จากเอกสารของเดอะซัน ชื่อของเทพรับใช้ถูกไล่เรียงอย่างเป็นระเบียบ แต่ส่วนมากมักไม่มีนามจริง ปรากฏเพียงสมญานาม ยกตัวอย่างเช่น เทพแห่งความงาม และเทพแห่งชีวิต เป็นเทพรับใช้ของแวมไพร์ต้นตระกูล ลิลิธ ; เทพธิดาอัปมงคล และเทพแห่งความตาย เป็นเทพรับใช้ของหมาป่าอสูรทำลายล้าง เฟรเกีย ; เทพแห่งโชค และราชินีแห่งภัยธรรมชาติ เป็นเทพรับใช้ของราชาแห่งเอลฟ์ ซอนญาธริม นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายชื่อ
ราชินีแห่งภัยธรรมชาติ…
ไคลน์พลันหวนนึกถึงหนังสือแห่งภัยธรรมชาติ รวมถึงแก้วไวน์ทองคำที่น่าจะเป็นของเอลฟ์ลำดับสูง ผิวแก้วสลักข้อความไว้สองคำ :
โคฮีเน็ม และ ภัยธรรมชาติ
ชายหนุ่มคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก โคฮีเน็มคือราชินีแห่งภัยธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นเทพรับใช้ของราชาเอลฟ์!
น่าเสียดาย เราคงถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเดอะซันน้อยไม่ได้ คงต้องรอให้เขาคัดลอกเอกสารชุดใหม่ออกมา…
ไคลน์ถอนหายใจ
ข้อมูลในเอกสารทำให้มันเชื่อว่า สมญานามของเทพรับใช้ อาจไม่มีความเกี่ยวข้องกับนามจริงของเทพรับใช้สักเท่าไร
เพราะเดิมที เมืองเงินพิสุทธิ์เคยอยู่ในอาณาจักรเงินพิสุทธิ์ที่ปกครองโดยระบอบวังราชาคนยักษ์ เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นของฝ่ายศัตรูและมิตร จึงบันทึกข้อมูลเหล่าเทพบรรพกาลไว้พร้อมเทพรับใช้อย่างผิวเผิน โดยอาจเป็นการตั้งสมญานามง่าย ๆ ขึ้นมาเอง เพื่อให้สะดวกต่อการจดจำและเผยแพร่
เมื่อพลิกอ่านหน้าต่อไป สมมติฐานข้างต้นของไคลน์ถูกยืนยัน แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมคำถามใหม่
ตระกูลมังกรยังมีอีกหนึ่งเทพรับใช้คือ มังกรแห่งปัญญา เฮราเบอร์เก้น ส่วนทางฝั่งราชาคนยักษ์ เทพรับใช้คือบุตรชายคนโต บาร์ดไฮเออร์ และราชินีคนยักษ์ เทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยว
แปลกมาก… ทำไมเทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยวถึงมิได้ระบุนามจริงเอาไว้? ในเมื่อเป็นพระชายาของราชาคนยักษ์ ก็ควรมีในบันทึกไม่ใช่หรือ…
จากการคาดคะเนของเรา เทพรับใช้เหล่านี้น่าจะมีศักดิ์เทียบเท่าเทวทูต หรือราชาเทวทูตในยุคสมัยถัดมา… อา… คงเป็นลำดับ 2 ในเส้นทางเดียวกัน หรือไม่ก็ลำดับ 1 ในเส้นทางใกล้เคียงกระมัง…
ยิ่งเมื่อนำข้อมูลจากไพ่เย้ยเทพมาประกอบการพิจารณา ไคลน์ก็ยิ่งสับสน เพราะเนื้อหาของไพ่เขียนไว้ชัดเจนว่า บนเส้นทางเดียวกัน ถ้ามีลำดับ 0 ก็จะไม่มีลำดับ 1 หรือถ้าไม่มีลำดับ 0 ก็จะมีลำดับ 1 ได้สูงสุดสามตน
แต่ไคลน์ยังไม่กล้าฟันธง เพราะนี่เป็นเพียงข้อมูลส่วนเดียว มันยังไม่รู้จักลำดับ 0 กับ 1 ดีพอ และไม่ทราบว่าตัวตนระดับนั้นจะถูกผูกมัดอยู่ภายใต้ ‘กฎการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษ’ มากเพียงใด
แต่สำหรับปัจจุบัน เราคงต้องอนุมานให้เป็นแบบนั้นไปก่อน…
ไคลน์เอนหลังพลางยิ้ม และเสกให้เอกสารทั้งหมดในมือหายไป
“เริ่มได้”
ขณะเดียวกัน อัลเจอร์กำลังพิจารณาสถานการณ์ของตัวเองอย่างรอบคอบ
เพื่อความปลอดภัยของการสนทนา มันตัดสินใจเปลี่ยนมุมมอง สมมติว่าอีกฝ่ายคือพลเรือเอกดวงดาว และคาดเดาว่าเธอจะมองเห็นรายละเอียดใดบนร่างกายตนบ้าง
มิสเตอร์ฟูลมีการปกป้องรูปลักษณ์ของสมาชิกอยู่แล้ว… บริเวณใบหน้าและร่างกายจึงไม่คมชัด แต่การบิดเบือนดังกล่าวแทบไม่ส่งผลกับสีสัน… จริงอยู่ ระหว่างสีน้ำตาลกับสีน้ำตาลเข้มอาจแยกได้ยาก แต่ถ้าเป็นสีโทนสว่าง แม้แต่เราก็แยกแยะได้สบาย อย่างน้อยเราก็ทราบว่า มิสจัสติสมีผมสีทองและดวงตาสีเขียว…
จุดเด่นที่สุดในตัวเราคงหนีไม่พ้นเส้นผมสีน้ำเงินเข้ม แต่นั่นก็ไม่บ่งบอกอะไรนัก จริงอยู่ ผมสีน้ำเงินเข้มอาจเป็นเอกลักษณ์เด่นของเส้นทางลูกเรือ แต่คนผมสีน้ำเงินเข้มทุกคนไม่จำเป็นต้องอยู่บนเส้นทางลูกเรือ ผมสีดังกล่าวอาจมาจากกรรมพันธุ์ ตัวอย่างเช่น อ่าวเดซีย์ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลโซเนียและทะเลคลั่ง บริเวณดังกล่าวเคยเป็นถิ่นฐานของเอลฟ์ในสมัยอดีต มนุษย์เชื้อสายเอลฟ์ส่วนใหญ่ก็จะมีผมสีน้ำเงินเข้มเช่นกัน… แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า จำนวนประชากรผมสีน้ำเงินเข้มส่วนใหญ่ในปัจจุบันคือเส้นทางลูกเรือ…
แต่ลำพังสีผม เธอคงมิอาจนำไปต่อยอดเป็นข้อมูลใดเพิ่มเติมได้แน่…
ขณะอัลเจอร์กำลังวางใจ หางตาบังเอิญชำเลืองเห็นชุดคลุมวายุสลาตันของตน
หลังจากกลับขึ้นเรือ นอกจากตำแหน่งกัปตัน มันยังต้องรับหน้าที่เป็นบิชอปให้เหล่าลูกเรือด้วย โดยการประกอบพิธีมิสซาทุกครั้งต้องสวมเครื่องแต่งกายให้เหมาะสม
หากอัลเจอร์ไม่แสดงความศรัทธาต่อเทพวายุสลาตันเสียบ้าง อาจมีสักวันที่ลูกน้องแอบรายงานให้โบสถ์ทราบ
โดยทั่วไปแล้ว โบสถ์วายุสลาตันมักไม่ไว้วางใจ ‘โจรสลัดราชการ’ ของตัวเองสักเท่าไร ด้วยเกรงว่า การออกทะเลเป็นเวลานาน อาจเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นโจรสลัดตัวจริง และยังเป็นเหตุผลว่าทำไม เทพวายุสลาตันจึงไม่ถ่ายทอดวิวรณ์ถึงเหล่าโจรสลัดของตัวเอง
ด้วยการบิดเบือนจนพร่ามัว เธอคงมองเห็นเครื่องแต่งกายของเราไม่ชัดเจนนัก… แต่ก็ไม่ควรประมาท ครั้งถัดไปคงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นแบบเรียบง่ายก่อนเข้าร่วมชุมนุม… ถึงเราจะยังไม่มั่นใจ แต่อีกฝ่ายมีสิทธิ์เป็นถึงพลเรือโจรสลัด ห้ามวางใจเด็ดขาด…
แฮงแมนนั่งใคร่ครวญอย่างหวาดระแวง
ทันใดนั้น มันได้ยินเสียงของเดอะมูนที่พยายามระงับความตื่นเต้น
“มิสเตอร์แฮงแมน ทางนี้พร้อมแล้ว เจ้าพร้อมส่งมอบมรดกของบารอนผีดูดเลือดเมื่อไร? ถ้าจำไม่ผิด คราวก่อนเจ้าเคยพูดไว้ว่า มรดกดังกล่าวอยู่ในมือของโจรสลัดแข็งแกร่งสักคนสินะ”
ไม่ต้องมีประโยคสุดท้ายก็ได้…
อัลเจอร์นั่งตัวแข็ง
โจรสลัดแข็งแกร่ง…? เดอะเฮอร์มิท แคทลียา พลันชำเลืองสายตาไปทางแฮงแมน
อัลเจอร์ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า เพียงหันไปตอบเดอะมูนด้านข้างอย่างผ่อนคลาย
“เตรียมเงินสดครบแล้วหรือ”
“แน่นอน!” เอ็มลินกล่าวพลางเชิดคาง
อันที่จริง แผนเดิมของมันคือ รอให้ครบกำหนดสามเดือน จึงค่อยนำเช็คเงินสดไปขึ้นเงินกับธนาคาร แต่หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะซื้อมรดกของบารอนผีดูดเลือด มันเปลี่ยนแผนทันที
โดยปราศจากความเคลือบแคลงและลังเล เมื่อเอ็มลินเกิดความรู้สึกอยากได้ ความคาดหวังและความปรารถนาได้ถาโถมจิตใจ ส่งผลให้ผีดูดเลือดหนุ่มต้องการครอบครองตะกอนพลังทันที เป็นอาการเดียวกับเมื่อครั้งควักเงินก้อนโตซื้อตุ๊กตาตัวโปรด
หลังจากอดทนได้หนึ่งสัปดาห์ เอ็มลินตัดสินใจขายเช็คเงินสดของตนให้คนอื่น แม้ว่าราคาจะถูกลงกว่าปรกติ แต่อย่างน้อยก็ได้ใช้เงินทันที
เช็คขึ้นเงินแบบกำหนดเวลามักถูกซื้อขายกันเป็นปรกติ ด้วยราคาต่ำกว่ามูลค่าจริงเล็กน้อย
“ผมสามารถเตรียมให้คุณได้ในสัปดาห์นี้ แต่ก่อนอื่น ขอยืนยันอีกครั้ง คุณจะซื้อมรดกของบารอนในราคาสี่พ้นห้าร้อยปอนด์ ถูกต้องไหม”
เมื่อเห็นการค้าขายของตนใกล้บรรลุ อัลเจอร์ลืมเรื่องที่เดอะมูนหลุดปากพูดถึงโจรสลัดไปก่อน
เอ็มลินชะงักเล็กน้อย กวาดสายตามองรอบตัวหนึ่งครั้ง ก่อนจะกระแอมในลำคอและกล่าวกับแฮงแมนด้วยเสียงแผ่ว
“ถูกกว่านี้อีกสักนิดได้ไหม”
“ผมไม่ใช่คนตัดสิน แต่สามารถช่วยเจรจาให้ราคาต่ำลงได้… หึหึ อย่าลืมค่านายหน้าของผมก็แล้วกัน สักสามร้อยปอนด์เป็นไง”
อัลเจอร์กล่าวด้วยสีหน้าสุขุม
“ไม่มีปัญหา” เอ็มลินกระซิบ
เป็นแวมไพร์ที่ไม่แข็งแกร่งมาก น่าจะยังเด็ก หรือไม่ก็อยู่ในช่วงต้นของวัยหนุ่ม…
ทางด้านเดอะเฮอร์มิท แคทลียา กำลังนั่งสำรวจสถานการณ์พลางวิเคราะห์
เมื่อเห็นการค้าขายระหว่างแฮงแมนและเดอะมูนลุล่วงภายในไม่กี่คำ จัสติส ออเดรย์ เกิดความรู้สึกว่าเธอต้องเสียเงินซื้ออะไรสักอย่างบ้างแล้ว
ในอีกหนึ่งถึงสองสัปดาห์ เราจะติดต่อกับสมาชิกของสมาคมแปรจิตประจำแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก และบอกว่าเรากลายเป็นนักจิตบำบัดเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น การซื้อสูตรผลิตโอสถลำดับถัดไปด้วยคะแนนผลงานจึงไม่ใช่เรื่องยาก ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนซื้อกับชุมนุมทาโรต์… ไว้ทราบชื่อวัตถุดิบหลักและรองเสียก่อน ค่อยมาถามหาจากคนอื่น…
ในกรณีสมบัติวิเศษ เราคงซื้อบ่อย ๆ ไม่ได้ เพราะของเก่าเพิ่งเบิกเงินมาจากท่านพ่อ… หากเราซื้ออุปกรณ์เวทมนตร์หายากหลายชิ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ท่านพ่ออาจเกิดความสงสัย…
ออเดรย์ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพบคำตอบ
เธอบิดหมุนครึ่งตัว และหันไปมองบุคคลบรรยากาศอึมครึมตรงมุมโต๊ะอีกฝั่ง
“มิสเตอร์เวิร์ล คุณเคยบอกว่ามีเบาะแสของตะกอนพลังนักจิตบำบัด เรื่องนั้นใช้เวลาดำเนินการนานไหม”
ฉันจะซื้อให้ซูซี่… หญิงสาวเสริม
อันที่จริง ขณะฉุกคิดถึงเรื่องนี้ ออเดรย์ยังนึกไอเดียซุกซนได้อีกหนึ่งเรื่อง นั่นคือการหาข้ออ้างให้มิสเตอร์ฟูลแสดงหน้าไพ่จักรพรรดิมืดออกมา
ตามความคิดของเธอ ในเมื่อเดอะเฮอร์มิทตระหนักถึงความสำคัญของไดอารีโรซายล์ จนถึงขั้นเสียอาการชัดเจน หมายความว่า สตรีลึกลับผู้นี้อาจรู้จักไพ่เย้ยเทพด้วยเช่นกัน ออเดรย์จึงต้องการเห็นอีกฝ่ายแสดงอาการตกตะลึงสุดขีดในวินาทีที่ได้เห็นไพ่
แต่สุดท้าย หญิงสาวก็พับเก็บความคิดดังกล่าวไปก่อน มิใช่เพราะเห็นใจหรือไม่อยากทดสอบเดอะเฮอร์มิท แต่เพราะคิดว่าเป็นการไม่เหมาะสม ที่จะทำตัวข้ามหน้าข้ามตามิสเตอร์ฟูล
หากท่านต้องการให้เดอะเฮอร์มิทเห็นไพ่ ประเดี๋ยวท่านก็คงเปิดให้เห็นเอง แต่ถ้าท่านไม่ต้องการ พฤติกรรมของเราจะถือว่าขัดความประสงค์ และนั่นเป็นการเสียมารยาท…
ออเดรย์ผงกหัวเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ขณะเดียวกัน เดอะเวิร์ลตอบเสียงแหบ
“ถ้าคุณแน่ใจแล้วว่าต้องการ ผมจะรีบหามาให้โดยเร็ว ราคาหนึ่งพันแปดร้อยปอนด์”
ตามปรกติแล้ว ราคาของตะกอนพลังนักจิตบำบัดจะอยู่ราวหนึ่งพันสองร้อยถึงหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ แต่ไคลน์เพิ่มตัวเลขขึ้นเพราะต้องการหยั่งเชิงว่า อีกฝ่ายจะต่อรองเหลือเท่าไร
“ตกลงค่ะ” ออเดรย์ตอบรับข้อเสนอทันที
ในปัจจุบัน หนี้สินของเธอที่ติดค้างกับไวเคาต์กายลินถูกชำระหมดแล้ว และหลังจากกลับมายังถิ่นของตระกูล หญิงสาวได้รับของขวัญมากมายจากบรรดาเครือญาติ สภาพคล่องทางการเงินจึงกำลังไหลลื่น อีกทั้ง เงินที่ติดค้างกับข้ารับใช้ของเดอะฟูล ก็มีกำหนดจ่ายในเดือนหน้า
ปัจจุบัน ออเดรย์มีรายรับเดือนละสามพันปอนด์ และแทบไม่ต้องใช้เงินในการดำรงชีวิตประจำวันเลย เนื่องจากมีพ่อแม่คอยอำนวยความสะดวกแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะหลังจากตระกูลฮอลล์ได้รับความดีความชอบใหญ่หลวง
ขณะบทสนทนาดำเนินไป แฮงแมนก็ยิ่งพบความประหลาดใจ เพราะเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เดอะเวิร์ลเพิ่งขายตะกอนพลังผู้ไร้หน้า หลังจากนั้นไม่นานก็ออกล่าเหล็กกล้า·แม็ควิตี้และได้ครอบครองตะกอนพลังของมัน มาวันนี้ยังมีตะกอนพลังของนักจิตบำบัดมาขายอีก โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเดือนเดียว!
แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก แฮงแมนพบคำตอบให้ตัวเอง
ตัวตนของเดอะเวิร์ลคงหมายถึง ‘บรรดา’ ข้ารับใช้มิสเตอร์ฟูล …เป็นการช่วยกันขายของ!
ในทางกลับกัน เดอะเวิร์ล ไคลน์ กำลังอยู่ในอาการตกตะลึงเมื่อพบว่ามิสจัสติสมิได้ต่อราคาแม้แต่เพนนีเดียว
มันคาดไว้ว่า มิสจัสติสคงต้องรัดเข็มขัดหลังจากเพิ่งเสียเงินจำนวนห้าพันห้าร้อยปอนด์ไปกับสมบัติวิเศษเมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะเหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นในปีที่แล้ว ไคลน์จึงเตรียมต่อรองราคาอย่างเต็มที่ แต่ใครจะไปคิดว่า อีกฝ่ายกลับตกปากรับคำทันที
หล่อนมีเหมืองทองรึไง… ไคลน์รำพัน
เมื่อเดอะซัน เดอร์ริค เห็นว่าการเจรจาของจัสติสจบลง เด็กหนุ่มรีบยกมือ
“ผมต้องการซื้อผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสง”
สำหรับวัตถุดิบอื่นของโอสถข้ารับใช้สุริยัน เด็กหนุ่มหาได้เกือบครบแล้ว
ขณะแคทลียากำลังคิดว่า มิสจัสตินคือผู้วิเศษเส้นทางผู้ชมที่กำลังจะกลายเป็นนักจิตบำบัด เธอพลันได้ยินข้อเสนอของเด็กหนุ่ม จึงเงียบงันสักพักก่อนจะยกมือกล่าวกับอีกฝ่าย
“ดิฉันมี ต้องการแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด”
หลังจากทำตัวเป็นผู้เฝ้ามองมาตลอด เธอตัดสินใจร่วมวงค้าขายจิปาถะ เพื่อให้เข้าใจกลไกของชุมนุมทาโรต์มากขึ้น
“เอ่อ… ผมสามารถแลกเปลี่ยนได้ด้วยประวัติศาสตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์ ข้อมูลของสิ่งมีชีวิตจำพวกคนยักษ์ มังกร เอลฟ์ หรือพวกสัตว์ประหลาดในความมืด” เดอะซันน้อยกล่าวอย่างซื่อตรง “มาดามเฮอร์มิท นี่คือรายชื่อของสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์ คุณสามารถเลือกวัตถุดิบจากพวกมันได้ถ้าต้องการ”
ให้ตายสิ… ใสซื่อชะมัด…
ไคลน์หักห้ามใจมิให้แหงนหน้าขึ้นไปมองโดมสูงบนเพดาน
เขากำลังพูดเรื่องอะไร…
แคทลียาทำได้เพียงขมวดคิ้ว มิอาจทำความเข้าใจประโยคของเดอะซันได้แม้แต่คำเดียว
……………………