มิสเตอร์ A?
มิสเตอร์ A จากชุมนุมแสงเหนือ?
หลังจากไคลน์เอนหลังแนบกำแพงและหลบซ่อนภายในมุมมืด ร่างกายมันพลันสั่นเทาเมื่อได้ทราบชื่อของหนึ่งในบุคคลปริศนา
ไม่ผิดแน่ อินซ์·แซงวิลล์ร่วมมือกับราชวงศ์หรือไม่ก็ขั้วอำนาจบางกลุ่มภายใน…
เพราะหากไม่ใช่ขั้วอำนาจหลังของอาณาจักรโลเอ็น ก็คงไม่มีฝ่ายใดสามารถจัดหาอาคารใต้ดินหลังใหญ่ใกล้กับกรุงเบ็คลันด์ สำหรับใช้เป็นแหล่งกบดานได้อีกแล้ว…
เมื่อมีอินซ์·แซงวิลล์และ 0-08 เข้ามาเกี่ยวข้อง เราสามารถตัดโบสถ์รัตติกาลทิ้งได้ทันที ทางโบสถ์วายุสลาตันก็เช่นกัน พวกมันป่าเถื่อนและถือเพศชายเป็นใหญ่ จึงไม่น่าจะยอมร่วมมือกับนิกายหญิงล้วนอย่างแม่มด ไม่เพียงเท่านั้น เรายังไม่พบว่าเคยมีผู้วิเศษเส้นทางกะลาสีมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้… และด้วยเหตุผลด้านเส้นทาง โบสถ์จักรกลไอน้ำจึงไม่น่าจะเข้าข่ายเช่นกัน…
แม้แต่ชุมนุมแสงเหนือก็ร่วมด้วย? พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่?
ไคลน์เอนหลังพิงกำแพงพลางหายใจเข้าออกอย่างเชื่องช้า สมองประมวลผลเกี่ยวกับบทสนทนาสั้นกระชับเมื่อครู่
หลังจากเงียบงันหลายนาที เสียงแหบพร่าของเพศชายได้ดังขึ้น
“เรียบร้อย”
บทสนทนาสั้นห้วนเสียจน ไคลน์ไม่สามารถเดาได้ว่าพวกมันกำลังวางแผนใดไว้
หญิงสาวหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงสดใสอย่างแผ่วเบา
“คุณยังไม่เชื่อใจพวกเราใช่ไหม”
“แน่นอน” มิสเตอร์ A ตอบกระชับ
“ฮิฮิ… ถ้าอย่างนั้น ฉันจะแสดงความจริงใจด้วยการอธิบายแผนของพวกเราให้ฟัง รวมถึงเล่าว่าทำไม ฉันจึงต้องการความร่วมมือจากคุณ” เสียงออดอ้อนของสตรีปราศจากเศษเสี้ยวอารมณ์โกรธเคือง “ฝ่ายเราเคยทำบางสิ่งร้ายแรงลงไปและหลงเหลือหลักฐานทิ้งไว้อย่างแจ่มชัด ฉะนั้น ก่อนจะถูกพบโดยโบสถ์รัตติกาล วายุ และไอน้ำ พวกเราต้องเร่งมือเก็บกวาดให้หมดจด โดยขั้นตอนดังกล่าวต้องการความช่วยเหลือจากคุณ
“อา… บางที คุณอาจยังไม่เข้าใจดีพอ จะขอยกตัวอย่างก็แล้วกัน ลองจินตนาการตาม หากคุณลงมือสังหารเหยื่ออย่างโหดเหี้ยมภายในบ้าน คุณต้องทำอย่างไรเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยและทำลายหลักฐานทิ้งในคราวเดียว?”
“ไม่จำเป็นต้องกลบเกลื่อน ข้าต้องการให้ทุกคนได้ประจักษ์ความโหดเหี้ยมของพวกเราอยู่แล้ว” มิสเตอร์ A ตอบเสียงเรียบ
…คำตอบสมกับเป็นพวกเสียสติของชุมนุมแสงเหนือฉิบหาย… พวกมันไม่มีคนปรกติอยู่เลยหรือไง…
ไคลน์สามารถยืนยันได้ว่า หนึ่งในกลุ่มบุคคลปริศนาคือมิสเตอร์ A ผู้ลงมือลอบสังหารราชทูตอินทิส เบเคอร์ลัน·ฌอง·มาติน
“…ให้ลองสมมติว่าคุณเป็นฉัน” เสียงอ่อนโยนของสตรีเริ่มเจือความระอา
มิสเตอร์ A มอบคำตอบภายในหนึ่งวินาที
“เผาบ้านทั้งหลังไปพร้อมกับเบาะแส”
น้ำเสียงของสตรีเริ่มแฝงความพึงพอใจ
“ถูกต้อง พวกเรากำลังจะทำในเรื่องเดียวกัน ฉันจะเป็นฝ่าย ‘ลงมือเผาบ้าน’ ส่วนคุณคอยทำให้ไฟลุกลามไปไกลกว่าปรกติ สรุปก็คือ จงใช้โอกาสดังกล่าวเพื่อสร้างภาชนะหรืออุโมงค์สำหรับอัญเชิญพระเจ้าของพวกคุณลงมายังโลก ผลเสียของแผนการนี้คือ ทางคุณจะต้องแบกรับความโกรธแค้นและกลายเป็นศัตรูจากทุกกองกำลังทั่วอาณาจักร ไม่เว้นกระทั่งสามโบสถ์หลัก แต่ฉันคิดว่าชุมนุมแสงเหนือคงไม่ถือสาเรื่องนี้กระมัง”
“หึ… ขอเพียงพระองค์ลงมาจุติสำเร็จ ต่อให้ต้องกลายเป็นศัตรูกับทุกกองกำลังบนโลกก็ไม่เกี่ยง พวกเราไม่มีทางแสดงความขลาดกลัวออกมาให้เห็นอยู่แล้ว” น้ำเสียงมิสเตอร์ A เริ่มสั่นเครือ ไม่ราบเรียบไร้อารมณ์เหมือนตอนแรก
วางเพลิงเผาบ้าน? ให้ชุมนุมแสงเหนือฉวยโอกาสนี้เพื่อประกอบพิธีกรรมอัญเชิญพระผู้สร้างแท้จริง?
นี่คือความพยายามหนที่สามของพวกมัน… แล้วเราก็ดันดวงบัดซบเข้ามาพัวพันอีกแล้ว…
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน! ไคลน์รำพันหยาบคายเป็นภาษาจีนกลาง
ในวินาทีนี้ มันเริ่มหวาดระแวงว่า ทั้งหนึ่งในขั้วอำนาจของราชวงศ์ ทั้งอินซ์·แซงวิลล์ รวมถึงนิกายแม่มด กำลังวางแผนใดไว้กันแน่
จะต้องร้ายแรงถึงขั้นให้พระผู้สร้างแท้จริงลงมาจุติเพื่อกลบเกลื่อนเชียวหรือ…
บางที พวกมันอาจมีไพ่ตายแอบปกปิดไว้ เป็นไม้เด็ดซึ่งสามารถทำลายพิธีกรรมของชุมนุมแสงเหนือ ไปพร้อมกับทำลายของกำลังของสามโบสถ์หลักในคราว โดยตัวเองไม่ได้รับผลกระทบใดเลย…
ไคลน์วิเคราะห์อย่างใจเย็น
“คงจะหมดคำถามแล้วใช่ไหม” เสียงอ่อนโยนของสตรีดังกังวาน
“ไม่ต้องกังวล อาคารหลังนี้ถือเป็นหนึ่งในความลับสุดยอด สามารถใช้เป็นจุดประกอบพิธีกรรมได้โดยไม่มีใครเข้ามารบกวน ในส่วนของปัจจัยภายนอกอื่น ๆ พวกเราเตรียมการเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว ขอเพียงมี ‘ประกายไฟ’ ถูกจุดขึ้น ทุกอย่างก็จะเริ่มต้นได้ทุกเมื่อ หรือถ้าหากคุณยังกังวล ก็สามารถตรวจสอบซ้ำอีกครั้งจนกว่าจะมั่นใจ”
ขณะมิสเตอร์ A กำลังจะเปิดปาก ไคลน์ได้ยินเสียง ‘กึก’
เป็นเสียงของประตูหิน
“ใครอนุญาตให้เข้ามา! ฉันประกาศไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามาในเขตนี้โดยเด็ดขาด!” เสียงของสตรีแฝงความโมโหไว้อย่างเจือจาง ประหนึ่งกำลังฝืนอดกลั้น
“ท่านหญิงสิ้นหวัง มีเรื่องด่วนขอรับ! ใครบางคนได้บุกรุกเข้าในฐานทัพใต้ดิน! เบื้องบนมอบหมายให้ผมจัดการเรื่องนี้พร้อมกับปิดอุโมงค์เชื่อมต่อทุกเส้นทาง” บุรุษสำเนียงเบ็คลันด์ตอบกลับอย่างฉะฉาน
สตรีผู้ถูกเรียกว่า ‘ท่านหญิงสิ้นหวัง’ เงียบงันนานหลายวินาที คล้ายกับกำลังสนทนากับใครบางคนเพื่อยืนยันสถานการณ์
จนกระทั่ง เธอหันมากล่าวกับชายสำเนียงเบ็คลันด์โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“กลับเข้าไปก่อน แล้วอย่าได้ออกมาอีกเป็นอันขาด จนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่มเติม”
“ขอรับ ท่านหญิงสิ้นหวัง!” ชายคนเดิมเดินกลับไปทางบานประตูหิน เสียงฝีเท้าดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง
จากจุดซ่อนตัวของไคลน์ มันย่อมมองเห็นประตูหินซึ่งถูกใช้กลับไปยังอาคารใต้ดิน
จนกระทั่งผ่านไปเจ็ดแปดวินาที บุรุษรูปร่างสันทัด ส่วนสูงปานกลาง ได้เดินมาหยุดยืนหน้าประตูหิน
ฟู่ว…! ชายคนเดิมถอนหายใจยาวพร้อมกับเหยียดแขนออกมาข้างหน้า และออกแรงผลักประตูหินใหญ่ด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไคลน์สามารถจดจำเอกลักษณ์ของอีกฝ่ายได้แม่นยำโดยไม่หลุดรอดแม้แต่รายละเอียดหนึ่งจุด นี่คือความยอดเยี่ยมของผู้ไร้หน้า
อีกฝ่ายมีผิวพรรณน้ำตาลแดง ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นคนของทวีปใต้ ใบหน้าไม่มีจุดเด่นใดเลย ค่อนข้างยากในการจำจด
เนื่องด้วยท่าทางการขบกรามแน่นขณะออกแรงผลัก ฟันบางส่วนจึงเผยให้ไคลน์เห็นเด่นชัด ฟันซี่สามจากทางซ้ายบนส่องประกายสีทองแวววาว เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากฟันปลอมโลหะ
นี่มัน…! สัมผัสวิญญาณของนักทำนายในตัวไคลน์กำลังบ่งบอกว่า ตนคุ้นเคยกับคำอธิบายของรูปลักษณ์อีกฝ่ายเป็นอย่างดี
โดยไม่ต้องรอนาน ความทรงจำในส่วนเกี่ยวข้องถูกเรียกออกมาทันที
ครั้งหนึ่ง แฮงแมนเคยขอให้ชุมนุมทาโรต์ช่วยตามหาเบาะแสของชายผิวน้ำตาลแดง พูดสำเนียงเบ็คลันด์ และฟันซ้ายด้านบนซี่สามหายไป
ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่าบาลุน เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของทาสบนเกาะอาณานิคม
และในวินาทีนี้ ชายตามคำอธิบายของแฮงแมน มีรูปพรรณสัณฐานเหมือนกับบุรุษปริศนาเบื้องหน้าไคลน์ทุกประการ!
การหายตัวไปของทาสในหมู่เกาะอาณานิคม…
ชนเผ่าของทวีปใต้จำนวนมากหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา…
บาลุนปรากฏตัวในอาคารแห่งนี้…
คาพิน ผู้ถือครองส่วนแบ่งใหญ่ของตลาดการค้าทาสในเบ็คลันด์ ถูกคุ้มกันโดยผู้วิเศษซึ่งน่าจะเป็นเส้นทางผู้ตัดสินของราชวงศ์…
และจากบรรดาบอดี้การ์ด แข็งแกร่งสุดเป็นถึงลำดับ 6 ซึ่งถือครองสมบัติวิเศษจนเก่งกาจเทียบเท่าลำดับ 5 ปลายแถว…
คาพินจงใจลักพาตัวเด็กหญิงไร้เดียงสา…
ร่างกฎหมายเมล็ดพันธุ์และการยกระดับเทคโนโลยีเครื่องจักร สองสิ่งนี้ส่งผลให้คนจนจำนวนมากต้องตกงาน…
แรงงานหญิงโรงงานทอผ้าเดินทางออกจากเขตตะวันออกเนื่องจากได้รับงานใหม่ในเขตอื่น แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีเบาะแสอีกเลย…
ข้อมูลมากมายเริ่มเรียงร้อยปะติดปะต่อในหัวไคลน์ ทั้งหมดได้มุ่งหน้ามายังอาคารแห่งนี้!
พวกมันกำลังเล็งอะไรไว้ แล้วทำไมถึงต้องใช้มนุษย์จำนวนมาก? แถมส่วนใหญ่ยังเจาะจงให้เป็นเด็กสาวไร้เดียงสา…
พิธีกรรม? พิธีกรรมอันตรายซึ่งใช้ระยะเวลาดำเนินการนาน จึงต้องซ่อนตัวเป็นความลับมาตลอด?
ดวงตาไคลน์เริ่มหดเกร็ง
แอ๊ด— ปัง! ประตูหินปิดสนิทพร้อมกับการหายตัวไปของบาลุน
ห้องโถงถูกความเงียบงันปกคลุมนานหลายวินาที จนกระทั่งมิสเตอร์ A เปล่งเสียงแหบพร่าอีกครั้ง
“ข้าสัมผัสถึงอันตราย มาเริ่มกันเลยดีกว่า ต้องรีบทำให้จบก่อนอันตรายจะมาถึง”
ท่านหญิงสิ้นหวังขานรับอย่างใจเย็น
“ฉันเองก็คิดแบบเดียวกัน ถ้าอย่างนั้น คงต้องขอให้คุณช่วยส่งฉันไปยังเขตตะวันออกสักหน่อย”
เขตตะวันออก? ไคลน์เริ่มเกิดลางสังหรณ์เลวร้าย
“ไม่มีปัญหา” มิสเตอร์ A ตอบเสียงเรียบ
ภายใต้ผ้าคลุมหัว หนังสือมายาสีใสโผล่ขึ้นกลางอากาศตรงหน้ามิสเตอร์ A
เสียงคล้ายสวดมนต์ดังล่องลอยกังวาน
“ข้าบรรลุ ข้าประจักษ์ ข้าบันทึก”
หนังสือมายาพลิกไปยังหน้าหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตามด้วยการส่องแสงสีฟ้าสว่างสดใส
แสงดังกล่าวโอบล้อมร่างท่านหญิงสิ้นหวังซึ่งสวมชุดคลุมสีขาว ร่างกายของเธอเริ่มพร่ามัวไม่คมชัด ก่อนจะเลือนรางโปร่งใสจนแทบมองไม่เห็น
ผ่านไปเพียงอึดใจ วิวทิวทัศน์รอบตัวท่านหญิงสิ้นหวังพลันเต็มไปด้วยเงามายาสีดำจำนวนมากแหวกว่ายล่องลอย รวมถึงริ้วแสงเจ็ดสีฉูดฉาดอัดแน่นด้วยความรู้มหาศาล
ร่างกายของเธอคล้ายกับถูกกระชากโดยฝ่ามือล่องหน เข้าไปในช่องว่างของห้วงมิติซึ่งถูกกรีดเฉือนจนฉีกขาด เพียงพริบตา เธอถูกเคลื่อนย้ายจากจุดเดิมภายในห้องโถง มายังตรอกแคบ เปลี่ยว ปลอดคน และน่าขยะแขยงแห่งหนึ่ง
ท่านหญิงสิ้นหวังดึงตาข่ายลงมาปิดใบหน้าจนมิดชิด ศีรษะแหงนมองท้องฟ้าด้านบน
ดวงอาทิตย์ยามบ่ายยังคงถูกบดบังโดยเมฆหมอกหนาทึบของกรุงเบ็คลันด์เช่นเคย บรรยากาศจึงอึมครึมและซีดจาง
แสงแดดสีเหลืองอ่อนยามบ่ายอาจไม่เข้มข้นนัก แต่ก็พอจะมอบความสว่างให้กับทุกซอกมุมของกรุงเบ็คลันด์อย่างทั่วถึง นับเป็นภาพอันน่ามองท่ามกลางสายลมเย็นเฉียบเจือความชุ่มชื้น
น่าเสียดาย บรรยากาศยังไม่เหมาะแก่การลงมือให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด…
ทั้งการแข็งข้ออย่างไม่คาดฝันของทริสซี ทั้งการสูญเสียการควบคุม 0-08 ไปชั่วขณะ ทั้งการปรากฏตัวของอะซิก·อายเกส ทั้งการปรากฏตัวของจักรพรรดิมืด สิ่งเหล่านี้ดึงดูดสายตาของผู้คนเป็นวงกว้างมากเกินไป จนสามโบสถ์หลักเริ่มสืบสวนหาเบาะแสอย่างจริงจัง ส่งผลให้วันลงมือต้องถูกเลื่อนขึ้นมาเร็วกว่าปรกติ…
ท่านหญิงสิ้นหวังสำรวจวิวทิวทัศน์รอบตัวขณะเดินออกจากตรอก
เมื่อถึงถนน ย่างก้าวของเธอเริ่มช้าลงเล็กน้อย ประหนึ่งกำลังกรีดกรายไปบนทะเลหมอกอย่างสง่างาม
ไม่ว่าจะหนแห่งใด หากเธอเดินผ่าน หมอกควันในบริเวณดังกล่าวจะเข้มข้นขึ้นเล็กน้อยอย่างไร้เหตุผล
สีของควันจะมีลักษณะดำเข้มเหมือนแท่งเหล็ก ลดทอนการมองเห็นของมนุษย์ปรกติลงเล็กน้อย
หลังจากเดินถึงสุดถนนหนึ่งเส้น คนจรจัดใบหน้าซีดเซียวพลันไอกระแอมอย่างหนักพร้อมกับลงไปนอนกองบนพื้น
คนจนสองคนใกล้กับคนจรจัดรีบถอยหนีด้วยอากัปกิริยาหวาดผวา พลางใช้สองมือจับคอตัวเองคล้ายกับหายใจไม่ออก ประหนึ่งป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบหรือปอดอักเสบกะทันหัน
ยิ่งเวลาผ่านไป หมอกควันสีดำเหล็กเจือเหลืองซีดเริ่มลอยขึ้นปกคลุมท้องฟ้าเขตตะวันออก ย่านท่าเรือ และย่านโรงงานอุตสาหกรรม
ฉากดังกล่าวสามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า ‘จมท่วม’ บางส่วนของกรุงเบ็คลันด์กำลังจมอยู่ใต้ทะเลหมอกควันเข้มข้น แม้กระทั่งหอนาฬิกาสูงก็ยังมองเห็นเป็นเพียงเงาราง
ทีละคนสองคน ทั้งคนงาน คนจน และคนไร้บ้าน ร่างกายของพวกมันอ่อนแอเพราะต้องต่อสู้กับอากาศหนาว เริ่มล้มลงไปนอนบนพื้นในสภาพหมดสติ เกือบทั้งหมดจะใช้สองมือกุมลำคอด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน ชีวิตพวกมันอ่อนแอประหนึ่งฟองผงซักฟอกขณะซักผ้า เพียงสัมผัสนิดเดียวก็มากพอจะทำให้แตกตัว
ทั้งหมดเป็นฝีมือของท่านหญิงสิ้นหวัง
สีหน้าของเธอยังคงอ่อนโยนและเยือกเย็น ประหนึ่งกำลังบรรจงรังสรรค์งามศิลป์
เฉกเช่นคนปรกติ ย่างก้าวของเธอไม่ปรากฏร่องรอยพิรุธ ขณะเดินผ่านผู้คนก็ส่งเสียงพึมพำกับตัวเองไปพลาง
“อาณาจักรโลเอ็นจะจารึกเหตุการณ์ในวันนี้ไว้ในประวัติศาสตร์… มหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์”
…
ณ หุบเขาลึกและมืด อันกำลังถูกปกคลุมด้วยสายน้ำมายาทุกซอกมุม
0-08 ยังคงไม่หยุดขีดเขียน
มันกำลังแต่งเรื่องราวสุดอัศจรรย์และน่าสะพรึงกลัวทุกครั้งเมื่อปลายปากกาสัมผัสกับพื้นผิว
“…ถึงแม้กางเกงของอินซ์·แซงวิลล์จะหลุดลงมาถึงตาตุ่ม แต่ก็ไม่ทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ลดลง เนื่องจากเขากำลังสวมชุดคลุมยาวปกปิดภายนอกไว้อีกชั้น บางที เขาอาจเตรียมตัวรับมือกับสิ่งนี้ไว้ล่วงหน้า… ‘เจ้าแห่งกฎ’ ทำให้อะซิกต้องหยุดชะงัก พร้อมกับขโมยสองสุดยอดทักษะของเขาไปในจังหวะสุดท้าย ไม่มีผู้ช่วยคนใดจะแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมไปกว่านี้แล้ว! แต่เป็นเพราะประตูเชื่อมต่อโลกวิญญาณและนรกเริ่มสนใจในความพิเศษของอะซิก·อายเกส ยิ่งเมื่อถูกกระตุ้นด้วยความเข้มข้นของการต่อสู้ บางปัจจัยจึงเข้ามาแทรกแซงเพื่อเปลี่ยนแปลงกระแสของสงคราม! เพียงไม่นานหลังจากบุคคลลึกลับให้ความสนใจ ท่านทำการส่งพลังบางส่วนของตนลงมายังโลกแห่งความจริง… โอ้แย่แล้ว! ท่านเริ่มลงมือกับอินซ์·แซงวิลล์!”
ท่ามกลางความว่างเปล่า ท่อนแขนชุ่มเลือดสองข้ามซึ่งถูกปกคลุมด้วยเนื้อหนังสีแดงสดน่าขยะแขยง ค่อย ๆ โผล่ออกจากรอยแยกห้วงมิติด้านหลังอินซ์·แซงวิลล์!
ท่อนแขนดังกล่าวจับบ่าอินซ์·แซงวิลล์พร้อมกับกระชากมันเข้าไปในโลกวิญญาณผ่านรอยแยกห้วงมิติ
……………………