเรือที่กำลังว่ายน้ำไล่หลังพลันสูญเสียทัศนวิสัย ร่างกายบางคนเกิดอาการชาอย่างเป็นปริศนา

เมื่อเริ่มหวาดกลัวสิ่งที่ไม่รู้ ทุกคนรีบว่ายขึ้นผิวน้ำเพื่อตรวจสอบความผิดปรกติที่อาจเกิดกับร่างกายตัวเอง

และเมื่อดำน้ำกลับลงไปอีกครั้ง ร่องรอยของไคลน์ก็หายไปโดยสมบูรณ์

ณ ก้นทะเลลึก ชายหนุ่มกำลังแหวกว่ายด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข มันผ่อนคลายเสียจนมีเวลาว่างพอจะนึกทบทวนรายละเอียดของภารกิจลอบสังหารเมื่อครู่

เราสวมรอยเป็นเอลเลนได้สมบูรณ์แบบแล้ว แม้แต่เทรซี่ที่เคยหลับนอนด้วยทุกคืน ก็ยังแยกแยะไม่ออกในทันที ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้โอสถมีพัฒนาการก้าวกระโดด…

ขณะเดียวกัน เราทำลายกำแพงขีดจำกัดทางจิตใจ และค้นพบเทคนิคสวมรอยให้ไม่เกิดความอึดอัดหรือตะขิดตะขวง…

แก่นสำคัญคือการเข้าถึงตัวตน แต่มิได้นำจิตใจเข้าไปหลอมรวมเป็นหนึ่ง สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการย่อยโอสถในอนาคต…

เราทำดีที่สุดแล้วในการต่อสู้ เตรียมความพร้อมล่วงหน้าอย่างรัดกุม ข้อบกพร่องเดียวก็คือ เราประเมินฝีมือของลำดับ 5 แม่มดทุกข์ระทมต่ำเกินไป มองข้ามประสบการณ์ต่อสู้อันโชกโชนก่อนจะกลายมาเป็นพลเรือโจรสลัดของเธอ…

ถึงเธอจะสูญเสียสมบัติวิเศษตั้งแต่เริ่มต่อสู้ แต่ลำพังพลังปัจจุบันของเรา การปิดบัญชีในพริบตาก็แทบเป็นไปไม่ได้…

จริงอยู่ แผนการจะราบรื่นกว่านี้ถ้าเราใช้คทาเทพสมุทร แต่กาฬมรณะยังอยู่ในน่านน้ำของหมู่เกาะรอสต์ ถ้าทำแบบนั้น ผู้บริสุทธิ์จะล้มตาย…

การต่อสู้ในวันนี้ช่วยให้เราค้นพบอีกหนึ่งจุดอ่อนสำคัญของตัวเอง นั่นคือการขาดสมบัติวิเศษในเชิงจู่โจม…

เมื่อแผนการล้มเหลว ชายหนุ่มย่อมรู้สึกห่อเหี่ยวเป็นปรกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็มิได้เกิดอารมณ์ท้อแท้สิ้นหวัง เรื่องราวยังไม่จบ ไคลน์ยังสามารถเขียนจดหมายถึงมิสเตอร์อะซิก เพื่อรอดูท่าทีว่า อีกฝ่ายสนใจเอกสารโบราณที่อาจเกี่ยวข้องกับเทพมรณาหรือไม่

ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่ไคลน์จะกระโดดออกจากห้องเทรซี่ มันทำการเผาเสื้อผ้าผู้ชายในห้องแต่งตัวด้วยก้านไม้ขีดที่เตรียมทิ้งไว้ รวมถึงเส้นผมและรังแคทั้งหมด เพื่อให้เทรซี่เข้าใจว่า ผู้บุกรุกต้องการลบร่องรอยทิ้งโดยสมบูรณ์

แต่ความจริงแล้ว ไคลน์ทำไปเพื่อกลบเกลื่อนบางสิ่ง

สิ่งนั้นก็คือ ‘กระดุมเสื้อและเส้นผม’ ที่มันแอบโยนไว้ตามซอกเรือขณะเดินผ่านห้องพักบนกาฬมรณะ เป็นกระดุมเสื้อที่โจรสลัดไม่มีทางมองว่าเป็นสิ่งผิดปรกติ เพราะเกิดเป็นภาพจำประทับลงไปว่า ‘ผู้บุกรุกทำลายเส้นผมและเสื้อผ้าทั้งหมดทิ้งไปแล้ว’

แม้แต่เทรซี่ก็คงเข้าใจผิด คิดว่าผู้บุกรุกหวาดกลัวต่อคำสาปของเธอ จนระมัดระวังเรื่องเลือดและเส้นผมเป็นพิเศษ ดังนั้น การค้นหาเบาะแสหลังจากนี้จึงมุ่งเน้นไปยังร่องรอยอื่น และมองข้ามกระดุมกับเส้นผมโดยไม่รู้ตัว

อาศัยเส้นผมกับกระดุมข้างต้น ไคลน์สามารถระบุพิกัดของกาฬมรณะได้ทุกเมื่อ หากอะซิกแสดงความสนใจในเรื่องนี้ การตามหาตัวพลเรือโทโรคภัย·เทรซี่ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก

เราเคยประเมินไว้ว่า เรื่องแค่นี้คงไม่ต้องถึงมือมิสเตอร์อะซิก เคยคิดว่าภารกิจหนนี้ไม่ยากเกินกำลังตัวเอง แต่ดูเหมือนจะเข้าใจผิดถนัด…

ไคลน์ถอนหายใจ หน้าอกเจ็บแปลบเล็กน้อย

นั่นคือเหตุผลหลักที่ชายหนุ่มไม่ต้องการรบกวน ‘ลูกพี่’ ของตน ส่วนเหตุผลรองก็คือ มันยังไม่มั่นใจว่าบนกาฬมรณะจะมีเบาะแสเอกสารโบราณของราชวงศ์ไบลัมอยู่จริง เพราะถ้าหากเกิดไม่มีขึ้นมา อีกฝ่ายก็จะลงมือเสียเที่ยว และตนก็จะประสบความอับอาย

ไม่เพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะรบกวนมิสเตอร์อะซิกหรือไม่ แต่เงื่อนไขในการขึ้นกาฬมรณะคือ ไคลน์ต้องแปลงโฉมเป็นเอลเลน มิอาจหลีกเลี่ยงการใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อได้

ต่อหน้าคนรู้จัก สิ่งนี้น่าอับอายเกินไป

อันที่จริง หากไม่เพราะไคลน์ต้องการสืบข้อมูลเป็นประเด็นหลัก สนใจเพียงการฆ่าเทรซี่ ชายหนุ่มยังมีอีกหนึ่งวิธีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ นั่นคือการว่ายน้ำกลับไปยังบายัม ส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก อาศัยการระบุตำแหน่งจากกระดุม สร้างพายุสายฟ้าก่อกวนกาฬมรณะจากระยะไกลด้วยคทาเทพสมุทร

มันมิได้คาดหวังว่าเวทมนตร์เทพสมุทรจะสังหารเทรซี่ได้ในพริบตา แต่เหตุการณ์ผิดปรกติจะดึงดูดให้ ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนตื่นตัว และเมื่อถึงตอนนั้น ตำแหน่งของกาฬมรณะก็จะอยู่ในสายตาของโบสถ์วายุสลาตัน… ไม่มีทางที่เจ้าสมุทรจะไม่อยากพบหน้าสตรีแห่งโรคภัย…

ไคลน์ส่ายหน้าขื่นขมกับตัวเอง พลางอาศัยสัมผัสวิญญาณของนักทำนายนำทาง ว่ายน้ำตรงไปยังชายฝั่งอย่างรวดเร็ว

บนกาฬมรณะ เทรซี่สลายแนวป้องกันและเดินไปเก็บกำไลเลี่ยมเพชรในสภาพสวมเชิ้ตขาวเปื้อนเลือด

ผู้รุกบุกระวังตัวมาก… สมัยเรายังเป็นนักลอบสังหาร ความรอบคอบยังไม่มากเท่าเธอ… ไม่สิ คงเป็น ‘เขา’ มากกว่า…

เทรซี่กัดฟันกรอดขณะครุ่นคิด

มันมิได้โกรธแค้นที่ตนเกือบต้องตายด้วยฝีมือนักลอบสังหารปริศนา แต่มันหงุดหงิดเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายอาจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเอลเลน

หากอ้างอิงคำพูดของจักรพรรดิโรซายล์ เทรซี่กำลังรู้สึกว่าตน ‘เขางอก’

เอลเลน… เธอจะเย็นชาและโหดร้ายกับฉันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ… ไม่สิ บางที เธออาจถูกบังคับด้วยกำลัง…

เทรซี่ก้มหน้ามองบาดแผลฉกรรจ์บนหัวไหล่ข้างซ้าย จวบจนตอนนี้ ความเจ็บปวดเหนือพรรณนาก็ยังไม่จางหายไปไหน

หากไม่ใช่เพราะโอสถ ‘นักลอบสังหาร’ และ ‘นักกระตุ้น’ ช่วยเสริมแกร่งร่างกาย อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นทุกการเลื่อนลำดับ ลำพังกระสุนนัดเดียวของอีกฝ่าย ก็มากพอจะระเบิดหัวไหลให้ไม่เหลือซาก คล้ายกับโจรสลัดปลายแถวที่ถูกยิงด้วยปืนไรเฟิลรุ่นล่าสุดของกองทัพ

หลังจากยืนมองเลือดไหลซึมจากปากแผล เทรซี่สั่งให้สาวใช้ผมทองด้านนอกเข้ามา อาศัยพลังพิเศษของอีกฝ่ายช่วยฟื้นฟูบาดแผล ขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งกับบรรดาโจรสลัดซึ่งยากจะละสายตาจากเรือนร่างตน ให้ค้นหาร่องรอยของผู้บุกรุกอย่างละเอียด

แต่ผ่านไปสักพัก โจรสลัดคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานว่า เสื้อผ้าและเส้นผมของผู้บุกรุกทั้งหมดในห้องแต่งตัว เกิดลุกไหม้ขึ้นเองอย่างเป็นปริศนา

คำพูดดังกล่าวทำให้เทรซี่หวนนึกถึงพฤติกรรมก่อนที่อีกฝ่ายจะกระโดดออกนอกหน้าต่าง

เธอถอนหายใจยาวพลางรำพัน

รอบคอบมาก…

แถมยังไม่โลภ เพราะหากเจ้านั่นหยิบกำไลข้อมือติดตัวไปด้วย เราคงไม่ต้องกังวลเรื่องการแกะรอย…

เทรซี่โบกมือ ส่งสัญญาณให้โจรสลัดส่วนใหญ่ออกจากห้อง เหลือเพียง ‘นักเจรจา’ มีซอร์ และสมาชิกระดับสูงอีกไม่มาก

“ผู้ช่วยรองกัปตัน นายกลับไปที่บายัมอีกครั้ง ตรวจสอบให้แน่ชัดว่า กลุ่มต่อต้านพบเอลเลนผมแดงได้ยังไง” เทรซี่ออกคำสั่งเสียงขรึม

มีซอร์ที่พยายามหักห้ามใจมิให้เหลือบมองหน้าอกของเทรซี่ ตอบรับอย่างเคร่งครัด

“ครับ!”

เทรซี่นั่งตรึกตรอง ก่อนจะเพิ่มอีกหนึ่งคำสั่ง

“ป่าวประกาศออกไปด้วยว่า ฉันได้รับบาดเจ็บสาหัส และคงยังไม่หายดีไปอีกพักใหญ่ แล้วก็… รองกัปตัน รีบแล่นเรือออกจากที่นี่ทันที พวกเราไม่ควรอยู่ต่อแม้เพียงวินาทีเดียว”

เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ทุกคนแยกย้ายออกไปทำงานของตัวเอง ความเงียบงันกลับมาปกคลุมห้องกัปตันเรืออีกครั้ง

จวบจนตอนนี้ เทรซี่พายามนึกหาเหตุผลมาตลอดว่า ผู้ลงมือมีจุดประสงค์อันใด ทำไมถึงต้องการฆ่าเธอ ทำแบบนั้นแล้วใครได้ประโยชน์

แต่ยิ่งใคร่ครวญก็ยิ่งปวดหัว เพราะถึงแม้เธอจะมีศัตรูไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครมีพลังพิสดารเหมือนผู้บุกรุก

จนกระทั่งเทรซี่ฉุกคิดบางสิ่ง ปากขยับพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา

“ยุบพองหิวโหย…?”

ยามเที่ยงคืน ณ ท่าเรือส่วนตัวแห่งหนึ่งบนเกาะภูเขาคราม

หญิงสาวคนหนึ่งผุดขึ้นจากทะเล มิใช่ใครนอกจากไคลน์ที่ปลอมตัวเป็นเอลเลน

ด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอน ชายหนุ่มดันร่างกายขึ้นบนฝั่ง ลอบเข้าบ้านชาวประมงในละแวกใกล้เคียงเพื่อขโมยชุดเก่าโทรมมาสวม และเปลี่ยนใบหน้ากลับเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์

หลังจากทิ้งเดรสของเทรซี่ไว้เป็นค่าตอบแทน ไคลน์รีบออกจากท่าเรือส่วนตัว ตรงดิ่งกลับไปยังเมืองบายัมก่อนฟ้าสาง

มันยังไม่กลับไปหาเดนิสทันที เลือกพักในโรงแรมขนาดเล็กแห่งหนึ่ง และประกอบพิธีกรรมเพื่อนำสมบัติวิเศษจำพวกนกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิก รวมถึงกระเป๋าสตางค์ กลับมายังโลกความจริง

เมื่อยืนยันว่าตนสามารถระบุตำแหน่งของกาฬมรณะได้ ไคลน์เป่านกหวีดทองแดงโดยปราศจากความลังเล

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset