ไคลน์ชำเลืองเลียวนาร์ดพลางยิ้ม
“เป้าหมายไม่ใช่ครึ่งเทพ แต่พวกเขาสามารถ ‘อาศัยอยู่’ มาจนถึงปัจจุบันได้ด้วยอิทธิพลบางอย่าง และนั่นยังเป็นความลับที่ผมเองก็อยากไขให้กระจ่างผ่านความฝัน”
มันจงใจเน้นคำว่า ‘อาศัยอยู่’
โดยไม่รอคำตอบจากเลียวนาร์ด ไคลน์เสริม
“ขุนนางจากยุคสมัยที่สี่รายนี้ก็เป็นสมาชิกของตระกูลโซโรอาสเตอร์ คุณสามารถใช้ความฝันของเขาเพื่อศึกษาเกี่ยวกับพาลีส”
ทายาทของตาแก่… เลียวนาร์ดเริ่มใจเต้นและตั้งตารอสิ่งที่ไคลน์จะเล่าถัดไป
แม้ว่ามันจะเข้ากันได้ดีมากกับพาลีส·โซโรอาสเตอร์และไว้วางใจเทวทูตรายนี้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความระแวงเล็กๆ เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นเพียงคนนอกที่เข้ามาอาศัยอยู่ในร่างกาย
“อย่าเพิ่งเล่าเรื่องนี้ให้พาลีส·โซโรอาสเตอร์ฟัง” ไคลน์เสริมทันที
ในสายตานายฉันเป็นคนไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเชียว? เลียวนาร์ดพึมพำในใจพลางตอบ
“ไม่ต้องบอกก็รู้”
เมื่อเห็นว่าเลียวนาร์ดให้ความร่วมมือ ไคลน์ยิ้ม
“อย่าลืมส่งเลือดของคุณมาให้ผมสักสองสามหยด สิ่งนี้จำเป็นต่อภารกิจสำรวจความฝัน”
ชายหนุ่มมิได้แจ้งว่าต้องส่งเลือดมาทางไหน เพราะเลียวนาร์ดมีมากถึงสองวิธีในใจ หนึ่งคือการสังเวยไปให้มิสเตอร์ฟูลและส่งผ่านมาถึงมือเดอะเวิร์ล ส่วนอีกหนึ่งคือการบรรจุใส่ขวดและวานให้ผู้ส่งสารที่ยังไม่ทราบต้นกำเนิดส่งมาพร้อมกับจดหมาย
“เลือด…” เลียวนาร์ดทวนคำโดยไม่รู้ตัว
ในโลกของศาสตร์เร้นลับ เลือดของคนคนหนึ่งคือสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ส่งเลือดของตัวเองให้ใคร ไม่อย่างนั้นอาจเผชิญความตายโดยไม่รู้ตัว และในบางกรณีความตายก็ไม่ใช่จุดจบที่เลวร้ายที่สุด
หลังจากลังเลสักพัก เลียวนาร์ดพยักหน้า
“จะเริ่มสำรวจเมื่อไร?”
ไคลน์ตอบทันทีประหนึ่งคาดเดาไว้แล้ว
“คืนวันอาทิตย์… ใกล้เที่ยงคืน”
มันต้องการให้มิสจัสติสทำความคุ้นเคยกับพลังวิญญาณและเรียนรู้วิธีการใช้พลังใหม่ให้คล่อง
“ตกลง” เลียวนาร์ดไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
ถัดมาไคลน์อธิบายศาสตร์แห่งวาทศิลป์อย่างชำนาญเพื่อช่วยให้นักกวีเพื่อนรักมีข้ออ้างกลบเกลื่อนคุณปู่ปรสิตหลังจากกลับไป
เมื่อกลับมายังโลกแห่งความจริง ขณะเลียวนาร์ดเรียบเรียงคำพูดในหัว เสียงค่อนข้างชราของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ดังขึ้น
“ทำไมอดีตเพื่อนร่วมงานของเจ้าต้องนัดพบกะทันหัน? หรือว่ามีสิ่งที่อธิบายในจดหมายไม่ได้?”
เลียวนาร์ดเปลี่ยนท่านั่งพลางหัวเราะในลำคอ
“เขากังวลว่าเนื้อความในจดหมายอาจรั่วไหล เพราะอาจมีบางสิ่งที่เกี่ยวพันกับท่านผู้นั้น”
แน่นอนว่าคนที่ไคลน์ระแวงคือคุณ… สิ่งที่ผมเห็นก็เท่ากับสิ่งที่คุณเห็น… ยังไม่ทันสิ้นเสียง เลียวนาร์ดรำพันในใจทันที
“ท่านผู้นั้น…” คล้ายกับพาลีส·โซโรอาสเตอร์เข้าใจว่าหมายถึงใคร
“ใช่” เลียวนาร์ดหยิบแก้วบนโต๊ะขึ้นมากระดกดื่มเบียร์คำใหญ่ “เขาบังเอิญได้พบกับนักบวชคนหนึ่งที่มาจากยุคสมัยที่สาม จึงหวังว่าจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านความฝัน”
สิ่งที่เลียวนาร์ดกล่าวคือความจริง แต่เป็นความจริงเพียงส่วนเดียว นี่คือศาสตร์แห่งวาทศิลป์ที่ไคลน์พยายามสอน
“นักบวชจากยุคสมัยที่สาม? เขายังมีชีวิตอยู่หรือ?” พาลีส·โซโรอาสเตอร์ซักถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
แน่นอนว่าพาลีสมิได้ตื่นตระหนักมากนัก เพราะสำหรับวิธีการเอาตัวรอดจากยุคสมัยที่สามมาจนถึงปัจจุบัน แม้ตัวมันจะนึกได้ไม่ถึงร้อยวิธี แต่ก็ไม่ต่ำกว่าห้าหกแน่นอน วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขโมยอายุขัยหรือชีวิตของผู้อื่นมาเรื่อยๆ
“ดูเหมือนว่าจะยังมีชีวิตอยู่… แต่ในสถานะพิเศษ” เลียวนาร์ดอธิบายเท่าที่มันรู้
พาลีส·โซโรอาสเตอร์เงียบไปสองวินาทีก่อนจะหัวเราะแห้ง
“แบบนี้นี่เอง… ถ้าอย่างนั้นข้าคงทำได้เพียงอวยพรให้เจ้าไม่เห็นในสิ่งที่ไม่ควรในความฝัน แน่นอนว่าอดีตเพื่อนร่วมงานของเจ้าต้องถูกคุ้มครองโดยพรแห่งการปกปิด คนที่ต้องระวังจึงมีเพียงตัวเจ้า”
เลียวนาร์ดไม่ตอบสนองในหัวข้อดังกล่าว รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ตาแก่ มีคำถามที่อยากรู้บ้างไหม? เช่นเทพแท้จริงในยุคสมัยที่สามเป็นอย่างไร หรือสาเหตุของมหาภัยพิบัติ?”
นี่คืออีกหนึ่งศาสตร์แห่งวาทศิลป์ที่ไคลน์สอน เมื่อเป็นฝ่ายถูกถามในเรื่องที่เสียเปรียบ จงชิงถามแทนในเรื่องที่ได้เปรียบ
“ข้าพอจะเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้คร่าวๆ” พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตอบพลางถอนหายใจและพ่นลม “วันนี้เจ้าพยายามทำตัวเป็นคนชักนำบทสนทนามากเป็นพิเศษ แตกต่างจากนิสัยเก่าๆ โดยสิ้นเชิง แปลว่าเจ้าคงมีความลับสักหนึ่งถึงสองเรื่องที่ปิดบังข้าไว้… ไม่เลวทีเดียว เป็นพัฒนาการที่น่าสนใจ เพราะอย่างน้อยข้าก็ไม่ทันสังเกตเห็นในตอนแรก”
สีหน้าเลียวนาร์ดพลันแข็งทื่อ
พาลีสหัวเราะแห้งทันที
“เห็นไหม… แค่ข้าแหย่นิดเดียวเข้าก็เผยไต๋ทันที… ยังขาดประสบการณ์อีกมาก… อดีตเพื่อนร่วมงานของเจ้านี่ช่าง… หึ”
เลียวนาร์ดทำได้เพียงหัวเราะแห้งกลับไป จากนั้นก็วางแก้วลงและโน้มตัวไปด้านหน้า หยิบมีดเงินสำหรับประกอบพิธีกรรมขึ้นมาเฉือนให้เกิดบาดแผลและปล่อยให้เลือดไหลสองสามหยด
ในเวลาเดียวกัน ณ คฤหาสน์ของเอิร์ลฮอลล์ ออเดรย์ซึ่งกำลังถือมีดเลี่ยมอัญมณีและเตรียมรักษาสัญญากับเดอะเวิร์ลที่ระบุจะช่วยเหลือหนึ่งครั้ง ทำการกดคมมีดลงไปบนหลังมือ
“ไม่เจ็บเลยสักนิด… ไม่เจ็บเลยสักนิด…” ขณะออกแรงเปิดแผล ออเดรย์สะกดจิตตัวเองให้ไม่เจ็บ
ในสภาพปัจจุบัน หากออเดรย์ต้องการสร้างแผลให้ตัวเอง เธอต้องออกแรงมากถึงระดับหนึ่ง ต่อให้ไม่สร้างเกล็ดมังกรขึ้นมาปกป้องก็ตาม
…
คืนวันอาทิตย์ หลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำ ไคลน์เดินทางกลับมายังบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน เตรียมนอนเร็วกว่ากำหนดโดยอ้างว่าเพลีย
หลังเที่ยงคืน ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงและประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง
หลังจากจัดการหลายๆ สิ่งเสร็จ ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้ของ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ปัจจุบันยืนยันได้ว่าหากตนยกเลิกการอัญเชิญ ระดับพลังอำนาจของมิติหมอกจะช่วยดึงร่างวิญญาณของมันออกจาก ‘การเดินทางของกรอซาย’ ได้ทันที
ด้านหน้ามันมีขวดเลือดสามขวดและหน้ากากสีเงินวางอยู่
สามขวดดังกล่าวบรรจุเลือดของไคลน์ ออเดรย์ และเลียวนาร์ด ส่วนหน้ากากเงินคือสิ่งที่มิสจัสติสสังเวยขึ้นมาล่วงหน้าเนื่องจากทราบว่ามิสเตอร์สตาร์จะเข้าร่วมการสำรวจด้วย จึงต้องการสวม ‘คำลวง’ เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง
หลังจากตรวจสอบสักพักจนมั่นใจ ไคลน์เสกสมุดปกแข็งสีน้ำตาลเข้ม ‘การเดินทางของกรอซาย’ ออกจากกองขยะและลอยมาวางแน่นิ่งบนโต๊ะทองแดงยาว ขณะเดียวกันก็สอดไม้กางเขนเจิดจรัสเข้าไปในร่างกาย
ถัดมามันถึง ‘จัสติส’ ออเดรย์และ ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดขึ้นมายังมิติเหนือสายหมอก
เสาลำแสงสีแดงสองต้นปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างที่พร่ามัว
ออเดรย์และเลียวนาร์ดต่างจ้องไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวฝั่งตรงข้ามประธานและตรวจสอบวัตถุตรงหน้าเดอะเวิร์ล
จากนั้นความสนใจก็มุ่งมายังหนังสือเล่มเก่าแก่
ออเดรย์กลอกตาเล็กน้อยก่อนจะถาม
“การสำรวจของพวกเรามีความเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้?”
“ถูกต้อง เป้าหมายของเราอยู่ภายในหนังสือ” ไคลน์ตอบด้วยรอยยิ้ม
“ภายในหนังสือ?” เลียวนาร์ดถามด้วยความประหลาดใจ
แม้มันจะเป็นถุงมือแดงที่มีโอกาสได้อ่านแฟ้มคดีพิสดารมากมาย แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีวิธีสื่อสารกับตัวละครในหนังสือ
ไคลน์พยักหน้า
“ถูกต้อง เจ้านี่คือหนังสือเวทมนตร์ที่ด้านในเป็นโลกซึ่งถูกจินตนาการขึ้น… สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกดังกล่าวได้กลายมาเป็นเนื้อหาของหนังสือ”
“ถูกจินตนาการขึ้น?” ออเดรย์จับคำสำคัญได้ทันที
เธอเพิ่งได้ทราบจากเดอะเวิร์ลเมื่อสองสามวันก่อนว่า ลำดับ 0 ของเส้นทางผู้ชมคือ ‘นักสร้างฝัน’ และยังไม่ลืมว่าราชาแห่งมหามังกร หนึ่งในเทพบรรพกาล แอนเคอร์เวลมีสมญานามว่ามังกรจินตภาพ
หลังจากเรียบเรียงคำพูดสักพัก ไคลน์กล่าว
“คำอธิบายของผมอาจไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะมันเป็นได้ทั้งโลกที่ถูกจินตนาการขึ้นและโลกความฝันแท้จริง… สิ่งเดียวที่รับประกันได้ก็คือมันถูกสร้างโดยเทพบรรพกาลจากยุคสมัยที่สองนามว่า ‘มังกรจินตภาพ’ แอนเคอร์เวล… ผมได้รับสิ่งนี้มาจากพลเรือโทธารน้ำแข็ง”
มรดกจากเทพบรรพกาล… เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงทำให้ยักษ์และเอลฟ์จากยุคสมัยที่สอง นักบวชจากยุคสมัยที่สาม ขุนนางจากยุคสมัยที่สี่ และทหารโลเอ็นจากยุคสมัยที่ห้าดำรงชีวิตอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน… เลียวนาร์ดพลันกระจ่างและอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่า หลังออกจากเมืองทิงเก็น ไคลน์ต้องเผชิญประสบการณ์แบบใดมาบ้าง
ในเวลาเดียวกันไคลน์มองไปรอบๆ พร้อมกับผลักหน้ากากคำลวงไปหามิสจัสติส
“เข้าไปกันเถอะ”
“ตกลง” ออเดรย์สวมหน้ากาก
เลียวนาร์ดมองซ้ายมองขวาและพยักหน้า
“ตกลง”
ไคลน์นำขวดโลหะบรรจุเลือดออกมาเทและป้ายลงบนปก ‘การเดินทางของกรอซาย’
เลือดมีไว้เพื่อสิ่งนี้… ขณะเกิดความคิดดังกล่าว ทัศนวิสัยของออเดรย์พลันแปรเปลี่ยนเป็นพายุหิมะสีขาวโพลน
ท่ามกลางเกล็ดหิมะเม็ดใหญ่และลมหนาวที่กัดเซาะ ใกล้ๆ กันมีเมืองซึ่งกำแพงชั้นนอกสูงกว่าสิบห้าเมตรอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แม้แต่องครักษ์ในชุดเกราะหนังที่เข้าเวรเฝ้ายามก็ยังต้องเข้าไปหลบในจุดอับลม ตราบใดที่ไม่มีคาราวานพ่อค้าแวะผ่านมา มันก็จะไม่เข้าไปกีดขวางการเข้าออกของคนธรรมดา
“ที่นี่คือ… โลกที่ถูกจินตนาการขึ้นโดยสมบูรณ์… สมจริงมาก” เลียวนาร์ดมองไปรอบๆ ก่อนจะเหยียดแขนออกไปคว้าเกล็ดหิมะขนาดใหญ่ มันสัมผัสถึงความเย็นสักพักจนกระทั่งเกล็ดหิมะละลายกลายเป็นน้ำ
หลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมเสร็จ เลียวนาร์ดเพิ่งตระหนักถึงบางสิ่ง ไคลน์ยังคงรักษาภาพพจน์เย็นชาด้วยตัวตนเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ส่วนมิสจัสติสก็สวมหน้ากากเงินปกปิดครึ่งบนของใบหน้า เผยให้เห็นเพียงปาก เส้นผมสีทอง และดวงตาสีเขียวมรกตจนยากจะทราบตัวตนที่แท้จริง
มีเพียงมันที่ไม่ได้ปลอมตัว
นี่คือนิสัยของผู้วิเศษทางการ พวกมันล้วนออกปฏิบัติการอย่างสง่าผ่าเผยและไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน
มิสเตอร์สตาร์เป็นคนง่ายๆ อย่างที่คิด เขาจัดแต่งทรงผมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น… ช่างน่าเสียดาย ไม่อย่างนั้นด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ การเป็นนายแบบบนนิตยสารคงไม่ใช่เรื่องยากเย็น… ในฐานะสตรีสูงศักดิ์ที่เคยพบเจอบุรุษรูปงามมานับไม่ถ้วน ออเดรย์จ้องหน้าพอเป็นพิธีและถอนสายตากลับโดยไม่เสียมารยาท
ไคลน์หัวเราะในใจก่อนจะชี้ไปทางเมืองท่ามกลางพายุหิมะ
“เป้าหมายแรกของเราคือนักบวชจากยุคสมัยที่สาม… มิสเตอร์สโนวมัน”
ชายคนนี้มีแนวโน้มสูงที่จะเชื่อมต่อกับอามุนด์และพี่ชาย!
ตามแผนของไคลน์ หลังจากสโนวมันจะเป็นคิวของขุนนางจากยุคสมัยที่สี่ โมเบธ นั่นเพราะคนยักษ์กรอซายและเอลฟ์เซียธาสมีแนวโน้มสูงที่จะข้องเกี่ยวกับเหตุไม่คาดฝัน ดังนั้นจึงต้องเก็บไว้ท้ายสุด
และหลังจากสำรวจจิตใต้สำนึกของทุกคนผ่านความฝันเสร็จ พวกมันจะเข้าไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวมของที่นี่เพื่อค้นหาความลับที่ลึกกว่าเดิม
………………………..