Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 514 : ตำนานเทพบรรพกาล

ราชันเร้นลับ 514 : ตำนานเทพบรรพกาล

ท่ามกลางวังสายหมอกไร้ขอบเขต บรรยากาศโดยรอบยังคงเงียบสงัดเหมือนเช่นทุกคราว

‘เดอะมูน’ เอ็มลิน·ไวท์ ลืมตาขึ้นหลังจากถูกส่งตัวมายังดินแดนลึกลับอีกครั้ง

มันเห็นมิสจัสติสฝั่งตรงข้าม กำลังมองไปทางมุมโต๊ะทองแดงยาวลายโบราณและกล่าวทักทายอย่างยิ้มแย้ม

“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล~”

จัสติส·ออเดรย์เริ่มทักทายจากเดอะฟูล และไปจบลงตรงเดอะเวิร์ล

การเรียงลำดับทักทายเช่นนี้มิได้เป็นไปตามตำแหน่งการนั่ง แต่เรียงตาม ‘ลำดับไพ่’ ในสำรับหลักของไพ่ทาโรต์ เริ่มจากเดอะฟูล และไปสิ้นสุดยังเดอะเวิร์ล

นี่คือรายละเอียดปลีกย่อยอันเกิดจากความหลงใหลในศาสตร์เร้นลับของออเดรย์ พฤติกรรมดังกล่าวเด่นชัดขึ้นเมื่อชุมนุมทาโรต์เริ่มมีสมาชิกเป็นจำนวนมาก

หญิงสาวสูงศักดิ์ มีชาติตระกูล และมองโลกในแง่บวกอย่างมาก… เอ็มลินประเมินตัวตนของอีกฝ่ายภายในใจ พลางพยักหน้ารับการทักทายตามมารยาท

ระหว่างนั้น มุมสายตาผีดูดเลือดหนุ่มชำเลืองไปทาง ‘เดอะซัน’ ด้านข้าง พลางหวนนึกช่วงเวลาขณะศึกษาประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด ภายในบ้านบารอนเวย์แมนดี้เมื่อไม่กี่วันก่อน

เรายังบกพร่องด้านประวัติศาสตร์อยู่มาก นี่คือความแตกต่างระหว่างนักค้นคว้ามืออาชีพกับมือสมัครเล่น แต่หลังจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ตัวข้า เอ็มลิน·ไวท์ จะกลายเป็นนักค้นคว้าประวัติศาสตร์มืออาชีพ…

บารอนเวย์แมนดี้ไม่เคยเอ่ยถึงเมืองเงินพิสุทธิ์แม้แต่ครั้งเดียว เราจึงก็มิได้ซักถามออกไปโดยตรง เพราะด้วยฐานะวีรบุรุษในเงามืดของตระกูล เราไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่งเดช…

นั่งฟังประวัติศาสตร์ครึ่งวัน ไปเรียนคำสอนจากโบสถ์อีกครึ่งวัน และกลับมาเล่นตุ๊กตาในตอนกลางคืน ชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน…

เอ็มลินปล่อยความคิดของตนล่องลอย

จนกระทั่ง มันเริ่มขมวดคิ้วเมื่อตระหนักถึงปัญหาสำคัญ

แล้วทำไมเราถึงยังต้องแวะไปยังโบสถ์ฤดูเก็บเกี่ยวทุกวัน?

ในฐานะเผ่าพันธุ์อันสูงส่ง เราต้องจัดการปัญหาของตัวเองให้เด็ดขาด เราอดทนกับสิ่งนี้มานานแล้ว! เฮ่อ… การถูกพี่น้องในตระกูลนินทาลับหลังไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยสักนิด…

เดอะมูน·เอ็มลิน เริ่มผ่อนคิ้ว

เมื่อเห็นว่ามิสจัสติสจบการทักทาย ผีดูดเลือดหนุ่มเหยียดแขนออกไปและเคาะโต๊ะทองแดงอย่างแผ่วเบา พลางมองไปยังหญิงสาวฝั่งตรงข้ามและกล่าว

“วัตถุดิบตามความต้องการของคุณ”

จัสติส·ออเดรย์ยกมือขวาขึ้นเพื่อส่งภาษากายเป็นเชิงให้หยุด ก่อนจะยิ้มอย่างสง่างาม

“ไว้ค่อยคุยกันในช่วงค้าขายนะคะ ตอนนี้เป็นเวลา ‘อ่าน’ ของมิสเตอร์ฟูล”

ฟังจากน้ำเสียง มิสเตอร์แวมไพร์คงรวบรวมอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างผลของต้นคนชราหรือเลือดของมังกรกระจกได้แล้ว…

ไม่สิ อาจทั้งสองอย่าง… ออเดรย์ เธอกำลังจะกลายเป็นนักจิตบำบัด! ผู้วิเศษลำดับกลาง!

หญิงสาวเผยยิ้มสดใส

จากนั้น เธอมองไปทางบุคคลเบื้องหลังม่านหมอกหนาทึบ

“มิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ดิฉันรวบรวมไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์ได้อีกสามหน้า~”

เหลืออีกแค่สี่หน้าเท่านั้น… หญิงสาวเม้มปากพลางใช้ความคิด

เมื่อเห็นมิสจัสติสทำตัวเป็นแบบอย่าง มิสเมจิกเชี่ยน·ฟอร์ส กล่าวเสริมทันที

“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันก็มีไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์สามหน้าเช่นกัน”

เธอเฝ้ารอชุมนุมทาโรต์มาตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากโอสถผู้ฝึกหัดขวดใหม่ซึ่งเพิ่งดื่มซ้ำเข้าไป ถูกย่อยได้เร็วกว่าความคาดหมายในตอนแรกมาก ปัญหาข้างเคียงจึงถูกขจัดอย่างสมบูรณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน

เดอะซัน·เดอร์ริคเสริมตามทันที

“มิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ผมทำการคัดลอกตำนานของเทพบรรพกาลบางส่วนมาแล้ว”

จากนั้น เด็กหนุ่มหันไปพูดกับแฮงแมน

“ผมทำตารางรายชื่อสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์เสร็จแล้วเช่นกัน”

เป็นเด็กดี และไม่ต้องรอให้ใครเตือน…

ไคลน์ ผู้กอบโกยผลประโยชน์มากกว่าใครในวันนี้ เอนกายพิงพนักอย่างมีความสุข

ไม่ได้พัฒนาเลยสักนิด… จริงอยู่ เราอาจไม่ทราบชื่อวัตถุดิบจากสัตว์ประหลาดโดยตรง แต่นี่ถือเป็นการแพร่งพรายข้อมูลเมืองเงินพิสุทธิ์ทางอ้อม… หากปล่อยไว้ เด็กคนนี้จะกลายเป็นปัญหาต่อองค์กรในอนาคต…

โชคยังดี สิ่งนี้สามารถแก้ไขได้โดยการเพิ่มความหวาดระแวงและประสบการณ์เข้าไป…

แฮงแมน·อัลเจอร์ ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

ถัดมาไม่นาน ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์และตำนานเทพบรรพกาลได้ปรากฏตรงหน้าไคลน์

ชายหนุ่มกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ และพบว่าสองจากหกหน้าของไดอารีคราวนี้มีเนื้อหาซ้ำกับของเดิม หนึ่งในนั้นเป็นหน้าของจัสติส ซึ่งแฮงแมนเคยนำมาให้อ่านในช่วงแรกแล้ว

เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ นอกเสียจากจะสอนภาษาจีนกลางง่ายๆ ให้พวกเขาช่วยจำแนกเอกสาร…

ไคลน์ถอนหายใจสั้น พลางใช้จิตย้ายไดอารีสองแผ่นบนไปอยู่ด้านหลัง

สำหรับไดอารีอีกสี่หน้า ข้อมูลด้านในก็มิได้สลักสำคัญอะไรนัก ส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลาซึ่งโรซายล์กำลังสูญเสียอุดมคติ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความร่ำรวยและเงินทอง

เนื้อหาส่วนใหญ่ประกอบด้วยคำถามเช่น ‘วันนี้จะประดิษฐ์อะไรดี’ ‘พรุ่งนี้จะประดิษฐ์อะไรดี’ ‘สิ่งนี้จะขายได้เท่าไร’ และ ‘จะมีนักลงทุนมาสนใจบ้างไหม’

ไคลน์เกือบควบคุมอารมณ์ทางสีหน้าไม่อยู่ ชายหนุ่มต้องการจะนำแผ่นไดอารีสามหน้าฟาดใส่หน้าโรซายล์สักป้าบ

ขณะเดียวกัน จัสติส·ออเดรย์เหลือบเห็นไพ่จักรพรรดิมืดกลับมาวางอยู่ด้านหน้าเดอะฟูลในลักษณะคว่ำหน้า

ท่านให้ข้ารับใช้หยิบยืมไปสะสางภารกิจจริงด้วย! ไม่สิ ยังมีความเป็นไปได้อื่นอยู่ นี่อาจเป็นไพ่เย้ยเทพใบใหม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นใบเดิมสักหน่อย!

ออเดรย์คาดเดาเรื่อยเปื่อย แววตาเผยความสนใจโดยไม่ปิดบัง

หลังจากอ่านไดอารีจบ ไคลน์พยายามข่มความหงุดหงิด พลางพลิกไปอ่านตำนานเทพบรรพกาลจากเดอะซันน้อยต่อ

รายละเอียดค่อนข้างหยาบ แปดเทพบรรพกาลในยุคสมัย 2 ถูกแบ่งออกเป็นสามขั้วอำนาจใหญ่ ฝ่ายแรกประกอบด้วย ราชาคนยักษ์ เออร์เมียร์ ราชาเอลฟ์ ซอนญาธริม และต้นตระกูลแวมไพร์ ลิลิธ ฝ่ายถัดมามี มังกรจินตภาพ·แอนเคอร์เวล ต้นตระกูลฟินิกซ์ เกรจารี และราชามนุษย์กลายพันธุ์ เควาสทูน

ในส่วนของราชาปีศาจ ฟาโบธี และราชาหมาป่าอสูร·เฟรเกีย ทั้งสองไม่ต้องการเข้าพวกกับใคร มีเป้าหมายเพียงล้มล้างระบอบทั้งหมด และกัดกร่อนมนุษยชาติให้พังพินาศ

ตามบันทึกของเมืองเงินพิสุทธิ์ เทพบรรพกาลทั้งแปดมีลักษณะป่าเถื่อน ชั่วร้าย และน่าขยะแขยง แม้กระทั่งเทพธิดาซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และดูธรรมดากว่าใครอย่างต้นตระกูลแวมไพร์ ลิลิธ หรือรู้จักกันในนาม ‘ความงามท่วมท้นกายา’ ก็ยังมีมุมน่ารังเกียจ

เธอจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นก้อนเนื้อน่าขยะแขยงขนาดใหญ่เท่าภูเขา พื้นผิวด้านบนปกคลุมด้วยอวัยวะสืบพันธุ์จำนวนมาก และคอยผุดหมอกสีดำเข้มข้นออกมาตลอดเวลาเพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาด

หากตัวตนทรงพลังคนใดเข้าใกล้ ‘ภูเขา’ ส่วนลึกของจิตใจจะถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์สืบพันธุ์ จนกระทั่งเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นอวัยวะสืบพันธุ์มีชีวิตไปโดยปริยาย

นอกเหนือจากเทพบรรพกาลตนอื่น หากสิ่งมีชีวิตใดมองเห็นฉากดังกล่าว พวกมันจะสิ้นสติไปในทันที หรือไม่ก็กลายพันธุ์ หรือไม่ก็กลายเป็นคนบ้า อย่างใดอย่างหนึ่ง

บันทึกตามตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์จะถูกเขียนขึ้นจากเอกสารโบราณภายในวังราชาคนยักษ์ หรืออย่างน้อย บรรพบุรุษเมืองเงินพิสุทธิ์ก็อ้างไว้แบบนั้น

ยังมีความเป็นไปได้ว่า เผ่าคนยักษ์อาจแต่งเรื่องใส่ร้ายพันธมิตร… แต่เรื่องนี้สอดคล้องกับข้อมูลซึ่งระบุว่า ในภายหลัง ลิลิธได้สูญเสียอำนาจในดวงจันทร์บรรพกาล—เป้าหมายการสวดวิงวอนของผีดูดเลือดจำนวนมาก…

หรือนี่จะเป็นชะตากรรมของผู้เดินบนเส้นทาง ‘จันทรา’ ทุกคน?

ไคลน์หักห้ามตัวเองมิให้ชำเลืองสายตาไปมองเอ็มลิน·ไวท์

ตามตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์ ต้นตระกูลแวมไพร์เคยถือครองอำนาจ ‘จันทราแดง’ หากเธอต้องการ ก็สามารถทำให้จันทราสีแดงเข้มประหนึ่งเลือดลอยอยู่บนท้องฟ้าสี่ยิบสี่ชั่วโมงตลอดสามร้อยหกสิบห้าวันต่อปีได้ โดยนั่นจะทำให้พลังด้านลบแผ่ปกคลุมโลกมนุษย์ทุกหัวระแหง โลกวิญญาณและความเป็นจริงจะใกล้ชิดกันมากขึ้น มีอิทธิพลต่อกันมากขึ้น สัตว์ประหลาดและวิญญาณมารจำนวนมากจะออกมาอาละวาด

นี่คือพลังแห่งเทพ… เราเริ่มมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างเทพบรรพกาลกับเทพแท้จริงใจปัจจุบัน ทำไมทุกตนถึงได้ทำตัวเหมือนกับเทพมารไปเสียหมด… แต่ถ้าอ้างอิงจากตำนานของผีดูดเลือด ลิลิธไม่ได้เป็นไปตามตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์เลยสักนิด…

มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหก? หรือเกิดเหตุการณ์คั่นตรงกลางระหว่างนั้น จนส่งผลให้ลิลิธมีบุคลิกเปลี่ยนไปจากอดีต?

ไคลน์นั่งครุ่นคิดอย่างตั้งใจ

จากนั้น ชายหนุ่มสลายแผ่นกระดาษพลางเอนกายพิงพนักอย่างผ่อนคลาย

“เชิญ”

จัสติส·ออเดรย์ พูดพลางหันไปทางผีดูดเลือดหนุ่มด้วยดวงตาเปล่งประกาย

“มิสเตอร์มูน คุณมีความคืบหน้าของผลต้นคนชราและเลือดมังกรกระจกใช่ไหมคะ”

เอ็มลินเชิดคางขึ้น

“สองอย่างเจ็ดร้อยห้าสิบปอนด์… เงินมาของไป และแน่นอน ต้องไม่ลืมส่วนแบ่งของข้าจำนวนหนึ่งร้อยปอนด์ด้วย”

ออเดรย์มิได้สนใจราคารวมหรือส่วนแบ่ง เธอตอบรับทันทีด้วยสีหน้ายินดีปรีดา

“ตกลง! เอ่อ… ดิฉันหวังว่าคุณจะส่งสินค้าให้ได้ในวันนี้หรือพรุ่งนี้”

“ไม่มีปัญหา” เดอะมูน·เอ็มลิน ผู้กำลังจะทำกำไรหนึ่งร้อยปอนด์โดยแทบไม่ต้องออกแรง ย่อมไม่ปฏิเสธความต้องการของลูกค้า

เยี่ยม! ออเดรย์หย่อนมือขวาลงใต้โต๊ะพลางกำหมัดแน่น และเขย่าขึ้นลงอย่างสะใจสองสามหน

ขณะเดียวกัน แฮงแมน·อัลเจอร์มองไปทางมิสเตอร์แวมไพร์

“คุณยังต้องการมรดกของบารอนผีดูดเลือดอยู่อีกไหม? ราคาสี่พันห้าร้อยปอนด์ ผมลดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

แต่ในความเป็นจริง โจรสลัดผู้ขายพร้อมจะปล่อยให้อัลเจอร์ในราคาสามพันสองร้อยปอนด์

ได้ยินเช่นนั้น ท่าทีของเอ็มลินเปลี่ยนไป

ถ้าราคาแค่หนึ่งพันปอนด์ เราจะตอบตกลงโดยไม่ลังเล! เพียงแต่ว่า… มันรำพันในใจ

แม้ว่าครอบครัวของเอ็มลินจะเป็นเภสัชกรและแพทย์มีชื่อเสียง รายรับประจำปีจัดว่าสูง และด้วยการมีอายุยืนยาว ทรัพย์สมบัติของครอบครัวย่อมมั่งคั่งพอสมควร แต่เมื่อเอ็มลินกลายเป็นคนเสพติดตุ๊กตา เงินก็ไม่เคยอยู่ติดกระเป๋าอีกต่อไป เพราะมันมักสั่งตุ๊กตาทำมือมาตั้งไว้ในห้องเสมอ

แม้จะรวมเงินหนึ่งร้อยปอนด์ของจัสติสซึ่งยังไม่ถูกชำระเข้าไปด้วย แต่เงินออมของเอ็มลินก็ยังมีไม่ถึงห้าร้อยปอนด์ด้วยซ้ำ โดยจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์มาจากการขายสินค้าให้กับนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้

“ข…ขอคิดดูก่อน” เดอะมูน·เอ็มลินกล่าวอย่างหนักแน่น ขณะเดียวกันก็เริ่มตระหนักว่า ตนควรหาวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเร็ว

สหายเอ็มลินเอ๋ย ทำไมถึงได้ทำตัวน่าสมเพชนัก…

เมื่อเห็นฉากดังกล่าว ไคลน์จิกกัดอย่างมีความสุขเบื้องหลังม่านหมอกสีเทา

บนโลกความจริง มันเป็นเพื่อนเพียงไม่กี่คนของมิสเตอร์แวมไพร์หนุ่ม และเคยได้ยินว่าอีกฝ่ายใช้เงินไปกว่าเจ็ดพันปอนด์เป็นค่าตุ๊กตาในรอบหลายปีหลัง ไคลน์จึงอดตัดพ้อในความมั่งคั่งและฟุ่มเฟือยของเอ็มลินไม่ได้

“ไม่มีปัญหา” แฮงแมนไม่ซักไซ้

มันหันไปทางจัสติส·ออเดรย์และกล่าวต่อ

“คุณหนูผู้สูงศักดิ์ ช่างฝีมือจัดการสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์นับว่าน่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก สมบัติวิเศษชิ้นนี้จะช่วยให้คุณแปลงโฉมได้อย่างสมบูรณ์ มาพร้อมกับพลังพิเศษปลีกย่อยอีกสามชนิด ประกอบด้วย ควบคุมไฟ ถ่ายโอนความเสียหาย และนิมิตลางสังหรณ์ รวมถึงช่วยเพิ่มสมรรถภาพร่างกายอีกเล็กน้อย สินค้ามีลักษณะเป็นหน้ากากสีเงินแกมขาว แต่สามารถเปลี่ยนเป็นต่างหูหรือหมวกได้ตามต้องการ และยังตั้งชื่อให้มันได้ด้วย แน่นอน มันมีผลข้างเคียงเหมือนกับสมบัติวิเศษชนิดอื่น ขณะสวมใส่ อารมณ์ของถูกจะถูกขยายจนพลุ่งพล่าน ต้องหาวิธีระงับไว้ให้อยู่หมัด มิฉะนั้นอาจเกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจ ราคาของมันคือห้าพันห้าร้อยปอนด์”

เล่ามาถึงจุดนี้ แฮงแมนเผยรอยยิ้มพลางหันไปพูดกับเดอะเวิร์ล

“ตะกอนพลังของคุณขายได้สี่พันห้าร้อยปอนด์ โดยช่างฝีมือคิดราคาหนึ่งพันปอนด์”

สี่พันห้าร้อยปอนด์… ราคาสูงกว่าความคาดหมายของเราไปมาก ถึงจะต้องจ่ายสิบห้าเปอร์เซ็นต์หรือหกร้อยเจ็ดสิบห้าปอนด์เป็นค่านายหน้าให้มิสเตอร์แฮงแมนก็ตาม…

ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลพยักหน้าตกลง

“ไม่มีปัญหา”

ขยายอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน? ถ้าจำไม่ผิด มาดามเอสลันด์เคยบอกว่า หากเราได้เป็นนักจิตบำบัดเมื่อใด จะมีพลังในการควบคุมอารมณ์กับสภาพจิตใจของผู้อื่น และสิ่งนี้ก็น่าจะมีผลกับตัวเองด้วยเช่นกัน… หรือก็คือ เราสามารถรับมือผลข้างเคียงนั่นได้!

จัสติส·ออเดรย์พยักหน้ารับเล็กน้อย

“ดิฉันจะจ่ายเงินภายในสองวันหลังจากสมบัติวิเศษถูกส่งถึงมือ”

เพื่อมิให้ความลับของชุมนุมทาโรต์เล็ดลอดออกไป หญิงสาวจึงต้องรอให้สินค้าส่งมาถึงมือเสียก่อน จึงค่อยนำไปเบิกกับเอิร์ลฮอลล์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

“ตกลง” แฮงแมนไม่กังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของจัสติส

ร่ำรวยฉิบหาย…

เดอะมูน·เอ็มลิน รวมถึงเมจิกเชี่ยน·ฟอร์ส ต่างถูกกระตุ้นอารมณ์ด้วยเงินจำนวนห้าพันห้าร้อยปอนด์ระหว่างการซื้อขาย

ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจอย่างผ่อนคลายเมื่อตระหนักว่า ในอีกไม่กี่วัน ตนจะมีเงินจำนวนสามพันปอนด์ให้จับจ่ายใช้สอย

มิสจัสติสจงเจริญ! ชายหนุ่มวาดจันทร์แดงกลางหน้าอกตัวเองในใจ

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset