Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 494 : เมอร์ล็อกหนึ่งคำ

ราชันเร้นลับ 494 : เมอร์ล็อกหนึ่งคำ

ท่ามกลางท้องฟ้าสีดำอันมีจันทราสีแดงลอยเด่นสง่า ไคลน์เดินเข้าไปหาดอนน่ากับแดนตันพร้อมกับนั่งยองลง

เซซิล พรรคพวกหญิงของคลีฟส์ ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับหยิบไรเฟิลขึ้นจากพื้นดาดฟ้าเรือ เธอย่อตัวลงและเดินไปหลบในอีกมุมหนึ่ง โดยรักษาระยะห่างจากเครื่องในหมูโรยพริกไทยประมาณสิบเมตร

“คุณลุง พวกเขากำลังจะเริ่มแล้วใช่ไหม”

เด็กหญิงซุกซนใบหน้าตกกระ ดอนน่า เริ่มแสดงสีหน้าประหวั่น แต่ดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไคลน์เลื่อนมือซ้ายขึ้นมาและนำนิ้วชี้จ่อริมฝีปาก เป็นการส่งสัญญาณบอกให้เด็กน้อยทั้งสองลดเสียงลง

ในเวลาเช่นนี้ ไคลน์อดรู้สึกขอบคุณจักรพรรดิโรซายล์ไม่ได้ เป็นเพราะรุ่นพี่นักเดินทางข้ามโลกได้พยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ภาษากายของโลกได้รับความนิยมบนทวีปเหนือ การสื่อสารของตนจึงไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น

ถ้าจำไม่ผิดสัญญาณมือ’ อย่าทำเสียงดัง’ เคยเป็นอากัปกิริยาหยาบคายของชาวโลเอ็นมาก่อน แต่หากเป็นทวีปใต้จะหมายถึงการบอกให้ ‘จูบฉันที’ …

ไคลน์กำลังครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย

ดอนน่าและแดนตันไม่กล้าส่งเสียงอีก เพียงนั่งยองอย่างเงียบงัน รอคอยการต่อสู้ของคลีฟส์ด้วยใจจดจ่อ

อดีตนักผจญภัยหยิบคันเบ็ดขึ้นพลางเกี่ยวเครื่องในหมูติดปลายเบ็ด ตามด้วยการวางเสียบไว้กับฐานยึดและเดินไปยังริมเรือ

เกิดเสียง ‘ซ่า’ ขณะปลายเบ็ดถูกหย่อนกระทบผิวน้ำ

คลีฟส์โปรยเครื่องในหมูชิ้นอื่นลงบนพื้นดาดฟ้าเรืออย่างใจเย็น ก่อนจะเดินเข้าไปหลบมุมในทิศทางตรงข้ามกับเซซิล

คนทั้งสองยืนกำลังยืนทำมุมประมาณหกสิบองศาจากจุดยึดคันเบ็ดในลักษณะสามเหลี่ยม

คลีฟส์พิงหอกสามง่ามและอาวุธอื่นไว้บนกำแพงห้องพัก จากนั้นก็หยิบไรเฟิลขึ้นมาถือในท่าเตรียมเล็ง

ดาดฟ้าเรือถูกบรรยากาศเงียบงันเข้าปกคลุมเป็นเวลานาน มีเพียงเสียงกลไกของเครื่องจักรและเสียงคลื่นซัดกระทบท้องเรือ

ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ดอนน่าและแดนตันเริ่มทนไม่ไหว พวกเธอต้องเปลี่ยนอิริยาบถจากท่านั่งยองเป็นการนั่งก้นแนบพื้น หลังเอนพิงผนังห้องพักเพื่อขจัดอาการเหน็บชา

ทันใดนั้น ปลายคันเบ็ดเริ่มถูกดึงจมลงไปด้านล่างเล็กน้อย

เสียงเสียดสีของบางสิ่งเริ่มดังใกล้เข้ามาทุกขณะ จนกระทั่งร่างหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ

ร่างของสัตว์ประหลาดถูกฉาบด้วยแสงนวลจากดวงจันทร์แดง ทุกซอกมุมร่างกายถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียวเข้ม ผิวรอบนอกยังมีเมือกข้นเคลือบไว้อีกหนึ่งชั้น

รูปกายไม่เหมือนกับมนุษย์มากนัก คล้ายกับปลาแขนยาวมากกว่า ตามร่องนิ้วมีพังผืดแผ่นใหญ่เกาะติดอย่างชัดเจน

เมอร์ล็อกสูงประมาณ 1.9 เมตร ดวงตากลมโต แก้มสองข้างคล้ายเหงือกปลา

เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์อันคล้ายคลึงกับปีศาจในตำนานปรัมปรา ดอนน่ารีบเลื่อนมือขึ้นมาปิดปากตัวเองมิให้ส่งเสียงกรีดร้อง ขณะเดียวกันก็รีบใช้มืออีกข้างปิดปากแดนตัน

หัวไวใช้ได้… ไคลน์อมยิ้มพลางสำรวจเมอร์ล็อกอย่างใจเย็น

แตกต่างจากผู้คลุ้มคลั่งซึ่งชายหนุ่มเคยพบเจอพร้อมลุงนีลล์เมื่อในอดีต ตัวเมอร์ล็อกไม่มีส่วนสมองเหมือนกับมนุษย์ เป็นเครื่องยืนยันว่ามันคือสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์ประหลาด

เมอร์ล็อกกวาดสายตามองรอบตัวอย่างหวาดระแวง ก่อนจะนั่งยองลงและหยิบเครื่องในหมูใส่ปากเคี้ยวกร้วมกร้าม

แสงในดวงตาซีดจางลง คล้ายกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในภวังค์ความฝันชั่วขณะ

สติปัญญาต่ำตามคาด… ไคลน์ส่ายหน้าเมื่อเห็นเหยื่อติดกับอย่างง่ายดาย

ปัง!

คลีฟส์เหนี่ยวไกปืนทันที กระสุนพุ่งออกจากปากลำกล้องกระทบแผ่นอกเมอร์ล็อกจนเกล็ดแตกละเอียดและเลือดสาดกระเซ็น

“แว๊!” เมอร์ล็อกส่งเสียงร้องคล้ายทารก ตามด้วยการกระโจนเข้าหาคลีฟส์ตรงมุมมืดด้วยความเร็วเทียบเท่ารถจักรไอน้ำ

ทันใดนั้น เซซิลในอีกมุมหนึ่ง เปิดฉากยิงใส่เมอร์ล็อกอย่างชำนาญ

ปัง!

กระสุนทะลวงเข้าไปในส่วนซี่โครง เกล็ดปลาแตกกระจาย การเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดเชื่องช้าลงทันที

ด้วยผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมจากเครื่องในผสมพริกไทย ตัวเมอร์ล็อกออกอาการโงนเงนพลางชะงักพฤติกรรม เนื่องจากไม่แน่ใจว่าตนควรโจมตีเป้าหมายใดก่อน

ช่องว่างดังกล่าวเปิดโอกาสให้คลีฟส์และเซซิลบรรจุกระสุนไรเฟิลเข้าไปใหม่

ไกปืนถูกเหนี่ยวอีกครั้ง

ปัง! ปัง!

เลือดเมอร์ล็อกสาดกระเซ็นเป็นฝอย ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้มันตาสว่าง หลุดพ้นจากภวังค์มึนงงในช่วงก่อนทันที

เมอร์ล็อกรีบกลิ้งตัวสลับกระโจนไปทางคลีฟส์เพื่อหลบหลีกการยิงในนัดถัดไป ระยะห่างของมันกับคลีฟส์ลดลงอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยมีอาการบาดเจ็บ

อดีตนักผจญภัยวางไรเฟิลลงพร้อมกับหยิบหอกสามงามจากริมผนังอย่างคล่องแคล่ว ประหนึ่งวางแผนไว้ในใจนานแล้ว

คลีฟส์ไม่คิดหลบหลีก มันม้วนตัวสวนเข้าไปหาเมอร์ล็อกจากด้านข้าง และเล็งแทงสามง่ามเสียบชายโครงอย่างแม่นยำ

จุดดังกล่าวปราศจากเกล็ดปกป้องเนื่องจากถูกเซซิลยิงแตกในจังหวะก่อนหน้า

เมอร์ล็อกรีบกระตุกหมุนตัวด้วยความเร็วสูงจนเกิดเป็นพายุขนาดย่อม สามง่ามถูกเหวี่ยงจนกระเด็น คลีฟส์เสียหลักล้มกระแทกพื้นดาดฟ้าเรือ

เมอร์ล็อกสอดส่องซ้ายขวา เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย มันตัดสินใจไม่โจมตีใส่คลีฟส์และเซซิลต่อ แต่เลือกวิ่งก้าวใหญ่เพื่อเตรียมกระโดดลงจากเรือ

ปัง!

เซซิลยิงซ้ำ กระสุนทำลายเกล็ดแต่ไม่ทำให้เมอร์ล็อกหยุดวิ่ง

ผ่านไปสองก้าว เมอร์ล็อกเข้าระยะกระโดดและเตรียมงอเข่า

แต่ด้วยสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ การส่งแรงจึงไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เมอร์ล็อกกะระยะพลาดและชนกับขอบเรือด้านใน

โครม!

หลังจากบาดเจ็บจากความโง่เขลาส่วนตัว เมอร์ล็อกพยายามตะเกียกตะกายปีนขอบเรือเพื่อไปยังอีกฝั่งให้ได้

เมื่อเห็นเหยื่อกำลังจะหนีรอด ไคลน์ชักลูกโม่ออกมาเล็งและง้างนก

แต่ทันใดนั้น เสียงปืนปริศนาพลันดังมาจากอีกหนึ่งทิศทาง!

ปัง!

ดวงตาข้างซ้ายของเมอร์ล็อกถูกยิงจนเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ หากมองเข้าไปจะเห็นอวัยวะภายในกำลังยุบพองอย่างน่าหวาดเสียว

มันยังไม่ตายสนิท เพียงเสียหลังล้มลงไปนอนบนพื้นดาดฟ้า และพยายามตะเกียกตะกายกลับออกไปให้ได้

ไม่กี่วินาทีถัดมา พิษจากหอกสามง่ามของคลีฟส์เริ่มแสดงผล ร่างกายเมอร์ล็อกชักกระตุกแผ่วเบาจนกระทั่งแน่นิ่ง

ไคลน์มองตามเสียงปืนและเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินออกจากมุมเงามืดระหว่างห้องพัก

อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคน สวมโค้ทสีแดงเข้มตัวใหญ่หนา และหมวกหนีบทหารเรือ หมวกยอดนิยมประจำยุคสมัย

มือถือปืนคาบศิลาทรงโบราณสีเหล็ก ปากกระบอกมีควันดำระอุเข้มข้น

ไคลน์เคยได้ยินลูกเรือแนะนำตัวชายคนนี้ให้ตนฟังแล้ว ไม่ใช่ใครนอกจากกัปตันเรือโมราขาวลำนี้

ไอร์แลนด์·คักส์

กัปตันเรือเจ้าของรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก หางตา และมุมปาก เดินเข้าไปหาคลีฟส์และกล่าวด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง

“ในฐานะกัปตัน ผมต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ได้โปรดให้อภัยการแอบจับตามองคราวนี้ด้วย”

คลีฟส์ยืนขึ้น และกล่าวโดยไม่ทรยศความรู้สึกตัวเอง

“เชิญตามสบาย นี่เป็นเรือของคุณ และตามข้อตกลง คุณมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งจากการล่า”

ไอร์แลนด์หันมาจ้องไคลน์กับคนอื่น

“เรือจะจอดเทียบท่าเพื่อเติมเสบียงและน้ำสะอาดในอีกสองวัน กว่าจะถึงตอนนั้น คุณต้องหาวิธีเก็บรักษาศพเมอร์ล็อกอย่างมีประสิทธิภาพ เอาแบบนี้เป็นไง ขายมันให้ผมในราคาถูกกว่าปรกติ ส่วนต่างคือส่วนแบ่งของผม”

“ก็คงต้องตามนั้น” คลีฟส์และเซซิลมองหน้ากันเล็กน้อย “หนึ่งร้อยสามสิบปอนด์ แล้วศพเมอร์ล็อกจะเป็นของคุณทันที”

ลำพังตะกอนพลังของเมอร์ล็อกก็มีราคาหนึ่งร้อยห้าสิบถึงสองร้อยปอนด์แล้ว ยังไม่รวมอวัยวะอื่นภายในศพ หนึ่งร้อยสามสิบปอนด์จึงนับว่าถูกมาก…

แต่คลีฟส์กับเซซิลคงมิอาจเรียกร้องได้มากนัก เพราะนี่คือเรือของไอร์แลนด์ กัปตันย่อมมีลูกเรือและคนงานจำนวนมาก หากการเจรจาล้มเหลว คลีฟส์กับเซซิลสามารถจมก้นทะเลภายในไม่กี่วินาที…

นั่นคือในกรณีเราไม่เข้าไปช่วย…

ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า คลีฟส์กับเซซิลไม่ใช่ผู้วิเศษ หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่เส้นทางชำนาญด้านยิงปืน แต่ในส่วนของไอร์แลนด์ ชายคนนี้น่าสงสัย…

ไคลน์ยืนฟังการเจรจาพลางครุ่นคิด

“เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ต้องการขูดรีดคุณ เอาไปหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ นั่นคือราคายุติธรรมต่อทุกฝ่าย”

ไอร์แลนด์กวักมือเรียกลูกเรือคนหนึ่งพร้อมกับมอบกุญแจตู้นิรภัยให้

“คุณคือ ‘ไอร์แลนด์ผู้เที่ยงธรรม’ คนนั้นเองหรือ…” เซซิลอุทานขึ้นหลังจากนึกสมญานามบนท้องทะเลของอีกฝ่ายออก

ไอร์แลนด์ยิ้ม

“ถูกต้อง”

ขณะเดียวกัน ดอนน่าและแดนตันซึ่งกำลังตื่นเต้นจากการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างมนุษย์และสัตว์ประหลาดตัวเป็นๆ พยายามเดินเข้าไปใกล้ศพของด้วยความหวาดหวั่นแกมอยากรู้อยากเห็น

“ม…มันตายแล้วใช่ไหมคะ?” ดอนน่าใช้เท้าเตะศพแผ่วเบา ก่อนจะรีบวิ่งไปหลบหลังน้องชายอย่างสั่นกลัว

“สัตว์ประหลาดตัวจริง!” แดนตันอุทานด้วยดวงตาลุกวาว

“ในทะเลมีสัตว์ประหลาดมากมาย โดยเฉพาะเจ้านี่ หากไม่นับว่ามีแขนขาคล้ายมนุษย์ พวกมันไม่มีสิ่งใดเหมือนมนุษย์แม้แต่อย่างเดียว” ไอร์แลนด์อธิบายอย่างอ่อนโยน

ถัดมา มันนั่งยองลงข้างศพเมอร์ล็อกและใช้มีดเฉือนเอาเนื้อแก้มตรงใต้ตาจำนวนหนึ่ง เผยให้เห็นเนื้อสดสีขาวขุ่นเจือเลือดฝาดสีแดง

“ส่วนอร่อยสุดยอดของเมอร์ล็อก ต้องกินแบบดิบจึงจะวิเศษ” ไอร์แลนด์แล่เนื้อแก้มให้บางลงและส่งมีดติดปลายเนื้อสีขาวไปทางดอนน่า “เธอทำให้ฉันนึกถึงลูกสาว แต่น่าเสียดาย ตอนนี้หล่อนมีครอบครัวเป็นของตัวเองไปแล้ว ฮะฮะ!”

“น…หนูไม่กล้ากินค่ะ” ดอนน่ากล่าวขณะเพ่งมองเนื้อสีขาวขุ่นบนปลายมีด

“ฮะฮะ! มีใครอยากลองชิมไหม” ไอร์แลนด์หัวเราะพลางมองไปรอบตัว

เมื่อเห็นว่าไม่มีการร้องเตือนจากสัมผัสวิญญาณ ไคลน์พยักหน้ารับ

“ผมนึกสงสัยในรสชาติ”

ไอร์แลนด์ยื่นมีดให้

“ลองเข้าไปสักคำ หากเป็นบนบก แม้แต่ขุนนางหลายคนก็ไม่มีโอกาสได้กินสิ่งนี้ เมอร์ล็อกเป็นสัตว์ประหลาด พวกเราควรมองว่ามันเป็นเพียงปลากลายพันธุ์”

ไอร์แลนด์พยายามขจัดอคติในใจสองพี่น้อง

ขณะเดียวกัน ไคลน์อยากถามออกไปว่ามีวาซาบิ โชยุ หรือเครื่องปรุงชนิดอื่นบ้างไหม แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่กล่าวถึง ชายหนุ่มจึงไม่ต้องการแสดงตัวว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุง

มันรับมีดและกัดแผ่นเนื้อฝานขาวขุ่นซึ่งมีเลือดแดงเคลือบเล็กน้อย

ความสดใหม่พลันระเบิดในช่องปาก เลือดมีกลิ่นไม่คาวมาก ช่วยมอบรสชาติเค็มและดึงความหวานของเนื้อออกมาได้ถึงขีดสุด

ไคลน์เคี้ยวต่ออีกสองคำ พลางดื่มด่ำไปกับความสดและอ่อนนุ่มของเนื้อปลา นับตั้งแต่เกิดมา มันไม่เคยสัมผัสรสชาติแบบนี้มาก่อน

“สุดยอดมาก…” มันยกนิ้วโป้งเพื่อยกย่องความอร่อยของอาหารโดยไม่เหนียมอาย

ดอนน่ายืนมองด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น เธอเกิดความอยากจะลิ้มรสเนื้อแก้มของเมอร์ล็อกขึ้นมาบ้าง

จนกระทั่งความสงสัยเอาชนะความหวาดกลัว เด็กหญิงส่งสัญญาณขอลองชิมบ้าง

ไอร์แลนด์ไม่ขัดข้อง เพียงฝานเนื้อแผ่นบางพร้อมกับยื่นมีดให้เด็กหญิงตัวเล็ก

จากนั้นก็ยืนมองเธอหลับตาปี๋ด้วยสีหน้ากล้าๆ กลัวๆ ขณะกัดเนื้อสีขาวเข้าไปในปากหนึ่งคำ

เพียงไม่นาน ดอนน่าเผยรอยยิ้มพร้อมกับอุทานอย่างตื่นเต้น

“อร่อยจนบรรยายไม่ถูก!”

คำยืนยันของเด็กหญิงช่วยให้แดนตัน เซซิล และคนอื่นๆ แบ่งเนื้อแก้มก้อนสุดท้ายกินอย่างเท่าเทียม ทุกคนลิ้มรสความเอร็ดอร่อยด้วยสีหน้าพึงพอใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่พึงพอใจ

พึงพอใจในรสชาติ แต่ไม่พึงพอใจในปริมาณ!

เมื่อเห็นไอร์แลนด์กินเนื้อแก้มส่วนสุดท้ายหมด คลีฟส์ชี้ไปทางศพเมอร์ล็อกและกล่าว

“เนื้อซี่โครงเหมาะแก่การทอด เนื้อท้องเหมาะแก่การย่าง แต่ส่วนอื่นมีรสชาติห่วย”

“คิดแบบเดียวกัน” ไอร์แลนด์ยิ้ม “ผมจะให้พ่อครัวนำไปปรุงทันที ในค่ำคืนเช่นนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ลิ้มรสอาหารมื้อเยี่ยมไปพร้อมกับไวน์คุณภาพดีอีกแล้ว พวกเราจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และตำนานในท้องทะเลซึ่งกันและกัน”

ชักอดใจรอไม่ไหวแล้วสิ…

แต่ทำไมการลักลอบล่าเหยื่อถึงกลายเป็นมื้ออาหารสุดอบอุ่นไปได้?

ไคลน์กลืนน้ำลายอึกใหญ่

 ……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset