ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดที่เมฆบดบังดวงจันทร์ เหนือสะพานเบ็คลันด์กำลังปกคลุมด้วยมวลความมืด
ทั้งที่ไคลน์เพิ่ง ‘เทเลพอร์ต’ มาถึง แต่เมื่อมองไปรอบตัว มันกลับพบเถาวัลย์สีเขียวหล่นมาจากฟ้าพร้อมกับปกคลุมทุกหย่อมหญ้าประหนึ่งฝนตกหนัก
เถาวัลย์ทุกเส้นถักสานจนกลายเป็นผืนป่าหนาทึบ มองไม่เห็นด้านบน
ไคลน์ปล่อยมือความจากหมวกทรงกึ่งสูง เดินไปทางเส้นทางที่เถาวัลย์สร้างไว้ให้ด้วยความเคยชิน
เพียงไม่นาน มันได้พบกับชิงช้าธรรมชาติที่ถักจากเถาวัลย์เขียว และยังเห็น ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดต กำลังยืนข้างๆ ชิงช้านั่น
บุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์มีผมยาวสีเกาลัด สวมเสื้อเชิ้ตทรงสตรีที่มีลูกไม้คล้ายโบ จับคู่กับกระโปรงสีเทายาวคลุมเข่าและรองเท้าบูตหนังยาว สวมหมวกอ่อนที่ติดกับตาข่ายสีดำเนื้อละเอียดห้อยปกคลุมใบหน้า
“พัฒนาการของคุณทำให้ฉันรู้สึกทึ่ง” ร่างของเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังสะท้อนบนกระจกตาที่ซ่อนอยู่ด้านหลังตาข่ายเนื้อละเอียด
ไคลน์ตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“มิสเตอร์ฟูลจงเจริญ”
ขณะกล่าว มันรำพันในใจ
สิ่งนี้เรียกว่าการดิ้นรนที่จะแข็งแกร่ง เลือกพึ่งพาตัวเองมากกว่าคนอื่น!
‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตพยักหน้าแผ่วเบา กล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“ฉันรู้ว่าคุณอยากพบฉันทำไม”
โดยไม่รอให้ไคลน์ตอบ เธอเอียงคอเล็กน้อย จ้องมองเถาวัลย์ที่แกว่งไปมาตรงมุมสายตา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงดุจดังทะเลสาบน้ำนิ่งที่ใต้ผิวน้ำเต็มไปด้วยกระแสคลื่น
“ฉันรู้สึกว่า… เขายังไม่ร่วงหล่นโดยสมบูรณ์”
สรุปก็คือ คุณคิดว่าจักรพรรดิโรซายล์ยังไม่ตายไปโดยสมบูรณ์? เขายังมีชีวิตที่ใดสักแห่งบนโลกใบนี้ และยังมีโอกาสกลับมาได้? ไคลน์ไม่คิดว่าตนจะได้ยินประโยคที่เถรตรงและเปี่ยมด้วยอารมณ์เช่นนี้ตั้งแต่วินาทีแรกที่พบหน้า จึงตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก
ขณะเดียวกัน แบร์นาแดตเลือกใช้สรรพนามว่า ‘เขา’ แทน ‘ท่าน’ เพื่อเรียกจักรพรรดิโรซายล์ สำหรับสิ่งนี้ ไม่ว่าจะในภาษาฟุซัคโบราณ หรือภาษาอินทิสและโลเอ็นที่เป็นภาษาลูก ทั้งสองสรรพนามมีความนัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในหัวใจของราชินีเงื่อนงำ เธอไม่ได้มองว่าบิดาเป็นเทวทูต แต่เป็นพ่อแท้ๆ … ไคลน์ผ่อนคลายอารมณ์ ก่อนจะตั้งคำถาม
“ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?”
แบร์นาแดตจ้องมองเถาวัลย์ ยังคงกล่าวด้วยเสียงเบา
“ในวาระสุดท้ายของชีวิต แม้ว่าเขาจะเสียสติและเกรี้ยวกราด แต่ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ฉันเชื่อว่า เขาได้เตรียมการบางอย่างไว้สำหรับตัวเอง… คุณคงทราบดี เขาพยายามเปลี่ยนเส้นทางในช่วงบั้นปลายชีวิต เล็งบัลลังก์ของจักรพรรดิมืดที่ว่างอยู่ และเพื่อการนั้น เขาต้องสร้างอนุสาวรีย์บรรจุศพที่คล้ายกับพีระมิดอย่างลับๆ เก้าแห่ง… หลังจากเขาเสียชีวิตที่วังเมเปิลขาว โบสถ์สุริยันเจิดจรัสและจักรกลไอน้ำได้ร่วมมือกันเพื่อค้นหาและทำลายสุสานไปแปดแห่ง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่พบแห่งที่เก้า ไม่มีใครทราบว่าซ่อนอยู่ที่ใดของโลก… หากกลายเป็นจักรพรรดิมือสำเร็จ เขาจะคืนชีพในสุสานแห่งนั้น แต่ถ้าล้มเหลว ฉันก็คิดว่ามีโอกาสที่จะคืนชีพที่นั่นได้เช่นกัน…”
แบร์นาแดตกล่าวด้วยเสียงที่ค่อยๆ แผ่วลง จนกระทั่งล่องลอยจนแทบฟังไม่ออก
เธอเองก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน… ทำได้แค่คาดหวัง… ไคลน์ถอนหายใจ
ทันใดนั้น มันนึกถึงสิ่งที่ ‘ราชาแห่งห้าห้วงทะเล’ นาสเคยกล่าวไว้:
จักรพรรดิโรซายล์ชอบยืนอยู่ริมหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน มองไปยังทิศตะวันตก
และจากไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์ ไคลน์ทราบว่าทะเลหมอกอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกของอินทิส โดยที่นั่นมีทางเข้านรก รวมถึงเกาะโบราณลึกลับที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด ควรค่าแก่การสำรวจ
หรือว่า… จักรพรรดิโรซายล์จะสร้างสุสานลับสุดท้ายในนรกหรือไม่ก็บนเกาะโบราณแห่งนั้น? ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก หันไปยกมุมปากและกล่าว
“ดูเหมือนคุณจะรู้จักเส้นทางจักรพรรดิมืดเป็นอย่างดี”
มันสงสัยว่า จักรพรรดิโรซายล์จงใจทิ้งไพ่จักรพรรดิมืดไว้เป็นที่คั่นหนังสือ และใช้รหัสปลดผนึกเป็นชื่อแบร์นาแดตในภาษาฟุซัคโบราณ ส่วนหนึ่งเพราะต้องการบอกใบ้ลูกสาวเกี่ยวกับพิธีกรรม และดูเหมือนว่า แบร์นาแดตจะได้ทราบข้อมูลนี้จากแหล่งอื่น
ริมฝีปากของราชินีเงื่อนงำที่ไม่ถูกตาข่ายบดบัง ยกโค้งเล็กน้อย
“ฉันสืบเรื่องนี้มานานกว่าร้อยปีแล้ว และเพื่อให้ได้รายละเอียด ฉันจำเป็นต้องอดทนต่อการอัดฉีดความรู้จากปราชญ์เร้นลับ… ขณะเดียวกันก็สามารถบอกได้ว่า มิสเตอร์ฟูลที่อยู่เบื้องหลังคุณ มีความเข้าใจในเรื่องเดียวกันอย่างลึกซึ้ง… ฉันนึกสงสัยมาตลอดว่า เหตุใดท่านถึงสนใจเรื่องราวของเขา?”
พิจารณาจากสถานการณ์ หากจะนับญาติกันจริงๆ เธอต้องเรียกฉันว่าลุง… เพราะจักรพรรดิโรซายล์เป็นเหมือน ‘เพื่อนข้างห้อง’ ที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี… ไคลน์บรรเทาอาการหม่นหมองในใจด้วยถ้อยคำติดตลอด ตามด้วยตอบเสียงเรียบ
“คุณสามารถถามสิ่งนี้กับมิสเตอร์ฟูล”
ปัจจุบัน มันไม่คิดที่จะบอกแบร์นาแดตเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สุสานแห่งที่เก้าจะซ่อนอยู่ในทะเลหมอก ไม่ว่าจะเป็นนรกหรือเกาะโบราณ เพราะคำถามเช่นนี้ คงจะเหมาะกว่าหากให้เดอะฟูลเป็นผู้ตอบ
ราชินีเงื่อนงำมิได้ประหลาดใจกับคำตอบของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เพียงหันไปทางทิศตะวันตก มองออกไปยังจุดห่างไกล
แม้ว่าจะไม่เห็นแววตาของแบร์นาแดต แต่ไคลน์สัมผัสได้ว่า เธอกำลังมองไปยังบ้านเกิดสมัยยังเด็ก บ้านเกิดของจิตวิญญาณ บ้านเกิดที่มิอาจหวนกลับไป
ขณะเดียวกัน ภายในป่าเถาวัลย์สีเขียวเข้ม คล้ายกับมีอารมณ์มากมายกำลังอัดแน่น
ผ่านไปไม่กี่วินาที ราชินีเงื่อนงำถอนสายตากลับ อ้าปากเปล่งเสียงแผ่วเบา
“ไว้รอให้เรื่องราวในเบ็คลันด์จบลงก่อน ฉันจะให้แคทลียาส่งไดอารีให้สองสามหน้าพร้อมกับแนบคำถามดังกล่าว”
“ทำไมไม่ถามสัปดาห์หน้าเลย?” ไคลน์ไม่เก็บซ่อนความสงสัย
แบร์นาแดตตอบใจเย็น
“ฉันคิดว่าคำตอบจะส่งผลต่ออารมณ์ของฉัน และอารมณ์จะนำพาไปสู่ความล้มเหลว”
อารมณ์จะนำพาไปสู่ความล้มเหลว? ต้องเป็นเหตุการณ์แบบใดถึงเข้มงวดกับตัวเองขนาดนี้? ศึกระหว่างครึ่งเทพขอบเขตจิตใจ? หรือว่าหลังจากที่เธอคลายปมในใจสำเร็จ จะมีความมั่นใจมากพอที่จะเลื่อนลำดับเป็นเทวทูต? ไคลน์พยักหน้าครุ่นคิด ไม่ถามสิ่งใดเพิ่ม
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับของอีกฝ่าย หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรถาม
ราชินีเงื่อนงำหันมากล่าว
“มีอยู่วันหนึ่งในตอนที่เขาเขียนไดอารี ฉันเองก็นั่งฝั่งตรงข้าม และต้องการให้เขาสอนวิธีตีความสัญลักษณ์ดังกล่าว แต่เขาปฏิเสธและทำเพียงลูบผม… ในตอนนั้น ฉันก็มีอายุพอสมควรแล้ว… ฉันสามารถบอกได้ว่า ในตอนที่เขาเขียนหน้าดังกล่าว ภายในใจเต็มไปด้วยความกังวล อับอาย และหวาดกลัวในบางสิ่ง จนกระทั่งเขาพูดกับฉันว่า หากตัวฉันสามารถเป็นดั่งคำทำนายของซาราธ กลายเป็นคนใหญ่คนโตในโลกผู้วิเศษ ถึงตอนนั้น ต้องระวัง ‘ผู้ชม’ ไว้ให้ดี”
ระวังผู้ชม… ไคลน์อดไม่ได้ที่จะทวนคำของโรซายล์ในใจ
มันเชื่อว่า จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่รายนี้คงมิได้หมายถึงเส้นทางผู้ชมทุกคนบนโลก แต่เป็นการอ้างถึงตัวตนพิเศษสักคน หรือวัตถุวิเศษ หรือไม่ก็ทั้งคู่
จักรพรรดิโรซายล์เป็นสมาชิกขององค์กรลับเก่าแก่นั่นด้วย… และผู้ก่อตั้งก็คือ… เปลือกตาไคลน์พลันกระตุก ไม่กล้าคิดไปมากกว่านี้ เนื่องด้วยกังวลว่าอาจมีใครได้ยินเสียงของตน
“บางที ในหน้านั้นอาจมีคำอธิบายอย่างละเอียดเขียนไว้” ชายหนุ่มกระตุ้น ภายในใจหวังจะได้อ่านไดอารีหน้าดังกล่าวเร็วๆ
“ฉันทราบ” แบร์นาแดตพยักหน้า
เธอมิได้กล่าวต่อทันที เงียบไปสองวินาทีก่อนจะพูด
“ฉันอยากจะขอบคุณมิสเตอร์ฟูลแทนแคทลียา… การได้รับเลือดของอสรพิษแห่งชะตา วันข้างหน้าของเธอจะต้องสดใสมากแน่… แม้ว่าพิธีกรรมเลื่อนลำดับของ ‘ปราชญ์พิศวง’ จะไม่ได้กำหนดเส้นทางของเจ้าของเลือดไว้ตายตัว แต่หากเป็นไปได้ ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือเส้นทางโชคชะตา เพราะนั่นจะทำให้เธอเลื่อนเป็นลำดับ 3 ง่ายขึ้นมาก”
“ทำไม?” ไคลน์ถามเพราะต้องการความรู้ใหม่ๆ
แน่นอนว่า แม้แต่ข้ารับใช้ของเทพก็มิได้รู้ไปเสียทุกเรื่อง! และแม้แต่เทพก็ไม่เสมอไป!
ดวงตาแบร์นาแดตเหม่อลอยเล็กน้อย
“การส่องความลับชะตากรรม ถือเป็นอีกหนึ่งความหมายของ ‘ผู้หยั่งรู้’ อา… ลำดับ 3 ของเส้นทางผู้ส่องความลับมีชื่อว่า ‘ผู้หยั่งรู้’ และนั่นคือเหตุผลที่ฉันอยู่ในเบ็คลันด์”
เพราะหยั่งรู้บางอย่าง? ไคลน์คาดเดาคลุมเครือ
“ดูเหมือนว่าหลายๆ เส้นทางจะสามารถมองเห็นอนาคต…”
มุมปากราชินีเงื่อนงำกระตุกแผ่วเบา ถอนหายใจเล็กๆ
“ในอดีตกาล สัตว์วิเศษจำนวนมากเข้าใจว่า หากรวบรวมพลังที่เหมือนกันเอาไว้มากๆ จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพและพัฒนาไปอีกขั้น แต่ผลลัพธ์ก็คือ ทั้งหมดเสียสติและคลุ้มคลั่งอย่างไม่มีข้อยกเว้น จนกระทั่งศิลาเย้ยเทพแผ่นแรกปรากฏขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจึงเข้าใจถึงสมดุล เข้าใจว่าการเสี่ยงเดินขอบหน้าผา คือกุญแจนำไปสู่หนหางแห่งการพัฒนาที่แท้จริง”
ดังนั้น พลังที่เหมือนๆ กันจึงถูกกระจายออกไปในหลายเส้นทาง โดยแต่ละเส้นทางจะเน้นความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นพิเศษ ส่วนความสามารถที่เหลือจะเป็นเพียงปัจจัยรอง? อา… ตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดเจนก็คือ ราชาแห่งแดนเหนือ ยูลิเซี่ยน ในการเดินทางของกรอซาย… ไคลน์ครุ่นคิดโดยไม่ตั้งคำถามต่อ
ผ่านไปสักพัก ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตทำลายความเงียบ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว วันนี้พอแค่นี้”
ไคลน์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะกล่าว
“ตกลง หากมีเรื่องใดที่คุณต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อผ่านพลเรือเอกดวงดาวได้ทุกเมื่อ”
เพียงแบร์นาแดตพยักหน้ารับ ร่างของเธอโปร่งใสในพริบตา กลายเป็นฟองสบู่จำนวนมาก
ฟองสบู่แตกออกและหายไป ป่าเถาวัลย์สีเขียวก็เช่นกัน
คล้ายกับไคลน์ถูกรองด้วยมือที่มองไม่เห็น ค่อยๆ ร่อนลงบนสะพานเบ็คลันด์
มันยกมือขึ้นมาจับหมวก มองไปรอบตัวในลักษณะวงกลม พบบ้านเรือสองฝั่งเรียงรายตามตลิ่ง แสงสลัวเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย มีเพียงเสียงเบาๆ ของแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว เป็นค่ำคืนที่ค่อนข้างสงบสุข
“ได้แต่หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่ถูกทำลาย…” ไคลน์ถอนหายใจ ก่อนจะเปลี่ยนร่างตัวเองให้โปร่งใสและหายไป
……………………………..