บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน คฤหาสน์ของดอน·ดันเตส
ไคลน์ยืนริมหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน เฝ้ามองสายฝนที่โปรยปรายมาตามสายลม ตกกระทบพื้นและหน้าต่าง
นับตั้งแต่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง กรุงเบ็คลันด์เริ่มมีฝนตกอีกครั้ง สร้างบรรยากาศหนาวเย็นและชื้น
ไคลน์ไม่ขยับตัวเป็นเวลานาน เอาแต่เฝ้ามองฉากสายฝนพรำอย่างเหม่อลอย
จนกระทั่งสัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้น มันระงับความคิดที่กำลังพรั่งพรูราวกับละอองฝน หันไปมองข้างๆ
สี่หัวสีทองตาสีแดง ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เดินออกจากความว่างเปล่า
“จากใคร?” ไคลน์ถามมิสผู้ส่งสาร
จดหมายฉบับล่าสุดที่มันได้รับเป็นของชารอน อีกฝ่ายแจ้งว่า พิธีกรรมเลื่อนลำดับประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น กลายเป็น ‘หุ่นกระบอก’ ลำดับ 4 แห่งเส้นทางนักโทษสำเร็จ
ไคลน์แสดงความยินดีเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ขอโทษและแจ้งว่า ตนไม่มีความจำเป็นต้องไปเยือนเมืองกัลเดรอนอีกสักพัก
แน่นอน มันกล่าวเสริมไปว่า ที่นั่นมีความลับมากมายซ่อนอยู่ อาจเกี่ยวข้องกับตนและต้องไปเยือนในสักวัน เมื่อถึงตอนนั้น หากชารอนยินดี มันก็ไม่เกี่ยงที่จะขอความช่วยเหลือ
สำหรับไคลน์ ในแง่หนึ่ง มันอาจต้องไปตามล่าวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถที่นั่น ในอีกแง่หนึ่ง มันมองว่าเมืองวิเศษแห่งนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเทพมรณาบรรพกาล ‘ต้นตระกูลฟีนิกซ์’ เกรจารี อาจมีวิธีการรักษาภาวะ ‘ดวงวิญญาณไม่สมบูรณ์’ ของมิสเตอร์อะซิก แม้ว่ากงสุลมรณะรายนี้จะหมดสิทธิ์เลื่อนลำดับแล้ว แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากภาวะความจำเสื่อมหนแล้วหนเล่า
แน่นอน สำหรับปัญหานี้ ไคลน์เตรียมแผนไว้แล้ว นั่นคือการรอให้ตัวเองพัฒนาไปเป็น ‘ปราชญ์โบราณ’ ลำดับ 3 แห่งเส้นทางนักทำนาย จากนั้นก็สร้างยันต์ ‘วันวานอีกครั้ง’ ให้มิสเตอร์อะซิก หรือใช้พลังตรงๆ เพื่อให้อีกฝ่ายฟืนคืนจากภาวะความจำเสื่อมทันที
ขณะไคลน์รับจดหมาย ศีรษะทั้งสามของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พูดเรียงกัน
“อมรณา…” “ปัญญา…” “นิ่ม…”
แพทริค·เบรนแห่งนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียม… ไคลน์เข้าใจทันทีว่ามิสผู้ส่งสารหมายถึงใคร เพราะตลอดสองเดือนที่ผ่านมา แพทริค·เบรนเขียนจดหมายหาตนบ่อยที่สุด มีทั้งการรายงานเรื่องสำคัญและขอคำแนะนำ
หลังจากผ่านไปหลายครั้ง ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เริ่มตั้งฉายา
เมื่อก่อนมิสผู้ส่งสารไม่เคยมีงานอดิเรกแบบนี้… เริ่มตั้งแต่ตอนไหนกันนะ… คนที่เขียนถึงเราบ่อยๆ ส่วนใหญ่ได้รับฉายากันหมด ยกเว้นชารอน… ไคลน์พึมพำ คลี่จดหมายออกและอ่านรวดเร็ว
ภายในจดหมาย แพทริค·เบรนเล่าว่า คำสั่งจากทวีปใต้ในคราวนี้มิได้ให้มันพยายามปลุกเทพมรณาเหมือนทุกครั้ง แต่เป็นการเตรียมพิธีกรรมพิเศษเพื่อช่วยเหลือเทวทูตในขอบเขตความตายที่กำลังหมกตัวอยู่ในอนุสาวรีย์บรรจุศพ ผู้นำนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียม ไฮเทล ให้สามารถเดินทางออกจาก ‘ดินแดนที่ถูกปิดผนึก’ ได้ในระยะเวลาสั้นๆ
หากมองเพียงผิวเผิน คำสั่งดังกล่าวอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ดูกะทันหันไปสักนิด แต่ไคลน์กลับสังเกตเห็นความผิดปรกติ
พวกนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียมมักสั่งให้แพทริครวบรวมวัตถุดิบและประกอบพิธีกรรมเสี่ยงๆ เพื่อปลุกเทพมรณาหลายครั้ง เราจึงแนะนำให้เขาโกหกไปว่า การรวบรวมวัสดุไม่คืบหน้า รวมถึงพิธีกรรมประสบความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง ส่งผลให้ทางนั้นเริ่มสงสัยว่าแพทริคมีปัญหา? ไคลน์พยักหน้าไตร่ตรอง
มันสงสัยว่า อีกฝ่ายอาจกำลังทดสอบแพทริค – ทดสอบด้วยการประกอบพิธีกรรมถึงเทวทูตโดยตรง!
และขอบเขตการตอบสนองของเทวทูตคือโลกทั้งใบ
อา… ขอแค่พวกมันไม่ฉุกคิดถึงความผิดปรกติของมรณาเทียมก็พอ… ใครจะไปรู้ สำหรับองค์กรที่ได้รับมรดกจำนวนมากจากจักรวรรดิไบลัม พวกมันอาจมีวิธีรบกวนขั้นตอนการฮุบกลืน ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาของเทพธิดา ไม่ปล่อยให้พระองค์ได้ประโยชน์… ไคลน์วิเคราะห์สักพักก่อนจะโล่งใจ
สำหรับบททดสอบของเทวทูตในขอบเขตความตาย ชายหนุ่มไม่มองว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเดอะฟูลสามารถระดมพลังของมิติหมอกในระดับที่ใกล้เคียงกันได้ สามารถรบกวนผลของพิธีกรรมด้วย ‘อ้อมกอดเทวทูต’ ตราบใดที่หัวหน้าใหญ่อย่างไฮเทลมิได้ ‘เสด็จเยือน’ ด้วยตัวเอง เพียงส่งอิทธิพลจากระยะไกล มันสามารถตบตาอีกฝ่ายได้อย่างแนบเนียน
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์สะบัดข้อมือและเผาจดหมายของแพทริคด้วยเปลวไฟสีแดง เดินกลับไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ หยิบปากกาและกระดาษออกมาตวัดเขียน
“ทำตามที่อาจารย์ของคุณสั่ง แต่ก่อนจะเริ่มพิธีกรรม อย่าลืมรายงานให้ผมทราบและรอการอนุญาต”
เนื่องจากมันตอบกลับทันที แพทริค·เบรนคงยังไม่ออกจากตำแหน่งเดิม ไคลน์จึงไม่ได้อัญเชิญผู้ส่งสารของอีกฝ่าย แต่ฝากไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์กลับไปส่งแทน
…
ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ซิลสวมเสื้อกันฝนธรรมดา ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด จ้องประตูรั้วคฤหาสน์ของไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด
ปัจจุบันยังไม่ตกเย็นด้วยซ้ำ แต่โคมไฟถนนส่องสว่างแล้ว แสงทรงกลดหลายจุดสว่างท่ามกลางสายฝน
ผ่านไปสักพัก รถม้าเช่าคันหนึ่งแล่นมาจอด หยุดลงตรงหน้าประตูฝั่งด้านข้างที่ห่างออกไปไกล
บุรุษรับใช้ของไวเคาต์ที่ซ่อนตัวอยู่ในร่ม กระโดดออกมาพร้อมกับกางร่ม
มันคอยอำนวยความสะดวกให้สตรีสวมเสื้อคลุมที่ลงจากรถม้า ผ่านเข้าไปในประตูด้านข้างของคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ส่วนรถม้าเช่ายังคงจอดในตำแหน่งเดิมประหนึ่งรอรับกลับ ราวกับว่าถูกจ่ายด้วยเงินก้อนโต
ซิลยังคงไม่เห็นหน้าของสตรีคนดังกล่าว แต่ถึงอย่างนั้นก็มิได้เสียกำลังใจ รอคอยอย่างอดทนท่ามกลางสายฝนอันหนาวเหน็บ ดูคล้ายกับรูปปั้นไม่มีผิด
เธอตั้งใจรอให้อีกฝ่ายกลับออกมา จากนั้นค่อยเริ่มสะกดรอย
นี่เป็นทั้งโอกาสที่จะได้รับสูตรโอสถ ‘ผู้พิพากษา’ และจุดประสงค์หลักของการมาที่เบ็คลันด์ – สืบหาความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบิดา!
เป็นเพราะมีแรงจูงใจส่วนตัว ซิลจึงยืนกรานที่จะสะกดรอยไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดจวบจนปัจจุบัน สำหรับสายข่าวคนอื่นๆ ของ MI9 แทบไม่เคลื่อนไหวเลยตลอดหลายเดือนหลัง บางคนปิดภารกิจไปแล้ว แม้กระทั่งชายสวมหน้ากากสีทองที่เป็นคนจ้างซิล ก็ยังไม่ได้ถามถึงความคืบหน้าของภารกิจนี้มาหลายสัปดาห์ เห็นได้ชัดว่าถูกลดระดับความสำคัญ
ภายในห้องนอนของไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด เด็กสาวผมสีน้ำตาลใบหน้าสะสวย สวมชุดนอนผ้าไหม กำลังนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งและหยิบจับผลิตภัณฑ์ความงามราคาแพง ประหนึ่งได้พบกับขุมสมบัติ
ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ด ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดนอนชาย เดินตามหลังสตรีผมเปียก ยิ้มให้เธอในกระจกพร้อมกับกล่าว
“เชอร์มาเน่ ไม่จำเป็นของมีพวกมัน คุณก็งดงามในตัวเองอยู่แล้ว”
“นี่เป็นสัญชาตญาณของสตรี” หญิงสาวที่ชื่อเชอร์มาเน่ยิ้มพลางยกแขน จับฝ่ามือของไวเคาต์โอบไหล่ของตนในฝั่งตรงข้าม
ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดยิ้มอ่อนโยน
“ในตอนที่คุณเล่นกับพวกมัน ผมสัมผัสได้ถึงความไร้เดียงสา… หึหึ… คุณทำให้ผมย้อนนึกถึงความทรงจำเก่าๆ สมัยอายุสิบเจ็ดสิบแปด”
โดยไม่รอคำตอบจากเชอร์มาเน่ มันพึมพำกับตัวเอง
“ภรรยาของผมเสียไปหลายปีแล้ว เคยคิดว่าจะใช้ชีวิตเช่นนี้ไปจนกว่าพระองค์จะมารับตัว ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่ง ผมจะได้เจอนางฟ้าแบบคุณ ไว้รอให้ความตึงเครียดที่สั่งสมอยู่ภายในเบ็คลันด์ถูกปลดปล่อยเสียก่อน ถึงตอนนั้น ผมจะมองหาโอกาสแต่งงานกับคุณในวิหารอย่างยิ่งใหญ่”
“แต่งงาน… คุณต้องการแต่งงานกับฉัน?” เชอร์มาเน่ผงะเล็กน้อย ถามอย่างไม่เชื่อหู
ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดยิ้มและพูด
“การได้พบคุณถือเป็นของขวัญจากพระองค์ แม้ว่าชาติตระกูลของคุณจะยังสูงส่งไม่พอ แต่ผมเองก็เคยผ่านการสมรสแล้ว ประเด็นดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเคร่งครัด อา… และแน่นอน ผมจะหาวิธียกระดับชาติตระกูลให้คุณ เอาแบบนี้เป็นไง… หาพ่อค้าที่ร่ำรวยสักคนมารับคุณเป็นลูกสาวนอกสมรส”
มันสาธยายเกี่ยวกับแผนการในอนาคตอย่างละเอียด จนกระทั่งเห็นว่าดวงตาของเชอร์มาเน่ในกระจกเริ่มพร่ามัว
“สิ่งสำคัญที่ผมมองเห็นในตัวคุณก็คือ คุณดีกับผมมากกว่าที่ผมดีกับคุณนับสิบเท่า… คุณปิดบังผมไม่ได้หรอก” ไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดยิ้มและโน้มตัวลง จุมพิตหน้าผากของเชอร์มาเน่
เชอร์มาเน่ขยับปาก ดูไม่ออกว่ากำลังหัวเราะหรือร้องไห้
จนกระทั่งสายฝนหยุดลง ตกกลางดึก ในที่สุดซิลก็เห็นสตรีสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มเดินออกมาขึ้นรถม้า
หลังจากจดจำลักษณะเด่นของรถม้าเช่า ซิลสะกดรอยตามอยู่ห่างๆ อาศัยพลังพิเศษของ ‘เจ้าพนักงาน’ และความเปียกชื้นของถนนในยามค่ำคืน ไล่ตามเป้าหมายด้วยการเดินสลับวิ่ง
เธอตามตั้งแต่เขตราชินีไปจนถึงย่านสะพานเบ็คลันด์ เรี่ยวแรงของซิลเกือบจะหมดลง แต่โชคดีที่รถม้าถึงจุดหมายก่อน
ซิลรู้สึกสดชื่นทันที เปลี่ยนเป้าหมายจากรถม้าเช่าเป็นสตรีที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้ม
ระหว่างนี้ เธอค่อนข้างประหลาดใจที่เป้าหมายมีทักษะต่อต้านการสะกดรอยค่อนข้างดี บ้างก็เดินอ้อมและวนเวียน บ้างก็ใช้อุปสรรคเพื่อกีดขวาง
อย่างไรก็ตาม ของแค่นี้ไม่สามารถสลัดซิลหลุด เธอเป็นถึงเจ้าพนักงานมากประสบการณ์ ย่อมทิ้งระยะห่างจากเป้าหมายค่อนข้างไกล
ขณะที่พบว่าอีกฝ่ายใกล้ถึงจุดหมาย วางแผนเตรียมเข้าประชิดตัว ซิลพลันได้กลิ่นที่หอมหวานและล่องลอย
ท่ามกลางกลิ่นหอม ซิลรู้สึกสับสนจนปล่อยเป้าหมายหลุดมือไปโดยสมบูรณ์
จากนั้น กลิ่นหอมค่อยๆ จางหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่
รูม่านตาซิลขยายออกเล็กน้อย ไม่กล้าสำรวจต่อ
ภายในบ้านเช่า ทริสซี่เจ้าของใบหน้าอ่อนหวานและนุ่มนวลจนไม่ว่าใครก็ตามยากจะละสายตาออก จ้องหน้าเชอร์มาเน่ในกระจกและกล่าว
“อารมณ์ดีไม่เบา… ตัดสินใจได้รึยัง? ภารกิจสุดท้ายไม่ยากเกินกำลังใช่ไหม? หากจัดการเสร็จเมื่อใด เธอสามารถออกจากเบ็คลันด์และไปใช้ชีวิตที่ต้องการได้ทันที”
เชอร์มาเน่ผงะเล็กน้อย สีหน้าเผยอารมณ์ซับซ้อน เหม่อลอยสักพัก ประหนึ่งถูกปลุกให้ตื่นจากความฝันอันแสนหวาน
เธอมิได้หันกลับมา พะงาบริมฝีปากสักพักก่อนจะตอบ
“เขาบอกว่าอยากแต่งงานกับฉัน…”
ทริสซี่เลิกคิ้ว
“ในเวลาอย่างว่า ห้ามเชื่อคำพูดพวกผู้ชายเด็ดขาด ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร… ถ้าเขาอยากแต่งงานกับเธอ เขาจะไม่ป้องกัน และแสดงท่าทีอยากมีลูกอย่างชัดเจน… หึหึ… แล้วเขาได้ทำแบบนั้นไหม?”
ได้ยินคำถาม สีหน้าเชอร์มาเน่หม่นหมองลงเล็กน้อย
ทริสซี่ลุกขึ้น กล่าวพลางยิ้ม
“ฉันจะไม่ขัดขวางความรักของเธอ ถ้าต้องการเปลี่ยนเส้นตายของภารกิจนี้ให้เป็นชั่วชีวิต ก็ควรคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องทำในอนาคต”
กล่าวจบ หญิงสาวเดินไปที่ประตู ออกจากบ้านเช่า
ขณะเดินลงบันได ทริสซี่ก้มมองรองเท้าตัวเอง หัวเราะในลำคอพลางพึมพำจิกกัดตัวเอง:
“ความรัก…”
……………………….