Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 460 : วังวนการสำรวจ

ราชันเร้นลับ 460 : วังวนการสำรวจ

ณ ห้วงมิติเหนือสายหมอก ท่ามกลางพระราชวังโบราณ

หลังจากไคลน์ตระหนักถึงความไม่ปรกติของเหตุการณ์รอบตัว มันรีบกินอาหารกลางวันและส่งจิตเข้าสู่ห้วงมิติสายเหนือหมอก เพื่อยืนยันสมมติฐานของตนให้แน่ใจ

ชายหนุ่มเสกปากกาหมึกซึมสีแดงเข้มขึ้นมาถือ ก้มหน้าตรึกตรองราวสองวินาที และบรรจงเขียนข้อความลงไป

“เราเข้าไปพัวพันกับกระแสความบังเอิญจากอิทธิพลของสมบัติปิดผนึก 0-08”

ไคลน์วางปากกาสีแดงเข้มลง มือขวาปลดโซ่เงินจากข้อมือซ้ายพร้อมกับเริ่มขั้นตอนทำนาย

เมื่อท่องจบ ชายหนุ่มตาลืมตาขึ้นพลางจ้องมองผลลัพธ์ตรงหน้า

จี้บุษราคัมยังคงห้อยแน่นิ่งในจุดเดิม

การทำนายล้มเหลว!

ผลการทำนายล้มเหลวสามารถตีความออกมาได้สองทาง หนึ่ง เรามีข้อมูลไม่เพียงพอ และสอง พลังทำนายถูกสมบัติปิดผนึก 0-08 หรือพลังใกล้เคียงขัดขวางไว้…

โอกาสเป็นไปได้มีเท่าๆ กัน…

ไคลน์ลองเปลี่ยนประโยคทำนายและถามหยั่งเชิงในมุมอื่น แต่ทั้งหมดล้วนประสบความล้มเหลว

ชายหนุ่มใช้นิ้วเคาะโต๊ะทองแดงยาว ภายในใจลังเลว่าตนควรเดินทางไปยังคฤหาสน์กุหลาบแดงในวันพรุ่งนี้หรือไม่

ถ้าเรื่องนี้ไม่มีเกี่ยวข้องกับ 0-08 หรือพลังในขอบเขตใกล้เคียง หากเราหลบหน้าองค์ชายเอ็ดซัคอย่างไร้เหตุผล ปัญหาคงบานปลายยิ่งกว่าเก่า…ไม่สิ คงหลบหนีไม่พ้นตั้งแต่แรก เพราะบ้านหลังติดกับเรามีผู้วิเศษทรงพลังแอบจับตามอง…จริงอยู่ เราอาจหนีรอดได้ด้วยพลังของผู้ไร้หน้า แต่การด่วนสละตัวตนเชอร์ล็อก·โมเรียตี้มันคุ้มกันหรือ? ถ้าเราแค่คิดไปเองล่ะ?

ใช่แล้ว ไม่ควรเสี่ยงโดยไม่จำเป็น เราต้องทำตามแผนเดิม แวะไปยังคฤหาสน์กุหลาบแดงในช่วยบ่ายของวันพรุ่ง จากนั้นค่อย ‘ลาพักร้อน’ ตามมารยาท โดยยังไม่สูญเสียตัวตนนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ไป…องค์ชายเอ็ดซัคคงไม่ใจร้ายกับเรานัก งานเกินตัวเช่นนี้ เขาคงไม่บังคับให้นักสืบอ่อนแอและไร้สังกัดเอาชีวิตเข้าเสี่ยง…

แต่ถึงเราจะเข้าไปพัวพันกับ 0-08 หรือสมบัติปิดผนึกใกล้เคียงจริง จากประสบการณ์ส่วนตัว เราคงเป็นเพียงตัวประกอบผู้บังเอิญหลงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ มิได้ตกเป็นเป้าหมายหลักของเรื่องราว และถ้าเป็นไปตามนี้ การหายตัวไปอย่างกะทันหันของเรา ยิ่งจะทำให้อินซ์·แซงวิลล์พบความผิดปรกติ!

พลังผู้ไร้หน้าไม่ช่วยให้รอดพ้นจากอิทธิพลของ 0-08 หรือสมบัติปิดผนึกใกล้เคียง…

ใช่แล้ว ไม่มีหนทางใดดีไปกว่าการแวะไปกล่าวคำอำลากับองค์ชายเอ็ดซัคตามปรกติ จากนั้นจึงค่อยๆ ถอนตัวออกจากเรื่องราวทีละนิด จนกระทั่งหลุดพ้นอย่างสมบูรณ์…

เมื่อนำทุกปัจจัยมาคำนวณร่วมกัน ไคลน์ตัดสินใจแสร้งทำเป็นไม่ตระหนักถึงความผิดปรกติรอบตัว เตรียม ‘อำลา’ เบ็คลันด์ในอีกสองวันถัดไปตามแผนเดิม

กองไฟในค่ายพักกำลังลุกโชน หน้าทางเข้าค่ายมีผู้วิเศษคอยผลัดเวรกันไปเฝ้าตลอดเวลา

เดอร์ริค·เบเกอร์เอนหลังพิงเสาหินและหลับตางีบเพื่อเอาแรง

ทันใดนั้น เด็กหนุ่มพลันฝันเห็นทะเลหมอกสีเทากว้างไกล และเก้าอี้พนักสูงตัวใหญ่เด่นตระหง่านท่ามกลางห้วงมิติสายหมอกลึกลับ

บุคคลปริศนาผู้ดูแคลนทุกสรรพสิ่งนั่งจ้องลงมาจากเก้าอี้ตัวดังกล่าว

มิสเตอร์ฟูล… เดอร์ริคพึมพำ

อีกฝ่ายเปล่งเสียงหนักแน่น

“เตรียมตัวเข้าร่วมชุมนุม”

ขอรับ มิสเตอร์ฟูล… เดอร์ริคขานรับพร้อมกับเริ่มนับจังหวะหัวใจเต้น

เด็กหนุ่มมิได้ลืมตาแม้แต่วินาทีเดียว แสร้งทำเป็นนอนหลับสนิท

ยังเหลือเวลาสักพักก่อนออกเดินทาง มากพอสำหรับเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์…มันครุ่นคิดอย่างโล่งใจ

ในตอนแรกเดอร์ริคเคยคิดว่า ตนอาจยุ่งอยู่กับภารกิจสำรวจ จนต้องพลาดโอกาสเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์ไป

หลังจากเวลาผ่านไปจนครบหนึ่งพันหัวใจเต้น เดอร์ริคถูกดึงตัวไปยังใจกลางพระราชวังโบราณอันเงียบสงบ

ขณะมันกำลังลืมตา ฉากเหตุการณ์มากมายพลันพรั่งพรูเข้าสู่หัวสมอง ราวกับใครบางคนถ่ายเทความทรงจำซึ่งเคยสูญหายไปนานหลายวัน กลับคืนยังตำแหน่งเดิม

ภาพเหตุการณ์ประกอบไปด้วย หนึ่ง ผนังเก่าโทรมของอาคารบ้านเรือนสีฟ้าสลับขาว สอง วิหารของพระผู้สร้างเสื่อมทรามซึ่งมีลักษณะคล้ายกับวิหารของเมืองเงินพิสุทธิ์ สาม ภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งสื่อถึงเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ พระผู้สร้างเสื่อมทรามกำลังแบกรับบาปและความเจ็บปวดแทนมนุษย์ และผู้พยายามทำลายโลกคือหกเทพมารปริศนา

สี่ ฉากของ ‘เห็ด’ ยั่วน้ำลายเกินห้ามใจ และห้า ฉากของเด็กชายแจ็คผมสีเหลือง ผู้ไม่มีใครทราบหัวนอนปลายเท้า

ฉากทั้งหมดถูกฉายซ้ำไปมาจำนวนห้ารอบ แต่ละรอบมีรายละเอียดแตกต่างกันเล็กน้อย

ในรอบแรก ขณะกำลังเดินเข้าวิหารพระผู้สร้างเสื่อมทราม เทียนไขของทีมสำรวจพลันดับสนิททุกดวงพร้อมกัน แต่พวกมันก็รอดพ้นจากหายนะมาได้อย่างฉิวเฉียด ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของนักล่าปีศาจโคลิน รอบสอง สมาชิกทีมคนหนึ่งยับยั้งชั่งใจไม่ไหวและปรี่เข้าไปกินเห็ด แต่ก็ถูกโคลินหยุดไว้ได้ทัน รอบสาม โคลินชวนแจ็คพูดคุย และได้ทราบว่าเด็กชายเดินทางมาพร้อมกับบิดา โดยมีจุดประสงค์เพื่อค้นหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้าง แต่ระหว่างกำลังล่องไปบนทะเลแสนกว้างใหญ่ เรือโดยสารเกิดปะทะเข้ากับพายุอย่างหนักหน่วง รอบสี่ โจชัวถูกเด็กชายแจ็คจู่โจมโดยไม่ทันระวังตัว และรอบสุดท้าย วิหารใต้ดินพลังครืนลงมาจนปิดทางเข้าออกไว้ทั้งหมด

เหตุการณ์ในแต่ละรอบจะสิ้นสุดลงเมื่อนักล่าปีศาจ โคลิน·อีเลียด ทำการสังหารแจ็ค หลังจากนั้น ทุกคนจะกลับมาเริ่มต้นวัฏจักรใหม่ในค่ายพักก่อนออกเดินทาง

พวกเราสำรวจวิหารมาแล้วห้าครั้ง…พวกเราใช้ชีวิตแบบนี้มาแล้วหลายรอบ และไม่มีทีท่าว่าจะว่าสิ้นสุดลง!

ยิ่งวิเคราะห์ความทรงจำใหม่ของตนอย่างละเอียด เดอร์ริคก็ยิ่งทวีความสั่นกลัวจากก้นบึ้งจิตใจ

ในเวลาเดียวกัน ออเดรย์ ผู้นั่งฝั่งตรงข้ามเดอร์ริค เตรียมกล่าวทักทายมิสเตอร์ฟูลและทุกคนด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนกับทุกที แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นอากัปกิริยาผิดธรรมชาติของเด็กหนุ่ม เธอตัดสินใจซักถามอย่างเป็นกังวล

“มิสเตอร์ซัน เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าภารกิจสำรวจวิหารของพระผู้สร้างแท้… เอ่อ พระผู้สร้างเสื่อมทราม จะมีอุปสรรค?”

เมื่อเริ่มพบแสงแห่งความหวัง เดอร์ริครีบเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียด ก่อนจะปิดท้ายด้วย :

“หลังจากท่านประมุขจัดการกับแจ็ค พวกเราทุกคนจะหลับตาสนิทโดยพร้อมเพรียง จนกระทั่งตื่นขึ้นอีกครั้งภายในค่ายพักเริ่มต้น และเตรียมออกสำรวจวิหารแห่งเดิมโดยปราศจากความทรงจำก่อนหน้า วัฏจักรดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้วห้ารอบ แต่ละรอบแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย”

“หากไม่เพราะมิสเตอร์ฟูลช่วยคืนความทรงจำให้ ผมคงต้องใช้ชีวิตในวัฏจักรดังกล่าวไปจนตาย”

เดอร์ริคเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ความทรงจำของตนกลับคืนมาด้วยฝีมือมิสเตอร์ฟูล จึงลุกยืนและทำท่าคำนับอย่างนอบน้อมไปยังบุคคลบนเก้าอี้สุดขอบโต๊ะทองแดงยาว

ฉันเพิ่งจะได้ทราบความจริงหลังจากฟังนายเล่านี่แหละ…ไคลน์มึนงง

แต่มันยังคงรักษามาดนิ่งของผู้ยิ่งใหญ่ เพียงพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา

ในทางทฤษฎี ถ้าผู้บังคับบัญชาถูกผู้น้อยซักถามในเรื่องนอกเหนือความรู้ ให้ทำหน้านิ่งเข้าไว้และไม่ต้องกล่าวสิ่งใด… ไคลน์อาศัยประสบการณ์สมัยยังเป็นนักรบคีย์บอร์ดเป็นหลักในการวางตัว

เมื่อเดอร์ริคเห็นมิสเตอร์ฟูลทำตัวสุขุมและวางมาดสงบนิ่ง มันเกิดความโล่งใจหลายส่วน ภายในใจกำลังเชื่อว่า อุปสรรคของตนจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น

เด็กหนุ่มหันไปทางแฮงแมน จัสติส เดอะเวิร์ล เมจิกเชี่ยน และซักถามอย่างจริงใจ

“พวกคุณทราบต้นตอของปัญหาหรือไม่? แล้วผมต้องแก้ไขอย่างไร”

ออเดรย์ผู้กระตือรือร้น เธอย่อมต้องการช่วยไขข้อข้องใจให้อีกฝ่าย เพียงแต่ว่า เด็กสาวไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวแม้แต่น้อย

ทางด้านฟอร์สเองก็เช่นกัน

สำหรับไคลน์ มันนำความรู้ทั่วไปจากดาวเคราะห์โลกมาผสมผสานกับนิยายจนเกิดเป็นทฤษฎีหลายข้อ แต่หลังจากตรึกตรองสักพัก ชายหนุ่มตัดสินใจวางตัวมาดนิ่ง รอดูท่าทีตอบสนองจากคนอื่นไปก่อน

อัลเจอร์เงียบงันสักพัก ก่อนจะมอบคำตอบซึ่งถูกไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี

“ผมคิดออกแค่สองประเด็น ข้อแรก คุณถูกพลังประเภทฝันร้ายหรือภาพลวงตาระดับสูงเล่นงาน เป็นพลังจากบุคคลระดับครึ่งเทพ แต่ในเมื่อตอนนี้ได้รับความทรงจำจากมิสเตอร์ฟูลกลับคืนมาแล้ว บางที ถ้าถูกส่งกลับไปยังโลกความจริง คุณอาจพบวิธีแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเองได้ไม่ยาก ข้อสอง คุณถูก ‘ดึง’ หรือ ‘เผลอ’ เข้าไปในห้วงมิติพิเศษบางแห่งโดยไม่รู้ตัว บางที อาจเป็นดินแดนซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกความจริง กระแสเวลาภายในนั้นจะไหลแยกกับภายนอก เมื่อไหลไปถึงจุดหนึ่งจะย้อนกลับ และทำซ้ำเรื่อยๆ จนเกิดเป็นวัฏจักรสมบูรณ์ หากเป็นไปตามนี้ โอกาสหลุดพ้นจากวังวนจะมีเพียงสองวิธี ข้อแรก ต้องใช้พลังจากภายนอกทำลายโดยตรง และข้อสอง ต้องค้นหากุญแจสำคัญซึ่งเชื่อมต่อกับจุดบิดเบือนกระแสเวลาให้พบ”

ใช้พลังภายนอกทำลายเข้าไปโดยตรง?

ได้ยินเช่นนี้ ออเดรย์ เดอร์ริค และฟอร์สต่างหันไปมองเดอะฟูลโดยมิได้นัดหมาย

ไม่ได้…เราจะเอาแต่พึ่งพามิสเตอร์ฟูลไม่ได้เด็ดขาด! ในเมื่อท่านมิได้กล่าวสิ่งใด หมายความว่า ท่านกำลังมอบบททดสอบการแก้ไขปัญหาให้เรา…

เดอร์ริคครุ่นคิดสักพัก

“มิสเตอร์แฮงแมน สมมติให้เป็นอย่างหลัง คุณคิดว่าสิ่งใดคือกุญแจสำหรับเชื่อมต่อจุดบิดเบือนกระแสเวลา?”

ออเดรย์ไม่รอให้แฮงแมนตอบ เธอชิงคาดเดาอย่างตื่นเต้น

“เด็กชายแจ็ค? ห้ามฆ่าเด็กชายแจ็ค?”

อัลเจอร์พยักหน้า

“นั่นก็เป็นไปได้”

มันทำหน้าลังเลสักพักจึงเล่าต่อ

“คำอธิบายเกี่ยวกับแจ็ค ทำให้ผมหวนนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งในอดีต”

แฮงแมนหันไปมองจัสติส

“ในการชุมนุมแรกๆ ของพวกเรา ตอนนั้นผมเล่าว่า ตัวเองกำลังไล่ตาม ‘ผู้สดับ’ จากชุมนุมแสงเหนือในทะเลใช่ไหม? จุดประสงค์ของพวกมันคือการค้นหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้างแท้จริง”

ออเดรย์ทำหน้านึกตาม ก่อนจะผงกศีรษะรับอย่างไม่หนักแน่นสักเท่าไร

“เอ… ก็เคยมีเรื่องแบบนั้นอยู่”

อัลเจอร์เล่าต่อด้วยเสียงสุขุม

“ผู้สดับคนนั้นพาบุตรชายไปด้วย อายุของเด็กคนดังกล่าวใกล้เคียงกับคำอธิบายจากเดอะซันมาก”

“คุณกำลังจะบอกว่า แจ็คเดินทางจากดินแดนของพวกคุณ มายังเขตใกล้กับเมืองเงินพิสุทธิ์ของผม?” เดอร์ริคทำหน้าประหลาดใจ

หลังจากก้มหน้าไตร่ตรองสักพัก เด็กหนุ่มเริ่มเกิดความยินดีปรีดาลึกๆ ในใจ

สิ่งนี้หมายความว่า เมืองเงินพิสุทธิ์มิได้ถูกปิดตายโดยสมบูรณ์ และยังมีโอกาสติดต่อกับดินแดนของแฮงแมนกับจัสติสได้อยู่!

“นั่นแค่หนึ่งในความเป็นไปได้เท่านั้น”

แฮงแมนเองก็ไม่มั่นใจนัก

มันก้มหน้าเรียบเรียงคำพูดราวสามวินาที ก่อนจะมอบคำแนะนำเพิ่มเติม

“ผมขอเสนอแนะให้คุณหาโอกาสเล่าเรื่องเกี่ยวกับทะเลโซเนีย อาณาจักรโลเอ็น และเมืองท่าให้เด็กชายแจ็คฟัง บางที เขาอาจมีท่าทีตอบสนองแตกต่างไปจากทุกครั้ง แต่แน่นอน เรื่องนี้ไม่ควรกระทำต่อหน้าประมุขของเมืองเงินพิสุทธิ์ แล้วก็ กุญแจสำคัญของห้วงมิติดังกล่าวอาจไม่ใช่แจ็คเสมอไป คุณต้องเล่ารายละเอียดให้พวกเราฟังมากกว่านี้ เช่น เนื้อหาบนจิตรกรรมฝาผนังหรือเทวรูปเป็นอย่างไร บางที อาจมีเบาะแสสำคัญซ่อนอยู่ในนั้นก็ได้”

อัลเจอร์พยายามเค้นข้อมูล ‘ฟรี’ จากเดอะซันอย่างสุดความสามารถ

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset