Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 575 : ฝันทองคำ

ราชันเร้นลับ 575 : ฝันทองคำ

เมื่อได้เห็นเรือจักรพรรดิมืดเต็มสองตา ไคลน์พลันเกิดความระแวงและหวาดผวา เนื่องจากกำลังคิดในใจว่า หนึ่งในสี่ราชาโจรสลัด ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร นาสต์ มาที่นี่เพื่อตามหาตน

แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ไคลน์ตัดสมมติฐานดังกล่าวทิ้งทันที เหตุผลไม่ซับซ้อน เพราะมันแทบไม่เคยนำไพ่จักรพรรดิมืดลงมายังโลกความจริงเลย ส่วนใหญ่จะถูกใช้งานภายในโลกวิญญาณเสียมากกว่า เคยปรากฏตัวบนโลกความจริงแค่ไม่กี่หน และทุกครั้งก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากพิธีกรรมอัญเชิญ ก่อนจะรีบเข้าไปในโลกวิญญาณทันที

เมื่อผนวกกับเรื่องที่ว่า มิติสายหมอกมีพลังแทรกแซงผลการทำนายพอสมควร อีกทั้ง ไพ่เย้ยเทพทุกใบของโรซายล์ จะมีระบบป้องกันการทำนายถึงและแกะรอยทุกรูปแบบ ฉะนั้น ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นนาสต์ แต่ก็ไม่มีทางระบุพิกัดของเราได้แม่นยำแน่นอน!

เมื่อเรือลำมหึมาแล่นไปทางเงาดำสุดขอบฟ้า ฉากเหตุการณ์บนดาดฟ้าของเรือลำดังกล่าวเริ่มชัดเจน ลูกเรือหลายคนกำลังขัดถูกทำความสะอาดพื้น หลายคนเมามาย และหลายคนยืนโอ้อวดที่กราบเรือ ไม่มีใครชักดาบถือปืน บ่งบอกชัดเจนว่าเจตนาไม่ใช่การปล้น

ใกล้กับห้องเครื่อง ไคลน์เห็นบัลลังก์ขนาดใหญ่ที่สร้างจากหิน ลวดลายกระดำกระด่างเผยกลิ่นอายความเก่าแก่ และสูงราวสามเมตร

บนเก้าอี้มีชายร่างยักษ์กำลังนั่งผ่อนคลาย

ทว่า ยังไม่ทันที่เดนิสจะได้เห็นว่านาสต์หน้าตาเป็นเช่นไร ร่างกายของมันพลันสั่นเทาหนักหน่วง เกิดความรู้สึกอยากคุกเข่าเสียเต็มประดา ศีรษะก้มต่ำอย่างมิอาจหักห้าม

ไคลน์เองก็สัมผัสถึงความน่าเกรงขามที่กำลังท่วมท้นห้วงมิติได้ไม่ต่างกัน

ชายหนุ่มไม่ขัดขืน ปล่อยศีรษะให้ก้มต่ำลงตามธรรมชาติ ด้วยเกรงว่า หากทำเป็นเก่งยืนจ้องโดยไม่เกรงกลัว อีกฝ่ายอาจเอะใจและหันหัวเรือกลับ นั่นจะเป็นนำพาความฉิบหายมาถึงตัว

ถ้าเก็บงำความลับไว้มาก ก้มหัวได้ก็ต้องก้ม!

ไคลน์ก้มหน้าพลางเกร็งคอ จ้องพรมในห้องราวกับมันงดงามเสียเต็มประดา

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ จนกระทั่งแสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างอีกครั้ง โลกอันมืดมิดเมื่อครู่เลือนหายไปโดยสมบูรณ์

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น เรือใบสีดำลำใหญ่ไม่อยู่อีกแล้ว เหลือเพียงสายลมเอื่อยและคลื่นเรียบเงียบสงบ รวมถึงท้องฟ้าอันกว้างใหญ่และมหาสมุทรที่มีขอบเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

“ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้… สายข่าวเพิ่งจะรายงานเข้ามาว่า นาสต์ปรากฏตัวใกล้กับทะเลหมอกเมื่อไม่กี่วันก่อน” เดนิสขมวดคิ้ว

เรือจักรพรรดิมืดสามารถท่องโลกวิญญาณ การเดินทางจากทะเลหมอกมาถึงตรงนี้ภายในไม่กี่วัน คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก… และนี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไม นาสต์ถึงเป็นราชาโจรสลัดอันดับหนึ่งแห่งท้องทะเล…

ไคลน์พึมพำเงียบ

มันเชื่อว่า สาเหตุที่นาสต์ ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร ปรากฏตัวในละแวกนี้ เป็นเพราะอีกฝ่ายกำลังตามหาเบาะแสอันเลือนรางของไพ่จักรพรรดิมืด เพียงแต่ว่า นาสต์มิอาจระบุตำแหน่งได้ชัดเจน จึงแล่นเรือค้นหาแบบเดาสุ่ม

ไคลน์กลับมานั่ง ทำหน้าเย็นชาประหนึ่งไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

ระยะทางจากบายัมไปดีลินุสไม่ไกลมาก ถ้าเดินทางเป็นเส้นตรงจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทว่า เส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัยนั้นวกวน ส่งผลให้กว่าจะถึงก็เป็นช่วงพลบค่ำ

จากนั้น ไคลน์แปลงโฉมและซื้อตั๋วโดยสารไปยังกีรากัสด้วยบัตรประชาชนปลอม ทุกสิ่งถูกจัดการเสร็จเรียบร้อยก่อนฟ้ามืด ทั้งสองจึงทันขึ้นเรือเที่ยวสุดท้ายในวันเดียวกัน และไปถึงกีรากัสในช่วงเช้ามืดของวันถัดไป

เดนิสไม่พาไคลน์เข้าเมือง เพียงเดินนำทางไปยังท่าเรือส่วนตัวแห่งหนึ่ง และขับเรือประมงลำเล็กออกจากท่า

ผ่านไปสองชั่วโมง ไคลน์มองเห็นเรือลำใหญ่ซึ่งมีความยาวหลายสิบเมตร ผิวเรือสะอาดและมันเงา เมื่อสะท้อนแสงแดดจะมอบความรู้สึกคล้ายทองคำ

ลักษณะภายนอกแตกต่างจากเรือประเภทเดียวกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะปืนใหญ่กระบอกมหึมาที่พาดยาวตั้งแต่กลางลำเรือไปจนถึงหัวเรือ ผิวโลหะของปืนมีอักษรเวทมนตร์สลักอย่างซับซ้อน ขณะเดียวกันก็มีละอองแสงไหลเวียนตลอดเวลา

“นั่นคือปืนใหญ่ชำระล้าง! ยิงได้เพียงสิบนัด จากนั้นก็ต้องให้นักบวชอาวุโสหกคนช่วยกันประกอบพิธีกรรมถึงเทพบางองค์ เพื่อเติมพลังวิญญาณกลับเข้าไปใหม่” เดนิสยืดอกเล่า

ยันต์ขนาดใหญ่สินะ… แบบนี้ก็หมายความว่า พลังวิญญาณจะเสื่อมถอยตามกาลเวลา… หืม… โบสถ์สุริยันเจิดจรัสคือผู้อยู่เบื้องหลังพลเรือโทธารน้ำแข็ง? หรือว่าจะเป็นองค์กรลับใดสักแห่งที่มีนักบวชเส้นทางสุริยัน…

ไคลน์วิเคราะห์ในใจ ใบหน้ายังคงเย็นชา

ขณะได้เห็นฝันทองคำครั้งแรกในความฝันเดนิส ไคลน์ไม่คิดว่านั่นจะเป็นเรื่องจริง เพราะสิ่งที่เห็นในความฝัน อาจไม่ตรงกลับความเป็นจริงเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่า ช่วงนั้นได้รับอิทธิพลจากสิ่งใดมากเป็นพิเศษ บางที เดนิสอาจชื่นชอบเรือรบหุ้มเกราะเป็นทุนเดิม

แต่เมื่อได้เห็นของจริง ปืนใหญ่สุดพิสดารของฝันทองคำ ตรงตามความฝันเดนิสทุกประการ

ชายหนุ่มค่อนข้างผิดคาด ไม่คิดว่าฝันทองคำจะถูกสร้างด้วยวิธีการซับซ้อนทั้งทางด้านกลไกและเวทมนตร์เช่นนี้ เชื่อได้เลยว่า องค์กรลับเบื้องหลังจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

เพียงไม่นาน ฝันทองคำปล่อยเรือเล็กออกมาหนึ่งลำ เดนิสรีบขับเรือประมงแล่นเข้าไปใกล้

จากนั้น เดนิสกางแขนกว้าง กำหมัดแน่น และกระโดดลงไปบนเรือเล็กอย่างชำนาญโดยไม่สูญเสียการทรงตัว

มันผิวปากอย่างมีความสุข ใช้มือตบบ่าคนขับเรือเล็กพลางเกิดความรู้สึกที่ว่า ชีวิตอันน่าปลาบปลื้มบนท้องทะเลได้หวนคืนมาอีกครั้ง!

อย่างไรก็ตาม ห้วงอารมณ์ดังกล่าวคงอยู่ได้ไม่นานนัก เรือเล็กทรุดตัวลงเล็กน้อย ตีความได้ว่า มีอีกหนึ่งคนกระโจนตามขึ้นมาบนเรือ

จริงสิ… เราลืมคนบ้าเสียสนิท…

เดนิสหุบยิ้มและนั่งลง

ไคลน์กวาดตามองโจรสลัดรอบตัว จึงค่อยกดหมวกลงและทิ้งตัวนั่งโดยไม่กล่าวสิ่งใด

เพียงไม่นาน ทุกคนก็มาถึงดาดฟ้าเรือฝันทองคำ ณ ที่นั่น ไคลน์เห็นเอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดกำลังยืนตรงมุมหนึ่งของกราบเรือ

พลเรือโจรสลัดสาวสวยแทบไม่มีจุดใดเปลี่ยนไปจากความฝัน การแต่งหน้าทำผมยังเหมือนเดิมทุกประการ เปลี่ยนเพียงกระโปรงเป็นกางเกงขายาวรัดรูปสีดำ รองเท้าบูตหนัง

ด้วยใบหน้าอันงดงามแฝงความทรงปัญญา บรรยากาศรอบตัวเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน

รอบนี้ดูเหมือนโจรสลัดมากกว่าคุณครู…

ไคลน์ยิ้ม ทักทายอย่างสุภาพ

“อรุณสวัสดิ์ มาดามกัปตัน”

“อรุณสวัสดิ์ มิสเตอร์เกอร์มัน” เอ็ดวิน่าทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม

จากนั้น หญิงสาวหมุนตัวกลับหลัง และเดินไปทางอวนดักปลาที่ถูกตากจนแห้ง พลางส่งสัญญาณบอกให้โจรสลัดคนอื่นรีบไปสะสางงานตัวเองให้เสร็จ

อวนดักปลา… ยังเป็นกลุ่มโจรสลัดอยู่อีกหรือ ถ้าไม่บอกนึกว่าเป็นนักล่าสมบัติ… เพื่อแก้ปัญหาความจำเจของอาหาร?

ไคลน์เดินตามเอ็ดวิน่าโดยไม่ซักถามมากเรื่อง ส่วนเดนิสเริ่มมองหาพรรคพวกที่สนิทกัน และเดินเข้าไปเตรียมดื่มพลางโอ้อวด

แน่นอน มันยังไม่วางใจ คอยแอบชำเลืองอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเกรงว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์และกัปตันของตนอาจสาวหมัดใส่หน้ากันและกันได้ทุกเมื่อ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มันจะได้ตามเพื่อนไปช่วยกันรุมกระทืบ

ไคลน์ไม่ถามว่าทำไมเอ็ดวิน่าถึงชักชวนตน เพียงยืนใคร่ครวญสักพักและถามออกไป

“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเทรซี่บ้าง”

มันชิงเป็นฝ่ายถามก่อน เพราะหากปล่อยให้อีกฝ่ายขอร้องก่อน ถ้าตนตอบปฏิเสธ ถึงตอนนั้นก็คงเกรงใจที่จะซักถามข้อมูลจากอีกฝ่าย

“เทรซี่?” เอ็ดวิน่าขยับดวงตาเล็กน้อย “แม่มด… ลำดับ 5 แม่มดทุกข์ระทม”

เชี่ย… แม่มด!

ไคลน์เกือบหลุดอุทาน มันประหลาดใจอย่างมากที่ตนมีชะตาต้องพัวพันกับแม่มดมากมาย ไล่ตั้งแต่แม่มดทริสซี่ แม่มดสุขสม มาดามเชอรอน แม่มดสุขสม ทริสซี่·ชีคที่เติบโตขึ้น แม่มดลำดับสูงสักคนที่ได้ยินแต่เสียงในนิมิต

และรายสุดท้าย แม่มดทุกข์ระทม เทรซี่

เอ็ดวิน่ามิอาจสัมผัสถึงความสั่นคลอนภายในจิตใจไคลน์ จึงเล่าต่อด้วยเสียงเรียบเฉย

“เธอแตกต่างจากแม่มดคนอื่น มีคติพจน์และการวางตัวผิดไปจากธรรมเนียม ถือเป็นตัวประหลาดของนิกายโดยแท้จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำงานให้องค์กรโดยไม่บกพร่อง เป็นงานจำพวกการค้ามนุษย์และพฤติกรรมชั่วร้าย”

แตกต่างจากแม่มดคนอื่น? หรือเจ้านั่นจะยังไม่ละทิ้งความเป็นชาย และเลือกสร้างความสุขสมแต่กับเพศหญิง…

ไคลน์วิเคราะห์ถึงกรณีของเอลเลนผมแดง

อย่างไรก็ตาม มันยังไม่กล้าฟันธง เนื่องจากเส้นทางแม่มดไม่จำว่าเป็นต้องถูกเปลี่ยนจากชายเป็นหญิงเท่านั้น เพราะหญิงแท้จำนวนไม่น้อยก็ชื่นชอบการเป็นนักลอบสังหาร

ไคลน์เล่าเรื่องราวต่อ เป็นการหยั่งเชิงอีกฝ่าย

“พวกเราพบนาสต์และจักรพรรดิมืดของเขาระหว่างทางมายังที่นี่ ในช่วงหนึ่งเดือนหลัง ทั้งคุณ เซนอล เทรซี่ และนาสต์ ต่างเข้ามาพัวพันกับทะเลแถบนี้ในเวลาไล่เลี่ยกัน ในสายตาผม เรื่องนี้ไม่ปรกติสักเท่าไรนัก”

จากบรรดาสี่ราชาโจรสลัดและเจ็ดพลเรือโจรสลัด มีมากถึงสี่คนที่เข้ามาพัวพันกับน่านน้ำรอบหมู่เกาะรอสต์ นี่ยังไม่ได้นับรวมสมาชิกใหม่ของชุมนุมทาโรต์ พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา

หากมองในมุมความน่าจะเป็น เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก

แน่นอน ไคลน์มีคำตอบในใจแล้ว เพียงแต่ต้องการทราบความเห็นของหญิงสาวทรงปัญญาและมากไปด้วยข้อมูล

เอ็ดวิน่าเงียบงันสักพัก ก่อนจะเดินไปหยิบอวนตาเล็กตรงมุมกราบเรือขึ้นมาขึงให้ตึง จากนั้น เธอล้วงเข้าไปในเสื้อและช่องลับเข็มขัด พลางหยิบปากกาหมึกซึม กริชทองแดง ขวดโลหะ และสิ่งของติดตัวอีกจำนวนหนึ่ง ออกมาวางลงบนอวนตาเล็กที่ถูกดึงจนตึงแน่น โดยปลายอีกฝั่งกำลังยึดติดกับกราบเรือ

จนกระทั่ง สิ่งของและอวนอยู่ในสภาพคงที่เป็นเวลานาน ไม่มีอะไรขยับเขยื้อน

ถัดมา เอ็ดวินาโน้มตัวลงไปหยิบก้อนหินที่ใช้ถ่วงอวนเป็นประจำ และโยนมันลงไปยังกึ่งกลางอวนตาเล็กที่ถูกขึงจนตึง

อวนยุบตัวลงทันที พร้อมกับทำให้ปากกาหมึกซึม กริชทองแดง รวมถึงสิ่งของชนิดอื่นไหลไปรวมรอบก้อนหิน

“คำตอบของดิฉันก็คงประมาณนี้ ท่ามกลางตาข่ายแห่งโชคชะตา บุคคลลึกลับได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับดึงดูดผู้คนมากมายเข้าไปใกล้” เอ็ดวิน่าอธิบายด้วยการสาธิต

นี่คงเป็นหลักการทำงานของกฎการดึงดูดพลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง…ไคลน์พยักหน้า

คำอธิบายของเอ็ดวิน่าทำให้ชายหนุ่มเกิดความคลางแคลงเล็กน้อย จริงอยู่ มันและเธออาจคิดเหมือนกัน แต่หลักการดังกล่าวกลับไม่ช่วยให้ทุกข้อสงสัยได้รับคำตอบ

ในกรณีของนาสต์ เราดึงดูดเข้าหาด้วยไพ่จักรพรรดิมืด เรื่องนี้พอเข้าใจได้ ส่วนในกรณีของเทรซี่ ลองคิดเข้าข้างตัวเองให้มากที่สุด เรื่องนี้อาจเกิดขึ้นเพราะเราเกี่ยวข้องกับทริสซี่·ชีค… ทว่า ทั้งเซนอลและเอ็ดวิน่าไม่เข้าข่ายข้างต้น… หรือจะเป็นความบังเอิญโดยแท้จริง? หรือจะเป็นผลสืบเนื่องจากสองเหตุการณ์แรก?

ไคลน์เว้นวรรคพลางวิเคราะห์ปัญหา

จากนั้น มันตัดสินใจถามเข้าเรื่อง

“มาดามกัปตัน คุณต้องการให้ผมช่วยอะไร”

เอ็ดวิน่าจ้องไคลน์ด้วยสายตาลุ่มลึก

“บัตรประชาชนระบุว่าคุณมาจากเบ็คลันด์ แต่จากข้อมูลของดิฉัน ตัวตนดังกล่าวไม่ตรงกับความเป็นจริงสักเท่าไร เพราะเบ็คลันด์ไม่มีนักล่าค่าหัวมือฉมังนามเกอร์มัน·สแปร์โรว์”

องค์กรลับของเธอแข็งแกร่งมาก แถมยังมีเครือข่ายในเบ็คลันด์พอสมควร ทราบทันทีว่าตัวตนเกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นของปลอม…

ไคลน์ไม่สั่นคลอน เพียงยิ้มอย่างสุขุม

“ทุกคนล้วนมีความลับ”

เอ็ดวิน่าเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“…ก่อนคาเวทูว่าจะตาย คุณประกอบพิธีกรรมสังเวยบางสิ่งถึงมัน”

ไคลน์หมุนคอเล็กน้อย หางตาชำเลืองเดนิสที่กำลังดื่มเบียร์

พรวด! แค่ก! แค่ก!

เดนิสพลันสะดุ้ง ความหวาดผวาทำให้มันสำลักเบียร์กะทันหัน

ไคลน์เบือนหน้ากลับ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธคำพูดของอีกฝ่าย

เอ็ดวิน่ากล่าวต่อไปด้วยท่าทีเยือกเย็น

“หลังจากคาเวทูว่าตาย เทพสมุทรยังคงตอบสนองคำวิงวอนของสาวกตามปรกติ”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset