Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 511 : แสงทรงกลด

ราชันเร้นลับ 511 : แสงทรงกลด

ฟ้าว

สายลมรุนแรงพัดมาจากร่างบิชอปมิลเลอร์จนชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มของมันพัดกระพือ

แกร่ก! แกร่ก! เปรี้ยะ!

กิ่งไม้ในบริเวณใกล้เคียงเริ่มแตกหักและร่วงกราวลงพื้น บางส่วนปลิวกระจัดกระจายลอยไปในอากาศ

ร่างกายดอนน่าลอยสูงขึ้นจากพื้นอย่างมิอาจขัดขืน ก่อนจะกระเด็นไปด้านหลังราวสองสามเมตรและตกกระแทกพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ไม่ใช่แค่เธอ แต่เซซิล แดนตัน ดิเมอดอร์ แฮร์ริส และอีกหลายคน ต่างมีอันต้องลอยไปในอากาศก่อนจะตกกระแทกพื้นระเนระนาด

เหลือเพียงคลีฟส์ ทีก และเออร์ดี้มิได้ลอยขึ้นไป อาจจะด้วยเพราะร่างกายแข็งแรงหรือไม่ก็มีน้ำหนักตัวมาก อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีอันต้องเสียหลักล้มกลิ้งสองสามตลบ

ไอร์แลนด์ ผู้ยืนใกล้กับบิชอปมิลเลอร์มากกว่าใคร พยายามตีลังกาถอยหลังเพื่อลดแรงกระแทกและหลีกเลี่ยงการปะทะ

ไคลน์กับเดนิสมิได้ขัดขืนต่อต้าน ปล่อยร่างกายให้ลอยขึ้นตามแรงลม แต่ยังคงรักษาสมดุลไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

เมื่อพายุเกรี้ยวกราดหยุดชะงัก ท่ามกลางสายหมอกกระจัดกระจาย เงารางจำนวนหกร่างปรากฏขึ้นรอบตัวมิลเลอร์ ทั้งหมดสวมผ้าคลุมสีดำและปราศจากศีรษะ เผยให้เห็นส่วนลำคอชุ่มเลือดโดยมีสายลมหมุนวนโอบล้อมรอบตัว

 แฮ่ก! แฮ่ก!

พวกมันส่งเพียงครางคล้ายกับสัตว์ร้ายเตรียมกระโจนโจมตี

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ใบมีดลม คมและบาง ถูกรัวยิงใส่ในจุดซึ่งไคลน์เคยยืนอยู่

กึก! กึก! กึก!

ถือโคมตะเกียงด้วยมือข้างหนึ่ง มิลเลอร์ในเสื้อคลุมน้ำเงินยกมือขึ้นสองข้าง

ร่างหัวขาดทั้งหกพลันย่ำเท้าปรี่ใส่ไคลน์และไอร์แลนด์จนพื้นดินสั่นสะเทือน

ลำพังสัตว์ประหลาดไร้หัวตัวเดียวยังยาก แต่นี่กลับมาพร้อมกันถึงหก… แถมยังมีบิชอปวิปริตอีกหนึ่ง!

เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเต็มสองตา เดนิสพลันเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง

ทันใดนั้น วัตถุบางชนิด สีทองแดง พุ่งผ่านหน้าเดนิสจนเกิดเป็นเส้นแสง ก่อนจะลอยไปตกลงในจุดห่างไกล

กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!

นกหวีดทองแดงของอะซิกกระทบพื้นและกระเด้งไปอีกสองสามตลบ

ด้วยเสียงครางในลำคอหนึ่งหน ศพหัวขาดทั้งหกต่างกรูไปรุมทึ้งนกหวีดทองแดงโดยมิได้นัดหมาย ส่งผลให้บิชอปมิลเลอร์ยืนโดดเด่นอยู่ตามลำพัง

ไคลน์ฉวยโอกาสล้วงมือซ้ายเข้าไปหยิบเข็มกลัดสุริยันในเสื้อโค้ทและโยนไปทางกัปตันไอร์แลนด์ซึ่งยืนไม่ห่าง

ปิดท้ายด้วยการตะโกนสั้นกระชับ

“ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปห้าวินาที. น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์.”

จากนั้น ชายหนุ่มไม่แยแสชะตากรรมของหมวกทรงกึ่งสูงบนศีรษะตน เพียงวิ่งซิกแซกซ้ายขวาตรงเข้าหาบิชอปมิลเลอร์อย่างคล่องแคล่ว

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ใบมีดสายลมถูกกระหน่ำยิงเพื่อหยุดยั้งการกระทำของไคลน์

พื้นดินในจุดดังกล่าวแตกร้าวและถูกทำลายจนไม่เหลือเค้าเดิม ไคลน์อาศัยความคล่องตัวของตัวตลกโยกหลบด้วยหลากหลายลูกเล่น ไม่ว่าจะใช้มือยันพื้นเพื่อเบรกจังหวะ หรือการม้วนตัวกลิ้งอันเป็นสิ่งถนัด ส่งผลให้การระดมยิงรอบแรกของบิชอปมิลเลอร์กลายเป็นหมัน

มิลเลอร์ยกแขนสองข้าง ดวงตาสีแดงของมันทวีความสว่างเข้มข้น

ฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุบ!

คมมีดอากาศถูกรัวยิงในจังหวะถี่ยิบยิ่งกว่าปืนกลสมัยใหม่ ไคลน์พยายามหลบหลีกเต็มกลืน แต่ก็ทำสำเร็จเพียงครึ่งเดียว ส่งผลให้ร่างกายถูกเฉือนเข้าอย่างจังจนแปรสภาพกลายเป็นเศษกระดาษฉีกขาดโปรยปราย

ชายหนุ่มโผล่ออกจากอีกฝั่ง ยังคงพุ่งปรี่ใส่บิชอปมิลเลอร์เพื่อลดระยะห่าง พยายามหาทางเข้าถึงขอบเขตการโจมตีให้ได้

เมื่อไอร์แลนด์จับเข็มกลัดสุริยัน มันรู้สึกถึงไอความร้อนแสนอบอ้าว และต้องการถอดเสื้อกระโดดลงไปแช่ในบ่อน้ำแข็งทันที

หลังจากนึกทบทวนคำพูดทิ้งท้ายของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ไอร์แลนด์ล้วงหยิบเหยือกดีบุกทรงสี่เหลี่ยมแบนออกมาจากเสื้อโค้ท หมุนคลายเกลียวฝาออก และเท ‘แลงติร้อนแรง’ ทิ้งลงพื้นทั้งหมด กลิ่นเหล้าเข้มข้นโชยหึ่งเตะจมูกคนรอบข้างถ้วนหน้า

เดนิส·เพลิงพิโรธมองไปรอบตัวและเริ่มเข้าใจสถานการณ์

มันคุกเข่าลงหนึ่งข้าง มุมปากฉีกยิ้มกว้าง พร้อมกับนำฝ่ามือทั้งสองนาบกับพื้น

อสรพิษเพลิงสีแดงสองตัวผุดขึ้นจากพื้นดินถัดไปจากด้านหน้าเดนิส ก่อนจะพุ่งไปทางนกหวีดทองแดงอะซิกและก่อตัวเป็นกำแพงไฟสี่ทิศรายล้อม

ในตอนแรก มันคิดจะขว้างลูกไฟไปทางบิชอปมิลเลอร์ เพื่อให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์กระโจนเข้าถึงตัวอีกฝ่ายได้เร็วขึ้น แต่หลังจากไตร่ตรองจนถี่ถ้วน มันเปลี่ยนใจไปจัดการกับศพไร้หัวทั้งหกก่อน เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะได้แสดงพลังแท้จริงโดยไม่ถูกรบกวน

คลีฟส์ เซซิล ทีก และแฮร์ริส ต่างรีบพยุงตัวลุกยืนและเก็บปืนของตนกลับมาถือ ทุกคนยืนล้อมดอนน่า เออร์ดี้ ดิเมอดอร์ และอีกหลายคนไว้ตรงกลาง คอยปกป้องจากภัยอันตรายอันคาดไม่ถึงในอนาคต

ประสบการณ์ได้สอนพวกมันว่า หากไม่เคยถูกฝึกมาก่อน และไม่ได้รับคำขอร้องให้ช่วย ห้ามยื่นมือเข้าไปสอดระหว่างการต่อสู้ของผู้วิเศษโดยเด็ดขาด!

ฉ่า! ฉ่า! ฉ่า!

ศพไร้หัวทั้งหกไม่แยแสกำแพงไฟรอบนกหวีดทองแดง คิดเพียงจะแย่งชิงวัตถุดังกล่าวมาเป็นของตนราวกับสุนัขหิวโหย

ภาพตรงหน้าทำให้ไอร์แลนด์มีสมาธิกับการถ่ายพลังวิญญาณลงในเข็มกลัดสุริยันได้โดยไม่ต้องพะวงหลัง บรรจงหยดน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ลงในเหยือกแบนของตนอย่างใจเย็น

เมื่อเดนิสเห็นฝูงศพหัวขาดไม่เปลี่ยนเป้าหมายจากนกหวีด มันยิ้มกรุ้มกริ่มพลางง้างมือขวาไปด้านหลังและเสกหอกเพลิงทรงยาวสีขาวโพลนลุกโชติช่วง

เดนิสก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าครึ่งจังหวะ บิดเอวส่งแรง และขว้างหอกเพลิงออกไปอย่างสุดแรง คมหอกแหวกอากาศเสียบหนึ่งในศพไร้หัวและปักเหยื่อลงกับพื้นดิน

บึ้ม!

เพลิงสีขาวสว่างวาบพร้อมกับระเบิดลอยสูงขึ้นฟ้า ศพหัวขาดร่างหนึ่งไหม้เกรียมไปครึ่งตัวในพริบตา ส่วนร่างอื่นๆ รอบข้างได้ผุดควันสีเขียวเข้มออกมาเจือจาง

เมื่อพบว่าการโจมตีได้ผล เดนิสตั้งใจจะทำซ้ำในสิ่งเดิม แต่ทันใดนั้น มันเริ่มสัมผัสถึงความหิวโหยอันน่าสยดสยอง กำลังแผ่ฟุ้งคละคลุ้งเต็มบรรยากาศรอบตัว

ในวินาทีนี้ มันรู้สึกราวกับตนกำลังยืนอยู่ขอบผาเหนือหุบเหวลึกไร้ก้นบึ้ง โดยอีกก้าวเดียวก็จะพลัดตกลงไป

เดนิสทราบทันที เกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้ปลดปล่อยความบ้าคลั่งในร่างกายออกมาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

หลังจากสิ้นเปลืองกระดาษคนตัวแทนครบจำนวนสามครั้ง ไคลน์เข้าสู่ระยะปรารถนาของตนสำเร็จ

คล้ายกับหิวกระหายเป็นเวลานาน ถุงมือข้างซ้ายเริ่มยุบพองอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับผุดเกล็ดสีทองดำปกคลุมหลังมือ

รูม่านตาไคลน์กลายเป็นวงรีตั้งฉาก

ภาพบนกระจกตาชายหนุ่มเริ่มสะท้อนร่างของมิลเลอร์ในชุดคลุมสีน้ำเงิน

 กึก!

ชายวัยกลางคน ผู้เตรียมสร้างปืนกลลมเฉือนใส่ไคลน์ พลันชะงักพฤติกรรมและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

ดวงตาสีแดงสว่างของมันสูญเสียความแวววาว ทดแทนด้วยความบ้าคลั่งและปราศจากเหตุผล ผิวหนังเริ่มมันเลื่อมคล้ายกับมีเมือกของสัตว์ทะเลปกคลุม

มันอ้าปากกว้างพร้อมกับส่งเสียงครางในลำคอแผ่วเบา ฟังดูคล้ายกับมาจากสัตว์ในท้องทะเลลึก พร้อมกันนั้น หนวดหมึกลื่นไหลและน่าขยะแขยงพลันงอกเงยออกจากใต้ชายเสื้อคลุมสีน้ำเงิน!

นี่คือพลัง ‘โรคประสาท’ ของนักจิตบำบัด!

ความจริงแล้ว ไคลน์ต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อหยุดการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ตนจะได้มีช่องว่างโจมตีกลับเข้าไป ทว่า เมื่อบิชอปมิลเลอร์ถูกดึงสติจนขาดผึ่ง คล้ายกับมันเข้าสู่กระบวนการคลุ้มคลั่งในทันที

จิตใจอีกฝ่ายอยู่ในสภาพเปราะบางถึงขั้น ขอเพียงมีแรงกระตุ้นเล็กน้อย ก็จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดในพริบตา

เมื่อเห็นฉากดังกล่าว รูม่านตาไคลน์พลันหดกลับคืนสภาพเดิม มันตัดสินใจเปลี่ยนวิญญาณในถุงมือโดยไม่ลังเล

ขณะอีกฝ่ายกำลังอาละวาด ถุงมือซ้ายชายหนุ่มเริ่มฉาบด้วยแสงสีทองสุกสว่าง สายตาเพ่งมองบิชอปมิลเลอร์โดยไม่ละไปไหน

ภายในรูม่านตา สายฟ้าสีขาวสองเส้นปรากฏขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

โดยไม่ต้องรอนาน มิลเลอร์เริ่มส่งเสียงแหกปากโหยหวนราวกับกำลังทุกข์ทรมานเสียเต็มประดา ทั้งฝ่ามือและหนวดหมึกพลันหดกลับไปกุมศีรษะด้วยท่าทางเจ็บปวด

จิตใจของมันกำลังถูกกรีดแทง เกิดเป็นความเจ็บปวดเกินคำบรรยาย

พลังของนักสอบสวน!

ไคลน์ยันร่างกายขึ้นด้วยมือขวา พลางยกมือซ้ายอันเปล่งประกายและกำหมัดขณะถุงมือกำลังเปลี่ยนสี

ทันใดนั้น ชายหนุ่มโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและกางมือออกราวยืนกับอ้าแขนรับแสงแดด

แสงสีขาวเข้มข้น สุกสว่าง อัดแน่นด้วยความศักดิ์สิทธิ์แสนบริสุทธิ์ โปรยปรายลงมาจากอากาศว่างเปล่าด้านบนมิลเลอร์ ฉาบร่างบิชอปแห่งวิหารวายุอย่างท่วมท้นสมบูรณ์

บรรยากาศโดยรอบสว่างไสวจนคล้ายกับตอนกลางวัน ลมพายุเกรี้ยวกราดในตอนแรกพลันชะงักงันและเริ่มสลายตัวเจือจาง

ลำดับ 5 นักบวชแสง!

ร่างของมิลเลอร์ค่อยๆ ถูกแผดเผาทีละนิด เริ่มจากก้อนเมือกและพังผืด ตามด้วยหนวดหมึก และปิดท้ายด้วยผิวหนัง

เมื่อลำแสงระยิบระยับเลือนหาย มันก็พ้นสภาพจากการเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ เหลือเพียงคราบของสัตว์ประหลาดอันประกอบขึ้นจากกระดูกสีขาวและก้อนเนื้อเละเทะ

ลมหายใจมิลเลอร์ขาดห้วงและอ่อนแอ

แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่ตาย!

พลังชีวิตของร่างสัตว์ประหลาดหลังจากคลุ้มคลั่ง ทนทายาดจนน่าเหลือเชื่อ!

ไคลน์ไม่เปลี่ยนสีหน้า มันรีบปรี่เข้าประชิดตัวบิชอปมิลเลอร์โดยเว้นระยะห่างประมาณสองสามก้าว ตามด้วยการคุกเข่าลงหนึ่งข้างและนาบถุงมือข้างซ้ายลงบนผิวหนัง

ชายหนุ่มตัดสินใจหยุดใช้พลังนักบวชแสงกลางคันก็เพื่อรักษาสภาพศพไว้เป็นอาหารของยุบพองหิวโหย!

ใจกลางฝ่ามือ ผิวถุงมือแยกตัวออกจากกันพร้อมกับเผยให้เห็นฟันมายาสีขาว จากนั้น ‘ปาก’ ของยุบพองหิวโหยเริ่มเขมือบร่างกายและจิตวิญญาณของเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด

อย่างไรก็ตาม บิชอปมิลเลอร์ยังพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย หนวดหมึกสองสามเส้นผุดขึ้นใหม่หมายกระชากไคลน์ให้เสียงจังหวะ

ไคลน์ทิ้งไม้เท้าในมือขวา ตามด้วยการชักลูกโม่ดัดแปลงออกจากซองรักแร้ และกระหน่ำยิงห้านัดรวดอย่างไร้ความปรานี

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

กระสุนหลากสีสัน ประกอบด้วยทองอ่อน ทองเหลือง และเงิน แหวกอากาศทะลวงร่างบิชอปมิลเลอร์โดยสร้างเส้นแสงเป็นทางยาว

มิลเลอร์ส่งเสียงร้องโหยหวนเมื่อตระหนักอย่างแจ่มชัดว่า วิญญาณของตนมิอาจขัดขืนการเขมือบจากยุบพองหิวโหยได้

เลือดเนื้อของเหยื่อค่อยๆ ถูกสูบเข้าปากอันไร้ก้นบึ้งทีละนิด

ผ่านไปสองสามวินาที เหลือเพียงเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ธนบัตรหนึ่งปึก และก้อนแสงสีเขียวเข้มแกมน้ำเงิน ตกลงบนพื้นจนเกิดเสียงกุกกักแผ่วเบา

นี่คือความแตกต่างระหว่าง ‘เขมือบ’ กับ ‘ต้อนแกะเข้าคอก’

ใจจริง ไคลน์ต้องการทำอย่างหลังมากกว่า แต่นอกจากมิลเลอร์ มันก็มองไม่เห็นอาหารอื่นของยุบพองหิวโหยในบริเวณใกล้เคียงแล้ว

ขณะเดียวกัน กัปตันไอร์แลนด์เสร็จการสร้างน้ำมนต์ใส่เหยือกแบนสี่เหลี่ยมรอบสอง

เห็นดังนั้น เดนิสตะโกนเร่งเร้า

“โยนเข้าไป!”

ไอร์แลนด์ไม่ลังเล มันโยนเหยือกไปทางศพหัวขาดทั้งหกซึ่งพยายามแย่งชิงนกหวีดทองแดงผ่านกำแพงไฟ

เดนิสกระแอมในลำคอและยืนตัวตรง

มือซ้ายล้วงกระเป๋า มือขวาเหยียดตรงไปด้านหน้า ทันใดนั้น อีกาไฟสีแดงหลายตัวได้ผุดขึ้นจากอากาศรอบตัวเดนิส

อีกาไฟมายากึ่งโปร่งแสงโบยบินเข้าหาเป้าหมายด้วยวิถีแตกต่าง โดยมีตัวหนึ่งพุ่งขึ้นไปชนกับเหยือกแบนสี่เหลี่ยมของไอร์แลนด์ ซึ่งกำลังลอยอยู่เหนือกลุ่มศพไร้หัวพอดิบพอดี

บึ้ม!

เหยือกแตกกระจัดกระจาย น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันเริ่มโปรยปรายลงมายังด้านล่าง

ฉ่า! ฉ่า!

เมื่อศพไร้หัวอาบน้ำมนต์ถ้วนหน้า พวกมันส่งเสียงหวีดจากหลอดลมพร้อมกับลงไปนอนชักกระตุกบนพื้น

เพียงไม่นาน ทุกตัวได้ละลายหายไปจนเหลือเพียงกองเลือดบ่อใหญ่ กึ่งกลางของเหลวเหนียวข้นมีนกหวีดทองแดงนอนนิ่งอย่างเงียบงัน

จบสิ้นสักที… เกอร์มัน·สแปร์โรว์แข็งแกร่งผิดคาด ถึงจะยังเอาชนะกัปตันของเราไม่ได้ แต่เธอเองก็คงฆ่าหมอนี่ไม่ได้เช่นกัน…

เฮ่อ น่าเสียดาย เรายังเห็นพลังพิเศษของมันไม่มากนัก…

เดนิสหันไปจ้องไคลน์ ผู้กำลังยืนนิ่งหน้าเศษของเหลือจากมิลเลอร์ พลางถอนหายใจ

ทันใดนั้น มันเห็นอีกฝ่ายจ้องกลับมาด้วยดวงตาสุดแสนเย็นชา

เฮือก. เดนิสรีบวิ่งไปหยิบนกหวีดทองแดงใจกลางกองเลือดอย่างกล้าหาญ ราวกับเป็นพฤติกรรมจากสัญชาตญาณก้นบึ้งจิตใจ

ดอนน่าลูบท่อนแขนฟกช้ำของเธอ สายตาจ้องมองลุงสแปร์โรว์ในโค้ทดำกระดุมสองแถวเดินกลับมาอย่างเงียบงัน อีกฝ่ายโน้มตัวก้มเก็บหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูงขึ้นมาปัดทำความสะอาด และก็สวมกลับไปบนศีรษะราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset