Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 502 : ฉากในความทรงจำของมิสเตอร์อะซิก

ราชันเร้นลับ 502 : ฉากในความทรงจำของมิสเตอร์อะซิก

หมับ

ไคลน์เอื้อมมือหยิบจดหมายซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าปรกติเล็กน้อย

ผู้ส่งสารกระดูกร่างใหญ่ไม่อยู่นานนัก มันรีบสลายตัวไปพร้อมกับบ่อน้ำพุในลักษณะค่อย ๆ จมลงบนพื้นดาดฟ้าเรือ ราวกับไม่อยากอยู่ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว

มือข้างหนึ่งถือซองจดหมาย แต่ไคลน์ไม่รีบร้อนเปิดอ่าน เพียงทำตามสัญชาตญาณด้วยการหันไปมองบันไดไม้ซึ่งมีปลายทางเป็นห้องพักของบัตรโดยสารชั้นหนึ่ง

ชายหนุ่มเห็นดอนน่าและแดนตันกำลังยืนตกตะลึงด้วยดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากอ้าปากกว้าง คล้ายกับเตรียมกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกหลังจากได้เห็นฉากเมื่อครู่ แต่ทุกสิ่งจบลงอย่างรวดเร็วจนเด็กทั้งสองคิดว่าเป็นเพียงภาพหลอน

ไม่ผิดแน่… ถ้าเด็กคนใดกินเนื้อหมักเกลือสูตรพิเศษของดาเมียร์เข้าไป พวกเขาจะได้รับเนตรวิญญาณชั่วคราว…

ไคลน์ขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบเลื่อนนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นมาจ่อริมฝีปากในแนวตั้ง เป็นภาษากายเดียวกับเมื่อครั้งเริ่มต้นการล่าเมอร์ล็อก ส่งผลให้เด็กทั้งสองคนเงียบเสียงลงทันที

ดอนน่าซึ่งตัวสูงกว่าเล็กน้อยรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองจนสนิท พลางพยักหน้าหงึกหงักด้วยอารมณ์หวาดกลัวผสมตื่นเต้น พลางส่งสัญญาณทางแววตาว่ากลับมาหาไคลน์เพื่อบอกว่าเธอรับทราบ

เด็กหญิงรีบก้มหน้าในแนวเฉียง เมื่อพบว่าน้องชายของตนกำลังยืนอ้ำอึ้ง จึงรีบเลื่อนแขนของอีกฝ่ายขึ้นมาปิดปากตัวเอง

คลีฟส์และเซซิลพลันตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล แต่หลังจากชะงักฝีเท้าและหันมาจ้องไคลน์ ทั้งคู่กลับไม่พบความผิดปรกติใดเลย

ต่อหน้าสายตาเพ่งมอง ชายหนุ่มเพียงยิ้มรับอย่างสุภาพและหันหลังเดินกลับไปทางห้องนอนของตัวเอง

เหรียญทองปรากฏบนมือไคลน์อย่างเป็นปริศนา ก่อนจะหมุนควงไปรอบนิ้วราวกับมันมีชีวิตชีวา

กิ๊ง!

เหรียญทองลอยขึ้นฟ้าและตกลง

ตัวเลขหงายขึ้น หมายความว่าเหตุการณ์เมื่อครู่มิได้เป็นพิษเป็นภัยต่อไคลน์

ให้ตายสิ… ผู้ส่งสารตัวใหม่ไม่สุภาพหรืออ่อนโยนเหมือนตัวเก่าเลยสักนิด รายนั้นมักแตะไหล่ให้เรารู้ตัวล่วงหน้า หรือไม่ก็ทำให้รอบตัวเรากลายเป็นมิติโลกวิญญาณเพื่อมิให้คนธรรมดามองเห็น…

ชายหนุ่มหยิบกุญแจไขประตูห้องพัก

จากนั้น ไคลน์ทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียง พร้อมกับจุดเขียนไขบนโต๊ะซึ่งเหลือเพียงครึ่งแท่งเพื่อมอบแสงสว่าง

จดหมายของอะซิกถูกเปิดอ่าน

สิ่งเตะตาอันดับแรกคือ ‘ไพ่จักรพรรดิมืด’

เมื่อได้เห็นใบหน้าอันเชื้อเชิญให้ต่อยเข้าไปสักหมัดบนไพ่ ไคลน์ผ่อนคลายความวิตกกังวลลงทันที

มันไม่ได้กลัวว่ามิสเตอร์อะซิกจะไม่คืนไพ่เย้ยเทพกลับมา ระดับความเชื่อใจต่อกันมีมากถึงเพียงนั้น เพราะชื่อของโอสถและพิธีกรรมบนไพ่สามารถทำสำเนาคัดลอกไว้ได้

จริงอยู่ ‘กฎการดึงดูด’ วัตถุดิบระดับสูงไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ด้วยการคัดลอก ถ้าอีกฝ่ายต้องการใช้จุดนี้ ก็มีสิทธิ์จะไม่คืนไพ่จักรพรรดิมืดกลับมาให้ไคลน์

อย่างไรก็ตาม อะซิกมิได้อยู่บนเส้นทางจักรพรรดิมืด รวมถึงไม่ใช่เส้นทางใกล้เคียงซึ่งสามารถสลับกันได้ ดังนั้น ตัวตนทรงพลังอย่างเขาย่อมไม่มีเหตุผลให้เก็บไพ่จักรพรรดิมืดไว้กับตัว

แต่ไคลน์กังวลว่า ผู้ส่งสารจะถูกปล้นไพ่เย้ยเทพไประหว่างทาง ทำให้ตนต้องสูญเสียอุปกรณ์สำคัญในการเสริมพลังร่างวิญญาณ

เรื่องดังกล่าวใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย โลกวิญญาณเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว คงไม่แปลกหากจะมีตัวตนชั่วร้ายสักชนิดสามารถจับตำแหน่งของผู้ส่งสารและทำการดักปล้นระหว่างทาง

ไพ่จักรพรรดิมืดถูกส่งกลับมาถึงพร้อมนกหวีดของผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกของนิกายวิญญาณ

ชายหนุ่มวางสิ่งของลงด้านข้าง พลางคลี่กระดาษจดหมายอ่านคำตอบจากอะซิก

“…ไพ่ซึ่งมีภาพของจักรพรรดิมืดทำให้ผมหวนนึกถึงความทรงจำในอดีต เป็นฉากของจักรพรรดิโลหิตผู้มีร่างกายใหญ่มหึมาราวกับขุนเขา สวมเสื้อคลุมนักบวชสีแดงสด ดวงตาแดงก่ำและเปี่ยมด้วยความบ้าบิ่น ราวกับพร้อมจะคลุ้มคลั่งได้ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันก็ยังมีจักรพรรดิมืดตัวจริงคืนชีพกลับมานั่งบนบัลลังก์ขนาดมหึมา พลางจ้องมองทุกสรรพสิ่งเบื้องล่างอย่างดูแคลน ผมแหงนหน้าจ้องมองพวกท่าน และเมื่อจักรพรรดิโลหิตจ้องกลับ ตัวผมก็หมดสติทันที”

“ผมคงเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมสงครามสี่จักรพรรดิ แต่รายละเอียดชัดเจนกว่านี้ยังต้องใช้เวลาเรียกคืนความทรงจำ บางที ความทรงจำส่วนนี้อาจฟื้นฟูได้ยากเพราะผมตายแล้วเกิดใหม่ซ้ำไปมาหลายหน ส่วนเรื่องของขุมทรัพย์เทพมรณาในทะเลคลั่ง ข้อมูลดังกล่าวยังไม่ช่วยให้ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ บางที ถ้าผมมีโอกาสเดินทางไปยังทวีปใต้ด้วยเรือเดินสมุทร อาจเกิดการดึงดูดบางประการขึ้นขณะเรือแล่นผ่านทะเลคลั่ง ประสบการณ์ของคุณเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกนิกายวิญญาณ ผมฟังดูแล้วคล้ายกับพิธีกรรมเลื่อนเป็นลำดับ 4 ‘อมรณา’ แต่ก็ยังมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในบางองค์ประกอบ”

“ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายชั่วร้ายและภัยคุกคามเหนือคำบรรยาย คล้ายกับเจ้าของนกหวีดทองแดงกำลังอยู่ในสภาวะไม่ปรกติ ผมไม่แนะนำให้คุณเป่านกหวีดทองแดงเรียกผู้ส่งสารของอีกฝ่าย สิ่งนี้จะนำมาซึ่งภัยอันตรายใหญ่หลวง ไว้ผมกู้คืนความทรงจำได้สมบูรณ์เมื่อไร คงเข้าใจมากขึ้นว่าเหตุการณ์ในคำบอกเล่าของคุณหมายถึงสิ่งใด ขนนกซึ่งเจ้าของนกหวีดทองแดงทิ้งเอาไว้สามารถนำไปในใช้พิธีกรรมเกี่ยวกับอันเดดได้หลากหลาย ถือเป็นวัสดุพิเศษและอัดแน่นด้วยพลังวิญญาณเข้มข้น”

“หากความรู้ของผมฟื้นฟูกลับมามากกว่านี้ จะประกอบพิธีกรรมเพื่อสร้างยันต์ชนิดพิเศษให้คุณไว้ใช้งาน เล่าถึงประเด็นข้างต้น ผมนึกขึ้นได้ว่า คุณเคยถามถึงวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลัง สำหรับเรื่องนี้ ผมคงต้องขอเวลาสักพัก เพราะความรู้ในปัจจุบันด้านดังกล่าวเป็นศูนย์อย่างแท้จริง นอกจากนั้น ผมจำได้อย่างเลือนรางว่าทวีปใต้มีสัตว์วิเศษชื่อ ‘มนุษย์นก’ อยู่ คุณควรผนึกไพ่ใบนั้นไว้ ไม่อย่างนั้นมันจะดึงดูดศัตรูทรงพลังและหายนะมากมายมายังตัวคุณ ผมจะสอนเทคนิคการผนึกอย่างง่ายให้ ขั้นแรก ต้องเสริมพลังกำแพงวิญญาณด้วยวิธี…”

ชัดเจนแล้วว่า ไพ่เย้ยเทพสามารถดึงดูดตัวตนระดับสูงในเส้นทางเดียวกันมาหาผู้ถือได้… แต่เคราะห์ยังดี เราเก็บไว้ในห้วงมิติสายหมอกมาตลอด… ตามคำอธิบายของมิสเตอร์อะซิก เขาไม่ใช่เทพมรณาผู้สูญเสียความทรงจำแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่สลบเพียงเพราะสบตากับจักรพรรดิโลหิตและจักรพรรดิมืด…

คงเป็นบุตรของเทพมรณาและติดสอยห้อยตามไปเข้าร่วมในสงครามสงครามสี่จักรพรรดิ แต่โชคร้าย เขาต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ดังกล่าว…

ขณะครุ่นคิด ไคลน์ถูปลายนิ้วเพื่อเผากระดาษจดหมายทิ้ง

จากนั้น ชายหนุ่มทดสอบเทคนิคการผนึกขั้นสูงของอะซิกเพื่อทำความเคยชิน

หลังจากจัดการทั้งหมด มันประกอบพิธีกรรมและส่งไพ่จักรพรรดิมืดกับนกหวีดทองแดงของนิกายวิญญาณเข้าไปเก็บในห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา ป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุตามมาในภายหลัง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไคลน์ไม่อยากเผชิญหน้ากับ ‘ราชาห้าห้วงสมุทร’ ขณะอยู่ท่ามกลางทะเลอันเวิ้งว้าง

ช่วงเช้าของวันถัดมา ดวงอาทิตย์ลอยเหนือท้องฟ้าพร้อมกับย้อมน้ำทะเลโดยรอบให้เป็นสีทองอร่าม

ไคลน์เดินไปยังห้องอาหารของบัตรโดยสายชั้นสอง คุณภาพอาหารไม่สูงมากนัก แต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นกินไม่ได้ มันเติมเต็มกระเพาะอาหารตัวเองด้วยขนมปังปิ้งสองชิ้น เบคอน เนย และชามะนาวหนึ่งถ้วย

เมื่ออิ่มท้อง ชายหนุ่มเดินไปยังดาดฟ้าเรือเพื่อสูดอากาศและยืนรับลมทะเล พลางดื่มด่ำไปกับความงดงามของยามเช้าแสนสดชื่น

ระหว่างนั้น มันเห็นกัปตันไอร์แลนด์กำลังยืนมึนเมาโดยยังคงพกดาบตรงอันเป็นเอกลักษณ์

หลังจากนึกทบทวนเหตุการณ์ในผับปลาบินและไวน์เมื่อวาน ชายหนุ่มเดินดุ่มเข้าไปทักทายโดยไม่เผยรอยยิ้ม

“อรุณสวัสดิ์ ฉลามขาวมาสร้างปัญหาให้คุณบ้างไหม เพราะมันคงทราบว่าผมเป็นผู้โดยสารของโมราขาวลำนี้”

ไอร์แลนด์ในโค้ทแดงเข้มถอดหมวกพับของทหารเรือออกพลางหัวเราะ

“ฮะฮะ! ไม่ต้องห่วง นั่นเป็นปัญหาของมัน ในความเป็นจริง มันต้องการให้คุณจ่ายครึ่งของค่าซ่อมผับ แต่นั่นเป็นเงินไม่มากเท่าไร แค่ไม่กี่ซูล ประกอบกับเมื่อวานผมทำกำไรจากไพ่ได้หกปอนด์ จึงแถมให้มันไปอีกนิดหน่อย เรื่องราวก็จบลงแค่นั้น”

กัปตัน คุณกลัวว่าผมจะเป็นนักผจญภัยเสียสติและก่อความวุ่นวายใหญ่หลวงเกินกว่าจะแก้ไขใช่ไหม จึงรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม…

ไคลน์ไตร่ตรองสองสามวินาที

“เข้าใจแล้ว”

จากนั้น ชายหนุ่มหันหลังกลับและเดินไปทางหัวเรือพลางกล่าวเสียงแผ่ว

“ขอบคุณ”

เมื่อไคลน์กลับมายืนในตำแหน่งเดิน มันปล่อยให้สายลมพัดกระทบใบหน้าพลางครุ่นคิดว่า :

ทำไมการ ‘รักษาคาร์แรคเตอร์’ ถึงได้สิ้นเปลืองพลังงานสมองขนาดนี้!

หลังจากยืนตากลมอยู่พักใหญ่ ขณะเตรียมเดินกลับห้องโดยสาร คนสองคนได้เดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มด้วยย่างก้าวไม่รีบร้อน

สองพี่น้องดอนน่าและแดนตัน

เนื่องจากเซซิลเป็นเวรคอยดูแลเด็กจอมซนทั้งสอง จึงคอยเดินตามหลังมาไม่ห่าง

คล้ายกับดอนน่านอนไม่หลับทั้งคืน ดวงตาของเธอบวมแดงกว่าปรกติ ใบหน้าแฝงความหวาดกลัว แต่ก็เผยความตื่นเต้นขณะมองมายังไคลน์ผู้กำลังยืนกินลมชมวิวสบายใจ

ขณะแดนตันพะงาบปากราวกับต้องการกล่าวบางสิ่ง ดอนน่าชิงพูดขึ้นมาก่อน

“คุณลุงคะ… คนเมื่อคืนเป็นใครหรือ”

เด็กสาวกล่าวโดยไม่สบตา เพียงมองตรงไปยังท้องทะเลด้านหน้าด้วยร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ประหนึ่งยังลบเหตุการณ์เมื่อคืนออกจากความทรงจำไม่ได้

“เขาคือ ‘ผู้ส่งสาร’ อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ เขาทำงานเหมือนกับบุรุษไปรษณีย์”

ไคลน์กล่าวโดยไม่สบตาเด็กทั้งสอง ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวเรื่อยเปื่อยเช่นตนกินอะไรมาในตอนเช้า

“ผู้ส่งสาร?” แดนตันเกือบควบคุมความดังของเสียงตัวเองไม่อยู่

“โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก ไม่แปลกหากจะมีสัตว์ประหลาดลึกลับซ่อนตัวอยู่นับไม่ถ้วน ภายนอกของเขาอาจดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วมีนิสัยอ่อนโยนและเป็นมืออาชีพมาก… แวะมาแค่ส่งจดหมายจากเพื่อนคนไกลให้ฉัน”

ไคลน์อธิบายคลุมเครือ พยายามทำให้ผู้ส่งสารกระดูกขาว สูงสี่เมตร กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอ่อนแอและไร้ความสามารถ

เมื่อตระหนักว่าเมื่อคืนผ่านไปอย่างสงบสุขโดยปราศจากภัยอันตราย ดอนน่าพยักหน้ารับอย่างใจเย็น

“สุดยอดมากค่ะ! เหมือนกับหนูได้ฟังตำนานเรื่องใหม่ของท้องทะเลเพิ่มจากเมื่อวันก่อน!”

“เจ๋ง!” แดนตันตอบสนองในทางเดียวกัน

จากนั้น เด็กชายซักถามอย่างงุนงง

“แล้วทำไมคนอื่นนอกจากพวกเราถึงไม่มีใครมองไม่เห็นเลยครับ?”

“นั่นเพราะพวกเธอมีจิตบริสุทธิ์”

ชายหนุ่มอธิบายอ่อนโยน

นี่เป็นการโกหกด้วยเจตนาอันดี เพราะไคลน์พูดออกไปไม่ได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากของผลเนื้อหนักเกลือสูตรพิเศษซึ่งเออร์ดี้·แบรนช์ซื้อมาเตรียมใช้เป็นของขวัญ ไม่อย่างนั้น เด็กเล็กทั้งสองคงมิอาจยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นและกลับไปทดลองเอง

ยังไม่ต้องพูดถึงปัญหาการด้านปนเปื้อนของออร่าโลกวิญญาณ ลำพังการเปิดเนตรวิญญาณก็เต็มไปด้วยอันตรายนับไม่ถ้วนแล้ว แม้กระทั่งไคลน์ผู้เชี่ยวชาญการใช้เนตรวิญญาณก็ยังไม่กล้าเปิดค้างไว้ตลอดเวลา เพราะการได้เห็นในสิ่งไม่ควรได้เห็น และได้ยินในสิ่งไม่ควรได้ยิน ไม่เคยมีจุดจบราบรื่น

“พวกเราสามารถมีผู้ส่งสารเป็นของตัวเองบ้างได้ไหมคะ?” ดอนน่าซักถามอย่างกระตือรือร้น

“ขึ้นอยู่กับโชค” ไคลน์ตอบห้วน

ขณะเดียวกันก็ตัดพ้อในใจ

…แม้แต่ฉันก็ยังไม่มีผู้ส่งสารเลยสักตัว!

หากหวังครอบครองผู้ส่งสาร ต้องออกแบบพิธีกรรมอัญเชิญให้เหมาะสมกับตัวเอง สิ่งนี้ถือเป็นองค์ความรู้พิเศษของศาสตร์เร้นลับ โดยการอัญเชิญส่งเดชอาจไปเรียกให้ตัวตนไม่พึงประสงค์ออกมา ไคลน์จึงยังไม่เสี่ยงดวงมาจนถึงตอนนี้

“ค่ะ….” ดอนน่าเริ่มคาดหวัง

ตามด้วยการกระซิบเสียงแผ่ว

“คุณลุง พวกเราจะปิดบังความลับของคุณลุงอย่างมิดชิดค่ะ!”

แดนตันพยักหน้าตาม

ทันใดนั้น มีผู้โดยสารคนใหม่เดินขึ้นเรือมาจากท่าดาเมียร์หนึ่งคน มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเดินทางขณะย่างกรายไปบนดาดฟ้าเรือ

หลังจาก ‘เดนิส·เพลิงพิโรธ’ ส่งโทรเลขไปยังเกาะรอสต์ มันประเมินว่ากัปตันคงมอบภารกิจใหม่ให้ทันที จึงตัดสินใจหั่นวันลาพักร้อนและรีบกลับไปยังเมืองหลวงของหมู่เกาะรอสต์เพื่อรอคำสั่งใหม่ทันที

อาศัยเครือข่ายพิเศษ มันได้รับบัตรโดยสารเรือโมราขาวได้ไม่ยากเย็น จากนั้นก็รอขึ้นเรือในจังหวะใกล้ออกด้วยสภาพสวมวิกรุ่มร่ามเพื่อปลอมตัว

เฮ่อ…! เป็นไปตามคำกล่าวของจักรพรรดิโรซายล์ไม่มีผิด อัจฉริยะมักเหนื่อยกว่าผู้อื่นเป็นเท่าตัวเสมอ!

เดนิสเดินไปรอบดาดฟ้าพลางกินลมชมวิวอย่างสบายใจ

จนกระทั่งได้พบใบหน้าอันคุ้นเคย

มันเห็นนักผจญภัยหนุ่มสวมโค้ทสีดำกำลังยืนจ้องตนจากหัวเรือด้วยรอยยิ้มสง่างามราวกับสุภาพชน

กล้ามเนื้อบนใบหน้าเดนิสพลันสั่นกระตุก

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset