หลังจากลูบหน้าผาก ไคลน์พยายามแบ่งหนอนวิญญาณตัวใหม่ออกจากร่าง แต่ทันใดนั้น มันเห็นไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่สวมเดรสยาวสีดำซับซ้อน เดินออกจากความว่างเปล่า ยืนข้างโต๊ะทำงาน
หนึ่งในปากของมิสผู้ส่งสารกำลังคาบจดหมายที่ถูกพับมาอย่างดีด
“จากใคร?” ไคลน์ถามอย่างเป็นกันเอง
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ใช้สามศีรษะตอบกลับ
“เจ้านายของ…” ราชา…” “เห็ด…”
ราชาเห็ด? ไคลน์ผงะสองวินาที ก่อนจะนึกออกว่าหมายถึงแฟรงค์·ลี
และเจ้านายของแฟรงค์·ลีคือพลเรือเอกดวงดาว แคทลียา
“ราชาเห็ดหมายถึงแฟรงค์·ลี?” ไคลน์เหยียดแขนไปรับจดหมาย ถามยืนยัน
สี่หัวที่เส้นผมห้อยลงมาจากมือทั้งสองข้าง ขยับขึ้นลงเล็กน้อย คล้ายกับพยักหน้า
มิสผู้ส่งสารถึงกับตั้งชื่อเล่น… น่าแปลก แฟรงค์ไม่ได้ชำนาญแค่เรื่องเห็ดสักหน่อย ‘ขอบเขต’ ของหมอนั่นรวมไปถึงวัวควาย ข้าวสาลี ปลา และนักบวชกุหลาบ… หรือจะเป็นเพราะแฟรงค์ประสบความก้าวหน้าในการพัฒนาเห็ด มิสผู้ส่งสารก็เลยเคยเห็นเรือที่เต็มไปด้วยเห็ด? ไคลน์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ รีบคลี่กระดาษจดหมายออกมาอ่าน
มันกังวลว่านี่อาจเป็นจดหมายของความช่วยเหลือจากมาดามเฮอร์มิท
แต่แน่นอน มันมิได้กังวลมากนัก เพราะถ้าเป็นสถานการณ์วิกฤติโดยแท้จริง พลเรือเอกดวงดาวที่มีประสบการณ์โชกโชน ย่อมเลือกจะสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลมากกว่าส่งจดหมาย
ไม่ผิดจากที่คาด จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาจากแคทลียา กัปตันของอนาคตกาล เนื้อหาระบุไว้ว่า:
“องค์ราชินีกำหนดเวลาและสถานที่มาแล้ว คืนวันพุธห้าทุ่มตรง สถานที่เดิม… ฉันไม่ทราบว่าคุณบอกอะไรกับแฟรงค์ แต่เห็นได้ชัดว่าในระยะหลัง เขากระตือรือร้นอย่างมาก ลากช่างฝีมือไปทำการทดลองมากมาย บอกว่าผลลัพธ์อาจประสบความสำเร็จภายในสามถึงหกเดือน และกล่าวว่าหากได้รับโอสถ ‘ดรูอิด’ บางทีอาจข้ามขั้นตอนระหว่างกลางและมุ่งไปยังผลลัพธ์ได้โดยตรง… สิ่งเดียวที่ฉันพูดได้ก็คือ ขอให้คุณโชคดี… และขอภาวนาให้ช่างฝีมือของเราไม่สติแตกไปเสียก่อน ตอนนี้เขาเริ่มสำนึกเสียใจที่เคยหันไปนับถือดวงจันทร์บรรพกาล”
เราควรดีใจที่ปัญหาด้านอาหารของเมืองเงินพิสุทธิ์จะได้รับการแก้ไข หรือว่าต้องกังวลเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น? ไคลน์ลูบหน้าผากอีกครั้ง ตัดสินใจพับเก็บเรื่องนี้ไปก่อน เพราะบนเรือลำนั้นยังมี ‘เฮอร์มิท’ ที่กำลังจะกลายเป็นครึ่งเทพคอยเฝ้าจับตามอง หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง เธอคงไม่ลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ
ฟู่ว… ชายหนุ่มโล่งใจที่ราชินีเงื่อนงำยอมนัดพบ พลางดีดนิ้วเพื่อเผากระดาษจดหมายด้วยเปลวไฟสีแดง
หลังจากเฝ้ามองผู้ส่งสารจากไป ชายหนุ่มเตรียมแบ่งหนอนวิญญาณออกจากร่าง แต่ทันใดนั้นก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะมันรู้สึกว่ากระดาษจดหมาย หลังจากดูผู้ส่งสารจากไป, เขากำลังจะแยก “หนอนวิญญาณ” ต่อไป, จู่ๆ ก็ขมวดคิ้ว, ฉันรู้สึกว่าโต๊ะอ่านหนังสือและถังขยะทิ้งกระดาษ ดูเตะตาจนผิดปรกติ
โดยจิตใต้สำนึก ไคลน์ดึงกระดาษทิชชูออกมาเช็ดผิวโต๊ะ ตามด้วยปิดฝาถังขยะ
จัดการทั้งหมดเสร็จ มันก้มมองฝ่ามือที่เปื้อนคราบสกปรก จึงลุกขึ้นยืน เดินเข้าห้องน้ำและเปิดก๊อก
ขณะล้างมือ หางตาของมันชำเลืองไปเห็นโถส้วมด้านข้าง สองคิ้วถูกขมวดชนกันอีกครั้ง
“ยังสะอาดไม่พอ…” ไคลน์พึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นก็เริ่มพบความผิดปรกติ
ด้วยสัมผัสวิญญาณอันแรงกล้า มันค้นพบสาเหตุอย่างรวดเร็ว
นี่คือผลข้างเคียงของการใช้ลูกโม่ลางมรณะ!
เนื่องจากกลายเป็นครึ่งเทพ ร่างวิญญาณมีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งเทพ ผลข้างเคียงด้านลบจึงลดลงมากกว่าเก้าในสิบส่วน ส่งผลให้ความ ‘กลัวสกปรก’ พัฒนาไปเป็นความ ‘คลั่งสะอาด’
ในทำนองเดียวกัน ระยะเวลาของผลข้างเคียงลดลงจากหกชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง และปัญหาด้านความกระหายน้ำก็แทบไม่รู้สึก
“โชคยังดี…” ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก ดึงแปรงขัดโถส้วมด้านข้างออกมาทำความสะอาดอย่างชำนาญ
…
ห้าทุ่มตรงของวันเดียวกัน เหนือสายหมอกสีเทา ตามข้อเรียกร้องของเอ็มลิน·ไวท์ สมาชิกทุกคนที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการสั่งสอนซึ่งประกอบไปด้วย มิสจัสติส มิสเตอร์สตาร์ มิสจัดจ์เมนต์ มิสเมจิกเชี่ยน และมิสเตอร์แฮงแมน ปรากฏตัวท่ามกลางวังโบราณที่สง่างาม
“นี่คือส่วนแบ่งทั้งหมด” ‘เดอะมูน’ เอ็มลินโยนเงินสดสามพันปอนด์ที่เพิ่งสังเวยขึ้นมาไว้ตรงกลางโต๊ะ ตามด้วยอธิบาย “หนึ่งในสมบัติวิเศษมีชื่อว่า ‘คำสาบานแห่งกุหลาบ’ เป็นแหวนคู่ มันจะช่วยแบ่งปันประสาทสัมผัสและความคิดระหว่างผู้สวมใส่ทั้งสองคนที่อยู่ห่างกันไม่เกินขอบเขตเมืองใหญ่ แน่นอนว่ามันมีมูลค่าสูงมาก แต่ข้าได้มาแค่วงเดียว ถึงใครจะได้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์ มีแต่จะได้รับอันตราย ข้าจึงนำไปคืนเบื้องบนของผีดูดเลือดและได้รับเงินสามพันปอนด์ตอบแทน”
ในตอนแรก มันต้องการเก็บเงินสามพันปอนด์ไว้เป็นส่วนแบ่งตัวเอง แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก มันเลือกจะสังเวยขึ้นมาบนมิติหมอก ยอมให้มันเป็นหนึ่งในตัวเลือก
เว้นวรรคสักพัก เอ็มลินเริ่มแนะนำสมบัติชิ้นอื่นๆ เล่าถึงข้อดีและผลข้างเคียงด้านลบ รวมถึงการอธิบายและมอบความรู้เชิงลึก – เป็นความรู้จากการชอบศึกษาประวัติศาสตร์ของมันเอง ผนวกกับสิ่งที่เออร์เนส·โบยาร์เล่าภายใต้การจับตามองของบิชอปยูทรอฟสกี้
ดูเหมือนว่าจะกำลังอวดภูมิ… ไม่อย่างนั้น พิจารณาจากนิสัยของมิสเตอร์ฟูล เขาคงไม่พูดยาวขนาดนี้ภายในลมหายใจเดียว… แล้วก็… การที่เขาผ่อนคลายเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งเพราะมิสเตอร์ฟูลไม่อยู่ที่นี่… ‘จัสติส’ ออเดรย์ทำตัวเป็นผู้ชมจากวงนอก ยังไม่เลือกส่วนแบ่ง
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ชำเลืองมองกองรางวัล หันไปหา ‘เดอะมูน’ เอ็มลินและกล่าว
“ได้พบกับเบื้องบนของผีดูดเลือดแล้วใช่ไหม? เล่าถึงแผนการล่าสมาชิกระดับสูงของโรงเรียนกุหลาบหรือยัง? คืบหน้าบ้างไหม?”
“ได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว รวมถึงการติดต่อกับคนของโรงเรียนกุหลาบฝ่ายระงับแรงปรารถนา แต่ทางนั้นขอเลื่อนแผนออกไปเป็นช่วงหลังเดือนกันยายน” ‘เดอะมูน’ เอ็มลินไม่ปิดบัง เชื่อโดยสนิทใจว่าแฮงแมนจะต้องมอบคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
ไม่เลว… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์พยักหน้าและกล่าว
“ต้องรอหลังเดือนกันยายน? แปลว่าพวกเขากำลังรอบางสิ่งที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงผลการต่อสู้ได้อย่างมหาศาล…”
ที่ใดสักแห่งบนวังโบราณ ไคลน์ซึ่งกำลังรอให้ชุมนุมย่อยจบลง กระจ่างถึงเหตุผลทันที เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการเลื่อนลำดับของชารอน
จากคำบอกเล่าของชารอน เธอจะลองประกอบพิธีกรรมเลื่อนลำดับในเกือบกรกฎาคม… หมายความว่าพิธีกรรมกินเวลาหนึ่งเดือน? ถ้าเป็นจริง นับว่าค่อนข้างแปลกไปจากเส้นทางอื่น… ไคลน์คาดเดาคลุมเครือ ยังไม่มีเหตุผลรองรับ
“ก็อาจจะใช่” ‘เดอะมูน’ เอ็มลินเห็นด้วยกับ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์
จากนั้น มันมองไปรอบตัว ยิ้มและกล่าว
“พวกเจ้าเชิญเลือก”
‘จัสติส’ ออเดรย์มียันต์โจรปล้นดวงที่เดอะเวิร์ลสัญญาว่าจะมอบให้ ส่วน ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดก็ได้รับรางวัลตอบแทนจากพาลีส·โซโรอาสเตอร์ ส่วนแบ่งของไวเคาต์ผีดูดเลือดจึงแทบไม่มีน้ำหนัก ทั้งสองต่างตัดสินใจไม่รีบเลือก ปล่อยให้สมาชิกคนอื่นเริ่มก่อนอย่างสงบเสงี่ยม
นอกจากนั้น คนหนึ่งยังได้ประจักษ์สงครามเทวทูตกับตา ส่วนอีกคนได้เผชิญความสยองขวัญที่เกิดจากฝีมือร่างโคลน ทั้งสองได้เห็นกับตาตัวเองว่าชุมนุมทาโรต์นั้นน่าเกรงขามเพียงใด และปัจจุบันกำลังประสบความอ่อนล้าทางจิตใจ
‘จัดจ์เมนต์’ ซิล มองไปทางขวา ตามด้วยหันกลับมามองฝั่งตรงข้าม เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างเกรงใจ จึงตัดสินใจทำลายความเงียบ
“ส่วนที่ดิฉันรับผิดชอบนั้นมีระดับความยากไม่สูง แถมไม่ต้องเสี่ยง นอกจากนั้นมิสเตอร์มูนยังจ่ายค่าจ้างล่วงหน้ามาแล้วหกสิบปอนด์ จึงขอรับเงินสดบางส่วนจากกระเป๋าสตางค์ใบนี้”
กล่าวจบ เธอหยิบกระเป๋าสตางค์และนำธนบัตรออกมานับ:
“สามร้อยสามสิบห้าปอนด์”
‘เดอะมูน’ เอ็มลินมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครคัดค้านจึงพยักหน้า
“ตกลง”
สำหรับกระเป๋าสตางค์งานทำมือ ‘จัดจ์เมนต์’ ซิลโยนกลับไปที่กลางโต๊ะ ให้เดอะมูนจัดการกับมันต่อ
เมื่อซิลเปิดประเด็น ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สกล่าว
“ดิฉันเพียงแค่ให้ยืม ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงใด จึงขอรับเพียงกระดาษคนจันทรานั่น…”
เทียบกับสมบัติวิเศษ วัตถุวิเศษที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจะมีมูลค่าค่อนข้างต่ำ
แต่สำหรับ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส ต่อให้เธอมีสิทธิ์เลือกสมบัติวิเศษ แต่ก็คงไม่ทำเช่นนั้น เพราะหากต้องการพลังใด เธอก็แค่จ้างให้สมาชิกช่วยบันทึกพลังนั้นลงบนสมุดบันทึก ‘กระดาษคนจันทรา’ จึงเป็นวัตถุใช้แล้วทิ้งที่มีมูลค่าสูงมาก สามารถกันตายและกันการทะลวงจิตใจ เป็นสิ่งที่สมุดเวทมนตร์มิอาจบันทึกได้
กล่าวจบ เธอรอสักพัก เมื่อยืนยันว่าไม่มีใครคัดค้านหญิงสาวหยิบกระดาษคนจันทรามาวางข้างตัว
ขณะเอ็มลินหันหน้าไปทางมิสจัสติส ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดเหยียดแขนออกมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เชิญสุภาพสตรีก่อน”
‘จัสติส’ ออเดรย์ไม่ปฏิเสธ กวาดสายตาสำรวจสมบัติวิเศษบนโต๊ะ ตามด้วยชี้ไปทางเข็มหมุดเพชรและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเลือกสิ่งนั้น”
จากคำบรรยายของมิสเตอร์มูนเมื่อครู่ เธอทราบว่าสมบัติวิเศษชิ้นนี้ชื่อ ‘คู่ปรับเหล้า’ สามารถทำให้ผู้สวมใส่มีสติกระจ่างชัด สามารถต่อกรกับพลังจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โชคดีที่เราเน้นความแน่นอน เปิดฉากด้วย ‘ติดสินบน: หลงใหล’ เป็นหลักประกันไปก่อน นอกจากนั้น เออร์เนส·โบยาร์ก็ยังอยู่ในภาวะกึ่งกลับกึ่งตื่น การสะกดจิตจึงสำเร็จอย่างราบรื่น… สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีประโยชน์กับเราในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับสมาชิกระดับสูงของสมาคมแปรจิต เป็นอีกหนึ่งเครื่องรับรองความปลอดภัย… เมื่อไม่ต้องสวมใส่ในยามปรกติ ก็ไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงด้านลบ… ออเดรย์นึกขอบคุณในใจพลางถอนสายตากลับ
หลังจากที่เธอกล่าวจบ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินไม่ปล่อยให้ ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดพูด ชิงกล่าวตัดหน้า
“ผ้าคาดแสงจันทร์เป็นของเจ้า”
ตามความเห็นของมัน ผ้าคาดแสงจันทร์มีมูลค่าราวห้าพันปอนด์ จะต้องดีกว่าเงินสดสามพันปอนด์แน่นอน
อันที่จริง เราต้องการเงินสดสามพันปอนด์มากกว่า… เราเพิ่งซื้อไม้เท้าวาจาสมุทรต่อจากไคลน์ในราคาหนึ่งหมื่นปอนด์ถ้วน เป็นราคาที่ลดแล้ว… หลังจากจ่ายไปก้อนใหญ่ เงินออมของเราเหลือเพียงหกร้อยห้าสิบปอนด์เท่านั้น… แต่ในท้ายที่สุด เลียวนาร์ดไม่ปฏิเสธ เพียงพยักหน้ารับ
“ตกลง”
เมื่อ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินจัดสรรส่วนแบ่งเสร็จ มันรับเงินสดที่เหลือสามพันปอนด์มาเป็นของตัวเอง จากนั้นก็แบ่งเป็นกองย่อย ดันกองหนึ่งไปทางด้านข้าง
“มิสเตอร์แฮงแมน นี่คือค่าตอบแทนของคุณ หนึ่งพันปอนด์”
“เรียกว่าค่าที่ปรึกษาจะเหมาะกว่า” เมื่อไม่มีมิสเตอร์ฟูล ฟอร์สเองก็ผ่อนคลายลงมาก
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ไม่มากพิธี กางฝ่ามือออกมารับกองธนบัตร
“สำหรับความเสียหายที่เกิดกับคนขับรถม้า ข้าจะรับผิดชอบเอง” ‘เดอะมูน’ เอ็มลินมองไปรอบตัวอีกครั้งด้วยอารมณ์แจ่มใส
…
ห้าทุ่มตรงของคืนวันพุธ ทางขึ้นสะพานเบ็คลันด์ฝั่งทิศใต้
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วในค่ำคืนอันมืดมิด มือข้างหนึ่งกดหมวก อีกข้างจับกระดุมอย่างสุภาพ
มันมีเส้นผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าผอมเพรียวชัดลึก สีหน้าเย็นชา ไม่ใช่ใครนอกจากนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุด เกอร์มัน·สแปร์โรว์
……………………………