Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 488 : ค่าครองชีพ

ราชันเร้นลับ 488 : ค่าครองชีพ

จองสมบัติวิเศษล่วงหน้า?

อัลเจอร์มึนงงหลายวินาที ก่อนจะตระหนักถึงความนัยแฝงจากมิสจัสติส

ความคิดของมันกำลังเปิดกว้าง คล้ายกับได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่

สรุปโดยสั้น ตะกอนพลังซึ่งเดอะเวิร์ลฝากเราขายได้ถูกจองเรียบร้อย โดยปลายทางคือการนำไปแปรรูปเป็นสมบัติวิเศษ…

หมายความว่า งานของเราจะสะดวกขึ้นและทำกำไรง่ายขึ้นมาก จากแต่เดิม เราต้องขายตะกอนพลังด้วยการตระเวนหาว่า มีช่างฝีมือคนใดต้องการซื้อตะกอนพลังไปทำเป็นสมบัติวิเศษบ้าง แต่ปัจจุบัน เราเพียงต้องตระเวนหาช่างฝีมือเพื่อ ‘จ้างทำ’ สมบัติวิเศษ จึงค่อยนำผลลัพธ์ไปขายต่อให้มิสจัสติส…

งานของเรามีแค่การเสียเวลาหาช่างฝีมือและออกค่าใช้จ่ายในการสร้าง เท่านี้ก็สามารถทำกำไรมหาศาล… แต่แน่นอน ฝ่ายเราต้องแบกรับความเสี่ยงเกี่ยวกับช่างฝีมือเอง…

ท่ามกลางชุดความคิดมากมาย อัลเจอร์คำนวณหาผลดีผลเสียของข้อเสนอจนกระทั่งได้ข้อสรุปสุดท้าย

“ตกลง ให้ผมจัดการเอง” มันหันไปจ้องจัสติสด้วยสายตาราวกับกำลังเพ่งมองแท่งทองอันเจิดจ้า

หลังจากเข้าร่วมโบสถ์วายุสลาตันและล่องทะเลมานานหลายปี อัลเจอร์ไม่เคยพบใครเหมือนกับเธอมาก่อน

จริงอยู่ บนเกาะอาณานิคมอาจมีพ่อค้ามั่งคั่งเดินทางไปแสวงหาโอกาสจำนวนไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครใช้จ่ายเงินทองต่างน้ำเท่าจัสติส

สภาพคล่องทางการเงินของเธอดีขึ้นถึงขั้นนี้แล้วหรือ?

ด้านไคลน์ก็กำลังประหลาดใจไม่ต่าง

ชั่วขณะหนึ่ง มันเกิดความคิดจะทวงเงินสองพันปอนด์ให้ข้ารับใช้เดอะฟูลขึ้นมา แต่หลังจากใจเย็นลงและตั้งสติ ชายหนุ่มยังไม่ลืมว่าเดอะฟูลอนุญาตให้เธอชำระเงินคืนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม หากกลับกลอกอาจทำให้เสียภาพพจน์

อย่างน้อย เราก็กำลังจะทำเงินได้จากตะกอนพลังของผู้ไร้หน้า เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับว่าแฮงแมนติดต่อช่างฝีมือเมื่อไร และอีกฝ่ายมีความเร็วในการผลิตเป็นอย่างไร… น่าเสียดาย ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก เราคงขายตะกอนพลังให้เธอโดยตรง จากนั้นค่อยให้เธอไปว่าจ้างแฮงแมนเอาเอง…

ไคลน์เริ่มลังเลว่า ตนควรถอนคำพูดกับแฮงแมนและนำตะกอนพลังไปขายให้จัสติสโดยตรงดีหรือไม่

แต่สุดท้ายก็เลือกจะรักษามารยาทไว้

เมื่อการเจรจาได้ข้อสรุป อัลเจอร์หายใจทั่วท้องอย่างผ่อนคลาย เนื่องจากสภาพคล่องทางการเงินของมันกำลังฟื้นตัวทีละนิด

หลังจากครุ่นคิดสักพัก มันซักถามต่อ

“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย มีใครในหมู่พวกคุณ ทราบวิธีทำให้ทุกคนบนเรือหลับสนิทพร้อมกันหรือไม่”

เหตุผลให้อัลเจอร์ยังไม่เดินทางไปยังเกาะนอกอาณานิคมเพื่อล่าเหยี่ยวเงาฟ้า เพราะมันยังไม่พบวิธีแอบออกจากโทสะสีครามอย่างลับๆ ขณะมีลูกเรือและกะลาสีกว่าสิบชีวิตจากโบสถ์วายุสลาตันร่วมโดยสารมาด้วย

วิธีทำให้ทุกคนบนเรือหลับ?

ความคิดแวบแรกในหัวไคลน์คือการใช้ขวดพิษชีวภาพ แต่ผลลัพธ์จะอยู่นอกเหนือการควบคุมโดยสิ้นเชิง จึงเกรงว่าอาจไม่ใช่วิธีถูกต้องนัก

ถัดมา ชายหนุ่มหวนนึกถึงพลัง ‘ฝันร้าย’ ภายในยุบพองหิวโหย การดึงเหยื่อให้ตกอยู่ในภวังค์หลับลึกถือเป็นจุดเด่นของเส้นทางดังกล่าว

แต่ปัญหาคือ ต่อให้เป็นลำดับ 7 ฝันร้ายตัวจริง ก็ยังไม่สามารถทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากตกอยู่ในภวังค์หลับลึกพร้อมกันได้ หากจะให้เข้าเงื่อนไขของแฮงแมน บางทีอาจต้องใช้เส้นทางเดียวกันในลำดับ 5 หรือไม่ก็ต้องเป็นครึ่งเทพขึ้นไป…

ไคลน์กลืนคำตอบลงคอและมิได้บังคับให้เดอะเวิร์ลกล่าวสิ่งใด

ขณะเดียวกัน ออเดรย์ ฟอร์ส และเดอร์ริค ต่างก็ส่ายหน้าพร้อมกันเป็นเชิง ‘ไม่’

เอ็มลินทำหน้านึก

“ข้าสามารถถามให้ได้ เพราะบางที พวกเราผีดูดเลือดอาจมีสมบัติวิเศษประเภทดังกล่าวเหลืออยู่ภายในตระกูล”

เขาพูดว่า ‘พวกเราผีดูดเลือด’ บ่อยครั้ง… ในอนาคต เราสามารถกุมจุดอ่อนของเขาได้จากการใช้คำในลักษณะนี้…

อัลเจอร์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“คงต้องรบกวนคุณแล้ว”

เมื่อเห็นว่าการแลกเปลี่ยนใกล้จบลง ไคลน์บังคับเดอะเวิร์ลกล่าวความต้องการสุดท้าย

“ทุกคน รบกวนช่วยจับตามองพลังวิญญาณตกค้างของวิญญาณอาฆาตโบราณ และดวงตาการ์กอยล์หกปีกให้ผมด้วย”

นอกเหนือจากวัตถุดิบหลัก ไคลน์สามารถหาวัตถุดิบรองได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาชุมนุมทาโรต์

“ตกลง” เดอร์ริคตอบสนองเป็นคนแรก จากนั้นก็เสริมด้วยสีหน้าเจือความสำนึกผิด

“มิสเตอร์เวิร์ล ในส่วนของวิธีขจัดการกัดกร่อนทางจิตออกจากตะกอนพลังปนเปื้อน ผมยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ตอนนี้กำลังเร่งพัฒนาตัวเองให้เป็นลำดับ 7 อย่างสุดความสามารถแล้ว”

เมื่อกล่าวจบ เด็กหนุ่มหันไปมองด้านข้าง

“มิสเตอร์แฮงแมน ไว้ให้ผมเดินทางกลับถึงเมืองเงินพิสุทธิ์ก่อน แล้วจะรีบจดรายชื่อของสัตว์ประหลาดโดยรอบให้ทันที”

เดอร์ริคไล่ทบทวนหนี้ตกค้างของตนโดยไม่ปล่อยให้ตกหล่นใครไป คล้ายกับสิ่งเหล่านี้คอยตามหลอกหลอนจนมันนอนไม่หลับมาตลอดหลายวัน

“ไม่มีปัญหา” เดอะเวิร์ลตอบเสียงเรียบ

ทางด้านไคลน์เองก็ไม่รีบร้อน ยังอีกนานกว่าจะย่อยโอสถผู้ไร้หน้าสมบูรณ์ ไม่สิ ยังหากฎและเทคนิคสวมบทบาทไม่ได้ด้วยซ้ำ

กระบวนการย่อยเพิ่งเริ่มต้นขึ้น จึงยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะใช้วัตถุดิบหลักของโอสถนักเชิดหุ่น

ดังนั้น แผนออกทะเลของชายหนุ่มจึงไม่ใช่การเดินทางตรงดิ่งไปยังหมู่เกาะการ์กัสทันที ตรงกันข้าม ไคลน์จะทำตัวเป็นนักผจญภัย และท่องเที่ยวสลับทำงานตามหมู่เกาะอาณานิคมต่างๆ พลางหาโอกาสปลอมตัวเป็นคนอื่นเพื่อย่อยโอสถผู้ไร้หน้าอย่างต่อเนื่อง

ระหว่างการเดินทาง มันจะรวบรวมข้อมูลของนางเงือกอย่างละเอียดอีกครั้ง สืบเนื่องมาจาก โบสถ์รัตติกาลได้ครอบครองและเลี้ยงดูนางเงือกไว้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มจึงเริ่มระแวงว่าทางโบสถ์อาจวางกับดักบางชนิดไว้หลอกล่อผู้ไร้หน้าแถวหมู่เกาะการ์กัส

ในอีกความหมายหนึ่ง ไคลน์เตรียมใช้เวลาสองถึงสามเดือนถัดจากนี้เพื่อท่องเที่ยวไปรอบทะเลโซเนียอย่างไม่รีบร้อน นานพอจะให้เดอะซันรวบรวมวัตถุดิบหลักโอสถเพื่อเลื่อนเป็นลำดับ 7 ‘ข้ารับใช้สุริยัน’ และมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลระดับสูง

เมื่อช่วงเวลาค้าขายจบลง ชุมนุมทาโรต์ย่างเข้าสู่ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ

ออเดรย์ไม่ทำให้แฮงแมนผิดหวัง เธอลุกยืนและโค้งคำนับไปทางมุมโต๊ะทองแดงยาว

“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ดิฉันอยากทราบความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ ความจริงมีเพียงแค่ นิกายชั่วร้ายต้องการปลุกให้แม่มดบรรพกาลลืมตาตื่นขึ้น รวมถึงต้องการให้พระผู้สร้างแท้จริงลงมาจุติเท่านั้นหรือคะ? แล้วทำไมองค์ชายเอ็ดซัคถึงยอมร่วมมือ …จากกฎการแลกเปลี่ยนอันเท่าเทียม ท่านต้องการสิ่งใดเป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อมูลในคราวนี้หรือคะ”

ถ้าเรารู้ ปัญญาก็คงถูกแก้ไขไปนานแล้ว…

นักต้มตุ๋นไคลน์ผ่อนคลายอิริยาบถเล็กน้อย ตามด้วยการหัวเราะในลำคอ

“ไม่จำเป็น รากฐานของปัญหายังไม่ถูกพบ แต่พวกมันทิ้งเบาะแสไว้ค่อนข้างจัดเจน ได้หวังว่าคนของสามโบสถ์หลักจะไม่โง่เขลาจนเกินไป”

ยังไม่มีใครทราบถึงรากฐานแท้จริงของปัญหา? หมายความว่าปัญหายังไม่หมดไปจากเมืองหลวง!

แต่อย่างน้อย มิสเตอร์ฟูลก็บอกให้ข้ารับใช้ของท่าน นำข้อมูลไปรายงานให้สามโบสถ์หลักทราบโดยทั่วกันแล้ว…

ออเดรย์ค่อนข้างตกใจเมื่อได้ยิน แต่ก็ไม่ตื่นตระหนกจนเกินพอดี เนื่องจากทำใจกับเรื่องมาสักพักใหญ่แล้ว

กรุงเบ็คลันด์ยังไม่หลุดพ้นจากอันตราย…?

ฟอร์สเริ่มกระสับกระส่าย

หลังจากจัสติสนั่งลง ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลหัวเราะเสียงแห้ง

“มิสเตอร์แฮงแมน ผมพบเบาะแสของชายชื่อบาลุนตามคำบอกเล่าของคุณแล้ว”

“บาลุนผู้มีส่วนเกี่ยวพันกับการหลบหนีของทาสจำนวนมากบนหมู่เกาะอาณานิคม?” แฮงแมนซักถามด้วยสีหน้าเคลือบแคลง

“ถูกต้อง ผิวสีแดงน้ำตาล สำเนียงเบ็คลันด์ และฟันซี่สามจากซ้ายเป็นของปลอม” เดอะเวิร์ลตอบฉะฉานด้วยเสียงแหบ

“…คงไม่ผิดตัว” อัลเจอร์ก้มหน้าตรึกตรองสองวินาที “มันอยู่ไหน? กำลังใช้ตัวตนปัจจุบันเป็นใคร?

“แล้วก็ มิสเตอร์เวิร์ล คุณต้องการรางวัลตอบแทนแบบใดระหว่าง เงินสดหนึ่งร้อยปอนด์ และสิ่งของมูลค่าใกล้เคียง”

ต้องเงินแหงอยู่แล้ว!

ชายตกงานและกำลังดิ้นรนหาเงินมาประทังชีวิตอย่างไคลน์ บังคับเดอะเวิร์ลเปล่งเสียงแหบพร่า

“เงินสดหนึ่งร้อยปอนด์ บาลุนอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ ใครบางคนเห็นมันนัดพบกับสมาชิกของ MI9 ผู้ทำงานรับใช้ราชวงศ์อย่างซื่อสัตย์ ผมไม่ทราบตัวตนชัดเจนเพราะอีกฝ่ายสวมหน้ากาก”

สมาชิกของ MI9 ผู้ทำงานรับใช้ราชวงศ์อย่างซื่อสัตย์…

แฮงแมนทวนคำพึมพำ ก่อนจะหวนนึกถึงคำถามของมิสจัสติสเมื่อครู่ :

เหตุใดองค์ชายเอ็ดซัคถึงทำงานให้ชุมนุมแสงเหนือกับนิกายแม่มด?

ทุกสิ่งพุ่งเป้าไปยังราชวงศ์… เบาะแสทั้งสองนำพาไปยังจุดหมายเดียวกัน? เบื้องหลังของโศกนาฏกรรมใหญ่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเหล่าทาสบนเกาะ?

อัลเจอร์เริ่มพบกุญแจสำคัญ

“เครือข่ายข้อมูลของคุณน่าทึ่งมาก ไว้พรุ่งนี้ผมจะจัดการเรื่องเงินสดหนึ่งร้อยปอนด์ให้เรียบร้อย” อัลเจอร์กล่าวขอบคุณอย่างใจเย็น

“หึ” เดอะเวิร์ลยิ้มและหันไปทางเดอะซัน

“พ่อหนุ่ม คุณรู้จักเฮอร์มิสโบราณไหม”

เดอร์ริคตอบโดยไม่ปิดบัง

“ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับภาษาเฮอร์มิส แต่เมืองเงินพิสุทธิ์ไม่มีข้อมูลมากนัก”

ในช่วงยุคสมัยที่สอง มนุษย์จะเรียกภาษาเฮอร์มิสโบราณว่าเฮอร์มิส จนกระทั่งเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อย่างเข้าสู่ยุคสมัยที่สี่ มนุษย์ตัดทอนให้ภาษาเฮอร์มิสโบราณถูกใช้งานได้ง่ายขึ้น เพื่อจะได้นำไปถ่ายทอดและปรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม นั่นทำให้ตัวภาษาสูญเสียความแข็งแรงในเชิงพิธีกรรมไป

สรุปก็คือ เฮอร์มิสตามความหมายของเดอะซันคือสิ่งเดียวกับเฮอร์มิสโบราณ… เมืองเงินพิสุทธิ์มีการบันทึกชื่อของเฮอร์มิสไว้ในประวัติศาสตร์จริง…

ไคลน์พยักหน้ารับ

“น่าเสียดาย มีเรื่องจะให้ช่วยสักหน่อย”

ทันใดนั้น ออเดรย์ฉุกคิดบางสิ่งได้จากบทสนทนาของทั้งสอง เป็นข้อมูลซึ่งเธอเคยได้ยินจากสมาคมแปรจิต

ในตอนแรกหญิงสาวมีเจตนาเล่าให้ทุกคนฟังอย่างทั่วถึง แต่หลังจากชำเลืองหางตาไปทางสมาชิกใหม่ เดอะมูน ออเดรย์พบว่าตนยังไม่รู้จักบุคคลผู้นี้ดีพอ จึงยกมือขึ้นและกล่าว

“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ดิฉันมีบางสิ่งต้องการรายงานส่วนตัว”

ไคลน์พยักหน้า พลางตัดประสาทสัมผัสการได้เห็นและได้ยินของคนอื่น

“ว่ามา” ชายหนุ่มถามเยือกเย็น

ออเดรย์เล่าไปตามจริง

“ดิฉันได้ยินจากสมาคมแปรจิตว่า สมบัติสำคัญอันดับหนึ่งขององค์กรถูกพบระหว่างการขุดค้นซากปรักหักพังของเฮอร์มิส ผู้ให้กำเนิดภาษาเฮอร์มิสโบราณ”

ซากปรักหักพังของเฮอร์มิส? สุภาพบุรุษสูงวัยคนนั้นยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งราวสองร้อยปีก่อนไม่ใช่หรือ… แล้วทำไมถึงได้มีซากปรักหักพังในนามของเขาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน?

ชายคนนั้นจงใจให้สมาคมแปรจิตค้นพบสมบัติเพื่อชี้นำบางสิ่ง หรือว่าถูกสังหารหลังจากโรซายล์เสียชีวิตได้ไม่นานกันแน่…

ไคลน์นิ่งเงียบพักหนึ่ง ตามด้วยการเผยรอยยิ้มและเปรยกับหญิงสาว

“เฮอร์มิสเป็นคนของสภานักสิทธิ์สนธยา”

ชายหนุ่มไม่กล้าเล่าว่าเฮอร์มิสยังมีชีวิตอยู่ เพราะมันไม่มีหลักฐานยืนยันในเรื่องนั้น

คนของสภานักสิทธิ์สนธยา? สมาคมแปรจิตมีบางสิ่งเกี่ยวพันกับองค์กรลึกลับดังกล่าวด้วยหรือ…

ออเดรย์ตกตะลึงอยู่สักพัก ก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างผ่อนคลาย

โชคยังดี เรามีชุมนุมทาโรต์และมิสเตอร์ฟูลคอยให้การสนับสนุน ไม่อย่างนั้น คงไม่มีทางทราบว่าต้องคอยระวังตัวเรื่องใดบ้าง…

หญิงสาวสรรเสริญเดอะฟูลจากก้นบึ้ง

มาถึงจุดนี้ ไคลน์ต้องการช่วยให้จัสติสไม่จิตตกกับโศกนาฏกรรมของเมืองหลวงมากเกินไปนัก เพราะการเติบโตขึ้นไม่จำเป็นต้องละทิ้งความสดใสร่าเริงและรอยยิ้ม สองสิ่งดังกล่าวเป็นเรื่องดี แถมยังมิได้กระทบต่องานใหญ่ในอนาคต ตรงกันข้าม มันจะช่วยปรับอารมณ์ในระยะยาวได้ดีกว่า

แต่หลังจากครุ่นคิดกับตัวเอง ไคลน์ตัดสินใจรักษาภาพพจน์ของเดอะฟูล และไม่มอบคำแนะนำซึ่งตนได้รับจากประสบการณ์อันมีค่าสมัยยังเป็นตัวตลก

ถัดมา ชายหนุ่มสลายม่านกีดขวางรอบตัวสมาชิกคนอื่นพลางเอนหลังพิง รอให้ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลของชุมนุมทาโรต์จบลง

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset