Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 485 : เต็มไปด้วยข้อมูล

ราชันเร้นลับ 485 : เต็มไปด้วยข้อมูล

เฮอร์มิส? บุคคลในตำนานของมนุษย์…

ไคลน์ขมวดคิ้ว

ด้วยความรู้ความเข้าใจทางด้านศาสตร์เร้นลับอันเข้มข้น มันพอจะทราบว่าชายชราผู้สร้างภาษาเฮอร์มิสโบราณ โด่งดังและรุ่งเรืองในช่วงใดของประวัติศาสตร์โลก

ยุคสมัยที่สอง ขณะคนยักษ์ยังปกครองผืนดินและมังกรปกครองผืนฟ้า

หากข้อมูลไม่ผิดพลาด ดูเหมือนชื่อเสียงของเฮอร์มิสจะโด่งดังขึ้นมาก่อนการปรากฏตัวของเทพสงครามและพระแม่ธรณีเสียอีก

หรือก็คือ หากนำเรื่องนี้ไปถามเดอะซันน้อย ผู้ไม่เคยรู้จักเจ็ดเทพจารีตจนกระทั่งได้เข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ เขาอาจเคยได้ยินชื่อของเฮอร์มิสมาบ้าง… ไว้ค่อยให้เดอะเวิร์ลถามเพื่อความแน่ใจภายหลัง…

ถ้าอย่างนั้น สุภาพบุรุษสูงวัยแห่งสภานักสิทธิ์สนธยา จะต้องมีประสบการณ์ขณะมนุษย์กำลังลองผิดลองถูกเกี่ยวกับโอสถอย่างไร้ทิศทาง จุดประสงค์เพื่อพยายามไขความลับของโลกผู้วิเศษให้กระจ่าง

จนกระทั่งวันหนึ่ง เฮอร์มิสอาศัยรากฐานของภาษามังกรและคนยักษ์เป็นต้นแบบ และทำการสร้างภาษาเวทมนตร์ให้แก่เผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาเป็นครั้งแรก

ในภายหลัง เฮอร์มิสคงมีโอกาสได้เห็นศิลาเย้ยเทพแผ่นแรกด้วยตาตัวเอง

จากนั้นก็มีชีวิตยืนยาวมาจนถึงยุคสมัยของจักรพรรดิโรซายล์ และบางที อาจอยู่มาจนถึงยุคสมัยปัจจุบันของเรา!

ไม่ต่างอะไรกับซากดึกดำบรรพ์เดินดิน!

อารมณ์หลากหลายกำลังท่วมท้นจิตใจชายหนุ่ม ในทางกลับกัน ไคลน์เริ่มตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของสภานักสิทธิ์สนธยา

พวกมันมีกระทั่งเฮอร์มิสเป็นสมาชิก!

เฮอร์มิสยิ่งใหญ่มากเพียงใดดูได้จาก องค์กรลับส่วนใหญ่ รวมถึงเจ็ดโบสถ์หลัก ก็มักใช้ภาษาเฮอร์มิสโบราณในพิธีกรรมบ่อยครั้ง!

สภานักสิทธิ์สนธยาช่างลึกลับ ทรงพลัง และอยู่คนระดับโดยสิ้นเชิง…

ไคลน์ถอนหายใจเงียบงัน

ชายหนุ่มกำลังอิจฉาพวกมัน มิได้อิจฉาเพราะอีกฝ่ายมีเฮอร์มิสเป็นสมาชิก แต่กำลังอิจฉาว่า สภานักสิทธิ์สนธยามีศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองในครอบครอง!

แบบนี้เอาเปรียบกันชัดๆ …

ไคลน์ถอนหายใจอีกครั้งเมื่อตระหนักว่าชุมนุมทาโรต์ของตนมีไพ่เย้ยเทพเพียงใบเดียวจากทั้งหมดสี่สิบสองเส้นทางสู่การเป็นเทพ

ชายหนุ่มดึงสมาธิกลับมาบนหน้ากระดาษไดอารีอีกครั้ง ก่อนจะอ่านรวดเดียวให้จบ

“โอ้สวรรค์! ชายชราใบหน้าแสนธรรมดาด้านข้างเรา แท้จริงแล้วคือเฮอร์มิส ตำนานผู้ยังมีลมหายใจจากยุคสมัยที่สอง ยุคแห่งความมืด! และมีชีวิตยืนยาวมาจนถึงยุคสมัยที่ห้าของเรา! คิดถูกจริงๆ กับการตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมลับแห่งนี้! เรากำลังมองเห็นอนาคตอันสดใสของตัวเองอย่างแจ่มชัด ไม่มีสิ่งใดอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ได้ดีไปกว่าเครื่องหมายตกใจสามอันอีกแล้ว!!!”

“ชักสงสัยแล้วว่า คนใหญ่คนโตระดับซากดึกดำบรรพ์มากมายในชุมนุม ทั้งหมดล้วนเชื่อในการมาถึงของยามสนธยาจริงหรือ? ไม่ใช่แน่ เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่ใช่! จริงอยู่ อาจมีบางส่วนเชื่อในอุดมคติดังกล่าวอย่างแรงกล้า รอคอยให้พระผู้สร้างต้นกำเนิดลืมตาตื่นขึ้น หวังให้การแทรกแซงจากฝ่ายตน นำพาโชคชะตาไปยังจุดหมายปลายทางในฝันเข้าสักวัน หึหึ… แต่จากความเข้าใจของเรา กรณีของท่านไม่น่าจะเรียกว่า ‘ลืมตาตื่น’ แต่เป็นการ ‘คืนชีพ’ มากกว่า แต่ ‘ผู้เชื่อ’ ไม่น่าจะมากไปกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด เพราะส่วนมากมักมีเป้าหมายของตัวเองชัดเจน หากไม่ใช่คนทะเยอทะยานเหมือนเรา ก็ต้องเป็นพวกเจ้าเล่ห์วางแผนชั่วร้ายบางอย่างอยู่… จริงสิ… มีบางอย่างไม่สมเหตุสมผล เราตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมทันทีหลังจากถูกชวนแค่ครั้งเดียว แทบไม่มีการใคร่ครวญให้รอบคอบก่อน…”

“จริงอยู่ คนชวนอาจเล่าให้ฟังว่า สมาชิกส่วนใหญ่ลงคะแนนให้เราเข้าร่วมมากกว่าสองในสาม เราจึงถูกชวนเข้ามาเป็นสมาชิก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สาระสำคัญคือ ทำไมทางนั้นถึงไม่เกรงกลัวว่าเราจะไม่ศรัทธาในอุดมคติ แถมยังไม่เคยบังคับให้เรามีความเชื่อแบบเดียวกันสักครั้ง พวกเขาใช้สิ่งใดเป็นหลักประกันว่าเราจะไม่มีเจตนาร้ายต่อองค์กร? หรือว่ามีตัวตนระดับเทวทูตบนเส้นทางผู้ชมแฝงตัวอยู่? บางที ท่านคนนั้นอาจแอบฟังการชี้นำทางใจภายในตัวเรา และบังคับให้เราเอ่ยวาจาสาบานโดยไม่รู้ตัว? แถมทางองค์กรยังมั่นใจเสียเต็มประดาว่า จะไม่มีสมาชิกคนใดสามารถปกปิดเจตนาร้ายต่อองค์กรได้อย่างมิดชิด เป็นไปได้มากทีเดียว…”

“เมื่อตระหนักถึงเรื่องดังกล่าว เราพลันเกิดความสั่นกลัวจากก้นบึ้งทันที และเหนือสิ่งอื่นใด หากไม่ได้รับอนุญาต สมาชิกทุกคนห้ามกล่าวถึงชื่อขององค์กรบนโลกภายนอกโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะถูก ‘รับรู้’ ทันที พวกเขายกตัวอย่างรายชื่อบุคคลผู้เคยฝ่าฝืนและถูกจำกัดทิ้ง… และการเขียงลงกระดาษด้วยภาษาใหม่ก็ไม่มีข้อยกเว้น! พวกเขาใช้วิธีใด? รีบคิดเข้าสิ! ถ้าจำไม่ผิด… ลำดับ 2 ของเส้นทางผู้ชมจะมีชื่อว่า ‘ผู้เห็นแจ้ง’ ส่วนลำดับ 1 มีชื่อว่า ‘นักประพันธ์’ สมาชิกคนใดของชุมนุมเข้าข่ายโอสถสองชนิดนี้บ้าง? นึกออกแล้ว ผู้ต้องสงสัยคนแรก ไม่ใช่ใครนอกจากเจ้าของชุมนุมเสียเอง…”

“จริงสิ ยังมีอีกหนึ่งโอสถเข้าข่ายต้องสงสัย ลำดับ 0 แห่งเส้นทางผู้ชม นักสร้างฝัน! แต่เราไม่เชื่อว่าจะมีใครในหมู่สมาชิกเป็นถึงลำดับ 0 ไม่อย่างนั้น องค์กรของเราไม่มีความจำเป็นต้องหลบซ่อนอยู่หลังฉาก แต่ไม่แน่ว่า ทางองค์กรอาจมีสมบัติเทพซึ่งพลังใกล้เคียงลำดับ 0 อยู่ในมือ หรือไม่ก็ครอบครอง ‘เอกลักษณ์’ ของบางเส้นทางไว้ บางที พลังในการ ‘รับรู้’ ขณะชื่อองค์กรถูกกล่าวถึงบนโลกด้านนอก อาจมาจากดินแดนความฝันประหลาดอันสมจริงแห่งนี้ ดินแดนซึ่งเชื่อมต่อชายฝั่งตะวันตกและตะวันออกของทวีปเข้าด้วยกัน แต่ในตอนนั้น เรามิได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เลย มัวแต่ตกตะลึงถึงชายชราเฮอร์มิส พลางซักถามความคาใจด้วยความอยากรู้อยากเห็น คำถามมีอยู่ว่า เหตุใดมนุษย์ถึงเลือกใช้ ‘อำนาจ’ ของพวกท่านมาอธิบายลักษณะเฉพาะของเทพแต่ละองค์ โดยมิสเตอร์เฮอร์มิสได้มอบคำตอบน่าสนใจกลับมาอีกครั้ง”

เมื่ออ่านถึงจุดนี้ ไคลน์พบว่าไดอารีหน้าสองจบลงแล้ว

ชายหนุ่มรีบพลิกไปยังหน้าถัดไป แต่จากนั้นก็ต้องรีบพลิกกลับ เพราะเนื้อหาของหน้าสามมิได้สอดคล้องกับแผ่นแรกและแผ่นสองเลยสักนิด

…คำตอบอยู่ไหน?

โรซายล์เขียนไว้ในไดอารีหน้าติดกันซึ่งเรายังไม่เคยอ่าน หรือเกิดความขี้เกียจเขียนเพราะมันยาวเกินไป? หรือมองว่าไม่สำคัญจนไม่จำเป็นต้องจดบันทึก?

ไคลน์กำลังเกรี้ยวกราดภายใน มันอยากเดินทางข้ามโลกกลับไปหาโรซายล์และบีบคอจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมบอกคำตอบของเฮอร์มิส!

แน่นอน อากัปกิริยาของเดอะฟูลยังคงสุขุมเยือกเย็น ตรงข้ามกับอารมณ์คุกรุ่นภายใน

ลำดับ 0 เส้นทางผู้ชมชื่อว่า ‘นักสร้างฝัน’ นับว่ายังสอดคล้องกับมังกรจินตภาพ เราเคยคิดว่าลำดับ 0 จะชื่อ ‘มังกร’ เสียอีก…

นักสร้างฝันฟังดูมีกลิ่นอายความเป็นมนุษย์ค่อนข้างมาก หมายความว่า การดื่มโอสถจะไม่ทำให้ผู้วิเศษกลายเป็นมังกร…

ลำดับ 1 นักประพันธ์ แค่ฟังจากชื่อโอสถ ก็ทำให้นึกถึงปากกาขนนก 0-08 ทันที…

สภานักสิทธิ์สนธยาจัดชุมนุมผ่านดินแดนความฝันอันสมจริง ซึ่งเชื่อมต่อชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของทวีปเข้าด้วยกัน?

คำอธิบายแฝงกลิ่นอายความ ‘อัศจรรย์’ เช่นนี้ทำให้เราขนลุกไปทั้งตัว ทำไมถึงได้ฟังดูเหมือนห้วงมิติเหนือสายหมอกเทานัก…

ไคลน์พยายามข่มอารมณ์ พลางตระหนักว่าไดอารีหน้าเมื่อครู่ ได้มอบข้อมูลมหาศาลมากเพียงใด

ประการแรก มันได้รู้จักกับนักปราชญ์จากบรรพกาล เฮอร์มิส และทราบด้วยว่า อีกฝ่ายอาศัยในยุคสมัยเดียวกับโรซายล์เป็นอย่างน้อย เป็นช่วงเวลาราวหนึ่งถึงสองร้อยปีก่อน

ถัดมา เมื่อโรซายล์อธิบายเกี่ยวกับการห้ามเอ่ยถึงองค์กรดังกล่าวบนโลกภายนอก ไคลน์มั่นใจทันทีว่านี่คือสภานักสิทธิ์สนธยา

และสุดท้าย มันได้ทราบชื่อจริงของโอสถลำดับ 0 1 และ 2 ของเส้นทางผู้ชม จริงอยู่ ความรู้ดังกล่าวอาจยังไม่เกิดประโยชน์ทันที แต่คงมีโอกาสใช้เข้าสักวัน หรืออย่างน้อยก็เสริมให้องค์ความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับของตนเข้มแข็งขึ้น

ในอนาคต มิสจัสติสอาจซักถามก็เป็นได้… ความอยากรู้อยากเห็นของเธอน่าทึ่งเสมอ…

ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากสลัดความเสียดายในคำตอบของเฮอร์มิสทิ้ง และบังคับตัวเองให้อ่านไดอารีหน้าสุดท้าย

ขณะชายหนุ่มกำลังนั่งอ่าน ออเดรย์แอบใช้สายตาสอดส่องเป็นระยะ จนกระทั่งเธอพบว่าไพ่จักรพรรดิมืด ซึ่งมิสเตอร์ฟูลมักวางบนโต๊ะทองแดงยาวด้านหน้าเสมอ ยามนี้กลับหายไปจากตำแหน่งเดิม!

ท่านมอบให้ข้ารับใช้ของตนเพื่อเป็นการช่วยเหลือ หรือนำไปแลกเปลี่ยนกับสิ่งของมีค่าชนิดอื่นแล้ว?

ออเดรย์กะพริบตาถี่ ภายในใจพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง

หญิงสาวเชื่อว่าสมมติฐานแรกมีความเป็นไปได้มากกว่า เพราะลำพังข้ารับใช้เดอะฟูล คงไม่มีพลังมากพอจะทำลายพิธีกรรมอัญเชิญพระผู้สร้างแท้จริงด้วยตัวเองได้แน่

น่าเสียดาย ท่านพ่อไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเอกสารการสืบสวนของเหยี่ยวราตรี ไม่อย่างนั้น เราคงได้ทราบว่าข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูลเป็นใคร และมีหน้าตาเป็นเช่นไร…

หืม… ส่วนสูงปานกลาง แต่งกายคล้ายชาวโลเอ็น สวมเสื้อคลุมกระดุมสองแถวยอดนิยม และอยู่ใกล้กับคฤหาสน์กุหลาบแดงขณะเกิดเหตุ เราสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นการสืบสวนขยายผลได้…

แต่นั่นอาจทำให้มิสเตอร์ฟูลไม่พอใจ หากท่านต้องการเปิดเผยตัวตนข้ารับใช้ ท่านคงยอมบอกด้วยตัวเองไปนานแล้ว… ออเดรย์ ห้ามคิดเยอะ! ห้ามสงสัย! บางที เธออาจได้พบกับเขาในอนาคต…

หญิงสาวเบือนหน้ากลับมา

ขณะเดียวกัน ไคลน์เกือบหลุดขำเนื่องจากไดอารีหน้าสุดท้ายเต็มไปด้วยข้อความติดตลก

“16 มีนาคม เรามีโอกาสได้ร่วมงานเลี้ยงของชนชั้นสูงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดินทางข้ามมิติมายังโลกใบนี้ บรรดาคุณหนูและคุณหญิงแจ่มกว่าในจินตนาการของเรามากทีเดียว! ถ้าจำไม่ผิด เราเคยอ่านเจอในนิยายว่า บรรดาชนชั้นสูงของยุคกลางมักไม่ชอบอาบน้ำ โดยจะอาศัยกลิ่นของน้ำหอมช่วยดับกลิ่นอับในร่างกายแทน แถมยังเหยียบอุจจาระบ่อยครั้งเมื่อเดินทางออกจากบ้าน และมักนำครีมซึ่งมีส่วนผสมของโลหะหนักเป็นพิษทาใบหน้าตัวเองบ่อยครั้ง แต่ผิดคาด ขุนนางบนโลกนี้กลับทำตัวตรงกันข้าม พวกหล่อนชื่นชอบการอาบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ชื่นชอบน้ำหอมเย้ายวนและทรงเสน่ห์ มีผิวพรรณเป็นเลิศ แถมยังมีหุ่นดีอย่างน่าเหลือเชื่อ เกือบทุกคนเข้าข่ายสเปคของเราหมด!”

“เราเอาชนะความเขินอายและเริ่มมีบทสนทนาอันยอดเยี่ยมกับบุตรสาวของไวเคาต์เดลิโรส พวกเราคุยกันในเรื่องผลงานและคุณงามความดีของบรรพบุรุษ พูดคุยเกี่ยวกับดินแดนในการครอบครองของตระกูล และบรรดาศักดิ์ขุนนางในปัจจุบันของเรา จากนั้น เธอขอตัวโดยให้เหตุผลว่า เริ่มหิวและต้องการหาอะไรรองท้อง เราไม่ได้เก็บไปคิดมากนัก และจำใส่ใจไว้เสมอว่า การจีบสาวของค่อยเป็นค่อยไป แต่เมื่อเดินลงบันไดไปชมสวนดอกไม้ชั้นล่าง เรากลับได้พบหล่อนกำลังเปลือยกายสมสู่อยู่กับบุตรชายคนโตของเอิร์ลฟลอเนอร์! เชี่ย! บัดซบ! พวกมันเพิ่งเคยพบหน้ากันเป็นครั้งแรกไม่ใช่รึไง! ทำไมกัน! ทำไม!? ตัวข้าฮวงเทา โรซายล์·กุสตาฟผู้นี้ ยังหล่อเหลาไม่มากพอ ยังมีคารมคมคายไม่ดีพออย่างนั้นหรือ? แต่โชคยังดี ดูเหมือนมาดามจะยังพอมีใจให้เราบ้าง สัมผัสได้จากสายตาและกิริยาท่าทางเย้ายวนของเธอ หึหึ…”

ดูเหมือนโรซายล์ในช่วงแรกจะยังไม่ชินกับขนบธรรมเนียมสุดพิสดารของอินทิส…

จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ตระกูลกุสตาฟเริ่มอยู่ในช่วงขาลง บรรดาศักดิ์ถูกถอดถอนจนเหลือเพียงบารอน และมีดินแดนในการครอบครองไม่มาก แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อโรซายล์เริ่มสร้างชื่อ…

ไม่เคยคิดมาก่อนว่าโรซายล์จะเคยมีประสบการณ์ถูกปาดหน้าแย่งสาวกับเขาเหมือนกัน…

เดี๋ยวสิ ถ้าจำไม่คิด โรซายล์เคยเขียนไว้ในไดอารีแผ่นแรกๆ ว่า เขามีโอกาสได้ ‘งาบ’ เคาต์เทสฟลอเนอร์…

เอาจนได้สินะ ขอคารวะ…

ไคลน์ก้มศีรษะอ่านต่ออีกสองย่อหน้า

ชีวิตประจำวันในคฤหาสน์ของโรซายล์มิได้หวือหวาหรือแฝงไว้ด้วยข้อมูลเป็นประโยชน์ รายละเอียดส่วนมากเกี่ยวกับความต้องการอยากออกไปล่าสัตว์ คิดถึงอาหารโลกเก่า ความปรารถนาจะครอบครองพลังพิเศษ และต้องการมีสาวใช้คนสวยหน้าอกใหญ่คอยปรนนิบัติข้างกาย

ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้ เสกไดอารีทั้งสามแผ่นเลือนหายไปจากฝ่ามือ และเงยหน้ากล่าวกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม

“เชิญตามสบาย”

ออเดรย์รีบหันไปมองเดอะซันฝั่งตรงข้าม

“คุณและทีมสำรวจหลุดพ้นจากวังวนกระแสเวลาแล้วใช่ไหม”

เดอร์ริคพยักหน้ารับอย่างซื่อตรงและหันไปทางตำแหน่งหัวโต๊ะ

“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ขอบคุณสำหรับคำนำแนะอันแสนมีค่า คำบอกใบ้ของท่านช่วยให้ผมค้นพบกุญแจสำคัญเกี่ยวกับเทวทูตโชคชะตาบนจิตรกรรมฝาผนังซึ่งมีข้อความ ‘กุหลาบไถ่บาป’ สลักอยู่ สิ่งนี้ช่วยให้ท่านประมุขทำลายวังวนกระแสเวลาสำเร็จ”

อะไรคือเทวทูตโชคชะตา…?

ไม่เข้าใจเลยสักนิด…

เดอะฟูล ไคลน์ ตอบกลับด้วยเสียงขรึมแม้จะกำลังสับสน

“ทำได้ไม่เลว”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset