โครม!
ขวานในมือเดอร์ริค อันกำลังถูกห่อหุ้มด้วยสายฟ้าสีเงิน ฟันสับเข้าใส่ภาพแม่น้ำในจิตรกรรมฝาผนังจนเกิดเป็นร่องลึก เศษหินร่วงกราวกระจัดกระจาย
เพียงการสับครั้งเดียว แม่น้ำก็ถูกตัดขาดออกจากการอย่างสมบูรณ์
ขณะกำลังยืนรอให้วังวนกระแสเวลาถูกทำลายและปล่อยทุกคนเป็นอิสระ ร่างของนักล่าปีศาจโคลินพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเด็กหนุ่มกะทันหัน
อีกฝ่ายกล่าวด้วยแววตาดุดันขึงขัง
“คุณคิดจะทำอะไร”
ปลายดาบอาจชี้ลงล่าง แต่ฝ่ามือของโคลินกำลังบีบด้ามจับแน่น
เดอร์ริคอาศัยบทเรียนจากชุมนุมทาโรต์ มอบคำตอบกลับไปด้วยสีหน้าสับสนแกมหวาดผวา
“ท…ท่านเจ้าเมือง เมื่อครู่มีเงาดำพุ่งผ่านหน้าผมไป เป็นเงาดำรูปร่างคล้ายเด็ก!”
โคลินส่งเสียงถามสมาชิกด้านหลังโดยไม่เบือนหน้าหนีจากเดอร์ริค
“ฮาอิม คุณเห็นรึเปล่า”
สมาชิกทีมสำรวจนามฮาอิมขยับตัวเข้าใกล้โคลิน พร้อมกับมอบคำตอบอย่างมั่นใจ
“ไม่ครับ ผมไม่เห็นอะไรเลย”
ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาสีฟ้าอ่อนของโคลินเริ่มส่องแสง กระจกตาปรากฏอักขระโบราณซับซ้อนสีเขียวเข้ม
ในสภาพดังกล่าว มันยืนจ้องเดอร์ริคนานถึงห้าวินาที
จนกระทั่ง โคลินเบือนหน้าไปทางอื่นและกล่าวเสียงเรียบ
“นี่คือภารกิจสำรวจครั้งแรกของคุณ ย่อมมองเห็นภาพหลอนเป็นเรื่องปรกติ ฉะนั้น คุณคอยมาอยู่ข้างผม อาจทำให้จิตใจสงบได้มากกว่า”
“ครับ ท่านเจ้าเมือง” เดอร์ริคขานรับขึงขังและปราศจากความลังเล
ขณะเดียวกัน มันยืนยันได้ว่า ภาพวาดดังกล่าวไม่ใช่กุญแจสำหรับฝ่าวังวนกระแสเวลา
วลีกุหลาบไถ่บาปของมิสเตอร์ฟูลคงซ่อนความหมายลึกซึ้งเอาไว้ เราคิดง่ายเกินไป…
เดอร์ริคเดินสำรวจเคียงข้างโคลินอย่างเงียบงันพร้อมกับขวาเฮอร์ริเคนในมือ
เหตุการณ์หลังจากนี้ไม่แตกต่างความทรงจำในอดีตมากนัก ทุกคนมีพฤติกรรมแบบเดิม สำรวจในจุดเดิม จนกระทั่งผ่านเข้ามาถึงโถงสีเทาห้องเดิม และได้พบเด็กชายแจ็คคนเดิม ผู้มีผมสีเหลือง กำลังขดตัวด้านหลังเทวรูปและแท่นบูชาขนาดใหญ่
มันเคยเห็นฉากแบบนี้มาแล้วห้าครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงร้อง ‘ช่วยด้วย… ช่วยด้วย…’ และร่างของเด็กชาย โคลินผงกศีรษะเล็กน้อยพลางคลายความสงสัยในตัวเดอร์ริค
ขณะเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์กำลังยืนเรียบเรียงคำพูด เดอร์ริคชิงถามแทรก
“พวกเราจะช่วยเจ้าได้อย่างไร”
แจ็คเผยสีหน้ายินดีปรีดา
“ช่วยด้วย! ช่วยพาผมกลับบ้าน! ช่วยพาผมกลับบ้าน!”
“แล้วบ้านเจ้าอยู่แห่งหนใด” เดอร์ริคซักถามด้วยสีหน้าสงสัยกึ่งระแวง
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า โคลินทำเพียงปิดปากเงียบและเริ่มกำด้ามดาบแน่น
แจ็คทำไม้ทำมือขณะตอบ
“บ้านของผมอยู่ข้างท่าเรือเอ็นมาร์ท!”
ท่าเรือเอ็นมาร์ท… แม้ว่ามิสเตอร์แฮงแมนจะไม่เคยเอ่ยถึง แต่ลำพังคำว่า ‘ท่าเรือ’ ก็เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า แจ็คไม่ใช่คนบนดินแดนต้องสาปแห่งนี้… เขาน่าจะมาจากโลกภายนอก มาจากดินแดนซึ่งมีอาณาจักรโลเอ็นของมิสจัสติสและคนอื่น!
เดอร์ริคเริ่มตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่
ท่าทีของเด็กหนุ่มมิได้ทำให้นักล่าปีศาจโคลินประหลาดใจนัก เนื่องจากเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์สุดทรงพลังก็ไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนเช่นกัน มันเพียงได้อ่านจากหนังสือโบราณและทราบว่า ‘ทะเล’ ใหญ่กว่า ‘ทะเลสาบ’ หลายเท่า รวมถึงยังเคยอ่านพบคำว่า ‘ท่าเรือ’ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับทะเล
ถ้อยคำของเด็กชายได้เติมเต็มจินตนาการเอายาวนานของโคลิน·อีเลียด ผู้ดิ้นรนหาทางอยู่รอดให้เมืองเงินพิสุทธิ์มานานหลายปี
มันซักถามต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งอื่น
“เจ้าหรือพวกพ้องของเจ้า เดินทางมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร”
แจ็คทำหน้านึก
“พ่อพาผมขึ้นเรือเล็กออกทะเล จากนั้น พวกเราได้พบกับเพื่อนของพ่อและเริ่มเดินทางต่อด้วยเรือใหญ่ ระหว่างทางได้เผชิญพายุขนาดมหึมา พวกเราทุกคนตื่นขึ้นบนดินแดนแห่งหนึ่ง ทุกคนเดินตามทิศทางการมองของพระองค์ จนกระทั่งมาถึงวิหารแห่งนี้”
“เดินตามทิศทางการมองของพระองค์?”
นักล่าปีศาจโคลินและสมาชิกทีมสำรวจต่างหันไปจ้องเทวรูป พวกมันพยายามวิเคราะห์ว่า ปลายทางของสายตากำลังมองไปยังแห่งหนใด
ผ่านไปสักพัก โคลินเริ่มได้ข้อสรุป
หากบุคคลภายนอกเดินตามทิศทางสายตาของเทวรูปมาถึงตรงนี้ได้ หมายความว่า ถ้าเรากระทำในสิ่งย้อนกลับ ก็จะทราบว่าพวกเขาเข้ามาจากชายฝั่งทางไหน…
ทิศทางตรงกันข้ามกับสายตาของเทวรูป…
โคลินกำลังจินตนาการแผนผังของจุดสำคัญรอบเมืองเงินพิสุทธิ์ในหัว ข้อมูลนี้ถูกรวบรวมจากประสบการณ์สำรวจอันยาวนานของเมืองเงินพิสุทธิ์ และไม่กี่อึดใจถัดมา นักล่าปีศาจโคลินสามารถวาดเส้นทางการผจญภัยของเด็กชายตรงหน้าได้ชัดเจน
หากไม่มีวิหารอื่นหรือเทวรูปคั่นกลาง คณะเดินทางของเด็กคนนี้จะตรงมาจากซากปรักหักพังของวังราชาคนยักษ์!
ดวงตาโคลินพลันสั่นระริก
ณ ตรงนั้นคือวังของเทพบรรพกาล ราชาคนยักษ์ เออร์เมียร์ และยังอยู่ไม่ห่างจากเมืองเงินพิสุทธิ์มากนัก!
ในฐานะทายาทของอาณาจักรเงินพิสุทธิ์ซึ่งเคยถูกคนยักษ์ปกครองมาหลายชั่วอายุคน โคลินย่อมทราบว่าวังราชาคนยักษ์อยู่ในบริเวณใด แต่ปัจจุบัน เมืองเงินพิสุทธิ์ยังมิอาจดำเนินการสำรวจได้อย่างละเอียด เพราะด้านในเต็มไปด้วยอันตรายเหนือความคาดหมาย น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าการถูกความมืดมิดครอบงำเสียอีก!
จากการคาดคะเนของโคลิน เด็กชายปริศนาและพวกพ้อง จะต้องเดินทางผ่านวังราชาคนยักษ์ก่อนมาถึงวิหารแห่งนี้แน่
พวกเขาผ่านเขตวังมาได้อย่างไร…ไม่สิ บางทีอาจใช้วิธีเดินอ้อม…แต่ไม่ว่าจะวิธีไหน ‘ทะเล’ ต้องอยู่ด้านหลังวังราชาคนยักษ์แน่นอน และอีกฟากของทะเลคืออาณาจักรมนุษย์ภายนอก…
นี่คือทางรอดของเมืองเงินพิสุทธิ์ใช่ไหม…
โคลินครุ่นคิดในหลายสิ่ง
ขณะเดียวกัน เดอร์ริคเริ่มสังเกตเห็นว่า เสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของเด็กชายแจ็คมีสีแดงเข้มในลักษณะเปียกชุ่ม ราวกับมีของเหลวบางชนิดไหลออกมาทีละนิดอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าบาดเจ็บอยู่หรือ” เด็กหนุ่มซักถาม
แจ็คก้มหน้าลงและตอบเสียงสั่น
“ส…สิ่งน่ารังเกียจกำลังเติบโตในนี้…”
เมื่อสิ้นเสียง เด็กชายถอดเสื้อและเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า
แต่ผิวหนังบนหน้าอกกลับมีดวงตาจำนวนสองข้าง จมูกหนึ่ง และปากหนึ่ง รวมกันเป็นใบหน้ามนุษย์อย่างครบถ้วน!
สิ่งนี้มิใช่ภาพวาดหรือการฝังอัญมณีให้มีลักษณะคล้ายคลึงใบหน้ามนุษย์ แต่ทั้งหมดคือตาของคนจริง จมูกจริง และปากจริง!
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนอวัยวะทั้งหมดจะไม่ได้มาจากคนคนเดียวกัน ดวงตามาจากคนหนึ่ง จมูกจากอีกคน และปากจากอีกคน รวมทั้งหมดเป็นสามคน
เดอร์ริคพลันจินตนาการว่า แจ็คได้กินพวกพ้องเข้าไปจำนวนสามคน และนำตา จมูก ปาก มาเรียงกันเป็นใบหน้าใหม่บนหน้าอก!
แต่เมื่อพิจารณาดูให้ดี ใบหน้าดังกล่าวกลับแผ่กลิ่นอายความอ่อนโยนและเย็นชา มอบความรู้สึกคุ้นเคยให้กับเดอร์ริคอย่างน่าประหลาด
ผ่านไปราวสองวินาที เด็กหนุ่มเริ่มนึกขึ้นได้ว่าความคุ้นเคยดังกล่าวมีต้นตอมาจากไหน
ใบหน้าบนอกเด็กชายแจ็คช่างละม้ายคล้ายคลึงกับ ‘เทวทูต’ บนจิตรกรรมฝาผนังข้างข้อความ ‘กุหลาบไถ่บาป’ มาก!
เป็นใบหน้าของเทวทูตผู้มีเส้นผมสีเงินยาวถึงหลัง และใต้ฝ่าเท้ามีสายน้ำไหลบรรจบครบหนึ่งรอบถ้วน!
ไม่ผิดแน่ พวกเราติดอยู่ในวังวนกระแสเวลาเพราะฝีมือของเทวทูตตนนั้น!
ความคิดหนึ่งพลันแล่นเข้ามาในหัวเดอร์ริค เมื่อตั้งสติได้ เด็กหนุ่มรีบโพล่งถ้อยคำออกไป ราวกับเป็นคาถาสำหรับขจัดปัดเป่าภยันตราย
“กุหลาบไถ่บาป!”
ได้ยินเช่นนั้น แจ็คเงยรีบหน้ามองเดอร์ริค ตามด้วยการฉีกยิ้มกว้างไปถึงใบหู
“หิว…หิวจังเลย…”
“…” เดอร์ริคทำได้เพียงยืนผงะ
เหตุการณ์ถัดมาเป็นการต่อสู้ตามปรกติ ไม่ผิดไปจากความทรงจำเดิมแม้แต่น้อย
เมื่อได้สติกลับมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มรีบมองไปรอบตัวและพบกับกองไฟ รวมถึงพวกพ้องซึ่งกำลังยืนเวรยามเฝ้าค่าย
กุหลาบไถ่บาปไม่ใช่คาถาปลดผนึก…
มันเน้นย้ำในใจ
เมื่อภารกิจสำรวจรอบเจ็ดเริ่มต้นขึ้น หนนี้เดอร์ริคไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ เพียงเดินนำทีมของตนเข้าไปสำรวจจิตรกรรมฝาผนังข้างวลีกุหลาบไถ่บาปอย่างละเอียด
เมื่อเสร็จการสำรวจด้านนอก ทุกคนเดินเข้าไปในโถงใหญ่แท่นบูชาตามกำหนดการปรกติ และไม่นานก็ได้พบกับเด็กชายแจ็ค
บทสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่นเช่นเคย จนกระทั่งถึงเหตุการณ์เด็กชายแจ็คถอดเสื้อ เผยให้เห็นใบหน้าคล้ายกับถูกรวมจากสามบุคคล
แต่คราวนี้ เดอร์ริคมีประสบการณ์มาแล้ว มันไม่ทำให้แจ็คแตกตื่น เพียงพูดคุยอย่างเป็นกันเองและหันไปกระซิบกับนักล่าปีศาจโคลิน
“ท่านเจ้าเมือง ใบหน้าบนตัวเขาคล้ายกับใบหน้าของเทวทูตในจิตรกรรมฝาผนังด้านบนมากครับ เทวทูตตนดังกล่าวมีผมสีเงินยาว ใต้ฝ่าเท้ามีแม่น้ำบรรจบ ข้างภาพวาดมีข้อความเขียนไว้ว่า ‘กุหลาบไถ่บาป’ ”
โคลินทำหน้าประหลาดใจ ก่อนจะขมวดคิ้วชนกัน
ขณะแสร้งคุยกับแจ็คอย่างเป็นมิตร หางตาโคลินแอบเหลือบมองเดอร์ริค
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ เจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์บีบเสียงให้เล็กลงและกระซิบกับเด็กหนุ่ม
“คำพูดเมื่อครู่ของคุณ ช่วยให้ผมนึกถึงเรื่องสำคัญบางสิ่ง”
โดยไม่รอให้เดอร์ริคถาม
“สภาอาวุโสเคยศึกษาภาพวาดดังกล่าวอยู่นานและได้ข้อสรุปว่า เทวทูตในภาพคือผู้นำของคณะจาริกแสวงบุญ บางทีอาจมีชื่อกลุ่มว่ากุหลาบไถ่บาป เดิมที พวกเราตีความหมายของแม่น้ำไหลบรรจบครบรอบไว้ว่า เป็นการวนเวียนแสวงบุญหนแล้วหนเล่า แต่เมื่อครู่ ผมสามารถระบุตัวตนของเทวทูตตนดังกล่าวได้อย่างคร่าว เมื่อนำข้อมูลทั้งหมดในมือมารวมกัน มีทั้งข้อมูลจากคุณ และข้อมูลจากเหตุการณ์อามุนด์ใช้ร่างแยกสิงในตัวคุณ”
“เกี่ยวกันยังไงหรือครับ” เดอร์ริคไม่เข้าใจ
โคลินมองแจ็คพลางเล่าต่อ
“ซากหนอนของอามุนด์มีสัญลักษณ์ของกาลเวลา และภาพแม่น้ำไหลบรรจบครบรอบคือสัญลักษณ์ของโชคชะตา เมื่อนำมารวมเข้าด้วยกัน ผมหวนนึกถึงรายละเอียดในหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง ซึ่งยังเพียงทฤษฎี ไม่มีการรับรองความถูกต้อง เมื่อมหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง มหาเทพผู้รังสรรค์ทุกสิ่งจากต้นกำเนิด ถือกำเนิดขึ้นบนโลก ท่านมีเทวทูตมากมายรายล้อมรอบกาย ในบรรดาเทวทูตจะมีผู้นำซึ่งโดดเด่นกว่าใคร โดยเหล่าผู้นำจะถูกเรียกว่า ‘ราชาเทวทูต’ ราชาเทวทูตมีทั้งหมดแปดตน ชื่อของหลายตนสูญหายไปตามกาลเวลา มีการบันทึกรายละเอียดของราชาเทวทูตไว้เพียงบางตนเท่านั้น บ้างละเอียดชัดเจน และบ้างเป็นแค่รายละเอียดอย่างคร่าว ตามตำนานกล่าวไว้ว่า บุตรแห่งพระองค์เองก็เป็นหนึ่งในราชาเทวทูตเหล่านี้ จากเทวทูตทั้งแปดตน มีสองตนได้รับสมญานามว่า ‘เทวทูตกาลเวลา’ และ ‘เทวทูตโชคชะตา’ ”
เดอร์ริคพลันกระจ่าง ก่อนจะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ท่านเชื่อว่าอามุนด์คือเทวทูตกาลเวลา และบุคคลในภาพวาดคือเทวทูตโชคชะตา?”
“ผมยังไม่แน่ใจ ด้านเทวทูตกาลเวลาถูกบันทึกไว้เพียงชื่อ แต่ในทางกลับกัน เทวทูตโชคชะตานั้นมีข้อมูลค่อนข้างละเอียด…”
โคลินเว้นวรรคเพื่อสูดลมหายใจ
ตามด้วยการกล่าวเสียงขรึม
“เทวทูตโชคชะตา…ผู้กลืนหาง โอโรโบรอส”
…
ณ ยามเย็นภายในห้องใต้ดินของคฤหาสน์ตระกูลโอดรา
เอ็มลิน·ไวท์เพ่งมองโลงศพเหล็กพลางกล่าวกับผีดูดเลือดแก่ชราด้านใน
“ลอร์ดนีบาส กระผมยินดีทำภารกิจของท่านบรรพชน!”
นีบาสตอบด้วยเสียงชรา
“ตัดสินใจได้ดี แล้วเจ้าจะเริ่มเมื่อไร มีสิ่งใดยังค้างคาใจหรือไม่ได้สะสางบ้างไหม”
“…”
เมื่อได้ยินนีบาสถามถึงความปรารถนาสุดท้าย แข้งขาเอ็มลินพลันอ่อนระทวย ภายในใจรู้สึกอยากถอนคำพูด
แวมไพร์หนุ่มเกร็งคอเค้นเสียง
“ไม่จำเป็นขอรับ เริ่มกันได้เลย!”
……………………