หมับ
ไคลน์เอื้อมมือหยิบจดหมายซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าปรกติเล็กน้อย
ผู้ส่งสารกระดูกร่างใหญ่ไม่อยู่นานนัก มันรีบสลายตัวไปพร้อมกับบ่อน้ำพุในลักษณะค่อย ๆ จมลงบนพื้นดาดฟ้าเรือ ราวกับไม่อยากอยู่ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว
มือข้างหนึ่งถือซองจดหมาย แต่ไคลน์ไม่รีบร้อนเปิดอ่าน เพียงทำตามสัญชาตญาณด้วยการหันไปมองบันไดไม้ซึ่งมีปลายทางเป็นห้องพักของบัตรโดยสารชั้นหนึ่ง
ชายหนุ่มเห็นดอนน่าและแดนตันกำลังยืนตกตะลึงด้วยดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากอ้าปากกว้าง คล้ายกับเตรียมกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกหลังจากได้เห็นฉากเมื่อครู่ แต่ทุกสิ่งจบลงอย่างรวดเร็วจนเด็กทั้งสองคิดว่าเป็นเพียงภาพหลอน
ไม่ผิดแน่… ถ้าเด็กคนใดกินเนื้อหมักเกลือสูตรพิเศษของดาเมียร์เข้าไป พวกเขาจะได้รับเนตรวิญญาณชั่วคราว…
ไคลน์ขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบเลื่อนนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นมาจ่อริมฝีปากในแนวตั้ง เป็นภาษากายเดียวกับเมื่อครั้งเริ่มต้นการล่าเมอร์ล็อก ส่งผลให้เด็กทั้งสองคนเงียบเสียงลงทันที
ดอนน่าซึ่งตัวสูงกว่าเล็กน้อยรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองจนสนิท พลางพยักหน้าหงึกหงักด้วยอารมณ์หวาดกลัวผสมตื่นเต้น พลางส่งสัญญาณทางแววตาว่ากลับมาหาไคลน์เพื่อบอกว่าเธอรับทราบ
เด็กหญิงรีบก้มหน้าในแนวเฉียง เมื่อพบว่าน้องชายของตนกำลังยืนอ้ำอึ้ง จึงรีบเลื่อนแขนของอีกฝ่ายขึ้นมาปิดปากตัวเอง
คลีฟส์และเซซิลพลันตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล แต่หลังจากชะงักฝีเท้าและหันมาจ้องไคลน์ ทั้งคู่กลับไม่พบความผิดปรกติใดเลย
ต่อหน้าสายตาเพ่งมอง ชายหนุ่มเพียงยิ้มรับอย่างสุภาพและหันหลังเดินกลับไปทางห้องนอนของตัวเอง
เหรียญทองปรากฏบนมือไคลน์อย่างเป็นปริศนา ก่อนจะหมุนควงไปรอบนิ้วราวกับมันมีชีวิตชีวา
กิ๊ง!
เหรียญทองลอยขึ้นฟ้าและตกลง
ตัวเลขหงายขึ้น หมายความว่าเหตุการณ์เมื่อครู่มิได้เป็นพิษเป็นภัยต่อไคลน์
ให้ตายสิ… ผู้ส่งสารตัวใหม่ไม่สุภาพหรืออ่อนโยนเหมือนตัวเก่าเลยสักนิด รายนั้นมักแตะไหล่ให้เรารู้ตัวล่วงหน้า หรือไม่ก็ทำให้รอบตัวเรากลายเป็นมิติโลกวิญญาณเพื่อมิให้คนธรรมดามองเห็น…
ชายหนุ่มหยิบกุญแจไขประตูห้องพัก
จากนั้น ไคลน์ทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียง พร้อมกับจุดเขียนไขบนโต๊ะซึ่งเหลือเพียงครึ่งแท่งเพื่อมอบแสงสว่าง
จดหมายของอะซิกถูกเปิดอ่าน
สิ่งเตะตาอันดับแรกคือ ‘ไพ่จักรพรรดิมืด’
เมื่อได้เห็นใบหน้าอันเชื้อเชิญให้ต่อยเข้าไปสักหมัดบนไพ่ ไคลน์ผ่อนคลายความวิตกกังวลลงทันที
มันไม่ได้กลัวว่ามิสเตอร์อะซิกจะไม่คืนไพ่เย้ยเทพกลับมา ระดับความเชื่อใจต่อกันมีมากถึงเพียงนั้น เพราะชื่อของโอสถและพิธีกรรมบนไพ่สามารถทำสำเนาคัดลอกไว้ได้
จริงอยู่ ‘กฎการดึงดูด’ วัตถุดิบระดับสูงไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ด้วยการคัดลอก ถ้าอีกฝ่ายต้องการใช้จุดนี้ ก็มีสิทธิ์จะไม่คืนไพ่จักรพรรดิมืดกลับมาให้ไคลน์
อย่างไรก็ตาม อะซิกมิได้อยู่บนเส้นทางจักรพรรดิมืด รวมถึงไม่ใช่เส้นทางใกล้เคียงซึ่งสามารถสลับกันได้ ดังนั้น ตัวตนทรงพลังอย่างเขาย่อมไม่มีเหตุผลให้เก็บไพ่จักรพรรดิมืดไว้กับตัว
แต่ไคลน์กังวลว่า ผู้ส่งสารจะถูกปล้นไพ่เย้ยเทพไประหว่างทาง ทำให้ตนต้องสูญเสียอุปกรณ์สำคัญในการเสริมพลังร่างวิญญาณ
เรื่องดังกล่าวใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย โลกวิญญาณเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว คงไม่แปลกหากจะมีตัวตนชั่วร้ายสักชนิดสามารถจับตำแหน่งของผู้ส่งสารและทำการดักปล้นระหว่างทาง
ไพ่จักรพรรดิมืดถูกส่งกลับมาถึงพร้อมนกหวีดของผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกของนิกายวิญญาณ
ชายหนุ่มวางสิ่งของลงด้านข้าง พลางคลี่กระดาษจดหมายอ่านคำตอบจากอะซิก
“…ไพ่ซึ่งมีภาพของจักรพรรดิมืดทำให้ผมหวนนึกถึงความทรงจำในอดีต เป็นฉากของจักรพรรดิโลหิตผู้มีร่างกายใหญ่มหึมาราวกับขุนเขา สวมเสื้อคลุมนักบวชสีแดงสด ดวงตาแดงก่ำและเปี่ยมด้วยความบ้าบิ่น ราวกับพร้อมจะคลุ้มคลั่งได้ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันก็ยังมีจักรพรรดิมืดตัวจริงคืนชีพกลับมานั่งบนบัลลังก์ขนาดมหึมา พลางจ้องมองทุกสรรพสิ่งเบื้องล่างอย่างดูแคลน ผมแหงนหน้าจ้องมองพวกท่าน และเมื่อจักรพรรดิโลหิตจ้องกลับ ตัวผมก็หมดสติทันที”
“ผมคงเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมสงครามสี่จักรพรรดิ แต่รายละเอียดชัดเจนกว่านี้ยังต้องใช้เวลาเรียกคืนความทรงจำ บางที ความทรงจำส่วนนี้อาจฟื้นฟูได้ยากเพราะผมตายแล้วเกิดใหม่ซ้ำไปมาหลายหน ส่วนเรื่องของขุมทรัพย์เทพมรณาในทะเลคลั่ง ข้อมูลดังกล่าวยังไม่ช่วยให้ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ บางที ถ้าผมมีโอกาสเดินทางไปยังทวีปใต้ด้วยเรือเดินสมุทร อาจเกิดการดึงดูดบางประการขึ้นขณะเรือแล่นผ่านทะเลคลั่ง ประสบการณ์ของคุณเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกนิกายวิญญาณ ผมฟังดูแล้วคล้ายกับพิธีกรรมเลื่อนเป็นลำดับ 4 ‘อมรณา’ แต่ก็ยังมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในบางองค์ประกอบ”
“ผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายชั่วร้ายและภัยคุกคามเหนือคำบรรยาย คล้ายกับเจ้าของนกหวีดทองแดงกำลังอยู่ในสภาวะไม่ปรกติ ผมไม่แนะนำให้คุณเป่านกหวีดทองแดงเรียกผู้ส่งสารของอีกฝ่าย สิ่งนี้จะนำมาซึ่งภัยอันตรายใหญ่หลวง ไว้ผมกู้คืนความทรงจำได้สมบูรณ์เมื่อไร คงเข้าใจมากขึ้นว่าเหตุการณ์ในคำบอกเล่าของคุณหมายถึงสิ่งใด ขนนกซึ่งเจ้าของนกหวีดทองแดงทิ้งเอาไว้สามารถนำไปในใช้พิธีกรรมเกี่ยวกับอันเดดได้หลากหลาย ถือเป็นวัสดุพิเศษและอัดแน่นด้วยพลังวิญญาณเข้มข้น”
“หากความรู้ของผมฟื้นฟูกลับมามากกว่านี้ จะประกอบพิธีกรรมเพื่อสร้างยันต์ชนิดพิเศษให้คุณไว้ใช้งาน เล่าถึงประเด็นข้างต้น ผมนึกขึ้นได้ว่า คุณเคยถามถึงวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลัง สำหรับเรื่องนี้ ผมคงต้องขอเวลาสักพัก เพราะความรู้ในปัจจุบันด้านดังกล่าวเป็นศูนย์อย่างแท้จริง นอกจากนั้น ผมจำได้อย่างเลือนรางว่าทวีปใต้มีสัตว์วิเศษชื่อ ‘มนุษย์นก’ อยู่ คุณควรผนึกไพ่ใบนั้นไว้ ไม่อย่างนั้นมันจะดึงดูดศัตรูทรงพลังและหายนะมากมายมายังตัวคุณ ผมจะสอนเทคนิคการผนึกอย่างง่ายให้ ขั้นแรก ต้องเสริมพลังกำแพงวิญญาณด้วยวิธี…”
ชัดเจนแล้วว่า ไพ่เย้ยเทพสามารถดึงดูดตัวตนระดับสูงในเส้นทางเดียวกันมาหาผู้ถือได้… แต่เคราะห์ยังดี เราเก็บไว้ในห้วงมิติสายหมอกมาตลอด… ตามคำอธิบายของมิสเตอร์อะซิก เขาไม่ใช่เทพมรณาผู้สูญเสียความทรงจำแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่สลบเพียงเพราะสบตากับจักรพรรดิโลหิตและจักรพรรดิมืด…
คงเป็นบุตรของเทพมรณาและติดสอยห้อยตามไปเข้าร่วมในสงครามสงครามสี่จักรพรรดิ แต่โชคร้าย เขาต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ดังกล่าว…
ขณะครุ่นคิด ไคลน์ถูปลายนิ้วเพื่อเผากระดาษจดหมายทิ้ง
จากนั้น ชายหนุ่มทดสอบเทคนิคการผนึกขั้นสูงของอะซิกเพื่อทำความเคยชิน
หลังจากจัดการทั้งหมด มันประกอบพิธีกรรมและส่งไพ่จักรพรรดิมืดกับนกหวีดทองแดงของนิกายวิญญาณเข้าไปเก็บในห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา ป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุตามมาในภายหลัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไคลน์ไม่อยากเผชิญหน้ากับ ‘ราชาห้าห้วงสมุทร’ ขณะอยู่ท่ามกลางทะเลอันเวิ้งว้าง
…
ช่วงเช้าของวันถัดมา ดวงอาทิตย์ลอยเหนือท้องฟ้าพร้อมกับย้อมน้ำทะเลโดยรอบให้เป็นสีทองอร่าม
ไคลน์เดินไปยังห้องอาหารของบัตรโดยสายชั้นสอง คุณภาพอาหารไม่สูงมากนัก แต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นกินไม่ได้ มันเติมเต็มกระเพาะอาหารตัวเองด้วยขนมปังปิ้งสองชิ้น เบคอน เนย และชามะนาวหนึ่งถ้วย
เมื่ออิ่มท้อง ชายหนุ่มเดินไปยังดาดฟ้าเรือเพื่อสูดอากาศและยืนรับลมทะเล พลางดื่มด่ำไปกับความงดงามของยามเช้าแสนสดชื่น
ระหว่างนั้น มันเห็นกัปตันไอร์แลนด์กำลังยืนมึนเมาโดยยังคงพกดาบตรงอันเป็นเอกลักษณ์
หลังจากนึกทบทวนเหตุการณ์ในผับปลาบินและไวน์เมื่อวาน ชายหนุ่มเดินดุ่มเข้าไปทักทายโดยไม่เผยรอยยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์ ฉลามขาวมาสร้างปัญหาให้คุณบ้างไหม เพราะมันคงทราบว่าผมเป็นผู้โดยสารของโมราขาวลำนี้”
ไอร์แลนด์ในโค้ทแดงเข้มถอดหมวกพับของทหารเรือออกพลางหัวเราะ
“ฮะฮะ! ไม่ต้องห่วง นั่นเป็นปัญหาของมัน ในความเป็นจริง มันต้องการให้คุณจ่ายครึ่งของค่าซ่อมผับ แต่นั่นเป็นเงินไม่มากเท่าไร แค่ไม่กี่ซูล ประกอบกับเมื่อวานผมทำกำไรจากไพ่ได้หกปอนด์ จึงแถมให้มันไปอีกนิดหน่อย เรื่องราวก็จบลงแค่นั้น”
กัปตัน คุณกลัวว่าผมจะเป็นนักผจญภัยเสียสติและก่อความวุ่นวายใหญ่หลวงเกินกว่าจะแก้ไขใช่ไหม จึงรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม…
ไคลน์ไตร่ตรองสองสามวินาที
“เข้าใจแล้ว”
จากนั้น ชายหนุ่มหันหลังกลับและเดินไปทางหัวเรือพลางกล่าวเสียงแผ่ว
“ขอบคุณ”
เมื่อไคลน์กลับมายืนในตำแหน่งเดิน มันปล่อยให้สายลมพัดกระทบใบหน้าพลางครุ่นคิดว่า :
ทำไมการ ‘รักษาคาร์แรคเตอร์’ ถึงได้สิ้นเปลืองพลังงานสมองขนาดนี้!
หลังจากยืนตากลมอยู่พักใหญ่ ขณะเตรียมเดินกลับห้องโดยสาร คนสองคนได้เดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มด้วยย่างก้าวไม่รีบร้อน
สองพี่น้องดอนน่าและแดนตัน
เนื่องจากเซซิลเป็นเวรคอยดูแลเด็กจอมซนทั้งสอง จึงคอยเดินตามหลังมาไม่ห่าง
คล้ายกับดอนน่านอนไม่หลับทั้งคืน ดวงตาของเธอบวมแดงกว่าปรกติ ใบหน้าแฝงความหวาดกลัว แต่ก็เผยความตื่นเต้นขณะมองมายังไคลน์ผู้กำลังยืนกินลมชมวิวสบายใจ
ขณะแดนตันพะงาบปากราวกับต้องการกล่าวบางสิ่ง ดอนน่าชิงพูดขึ้นมาก่อน
“คุณลุงคะ… คนเมื่อคืนเป็นใครหรือ”
เด็กสาวกล่าวโดยไม่สบตา เพียงมองตรงไปยังท้องทะเลด้านหน้าด้วยร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ประหนึ่งยังลบเหตุการณ์เมื่อคืนออกจากความทรงจำไม่ได้
“เขาคือ ‘ผู้ส่งสาร’ อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ เขาทำงานเหมือนกับบุรุษไปรษณีย์”
ไคลน์กล่าวโดยไม่สบตาเด็กทั้งสอง ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวเรื่อยเปื่อยเช่นตนกินอะไรมาในตอนเช้า
“ผู้ส่งสาร?” แดนตันเกือบควบคุมความดังของเสียงตัวเองไม่อยู่
“โลกใบนี้กว้างใหญ่นัก ไม่แปลกหากจะมีสัตว์ประหลาดลึกลับซ่อนตัวอยู่นับไม่ถ้วน ภายนอกของเขาอาจดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วมีนิสัยอ่อนโยนและเป็นมืออาชีพมาก… แวะมาแค่ส่งจดหมายจากเพื่อนคนไกลให้ฉัน”
ไคลน์อธิบายคลุมเครือ พยายามทำให้ผู้ส่งสารกระดูกขาว สูงสี่เมตร กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอ่อนแอและไร้ความสามารถ
เมื่อตระหนักว่าเมื่อคืนผ่านไปอย่างสงบสุขโดยปราศจากภัยอันตราย ดอนน่าพยักหน้ารับอย่างใจเย็น
“สุดยอดมากค่ะ! เหมือนกับหนูได้ฟังตำนานเรื่องใหม่ของท้องทะเลเพิ่มจากเมื่อวันก่อน!”
“เจ๋ง!” แดนตันตอบสนองในทางเดียวกัน
จากนั้น เด็กชายซักถามอย่างงุนงง
“แล้วทำไมคนอื่นนอกจากพวกเราถึงไม่มีใครมองไม่เห็นเลยครับ?”
“นั่นเพราะพวกเธอมีจิตบริสุทธิ์”
ชายหนุ่มอธิบายอ่อนโยน
นี่เป็นการโกหกด้วยเจตนาอันดี เพราะไคลน์พูดออกไปไม่ได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากของผลเนื้อหนักเกลือสูตรพิเศษซึ่งเออร์ดี้·แบรนช์ซื้อมาเตรียมใช้เป็นของขวัญ ไม่อย่างนั้น เด็กเล็กทั้งสองคงมิอาจยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นและกลับไปทดลองเอง
ยังไม่ต้องพูดถึงปัญหาการด้านปนเปื้อนของออร่าโลกวิญญาณ ลำพังการเปิดเนตรวิญญาณก็เต็มไปด้วยอันตรายนับไม่ถ้วนแล้ว แม้กระทั่งไคลน์ผู้เชี่ยวชาญการใช้เนตรวิญญาณก็ยังไม่กล้าเปิดค้างไว้ตลอดเวลา เพราะการได้เห็นในสิ่งไม่ควรได้เห็น และได้ยินในสิ่งไม่ควรได้ยิน ไม่เคยมีจุดจบราบรื่น
“พวกเราสามารถมีผู้ส่งสารเป็นของตัวเองบ้างได้ไหมคะ?” ดอนน่าซักถามอย่างกระตือรือร้น
“ขึ้นอยู่กับโชค” ไคลน์ตอบห้วน
ขณะเดียวกันก็ตัดพ้อในใจ
…แม้แต่ฉันก็ยังไม่มีผู้ส่งสารเลยสักตัว!
หากหวังครอบครองผู้ส่งสาร ต้องออกแบบพิธีกรรมอัญเชิญให้เหมาะสมกับตัวเอง สิ่งนี้ถือเป็นองค์ความรู้พิเศษของศาสตร์เร้นลับ โดยการอัญเชิญส่งเดชอาจไปเรียกให้ตัวตนไม่พึงประสงค์ออกมา ไคลน์จึงยังไม่เสี่ยงดวงมาจนถึงตอนนี้
“ค่ะ….” ดอนน่าเริ่มคาดหวัง
ตามด้วยการกระซิบเสียงแผ่ว
“คุณลุง พวกเราจะปิดบังความลับของคุณลุงอย่างมิดชิดค่ะ!”
แดนตันพยักหน้าตาม
ทันใดนั้น มีผู้โดยสารคนใหม่เดินขึ้นเรือมาจากท่าดาเมียร์หนึ่งคน มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเดินทางขณะย่างกรายไปบนดาดฟ้าเรือ
หลังจาก ‘เดนิส·เพลิงพิโรธ’ ส่งโทรเลขไปยังเกาะรอสต์ มันประเมินว่ากัปตันคงมอบภารกิจใหม่ให้ทันที จึงตัดสินใจหั่นวันลาพักร้อนและรีบกลับไปยังเมืองหลวงของหมู่เกาะรอสต์เพื่อรอคำสั่งใหม่ทันที
อาศัยเครือข่ายพิเศษ มันได้รับบัตรโดยสารเรือโมราขาวได้ไม่ยากเย็น จากนั้นก็รอขึ้นเรือในจังหวะใกล้ออกด้วยสภาพสวมวิกรุ่มร่ามเพื่อปลอมตัว
เฮ่อ…! เป็นไปตามคำกล่าวของจักรพรรดิโรซายล์ไม่มีผิด อัจฉริยะมักเหนื่อยกว่าผู้อื่นเป็นเท่าตัวเสมอ!
เดนิสเดินไปรอบดาดฟ้าพลางกินลมชมวิวอย่างสบายใจ
จนกระทั่งได้พบใบหน้าอันคุ้นเคย
มันเห็นนักผจญภัยหนุ่มสวมโค้ทสีดำกำลังยืนจ้องตนจากหัวเรือด้วยรอยยิ้มสง่างามราวกับสุภาพชน
กล้ามเนื้อบนใบหน้าเดนิสพลันสั่นกระตุก
……………………