Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 503 : ตัวประกัน

ราชันเร้นลับ 503 : ตัวประกัน

เมื่อไคลน์มองเห็นโจรสลัดค่าหัวสามพัน ปอนด์เดินขึ้นเรือในลักษณะปลอมตัว ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มให้ดอนน่าและแดนตันด้านข้างอย่างอ่อนโยน

“ขอตัวไปหาเพื่อนก่อน”

ไคลน์ย่างกรายด้วยมาดสุขุมเข้าหาสรั่งเรือลำดับสี่ของ ‘พลเรือโทธารน้ำแข็ง’ พลางจ้องอีกฝ่ายโดยไม่ละสายตาไปทางอื่น

รอยยิ้มแสนสดใสของเดนิส·เพลิงพิโรธพลันเลือนหายเมื่อเห็นนักผจญภัยหนุ่มเลือดเย็นกำลังยืนจ้องตนโดยไม่กะพริบตา ภายในใจโจรสลัดค่าหัวสามพันปอนด์เริ่มผุดความกระวนกระวายแฝงอากัปกิริยาตื่นตระหนก

หนี! เราต้องหนีไปให้ไกล! ไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีให้พ้นจากไอ้ปีศาจนี่! แม้ว่าอาจต้องใช้พลังพิเศษอย่างสุดฝีมือจนเผยตัวจริงก็ตาม!

ในสายตาเดนิส นักผจญภัยหนุ่มผู้มีมาดสง่างามของสุภาพบุรุษ คือสัตว์ร้ายปลอมตัวในคราบของมนุษย์!

ขณะเดนิสเตรียมหันหลังเผ่นหนีสุดชีวิต มันชะงักฝีเท้ากลางคันและเริ่มใจเย็นลง เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ในตรอกมืดเมื่อคืน

แม้จะทราบค่าหัวของเราแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยอมปล่อยเรากลับไปแต่โดยดี!

อีกนัยหนึ่งก็คือ ชายคนนี้น่าจะไม่เชือดเราทิ้งใจกลางเรือส่งเดช สถานการณ์ปัจจุบันสามารถแก้ไขได้ด้วยการสื่อสารให้เหมาะสม…

หากหลบหนี ทุกสิ่งจะแย่ลง…

คิดได้เช่นนั้น เดนิส·เพลิงพิโรธตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการเผชิญหน้า พร้อมกับพยายามหักห้ามขาทั้งสองข้างมิให้เผ่นหนีป่าราบ

ไคลน์ย่างกรายเข้าใกล้อย่างเยือกเย็น

“อรุณสวัสดิ์ พบกันอีกแล้วนะ”

รอยยิ้มแสนอ่อนโยนของชายหนุ่มทำให้ริมฝีปากเดนิสสั่นเทา

“อ…อรุณสวัสดิ์”

ไคลน์รักษาบุคลิกและการแสดงออกของนักผจญภัยบ้าบิ่น เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ด้วยการกล่าวเสียงเย็นชา

“มาทำอะไรบนเรือ”

“จะไปหมู่เกาะรอสต์” เดนิส·เพลิงพิโรธซึ่งคิดว่าตัวเองเป็นโจรสลัดมีชื่อเสียง ตอบกลับอย่างซื่อสัตย์และว่าง่าย

“ไปทำอะไร” ไคลน์ซักไซ้เสียงเรียบ

เดนิสฝืนยิ้ม

“รอคำสั่งถัดไปจากกัปตัน เพราะอาจมีภารกิจใหม่ในเร็ว ๆ นี้…”

นั่นสินะ มันคงอยากไล่เราลงจากเรือ เพราะโดยทั่วไปแล้ว การให้โจรสลัดขึ้นเรือเดินสมุทรไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก อาจมีปัญหาไม่คาดฝันตามมาภายหลังได้…

หลังจากตอบคำถาม เดนิสคาดเดาสถานการณ์ด้วยสติปัญญาของตัวเอง

แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน อย่างมากเราก็แค่เสียบัตรโดยสารไปหนึ่งใบ…

ไคลน์ยังคงนิ่งเงียบ

เดนิสเริ่มกระวนกระวาย

จนกระทั่งผ่านไปห้าหกวินาที นักผจญภัยหนุ่มเลือดเย็นเปิดปากพูดอีกครั้ง

“พักอยู่ห้องไหน”

“บัตรชั้นหนึ่ง ห้อง 312” เดนิสตอบพลางชูบัตรโดยสารในระดับสายตา

มันไม่กล้าประมาท คอยระวังว่าอีกฝ่ายอาจฉวยโอกาสขโมยบัตรหรือจู่โจมเข้าใส่

ไคลน์พยักหน้ารับแผ่วเบา

“มีห้องคนรับใช้ด้วยใช่ไหม”

“ก็มี…” เดนิส·เพลิงพิโรธตอบกลับไปตามจิตใต้สำนึก สมองของมันกำลังว่างเปล่าและตามไม่ทันว่าอีกฝ่ายอยากทราบไปทำไม

ทันใดนั้น มันได้ยินนักผจญภัยหนุ่มกล่าวด้วยโทนเสียงเชิงออกคำสั่ง

“นายนอนในนั้นก็แล้วกัน”

นอนในนั้น? ในไหน…? ห้องคนรับใช้…? เจ้านี่ไม่ได้คิดจะไล่เราลงจากเรือหรอกหรือ…

เดนิสพลันยืนแข็งทื่อ ก่อนจะโพล่งกลับ

“เพื่ออะไร?”

ไคลน์จ้องตาด้วยมาดเงียบขรึม ก่อนจะพ่นคำตอบอย่างไม่แยแส

“ตัวประกัน”

ตัวประกัน?

เข้าใจแล้ว… หมอนี่กลัวว่าเราจะเป็นโจรสลัดนำร่อง ผู้ลอบแทรกซึมเข้ามาในโมราขาวเป็นอันดับแรก จึงคอยส่งสัญญาณให้เพื่อนโจรสลัดตามมาปล้นในภายหลัง…

การกักตัวเราไว้ เป็นหลักประกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น…

สมเหตุสมผล… การไล่เราลงจากเรือไม่ช่วยให้โมราขาวรอดพ้นจากการถูกปล้น แต่การจับเราเป็นตัวประกันช่วยต่อรองได้…

ฮึ! เราล่ะเกลียดพวกโอหังนัก! ชอบพูดจาห้วน ๆ และปล่อยให้คนอื่นคิดต่อเอาเอง!

ถ้ามันไม่ใช่อสุรกายสวมหนังมนุษย์ล่ะก็ เราจะไม่เสียเวลาคุยด้วยเด็ดขาด! ไม่อยากจะเชื่อเลย เมื่อวานเราดันไปคิดว่ารูปแบบการต่อสู้ของหมอนี่ถูกจริต… ต้องบ้าไปแล้วแน่!

เดนิสครุ่นคิดพลางกัดฟันกรอด

“ตกลง” โจรสลัดค่าหัวสามพันปอนด์ถอนหายใจยาวอย่างจนปัญญา

“นำทางฉันไปห้องพัก” ไคลน์ยังคงรักษามาดเย็นชาของเกอร์มัน·สแปร์โรว์

ฟู่ว…

เดนิส·เพลิงพิโรธถือกระเป๋าเดินทางและเดินนำปีศาจสวมหนังมนุษย์ไปยังห้องโดยสารชั้นหนึ่งอย่างไม่เต็มใจ เพียงไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงห้องหมายเลข 312

หลังจากเปิดประตู ไคลน์เก็บรายละเอียดอย่างรวดเร็วและพบว่า สภาพภายในน่าอยู่กว่าห้องพักชั้นสองของตนหลายเท่า

ห้องนั่งเล่นกว้างราวสามสิบตารางเมตร เชื่อมติดกับห้องนอนใหญ่และห้องคนรับใช้จำนวนสามห้อง มีห้องน้ำแยก มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ตามมาตรฐาน รวมถึงโต๊ะไม้มะฮอกกานี

เดนิสวางกระเป๋าเดินทางของตนไว้ในห้องคนรับใช้และหันมาถามเรื่องสำคัญ

“แล้วจะปล่อยให้ห้องนอนใหญ่ว่างหรือ”

เมื่อกล่าวจบ มันทราบคำตอบด้วยตัวเองโดยไม่ต้องรออีกฝ่ายอธิบาย

“ห้องฉันเอง” ไคลน์เผยรอยยิ้มอ่อนโยน

นึกแล้วเชียว เพื่อจับตาดูเราทุกฝีก้าวสินะ!

เดนิสเผยสีหน้าหดหู่

ไคลน์เดินไปเหยียบพรมหรูกลางห้องพร้อมกับชี้ไปยังประตูทางเข้า

“ตามฉันมาข้างล่าง”

“…อื้อ” ขณะตอบ เดนิสยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใด

หนึ่งนักผจญภัยเสียสติและหนึ่งโจรสลัดซึ่งคิดว่าตัวเองโด่งดัง เดินมาถึงหน้าห้องพักชั้นสองของไคลน์ภายในเวลาไม่นาน

หลังจากไขกุญแจเปิดประตู ไคลน์ทำเพียงยืนเฉยและชี้นิ้วเข้าไป

“เก็บข้าวของบนโต๊ะใส่กระเป๋าเดินทาง”

อะไรนะ…? นายคิดจะใช้ให้ฉันผู้นี้ทำงานเยี่ยงทาสหรือไง…

เดนิสยืนมึนงงพักใหญ่

มันกำลังโมโห

ตัวข้า! เดนิส·เพลิงพิโรธ สรั่งเรือลำดับสี่แห่งฝันทองคำ ใต้บังคับบัญชาของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด โจรสลัดโด่งดังผู้มีค่าหัวมากถึงสามพันปอนด์ จะต้องทำตัวเป็นขี้ข้าหมอนี่อย่างนั้นหรือ!

ศักดิ์ศรีของฉัน! เชื่อเสียงของฉัน! พวกมันไม่อนุญาตให้ฉันถูกดูแคลนถึงเพียงนั้น!

เมื่อไคลน์เห็นเดนิส·เพลิงพิโรธยืนนิ่งนานหลายวินาที ชายหนุ่มเริ่มทำหน้าเย็นชาใส่พร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหาร

ร่างกายเดนิสพลันสั่นเทาอย่างมิอาจยังยั้ง

มันรีบสูดลมหายใจยาว ก่อนจะฝืนยิ้มด้วยสีหน้าหดหู่ยิ่งกว่าตอนร้องไห้

“ก็ได้”

มันโน้มตัวลงและเดินเข้าไปในห้องซึ่งมีเพดานไม่สูงนัก ตามด้วยการรีบเก็บข้าวของใส่ในกระเป๋าเดินทางอย่างคล่องแคล่ว

สิ่งของแต่ละชิ้นถูกวางเรียงรายอย่างประณีต เรียกได้ว่า เป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งกว่ากระเป๋าเดินทางของตัวเองเสียอีก

หลังจากจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพ เดนิสถือกระเป๋าเดินทางตามไคลน์กลับขึ้นไปยังชั้นบน

ระหว่างทาง มันนึกอยากจะซัดใส่ท้ายทอยของนักผจญภัยหนุ่มสักหมัด แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความคิด

กลับถึงห้องหมายเลข 312 เดนิสกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางกัดฟันกรอด

“แล้วนายชื่ออะไร”

“เกอร์มัน·สแปร์โรว์” ไคลน์ตอบห้วน

เกอร์มัน·สแปร์โรว์…

เดนิสทวนคำ พลางสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในวันนี้ มันจะทำให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสความขื่นขมยิ่งกว่าตนนับร้อยเท่าพันเท่าในอนาคต!

กัปตันต้องช่วยเราได้แน่!

เดนิสวางแผนอย่างมีความหวัง

เพื่อรักษาบุคลิก ไคลน์ตัดสินใจไม่นั่งลงบนเก้าอี้เอนหลัง แต่สุ่มนั่งบนเก้าอี้พนักแข็งด้วยท่วงท่าสง่างามแทน

ชายหนุ่มเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย สองมือประสานกันตามธรรมชาติและเงยหน้ากล่าวกับเดนิส·เพลิงพิโรธ

“พูดถึงโจรสลัดโด่งดังให้ฟังหน่อย”

“อ…เอาคนไหน มีเยอะจนเล่าไม่หมด”

เดนิสตอบกระอักกระอ่วน ทำได้เพียงยืนนิ่งโดยไม่กล้าขยับตัว คล้ายกับคนใช้รอฟังคำสั่งจากเจ้านายอย่างว่านอนสอนง่าย

ไคลน์เอียงคอเล็กน้อยพลางขยับริมฝีปากเปล่งเสียงอย่างเชื่องช้า

“ทุกคน… เรียงตามค่าหัว”

จากนั้นก็ชี้ไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตน

“นั่งลง”

เดนิสถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก

มันเริ่มตระหนักว่า อีกฝ่ายก็มิได้เลวร้ายอะไรนัก อย่างน้อยก็ไม่ใจร้ายให้ตนยืนเมื่อย

ปู๊น—!

โมราขาวออกจากท่าเรือและแล่นเข้าสู่ผืนทะเลอันกว้างใหญ่ด้วยความเร็วสิบสามนอต

จนกระทั่งเที่ยงตรง

เดนิส·เพลิงพิโรธได้รับอนุญาตให้หยุดพักหลังจากพูดจนน้ำลายเหือดแห้ง โดยไคลน์บอกให้มันนำทางไปยังห้องอาหารด้วยบัตรโดยสารชั้นหนึ่ง

ร้านอาหารถูกตกแต่งอย่างหรูหรา มุมห้องมีนักไวโอลินบรรเลงเพลงไพเราะ แต่ละโต๊ะมีฉากกั้นแบ่งเพื่อความเป็นส่วนตัวและสร้างบรรยากาศรื่นรมย์สำหรับรับประทานอาหารในช่วงกลางวัน

เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ไคลน์พบกับครอบครัวของดอนน่า รวมถึงคลีฟส์และบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ พวกเขานั่งรวมกันในลักษณะครอบครัวใหญ่ และกำลังรอให้พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ

“คุณลุงสแปร์โรว์!” เนื่องจากมีความลับระหว่างกัน เด็กชายแดนตันจึงเปลี่ยนวิธีเรียกชื่ออีกฝ่าย

ดอนน่ากะพริบตาถี่ด้วยความสงสัย

เธอค่อนข้างมั่นใจว่าลุงสแปร์โรว์ถือบัตรโดยสารชั้นสอง จึงไม่สมควรจะปรากฏตัวในห้องอาหารของบัตรชั้นหนึ่ง

ไคลน์ยิ้มและโบกมือ พลังชี้ไปทางเดนิส

“เขาพาเข้ามา”

“อย่างนี้นี่เอง…” ดอนน่าจ้องเดนิสด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะพบว่าสุภาพบุรุษคนนี้ค่อนข้างพิลึก โดยเฉพาะขนคิ้วซึ่งโดดเด่นผิดธรรมชาติเกิดไป

คลีฟส์วางมีดส้อมลงและพูดเสียงเบา

“เพื่อนของคุณหรือ”

ไคลน์หัวเราะในลำคอและหันไปมองเดนิส

“เขาถามน่ะ”

เดนิสกัดฟันกรอด มันฝืนยิ้มแห้ง

“เกอร์มันเป็นผู้มีพระคุณของผม”

ใช่แล้ว… เรายังมีลมหายใจจนถึงตอนนี้ได้เพราะเจ้าอสุรกายบัดซบนี่ใจดีไม่เชือดทิ้งเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินค่าหัว… ซาบซึ้งฉิบหาย!

เดนิสพยายามปลอบใจตัวเอง

คลีฟส์สำรวจเดนิสหัวจรดเท้าและไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม

หลังจากเดินพ้นจากโต๊ะของตระกูลดอนน่ามาไม่ไกล ไคลน์ได้พบโต๊ะว่างริมหน้าต่าง

บริกรของห้องอาหารรีบเดินมาถามอย่างกระตือรือร้นพลางแนะนำเมนู

“สเต๊กย่างถ่าน ฟัวกราไวน์แดง สลักผัก..” เดนิสมองไปยังเมนูอาหารพลางถอนหายใจ “โชคดีทีเดียว เรือลำนี้คอยแวะเติมอาหารและเสบียงทุกสองสามวัน จึงมีอาหารสดใหม่และหลากหลายให้กินตลอดเวลาโดยไม่ต้องคอยประหยัด แตกต่างจากเรือบางลำซึ่งต้องลอยคอกลางทะเลเป็นเวลาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน อาหารจึงมีแต่เบียร์เก่า เบคอน และอาหารกระป๋องซ้ำซาก ความจำเจทำให้คนกลายเป็นบ้าได้ไม่ยาก! จริงอยู่ เรือประเภทดังกล่าวสามารถจับสัตว์ทะเลสดใหม่มากินได้ไม่ขาดมือ แต่ก็ต้องเลือกให้ดีเช่นกัน เพราะเรือของฉันเคยมีคนกินกุ้งมังกรสีสันสดใสเข้าไป และหลังจากนั้น หมอนั่นก็ขี้แตกจนตูดบา—”

ในฐานะโจรสลัด เดนิสเคยชินกับการอธิบายเรื่องราวในลักษณะหยาบคาย แต่หลังจากหันไปเห็นมาดสง่างามของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้านข้าง มันตัดสินใจเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน

“หมอนั่นท้องเสียจนก้นโบ๋…”

ฉันคิดว่า สาเหตุของการตูดบานไม่ใช่เรื่องอาหารเพียงอย่างเดียว จริงอยู่ กัปตันของพวกนายอาจเป็นผู้หญิง แต่ในบรรดาลูกเรือคงหามนุษย์เพศหญิงได้ไม่ง่ายแน่ และถ้าต้องลอยคอกลางทะเลหลายสัปดาห์ เกรงว่าเหล่าลูกเรือกลัดมันคงอดอยากปากแห้งน่าดู…

ไคลน์ถอนหายใจยาว สายตาจ้องมองเมนูโดยพิจารณาจากราคาเป็นหลัก

“เอาทั้งหมด”

“ตกลงครับ” พนักงานขานรับนอบน้อม

ขณะเดียวกัน ไคลน์เห็นกัปตันไอร์แลนด์เดินเข้ามาในห้องอาหารและผ่านจุดใกล้เคียงกับโต๊ะของตน จึงหันไปกล่าวทักทายตามมารยาท

เมื่อการสนทนาพอเป็นพิธีจบลงและไอร์แลนด์หันกลับไปทางอื่น ชายหนุ่มพบว่า เดนิส·เพลิงพิโรธเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างประหนึ่งต้องการหลบหน้าไอร์แลนด์

“กัปตันจำนายได้หรือ”

ไคลน์ถามเสียงเรียบ

เดนิสหัวในลำคอสองครั้ง

“พวกเราเคยสู้กันสมัยไอร์แลนด์ยังเป็นสรั่งเรือของวิลเลียมที่ห้า นอกจากนั้น ฉันยังเป็นโจรสลัดชื่อดัง…”

เมื่อสิ้นเสียง เดนิสพลันตระหนักถึงความเป็นจริงอันน่าหดหู่ในปัจจุบัน จึงตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อ

“ฉันนึกสงสัยมาตลอด ทำไมไอร์แลนด์ถึงตัดสินใจออกจากกองทัพเรือ เพราะตอนนั้นเขาก็เป็น ‘ผู้ตัดสิน’ อยู่แล้ว”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset