Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 499 : เชื้อเชิญ

ราชันเร้นลับ 499 : เชื้อเชิญ

กิ๊ง!

เหรียญทองหมุนควงกลางอากาศเงียบงัน ก่อนจะตกลงบนฝ่ามือไคลน์อย่างมั่นคง

ชายหนุ่มก้มชำเลืองเพื่อตรวจสอบว่าผลลัพธ์ออกหัวหรือก้อย จากนั้นจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในตรอกเปลี่ยวและมืดด้านข้าง

ลมทะเลพัดผ่านด้วยความก้าวร้าวแฝงบรรยากาศเย็นยะเยือก เสื้อคลุมตัวใหญ่ปลิวไสวและหมวกทรงกึ่งสูงเกือบหลุดจากศีรษะ

ทันใดนั้น ไคลน์ชะงักฝีเท้าพลางหมุนตัวกลับหลัง ตามด้วยการส่งเสียงเย็นชา

“ออกมา”

ดวงตาชายหนุ่มเพ่งมองไปยังเงาดำตรงมุมตรอกโดยไม่สั่นคลอน

ผ่านไปราวสี่ห้าวินาที บุคคลผู้หนึ่งเดินออกจากมุมมืดพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก

“เฉียบแหลมมาก”

อีกฝ่ายสวมผ้าคลุมสีดำ อายุราวสามสิบ ขนคิ้วสีน้ำตาลไหม้ ดวงตาสีน้ำเงินสว่าง ใบหน้าไม่คมเข้ม คล้ายกับเป็นคนจากแถบทางใต้ของอินทิส ลุนเบิร์ก หรือเซกัล

เมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดเจน ฉากหนึ่งย้อนกลับมาฉายในหัวไคลน์ทันที

ขณะมันเดินเข้าไปในผับปลาบินและไวน์ สายตาไคลน์กวาดมองไปรอบตัวอย่างมืออาชีพ โดยหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าของบุคคลสำคัญหรือบุคคลน่าจับตามอง

แต่ก็ไม่พบใครเข้าข่าย

จริงอยู่ อาจมีหนึ่งคนค่อนข้างน่าสงสัย เป็นชายหน้าตาธรรมดาและไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักอย่างเดียว กำลังนั่งดื่มอย่างเงียบงันตรงมุมร้ายคล้ายกับทหารเรือคนหนึ่ง สายตาสอดส่องไปทั่วผับ

แต่กลับสวมผ้าคลุมสีดำมีเอกลักษณ์

และเมื่อได้พบผ้าคลุมดำตัวเดิม ไคลน์จดจำได้ทันที

“ต้องการอะไร” ชายหนุ่มยังคงรักษาบรรยากาศไม่เป็นมิตร ร่างกายท่อนบนโน้มไปด้านหน้าเล็กน้อย คล้ายกับสัตว์ป่าเตรียมกระโจนขย้ำเหยื่อ

ชายสวมผ้าคลุมดำอมยิ้ม

“เทคนิคและรูปแบบการต่อสู้ของนายเข้าตาฉันมาก จึงตามมาเพราะต้องการชักชวน จริงอยู่ เจ้าคนชื่อโลแกนนั่นอาจไม่ได้เป็นสายข่าวให้กับลูเธอร์ไวล์ แต่ฉลามขาวแฮมิลตันมีเส้นสายกว้างขวางในหมู่โจรสลัดจริง มันประกอบธุรกิจมืด จึงมั่นใจได้เลยว่า หลังจากนายอัดลูกน้องของมันจนยับเยินภายในผับของมัน แฮมิลตันจะต้องตามรังควานนายอย่างไม่ลดละแน่นอน แต่ฉันช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ เป็นนักผจญภัยใช่ไหม? คงมีความฝันในการล่าสมบัติสินะ ถ้าอย่างนั้นก็เหมาะเลย พวกเราคือกลุ่มคนผู้อุทิศชีวิตให้กับการตามล่าสมบัติในตำนาน ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิผีสิง มรดกตกทอดของโซโลมอน ความลับแห่งน้ำพุไม่แก่เฒ่า กุญแจเทพมรณา ลอเรลอับปาง และขุมทรัพย์สุดท้ายของโรซายล์ แต่ขณะเดียวกัน พวกเราก็ออกผจญภัยไปทั่วห้าห้วงสมุทรอย่างอิสระ แม้อาจไม่เคยทำตามความฝันข้างต้นสำเร็จ แต่ก็เคยค้นพบเรือโจรสลัดอับปางมาไม่น้อย… ฮะฮะ! ฟังดูเหมือนคำลวงของไอ้หนูสกปรกวูดดี้เลยใช่ไหม?”

มันกระแอมในลำคอและกล่าวต่อ

“ด้วยความสัตย์จริง พวกเราคือกลุ่มโจรสลัดซึ่งก่อตั้งจากการรวมตัวของนักผจญภัย โดยจะปล้นเรือโดยสารก็ต่อเมื่อไม่มีอันจะกินจริง ๆ เท่านั้น พวกเราเคยไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เป้าหมายหลักมีเพียงค้นหาสมบัติรอบโลก เรากอบโกยเงินทองเป็นกอบเป็นกำได้อย่างสม่ำเสมอ… อย่าหาว่าโม้เลยนะ ฉันเคยนอนหลับบนกองทองมาแล้ว! ถ้าได้พบเรือโจรสลัดทั่วไป ขอเพียงเรือของเราแล่นเข้าไปใกล้ ส่วนมากจะรีบยอมจำนนและมอบทรัพย์สินติดไม้ติดมือกลับมาโดยแทบไม่ต้องออกแรง อนึ่ง กัปตันของพวกเรากำชับอย่างเคร่งครัดกว่า ก่อนจะรับสมาชิกใหม่ จะต้องอธิบายแผนงานขององค์กรและค่าตอบแทนให้ชัดเจนทุกครั้ง”

แผนงาน? กัปตันของหมอนี่น่าสนใจฉิบ…

ไคลน์ผ่อนคลายท่าทีลงหลังจากไม่พบว่าอีกฝ่ายมีเจตนาทำร้าย

ชายสวมผ้าคลุมดำยิ้มอย่างโล่งใจ

“คำอธิบายข้างต้นเป็นเพียงแผนงาน ถัดไปคือค่าตอบแทนและผลประโยชน์”

หมอนี่มีความมั่นใจในตัวเองสูง…

แม้ว่าไคลน์จะไม่ใช่ ‘ผู้ชม’ แต่ก็สามารถยืนยันจากภาษากายได้ว่า ตนไม่ถูกอีกฝ่ายตบตาหรือสวมหน้ากากเข้าหา

“กลุ่มของพวกเราไม่มีค่าจ้างประจำสัปดาห์ ประจำเดือน หรือประจำปี แต่ถ้าพบสมบัติหรือได้รับเงินก้อนโตจากกิจกรรมทางทะเล ค่าตอบแทนจะถูกจัดสรรตามตำแหน่ง ภายใต้สถานการณ์ปรกติ หากพวกเรามีโชคสักเล็กน้อย แม้แต่ตำแหน่งล่างสุดก็ยังได้รับค่าตอบแทนเฉลี่ยปีละสองถึงสามร้อยปอนด์! ฉันได้ยินว่านั่นคือรายได้ของชนชั้นกลางบนบกใช่ไหม? หึหึ… ยิ่งถ้าพวกเราได้พบลอเรลอับปางล่ะก็ ทุกคนละกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ไม่ยาก!”

ชายสวมผ้าคลุมดำอธิบายอย่างเป็นกันเอง

“นอกจากนั้น ทุกคนจะได้รับจำนวนวันลาพักร้อนตามตำแหน่ง สามารถสะสมทบไปยังปีหน้าได้ แต่ถ้ามีการลาพร้อมกันหลายคน คิวการลาจะต้องถูกจัดสรรอย่างเหมาะสม เพื่อมิให้เรือขาดแคลนกำลังคน”

ระหว่างเล่า มันแวะสบถเล็ก ๆ

“พูดแล้วก็เสียดาย แม่เย็*! เมื่อราวหนึ่งปีก่อน พวกเราพลาดโอกาสได้พบกับจักรวรรดิผีสิงเพียงเพราะกัปตันกำลังอยู่ในช่วงลาพักร้อน!”

โจรสลัดมีวันลาพักร้อนประจำปี?

ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจ

จากคำอธิบายสุดพิสดาร ชายหนุ่มเริ่มจินตนาการถึงข่าวการรับสมัครโจรสลัดโซมาลีอันน่าขบขันจากโลกเก่า

เมื่อเห็นอีกฝ่ายอึ้งไปสักพัก ชายสวมผ้าคลุมดำเล่าเสริมด้วยรอยยิ้ม

“ในฐานะนักผจญภัย นายเองก็คงกำลังไขว่คว้าหาพลังเหนือธรรมชาติตามตำนานเหมือนกันใช่ไหม? ถ้าได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา โอกาสครอบครองพลังดังกล่าวก็จะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป!”

กล่าวถึงตรงนี้ มันกระแอมในลำคอ

“แฮ่ม! ลืมแนะนำตัวเอง”

สีหน้าของมันพลันเคร่งขรึม ไม่หลงเหลือบรรยากาศขี้เล่นในช่วงก่อนหน้า

“ฉันคือผู้ใต้บังคับบัญชาของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด สรั่งเรือลำดับสี่แห่งเรือ ‘ฝันทองคำ’ เดนิส·เพลิงพิโรธ!”

หลังจากอธิบายชื่อจริง ตำแหน่ง และยศให้ฟังอย่างเสร็จสรรพ เดนิสกำลังรอให้ไคลน์เผยสีหน้าตกตะลึงหรือหวาดผวา

ทว่า หลังจากผ่านไปหนึ่งวินาที มันได้ยินนักผจญภัยมาดสุขุมแต่นิสัยป่าเถื่อน พึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา :

“เดนิส·เพลิงพิโรธ ค่าหัวสามพันปอนด์?”

ขณะเดนิสกำลังจะตอบ มันเริ่มมองเห็นภาพหลอน บรรยากาศรอบตัวบุรุษฝั่งตรงข้ามพลันแปรเปลี่ยน กลายเป็นบางสิ่งคล้ายกับสัตว์ประหลาดหิวโหย หมายกลืนกินเลือดเนื้อและวิญญาณของมนุษย์เป็นอาหาร

เดนิสเผลอกำหมัดแน่น ท่าทีผ่อนคลายเมื่อครู่ไม่หลงเหลืออีกต่อไป ร่างกายเริ่มสั่นเทาจากก้นบึ้งโดยมิอาจขัดขืน

สัญชาตญาณของมันกำลังร้องเตือนว่า ข้างหน้าคือบานประตูสู่นรกอันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและกระหายเลือด!

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ เดนิสถูกบรรยากาศสะกดข่มจนหลงลืมเวลาไปชั่วขณะ

จนกระทั่งมันได้ยินอีกฝ่ายเปิดปาก

“แล้วนายมาทำอะไรแถวนี้”

“ล…ลาพักร้อน…”

ด้วยศักดิ์ศรีค้ำคอ เดนิสต้องการวางมาดโอหังของผู้เหนือกว่า แต่สัญญาณของมันกลับตักเตือนให้ตอบอีกฝ่ายแต่โดยดี

หลังจากกล่าวจบและมองเห็นว่าบุรุษป่าเถื่อนเบือนหน้าไปทางอื่น ความรู้สึกราวกับจะถูกกินเลือดเนื้อค่อย ๆ เลือนหายไปจากจิตใจเดนิสทีละน้อย

สรั่งเรือลำดับสี่แห่งฝันทองคำไม่กล้าขยับตัวเป็นเวลานาน ทำได้เพียงยืนมองชายใบหน้าอ่อนเยาว์สวมหมวกทรงกึ่งสูง เดินตรงไปยังอีกฝั่งของตรอกมืด

แต่ก่อนจะหมุนตัวหักเลี้ยว อีกฝ่ายหันมาถามเป็นครั้งสุดท้าย

“ฉลามขาวอยู่ไหน”

“ม…มันพักอยู่ในอาคารหมายเลข 1 ถนนสันเขื่อน… แต่ส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้นสองของร้านปลาบินและไวน์ วันนี้ก็เช่นกัน”

เดนิส·เพลิงพิโรธตอบเถรตรง

รอจนกระทั่งอีกฝ่ายลับสายตา เดนิสถอนหายใจยาวสุดปอดพร้อมกับปลดหมวกคลุมหัวลงด้วยใบหน้าขาวซีด

“แม่เย็*! น่ากลัวฉิบหาย…”

ถัดมา มันพึมพำกับตัวเอง

เราต้องรีบแจ้งให้กัปตันทราบ ว่าบนทะเลมีพวกสติไม่สมประกอบเพิ่มมาอีกหนึ่งคน!

ภายนอกอาจเหมือนสุภาพชน แต่ภายในกลับป่าเถื่อนและสิ้นสติ หากฆ่าให้ตายในคราวเดียวไม่ได้ ก็ไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วยประการทั้งปวง

เดนิสดึงผ้าคลุมหัวสวมกลับไป ก่อนจะเดินตรงไปทางโรงแรมเพื่อพักผ่อนเอาแรง รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า เมื่อสำนักงานโทรเลขเปิด มันจะรีบส่งข้อความไปแจ้งข่าวกับคนกลางบนหมู่เกาะรอสต์ทันที

ส่วนชะตากรรมของฉลามขาว เดนิสมิได้ใส่ใจแม้แต่น้อย

ณ มุมหนึ่งของถนน ไคลน์ยืนในเงามืดพลางจ้องสำรวจถุงมือสีดำข้างซ้าย

ชายหนุ่มพบว่า แม้ยุบพองหิวโหยจะถูกมิสเตอร์อะซิกผนึกไว้ แต่แรงปรารถนาในการกลืนกินเนื้อหนังและวิญญาณมนุษย์ยังคงหลงเหลืออย่างเจือจาง จนสามารถแผ่จิตสังหารออกมาได้เองโดยไคลน์มิอาจควบคุม

ในสถานการณ์ปรกติ ชายหนุ่มไม่กังวลว่าถุงมือข้างนี้จะสร้างปัญหา แต่หากตนเผลอปล่อยจิตสังหารใส่อีกฝ่ายเมื่อใด ยุบพองหิวโหยจะถูกกระตุ้นจนแผ่ออร่ากระหายเลือดออกมาอย่างท่วมท้น

ขณะยืนคุยกับเดนิสเมื่อครู่ หลังจากได้ยินว่าอีกฝ่ายมีค่าหัวสามพันปอนด์ ไคลน์นึกอยากจะเชือดทิ้งและหารายได้มาจุนเจือค่าครองชีพของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ถึงนั่นเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่ยุบพองหิวโหยกลับดีใจจนเนื้อเต้นราวกับมัจฉาได้โอกาสแหวกว่ายในสายวารี

โชคยังดี หากเป็นการดึงสติตัวเอง ไคลน์ค่อนข้างชำนาญ เมื่อประเมินจากคำพูดคำจาและภาษากายของอีกฝ่าย ชายหนุ่มเชื่อว่าเดนิสไม่ใช่โจรสลัดโฉดชั่วผู้เต็มไปด้วยบาปหนา จึงยับยั้งพฤติกรรมของตนไว้ทัน

หากมียุบพองหิวโหย การสวมบทบาทเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็จะสมบูรณ์แบบ…

ไคลน์หยุดพฤติกรรมอื่นและหยิบเหรียญทองออกมาทำนายสองเรื่อง หนึ่ง เดนิสพูดความจริงหรือไม่ และสอง ฉลามขาว·แฮมิลตันมีพลังมากพอจะทำร้ายตนหรือไม่

คำตอบแรก เดนิสไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหก และคำตอบหลัง แฮมิลตันไม่มีน้ำยาทำร้ายตน

ไคลน์เก็บเหรียญทองเข้ากระเป๋า มือขวากดหมวกแนบศีรษะ ส่วนมือซ้ายเลือนขึ้นมาลูบใบหน้าหนึ่งครั้ง

รูปลักษณ์ชายหนุ่มแปรเปลี่ยนทันที กลายเป็นบุรุษผมทอง ตาสีฟ้า ใบหน้าจืดชืด

ถัดมา ไคลน์ปลดกระดุมโค้ทตัวใหญ่และดึงชายเสื้อเชิ้ตด้านในออกนอกกางเกง

หลังจากปรับเปลี่ยนการแต่งกายเล็กน้อย ไคลน์ ผู้มิได้พกพาไม้ค้ำ เริ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดตามร่างกาย ริมฝีปากแห้งผาก สายตาสอดส่องมองหาทิศทางของผับปลาบินและไวน์

ระหว่างทาง มันได้พบกับเดนิสอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายเพียงชำเลืองด้วยหางตาและเดินเข้าไปในโรงแรมฝั่งตรงข้ามผับ

ไคลน์ยืนอ่านใบประกาศค่าหัวสักพัก ก่อนจะเปิดประตูผับและเดินเข้าไปอย่างใจเย็น

ปัจจุบันยังผ่านพ้นจากเหตุการณ์ความวุ่นวายได้ไม่ถึงสิบนาที

ภายในผับ ลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มบางตา แต่ก็ยังเหลือกลุ่มขี้เมานั่งประปราย คล้ายกับรอดูอะไรสนุก ๆ หลังจากนี้

สายตาหลายคู่หันมามองลูกค้ารายใหม่หน้าร้านอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะหันกลับไปในเวลาไม่นานเมื่อไม่พบความน่าสนใจ ไคลน์จึงเดินตรงไปถึงเคาน์เตอร์โดยไม่พบอุปสรรค

ชายหนุ่มเห็นบาร์เทนเดอร์คนเดิมกำลังยืนตัวสั่นเทาข้างชายร่างท้วม

ศีรษะของบาร์เทนเดอร์ถูกพันผ้าขาวไว้หลายชั้น รูจมูกสองข้างยัดกระดาษทิชชูเปื้อนเลือดสีแดง บนใบหน้ามีร่องรอยของบาดแผล

ชายร่างท้วมมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวพรรณขาวเนียนจนดูเหมือนกับฉลามขาวแหวกว่ายขึ้นมาเกยตื้นบนฝั่งด้วยตัวเอง

มันใช้มือขวาก่ายหน้าผากมันวาวพลางหันมาพูดกับไอร์แลนด์ ผู้สวมโค้ทสีแดงเข้มและเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว

“มีคนบอกว่านายรู้จักกับหมอนั่น! วันนี้มีเรือโดยสารมาเทียบท่าดาเมียร์แค่สามลำเท่านั้น คนแปลกหน้าจึงมีไม่มาก ฉะนั้นอย่าโกหกฉัน!”

ไอร์แลนด์ยิ้มพลางเลือนมือขวาลงมาตบฝักดาบแผ่วเบา

“ใช่ เขาเป็นผู้โดยสารของฉันเอง แต่ปัญหาเกิดจากคนของนาย”

“ฉันแค่ต้องการให้มันกลับมาขอโทษและจ่ายค่าเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น!” ชายร่างท้วมตัวใหญ่กล่าวพลางขมวดคิ้ว

ไอร์แลนด์ยังคงยิ้ม

“ฉลามขาว บ้านเกิดของฉันมีคำพังเพยว่า อย่าได้ถือสาหมาจรเวลามันวิ่งเข้ามากัดหนูในโรงเก็บของ”

“…ไอร์แลนด์ผู้เที่ยงธรรม! นี่คือคำตอบของนายใช่ไหม!” ฉลามขาว·แฮมิลตันหรี่ตา

ไอร์แลนด์เลื่อนมือขวาล้วงหยิบปืนคาบศิลาในเสื้อพร้อมกับก้าวขาไปข้างหน้า

กัปตันโมราขาวกล่าวเสียงเย็นชา

“ใช่ นี่คือคำตอบของฉัน”

กัปตันเก๋าฉิบหาย…!

ไคลน์ทึ่งกับท่าทีตอบสนองของไอร์แลนด์

หลังจากจ้องหน้ากันสักพัก ฉลามขาว·แฮมิลตันถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

“เฮ่อ… ก็ได้! เห็นแก่บุญคุณในอดีตของนาย เรื่องคราวนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ แต่ความเสียหายของผับยังต้องถูกชดใช้ ให้มันจ่ายผ่านนายก็แล้วกัน”

“ตัดสินใจได้ดี” ไอร์แลนด์ยิ้ม

ทันใดนั้น แฮมิลตันมองไปด้านข้างด้วยสีหน้าดำทะมึน

ผัวะ!

ฉลามขาวใช้ฝ่ามือขนาดมหึมาตบใส่หน้าบาร์เทนเดอร์จนฟันร่วงกราว

ไคลน์กำลังยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยระยะห่างไม่ถึงห้าเมตร

ท่าทีของมันเยือกเย็นและเป็นธรรมชาติ ราวกับเรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องตนแม้แต่น้อย

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset