Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 572 : จงเอ่ยนามเต็มของเรา

ราชันเร้นลับ 572 : จงเอ่ยนามเต็มของเรา

หลังจากช่วงเวลาอันวุ่นวายจบลง ไคลน์เปิดประตูห้องนอน มองไปทางห้องนั่งเล่น และพบว่าเดนิสกำลังนอนหลับสนิทบนเก้าอี้เอนหลัง

ถึงจะได้ยินเสียงกรนมาสักพักแล้ว แต่เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเอง ชายหนุ่มกล่าวตำหนิในใจพลางส่ายหัว

บ่ายสามโมงกว่าแล้ว แต่กลับยังไม่ตื่นมาเฝ้าเครื่องรับโทรเลขอีก ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วรึไง…

ทว่า หลังจากยืนใช้ความคิดสักพัก ไคลน์เริ่มฉีกยิ้มกว้าง เนื่องจากพบว่า นี่คือสิ่งที่ตนกำลังตามหาอยู่

สำหรับไคลน์ การจะมีสติภายในความฝันของตัวเองได้ จำเป็นต้องให้ใครสักคนบุกรุกความฝันเสียก่อน มันไม่สามารถนอนหลับและตื่นอย่างมีสติในความตัวเองได้ เพราะปราศจากพลัง ‘ชี้นำทางจิต’ เหมือนกับมิสจัสติส

ดังนั้น ไคลน์จึงต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกเพื่อให้การทดลองสำเร็จ นั่นก็คือ มันต้องเป็นฝ่าย ‘บุกรุก’ เข้าสู่ความฝันผู้อื่นเสียเอง ลักษณะคล้ายกับการใช้พลังฝันร้าย

เดิมที ชายหนุ่มต้องการออกไปข้างนอกและหาเหยื่อที่เหมาะสมเพื่อทดลอง แต่เมื่อได้เห็นเดนิสกำลังหลับในท่าสบาย ไม่ยอมทำงานทำการ จึงเกิดความรู้สึกอยากเตะก้นสักป้าบ

ลองวิธีนี้ดีกว่า… ไคลน์ผุดแนวคิดใหม่

เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ชายหนุ่มเล็งเห็นว่าการใช้ยันต์ห้วงความฝันนั้นไม่ปลอดภัย

เดนิสคือผู้วิเศษลำดับ 7 นักวางเพลิง ชื่อโบราณคือจอมอาคมอัคคี ไคลน์จึงพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายมีสัมผัสวิญญาณค่อนข้างเฉียบแหลม หากตนท่องคาถาด้วยเฮอร์มิสโบราณที่กระตุ้นพลังธรรมชาติ เดนิสอาจสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน

และถ้าเป็นเช่นนั้น ไคลน์ก็ไม่มั่นใจว่าตนจะบุกรุกความฝันเดนิสได้ทัน

เมื่อได้ข้อสรุป ชายหนุ่มล้วงหยิบวัตถุสีดำสนิท ผิวแข็งเหมือนอัญมณี แต่มีรูปทรงและความมันวาวคล้ายเจล ออกมาถือ

สิ่งนี้คือตะกอนพลังฝันร้าย

ช่วยให้ไคลน์ยืมใช้พลังฝันร้ายได้โดยตรง เหมือนที่เคยทำกับตะกอนพลังโรซาโก้ เพียงแต่ ประสิทธิภาพจะด้อยกว่าการนำไปทำเป็นสมบัติวิเศษหลายเท่า ยกตัวอย่างเช่น ด้วยตะกอนพลังฝันร้ายในมือ ไคลน์มิอาจบุกรุกความฝันผู้คนทั้งเมืองบายัมได้เหมือนฝันร้ายตัวจริง ไม่สามารถลากเป้าหมายเข้าสู่ห้วงความฝัน แต่ถ้าเป็นคุณสมบัติพื้นฐานอย่างการเข้าฝันเป้าหมายในระยะใกล้ เรื่องนี้ยังพอทำได้

ไคลน์ยืนถืออัญมณีสีเข้ม พลางถ่ายทอดพลังวิญญาณเข้าไป

ทันใดนั้น ทัศนวิสัยชายหนุ่มถูกความมืดมิดครอบงำโดยสมบูรณ์ ไม่เหลือแม้แต่ภาพเดนิสกำลังนอนกรนตรงหน้า

จนกระทั่ง จุดแสงสว่างทรงรี สีขาว ได้สว่างแทนจุดที่เดนิสเคยนอน

ขณะไคลน์เตรียมแผ่พลังวิญญาณออกไปสัมผัส วิวทิวทัศน์รอบตัวพลันแปรเปลี่ยนกะทันหัน ทุกสิ่งหมุนวนว่องไว จนกระทั่งหยุดลงที่ฉากของเรือใหญ่ลำหนึ่ง ตัวเรือมีความยาวหลายสิบเมตร ปล่องควันด้านบนพ่นกลุ่มหมอกเจือจางตลอดเวลา ใบเรือกางเต็มผืนทุกต้นเสา พื้นดาดฟ้าถูกขัดจนแวววาว เมื่อสะท้อนกับแสงแดด จะส่องแสงประหนึ่งเหรียญทองคำ

เดนิสกำลังยืนกอดอกใต้ปืนใหญ่กระบอกหลัก ปากตะโกนออกคำสั่งลูกเรือเป็นระยะ

“ขัดให้สะอาดกว่านี้! ไอ้พวกแม่เย็*! อยากคัดพจนานุกรมภาษาฟุซัคโบราณร้อยจบนักรึไงวะ!”

หืม… ถ้าเป็นบนฝันทองคำ หมอนี่เบ่งเอาเรื่องเหมือนกัน…

ไคลน์ไม่แยแสเจ้าของความฝัน เพียงบินไปยังท้ายเรือและหาจุดซ่อนตัวเพื่อทำการทดลอง

สิ่งที่มันต้องการพิสูจน์นั้นไม่ซับซ้อน แค่ต้องการทราบว่า ด้วยภาวะ ‘มีสติ’ ภายในความฝันตัวเอง หากเปล่งนามเต็มเดอะฟูล คำวิงวอนดังกล่าวจะถูกส่งมาถึงตนหรือไม่

ถ้าใช่ หมายความว่า มิสจัสติสสามารถเปล่งนามเต็มเดอะฟูลเพื่อขอความช่วยเหลือขณะสำรวจห้วงทะเลจิตรวม…

ชายหนุ่มเอนหลังเล็กน้อย สีหน้าเป็นไปอย่างเคร่งขรึม :

“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”

เมื่อสิ้นเสียงภาษาเฮอร์มิส นามเต็มเดอะฟูลถูกเอ่ยอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อผิดพลาด แต่ไคลน์กลับยังไม่ได้ยินเสียงเพรียกมายาในหัว

ไม่สำเร็จ…?

ชายหนุ่มขมวดคิ้วไตร่ตรอง โดยยังไม่พบคำตอบว่าทำไมการทดลองถึงล้มเหลว

หรือว่า… การเปล่งเสียงในความฝัน มิได้ทำให้เกิดเสียงภายในโลกจริง ลำพังภาษาเฮอร์มิสจึงไม่เพียงพอต่อการวิงวอน… เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เราต้องใช้ภาษาที่กระตุ้นพลังธรรมชาติอย่างเฮอร์มิสโบราณ เป็นหลักการเดียวกับรหัสผ่านบัญชีธนาคารเบ็คลันด์…

ไคลน์พยักหน้ารับ ตามด้วยการเปล่งนามเต็มเดอะฟูลด้วยเฮอร์มิสโบราณอย่างระมัดระวัง

มันมิได้กลัวอุบัติเหตุ แต่กำลังกังวลว่า ตนอาจถูกพลังธรรมชาติปลุกให้ตื่นจากฝัน

บรรทัดแล้วบรรทัดผ่านไป จนกระทั่งไคลน์ท่องนามเต็มครบ โสตประสาทชายหนุ่มพลันได้ยินเสียงเพรียกมายาชวนวิงเวียนศีรษะ

แต่ในทางกลับกัน ความฝันเดนิสเริ่มสั่นคลอน เรือฝันทองคำเริ่มพังถล่ม

ไคลน์ไม่รีรอ รีบออกจากความฝันและปิดประตูกลับเข้าห้องนอนก่อนเดนิสจะตื่น

ราวเจ็ดแปดวินาทีถัดมา เดนิสลุกนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้ามึนงงสุดขีด ริมฝีปากขยับพึมพำ

“ทำไมเราถึงฝันว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ชายเสียสติคนนั้น มาก่อความวุ่นวายบนฝันทองคำ… ฝันร้ายฉิบหาย! แม่เย็*! ต้องเป็นเพราะเราเอาแต่กังวลเกี่ยวกับหมอนั่นแน่!”

ภายในห้องนอน ไคลน์เดินทวนเข็มสี่ก้าวและส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก โดยผลลัพธ์ไม่ผิดไปที่คาดมากนัก มีการกระเพื่อมของวงแสงใกล้กับที่นั่งเดอะฟูล

ได้ผล… ภายในความฝัน หากเปล่งนามเต็มเดอะฟูลด้วยเฮอร์มิสโบราณหรือคนยักษ์ เราสามารถตอบสนองคำวิงวอนได้… เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีคนจำนวนไม่น้อย เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุขณะหลับฝัน ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด… พวกเขาเหล่านั้นคงศึกษาศาสตร์เร้นลับมากเกินไป จนเกิดอาการละเมอในความฝัน และเผลอวิงวอนถึงใครสักคนเข้า… อันตรายลักษณะนี้ ไม่มีทางป้องกันล่วงหน้าได้เลย…

ไคลน์สลายจุดแสงที่กระเพื่อม พลางครุ่นคิดว่าตนควรบอกให้จัสติสทราบดีหรือไม่

ถ้าบอกไปตามตรง ภาพลักษณ์เดอะฟูลอาจเสียหาย… แต่มิสจัสติสมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น ถึงจะได้รับคำเตือนจากแฮงแมนกับเฮอร์มิท และแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เธอก็อาจซุกซนเสี่ยงอันตรายเข้าไปสำรวจ… แน่นอน มันคือความรับผิดชอบของตัวเธอเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา…

ขณะไตร่ตรอง ไคลน์หวนนึกถึงความใสซื่อและจงรักภักดีของจัสติส หวนนึกถึงความสดใสร่าเริงที่ทำให้ตนอารมณ์ดีในหลายโอกาส

อีกทั้ง เธอยังเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของชุมนุมทาโรต์ เป็นผู้คอยอำนวยความสะดวกให้ ‘ข้ารับใช้เดอะฟูล’ หนแล้วหนเล่า

ลงเอยด้วย ไคลน์ยิ้มกับตัวเอง

“คงต้องตักเตือนกันสักหน่อย ถือเป็นสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า VIP”

แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก

ภายในห้องหรูหราประจำคฤหาสน์

ออเดรย์กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในสภาพหันข้าง สมองใคร่ครวญคำเตือนจากแฮงแมนและเฮอร์มิท

หลังจากได้ยินคำอธิบายของรุ่นพี่ในวงการทั้งสองคน หญิงสาวพลันกระจ่างในหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือ เธอมิได้เป็นอัจฉริยะที่สามารถคิดค้นวิธีใช้พลัง ‘ชี้นำทางจิต’ เพื่อให้มีสติขณะฝันและสำรวจทะเลจิตใต้สำนึกรวม

แต่ที่ไม่มีใครเคยทำก็เพราะมันเต็มไปด้วยอันตราย

แล้วทำไมสมาคมแปรจิตถึงไม่เตือนเรา?

เหตุการณ์ในลักษณะนี้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่ และมีคนตายไปไม่น้อยระหว่างการทดสอบ… อย่างน้อยก็ควรเตือนกันบ้าง… อ๊ะ! จริงสิ… พวกเขาเข้าใจว่าเรายังเป็นแค่ลำดับ 8 นักอ่านใจที่ไม่มีพลัง ‘ชี้นำทางจิต’ จึงไม่จำเป็นต้องเตือน…

ออเดรย์กระจ่าง

ขณะเธอเตรียมให้ซูซี่เข้ามาในห้องเพื่อบรรเทาอาการผิดหวัง ทัศนวิสัยรอบตัวพลันถูกห้อมล้อมด้วยทะเลหมอกไร้ขอบเขต

ท่ามกลางความว่างเปล่าสีเทา บุคคลผู้หนึ่งกำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูง และเปล่งเสียงโดยก้มมองลงมาเล็กน้อย

“อย่าได้ทดลองโดยไม่เตรียมพร้อมเด็ดขาด”

ขณะออเดรย์กำลังมึนงง น้ำเสียงแสนสง่างามและน่าเกรงขามดังขึ้นต่อเนื่อง

“แต่หากเผชิญหน้ากับอันตรายในความฝัน เจ้าจงเอ่ยนามเต็มของเรา”

เอ่ยนามเต็มของท่าน…

ดวงตาออเดรย์พลันลุกวาว ใบหน้าเปี่ยมความสุขล้นปรี่

“ค่ะ! มิสเตอร์ฟูล”

เมื่อเห็นว่าจัสตินไม่แสดงท่าทีเคลือบแคลง อีกทั้งยังแสดงอาการยินดี ไคลน์เริ่มรู้สึกเบาใจ

ชายหนุ่มกล่าวเสริม :

“ด้วยภาษาเฮอร์มิสโบราณ”

เมื่อสิ้นเสียงดังกล่าว ภาพมายาของเดอะฟูลและสายหมอกพลันเลือนหาย

ออเดรย์นั่งนิ่งหลายวินาที ก่อนจะรีบเม้มปากอย่างรักษากิริยา

มิสเตอร์ฟูลตักเตือนเราด้วยตัวเอง! อีกทั้งยังอนุญาตให้เอ่ยนามเต็มของท่านในความฝัน!

ออเดรย์เดินวนไปรอบห้องอย่างตื่นเต้น พลางเชื่อเอาเองว่า เธอได้กลายเป็นหนึ่งในข้ารับใช้ของเทพเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เธอนำคำเตือนจากทุกคนมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รอจนกว่าจะพร้อม จึงค่อยสำรวจทะเลจิตใต้สำนึกรวมอีกครั้ง

หญิงสาวยกมุมปากขึ้น ตามด้วยการทำสัญลักษณ์ส่งเดชกลางหน้าอกและพึมพำ :

“มิสเตอร์ฟูลจงเจริญ!”

ณ วังสายหมอก ไคลน์กำลังใช้ความคิดอยู่กับเรื่องอื่น

เอลเลนผมแดง เป้าหมายภารกิจแจ้งเบาะแสที่มีมูลค่าหนึ่งพันปอนด์ แท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องกับพลเรือโทโรคภัย เทรซี่!

เทรซี่ได้ฮุบกลุ่มโจรสลัดคีลิงเกอร์ไปเป็นของตัวเอง และเปลี่ยนชื่อเรือธงเป็น ‘กาฬมรณะ’ … คีลิงเกอร์เคยจับตัวพ่อค้ามั่งคั่งนาม ‘จิมมี่·เน็ค’ เป็นตัวประกัน… พ่อค้าคนดังกล่าวครอบครองเอกสารโบราณบางส่วนที่เกี่ยวกับเทพมรณา โดยสมบัติชิ้นดังกล่าวถูกขโมยมาจากอนุสาวรีย์บรรจุศพราชวงศ์ไบลัมแห่งทวีปใต้… ข้อมูลข้างต้นอ้างอิงจากดวงวิญญาณฝันร้ายในยุบพองหิวโหย สามารถเชื่อถือได้… เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับมิสเตอร์อะซิก เราควรลงมือตรวจสอบ…

ไคลน์ได้อีกหนึ่งข้ออ้างในการตามหาเอลเลนผมแดง

มันจึงเปลี่ยนแผน จากแต่เดิมที่จะรอถามกระจกวิเศษอาโรเดส เป็นการมอบวิวรณ์แก่สาวกเทพสมุทรทันที หวังใช้อิทธิพลและอำนาจของกลุ่มต่อต้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ในตอนแรก ด้วยเงินตอบแทนเพียงหนึ่งพันปอนด์ ภารกิจตามหาเอลเลนผมแดงจึงเล็กน้อยเกินกว่าจะพึ่งพาสาวก แต่ปัจจุบันไม่ใช่อีกต่อไป เพราะเริ่มมีพลเรือโทโจรสลัดเข้ามาเอี่ยว…

ไคลน์เสกภาพเหมือนเอลเลน พร้อมกับสั่งให้คทาเทพสมุทรลอยมาอยู่บนมือ

ชายหนุ่มมิได้กระจายวิวรณ์ไปยังสาวกทุกคนในคราวเดียว ด้วยเกรงว่าพลังวิญญาณของตนอาจไม่เพียงพอ

ไคลน์ตัดสินใจเลือกส่งวิวรณ์เฉพาะกับไครัท เอ็ดมันตัน และสมาชิกระดับสูงคนอื่น

จากนั้น มันสร้างฉากหลังเป็นคลื่นทะเลและพายุเกรี้ยวกราด พร้อมกับเปล่งเสียงกังวาน

“ค้นหาเธอ และปกป้องเธอ คอยระวังอันตรายจากเทรซี่ให้ดี”

ไคลน์ไม่อธิบายเพิ่มเติม เพียงคัดลอกภาพเหมือนของเอลเลนจำนวนหนึ่ง และส่งเข้าไปในละอองแสงสีขาวตัวแทนสมาชิกที่กำหนด

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset