Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 459 : คลาดกัน

ราชันเร้นลับ 459 : คลาดกัน

แม้ว่าเราเคยพูดเสมอว่า ต้องการวิงวอนให้เดอะฟูลช่วยขัดการชี้นำทางใจจากหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ แต่เราก็ตระหนักเป็นอย่างดีเช่นกันว่า ตัวตนลึกลับส่วนมากมักมีจุดประสงค์มุ่งร้ายแอบแฝง พวกมันเป็นเหมือนกับฉลามในทะเล คอยแหวกว่ายและมุ่งเข้าหาเลือดสดตลอดเวลา…

แต่ตอนนี้ ลอร์ดนีบาส…ไม่สิ ท่านบรรพชนกลับให้เรา…สิ่งนี้คือความประสงค์ของท่านจริงหรือ?

เอ็มลินยากจะทำใจเชื่อลง มันกล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม

“ภารกิจนี้อันตรายอย่างมาก…มากจริงๆ ขอรับ…”

เสียงของนีบาส·โอดราดังเล็ดลอดมาจากโลงศพเหล็กดำ

“ถูกต้อง การทำเช่นนั้นจะอันตรายอย่างมากในกรณีปรกติ แต่ใช่ว่าตัวตนลึกลับจะมีเจตนาชั่วร้ายไปเสียหมด บางรายเพียงปรารถนาการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม ยกตัวอย่างเช่น บรรดาเจ็ดแสงพิสุทธิ์แห่งโลกวิญญาณ ในเมื่อท่านบรรพชนมอบวิวรณ์มาให้ข้าเช่นนี้ หมายความว่าอันตรายจากเดอะฟูลคงไม่มากมายนัก หรืออาจไม่มีเลย และไม่ต้องกังวล ขณะเจ้าประกอบพิธีกรรม ข้าจะคอยปกป้องเคียงข้าง เจ้าไม่ต้องการขจัดการชี้นำทางใจหรืออย่างไร? รึว่ากลายเป็นสาวกของพระแม่ธรณีเต็มตัวไปแล้ว จึงลืมว่าเคยศรัทธาดวงจันทร์”

“ข้าเปล่า!” เอ็มลินปฏิเสธขึงขัง

ความเงียบงันครอบงำห้องโถงสักพัก จนกระทั่งแวมไพร์หนุ่มกัดฟันกรอด

“ข้อขอเวลาคิดก่อน”

“ไม่มีปัญหา ข้าเชื่อว่าเจ้าจะตัดสินใจได้เหมาะสมกับฐานะของผีดูดเลือดอันสูงส่ง” เสียงของนีบาสภายในโลงศพเริ่มแผ่วลงเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวล

หลังจากคาซีมี·โอดราส่งเอ็มลินกลับไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ มันย้อนกลับมายังห้องโถงสีเทาอีกและซักถามด้วยสีหน้าสับสน

“ท่านปู่ เหตุใดวิวรณ์ของท่านบรรพชนถึงระบุว่าเอ็มลิน·ไวท์เป็นกุญแจสำคัญ? เขาเป็นแค่แวมไพร์หนุ่มอ่อนแอ เพิ่งจะโตเต็มวัยเมื่อไม่นานมานี้”

เสียงของนีบาส·โอดราดังลอดผ่านฝาโลงศพหนา อากาศรอบตัวสั่นสะเทือนเล็กน้อย

“เปล่าเลย วิวรณ์ของท่านบรรพชนมิได้กล่าวถึงเอ็มลิน·ไวท์แม้แต่คำเดียว ท่านบรรพชนเพียงเผยนิมิตของรุ่นอรุณวันเกิดมหันตภัย การเสื่อมสลายของดวงจันทร์ และเอ่ยถึงเดอะฟูลกับนามเต็มของเขา ในนิมิตวิวรณ์ไม่มีผีดูดเลือดปรากฏตัวแม้แต่ตนเดียว ข้าตัดสินใจกุเรื่องกุญแจสำคัญเพื่อให้เอ็มลินยอมทำภารกิจ อย่างไรก็ตาม หากเขายอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อรักษาอนาคตของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด บางที เอ็มลินอาจเป็นกุญแจสำคัญตัวจริงในพระวิวรณ์ก็ได้”

คาซีมี·โอดราพลันกระจ่าง แต่ก็เกิดคำถามตามมาในทันที

“แล้วทำไมท่านถึงเลือกเอ็มลิน·ไวท์? เขามีอะไรพิเศษกว่าคนอื่น?”

นีบาส·โอดราหัวเราะ

“ก็เขาเอาแต่รำพันเรื่องการวิงวอนหาเดอะฟูลมาตลอดไม่ใช่หรือ? และเป็นเพราะพวกเราตระกูลผีดูดเลือดไม่ยอมช่วยเหลือ โดยอ้างเหตุผลว่าไม่ต้องการขัดแย้งกับบิชอปยูทรอฟสกี้ เขาจึงพยายามมองหาความช่วยเหลือจากภายนอกมาตลอด ข้าเพียงเร่งให้มันเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม”

คาซีมีหมดคำจะกล่าวเป็นเวลานาน

เอ็มลิน·ไวท์กำลังยืนริมรั้วบนชั้นสองของคฤหาสน์ สายตาจ้องมองเหล่าพี่น้องผู้ไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยกับการเต้นรำ มือยกจิบ ‘ไวน์’ เป็นระยะด้วยสีหน้าวิตกกังวล

จนถึงวันนี้ เรายังไม่เคยได้ยินว่ามีใครตกเป็นเหยื่อของเดอะฟูล…บางที อาจเป็นไปตามคำกล่าวของท่านลอร์ดนีบาส เดอะฟูลเป็นตัวตนลึกลับและเจตนาดีเหมือนกับเจ็ดแสงพิสุทธิ์…

เดี๋ยวก่อน แล้วเจ็ดแสงพิสุทธิ์เป็นใคร? ทำไมเราถึงไม่รู้จัก? เป็นเทพนอกรีตฝ่ายดี? แล้วทำไมถึงลอร์ดนีบาสถึงไม่ให้เราวิงวอนต่อเจ็ดแสงพิสุทธิ์แทน? ช่างเถอะ เดอะฟูลคงไม่สร้างอันตรายมากนักหามีลอร์ดนีบาสคอยคุ้มครองอย่างใกล้ชิด…นี่คือโอกาสสำคัญในการขจัดการชี้นำทางใจจากหลวงพ่อ…

เอ็มลินปลอบใจตัวเองด้วยสีหน้าคาดหวัง

เข้าวันจันทร์ ถนนเชอร์วู้ด อาคารหมายเลข 15 ถนนมินส์

ไคลน์กำลังนั่งยองข้างชักโครก พลางใช้แปรงในมือขัดทำความสะอาดคราบไม่พึงประสงค์ออก

จากแผนการเดิมของชายหนุ่ม หลังจาก ‘ทำตัวงานยุ่ง’ ตลอดวันเสาร์และอาทิตย์ มันเตรียมหยุดพักในวันจันทร์ จึงค่อยเดินทางไปรายงานความคืบหน้ากับองค์ชายเอ็ดซัคเป็นครั้งสุดท้ายในวันอังคาร แต่ขณะกำลังว่าง มันพบว่าบ้านของตนค่อนข้างสกปรก

ชายหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ความสะอาดของบ้านหลัง 15 ตลอดหลายเดือนก่อน ล้วนเกิดจากฝีมือของสาวใช้บ้านข้างๆ ทั้งสิ้น

และเมื่อครอบครัวซาเมอร์เดินทางไปพักร้อนยังอ่าวเดซี พวกเขาย่อมพาคนใช้ไปด้วยส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งแยกย้ายกลับบ้านตามชนบทหลังจากได้รับโบนัสประจำปี ส่งผลให้ไม่มีใครคอยทำความสะอาดบ้านหมายเลข 15 ไปอีกพักใหญ่

แผนของไคลน์คือ เตรียมพักผ่อนวันจันทร์กับอังคารก่อนจะ ‘ลาหยุดยาว’ ไปพักร้อนทางใต้ โดยระหว่างสองวันดังกล่าว มันจะไม่แวะไปเสพสุขในสโมสรครักซ์ เนื่องจากกังวลว่าองค์ชายเอ็ดซัคจะไม่พอใจ ทางเลือกเดียวจึงเป็นการอยู่บ้าน แต่เมื่อพบสิ่งระคายเคืองสายตา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจจัดการให้เรียบร้อยก่อนหยุดยาวหลายวัน

ไคลน์ขัดโถส้วม ล้างอ่างน้ำ เช็ดกระจก ถูพื้นทั่วบ้าน เช็ดข้าวของเครื่องใช้ และซักผ้าให้เรียบร้อย มันใช้เวลาทำเรื่องดังกล่าวตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงเก้าโมงตรง และผลลัพธ์ค่อนข้างน่าพึงพอใจ

แน่นอน ไคลน์เพียงทำความสะอาดอย่างหยาบ มิได้ลงลึกรายละเอียดเหมือนกับแม่บ้านมืออาชีพ

ในบางครั้ง การเช่าบ้านหลังใหญ่เกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก…ชายหนุ่มมือและเช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนู

มันเดินออกจากห้องน้ำพลางชำเลืองไปทางห้องรับแขกและห้องครัวอันสะอาดสะอ้าน จากนั้นก็หันไปทางมุขหน้าต่าง จ้องมองแสงอาทิตย์ลอดผ่านกลุ่มเมฆลงมากระทบกับผนังบ้านจนเกิดจุดสว่างสีทอง ฉากตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มเกิดความพึงพอใจเหนือพรรณนา

ถึงเวลามอบรางวัลให้ตัวเองด้วยอาหารกลางวันหรูสักมื้อ แวะไปภัตตาคารสักแห่งก็แล้วกัน…ไคลน์เดินกลับห้องนอนบนชั้นสองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

หลังจากกลับลงมาและนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อฆ่าเวลาให้ถึงช่วงกลางวัน เสียงกริ่งบ้านพลันก้องกังวานเต็มสองรูหู

“ใกล้จะปีใหม่แล้ว ยังมีใครต้องการจ้างนักสืบอยู่อีกหรือ?” ไคลน์ลุกยืนและเดินไปทางประตู สมองกำลังคิดถ้อยคำปฏิเสธ

แม้ว่ามันจะเหลือเงินติดตัวเพียงสามสิบสี่ปอนด์ แต่เพื่อเอาชีวิตรอดจากความขัดแย้งภายในราชวงศ์ ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจาก ‘ลาพักร้อน’ ยาวหลายสัปดาห์ จึงไม่สามารถรับงานใดเพิ่มได้อีก

แต่ชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจ เพราะผู้มาเยือนในคราวนี้มิใช่คนแปลกหน้า แต่เป็นพ่อบ้านชราขององค์ชายเอ็ดซัค

พ่อบ้านสวมทักซิโดพอดีตัว กล่าวคำทักทายชายหนุ่มโดยไม่สูญเสียมาดสง่างาม

“นักสืบโมเรียตี้ องค์ชายกำลังรอให้คุณไปพบในรถม้าซึ่งกำลังจอด ณ สุดเส้นถนน พระองค์ต้องการทราบความคืบหน้าของคดี”

รีบร้อนขนาดนั้นเลยหรือ…แต่ก็ไม่เลวเหมือนกัน เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังคฤหาสน์กุหลาบแดงในวันพรุ่งนี้…

ไคลน์เรียบเรียง ‘รายงาน’ ของคดีซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนจะตอบกลับพ่อบ้านอย่างสุขุม

“ตกลงครับ”

ทันใดนั้น ขณะมันเตรียมหยิบหมวกลงจากราวแขวนผ้า ท้องไส้พลันปั่นป่วนกะทันหัน ถึงขั้นเกิดความอยากเดินเข้าไปปลดปล่อยในห้องน้ำประเดี๋ยวนี้

หลังจากมันลองยืนทนดูสักพัก ชายหนุ่มเริ่มมั่นใจว่าตนคงมิอาจอดกลั้นไว้ได้ จึงกล่าวกับพ่อบ้านชราด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ต้องขออภัยด้วยครับ แต่ผมจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำก่อน ท้องไส้ของผมไม่ไหวแล้ว”

สีหน้าของพ่อบ้านชรายังคงเรียบเฉย

“เป็นสิทธิ์ของคุณ”

หลังจากไคลน์ปลดปล่อยความทุกข์ออกไประลอกแล้วระลอกเล่าจนเกลี้ยงท้อง มันรีบล้างมือให้เสร็จและเดินออกมายังห้องนั่งเล่น

ทว่า บุคคลซึ่งยืนรอหน้าประตูมิใช่พ่อบ้านชรา แต่เป็นสาวใช้คนสวย ผมน้ำตาลหยักศกเล็กน้อย ใบหน้าอ่อนเยาว์

“องค์ชายรับสั่งให้ดิฉันมาแจ้งกับคุณว่า พระองค์มีงานด่วนต้องไปสะสาง ไม่สามารถรอพบได้ตามความตั้งใจ ฉะนั้น รบกวนคุณนักสืบแวะไปยังคฤหาสน์กุหลาบแดงในวันพรุ่งนี้ หรือไม่ก็บ่ายวันมะรืนด้วยค่ะ” สาวใช้โค้งศีรษะด้วยกิริยามารยาทสง่างาม

อะไรกัน… ผ่านไปยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ แถมเราก็รีบสุดชีวิตแล้ว…

นี่เรายังไม่ได้เอาจริง ถ้าพกหนังสือพิมพ์เข้าไปด้วย เราจะใช้ห้องน้ำนานกว่านี้ได้อีก…

ไคลน์รำพันติดตลก

“ไม่มีปัญหาครับ”

เมื่อสาวใช้ได้ยินคำตอบ สีหน้าแววตาเผยความโล่งใจชัดเจน ประหนึ่งได้ยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก ก่อนจะหัวเราะคิกคักและส่งเสียงกระซิบ

“นักสืบโมเรียตี้ คุณคลาดกับเธอคนนั้นอีกแล้วนะคะ”

“หือ…” ไคลน์เริ่มทำหน้าตกใจ

สาวใช้เบาเสียงลง

“เธอคนนั้นอยู่กับองค์ชายในรถม้าด้วย และยังเป็นคนแนะนำให้องค์ชายอ้อมรถแวะมาพบคุณนักสืบก่อนกลับ”

แล้วเราก็คลาดกับเธออีกครั้งเพราะบังเอิญท้องเสียกำเริบเนี่ยนะ…บ้าบอสิ้นดี…

ไคลน์ขมวดคิ้ว

ภายในห้องแห่งหนึ่ง พื้นถูกปูด้วยพรมนุ่ม

ปากกขาขนนกในมือใครบางคน ถึงคราวสิ้นสุดการเขียนประโยคยาว

บนหน้ากระดาษของสมุดบันทึกปลายปากกา ข้อความหลายแถวถูกเขียนติดกันเป็นพืด สลับกับมีรอยขีดฆ่าเป็นระยะ

(ขีดฆ่า)

“เป้าหมายฝ่าด่านการกักขังมาได้ แต่โชคไม่เข้าข้าง นักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ดันกลับไปก่อนเธอจะเดินลงมาถึงชั้นล่าง”

“เป้าหมายพยายามใช้พลังกับสาวใช้รอบตัว แต่พ่อบ้านประจำตัวองค์ชายเอ็ดซัค มิสเตอร์ฟังเกล ตรวจพบปัญหาดังกล่าวและแก้ไขได้ทันท่วงที”

(ขีดฆ่า)

“เป้าหมายพยายามออกนอกเส้นทางอีกครั้ง เธออาสานำช่อดอกไม้ไปวางหน้าหลุมศพของทาลิม·ดูมงต์แทนองค์ชาย แต่เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ในภายหลังว่า ตนไม่เคยพบหน้านักสืบเชอร์ล็อกมาก่อน จึงคลาดโอกาสได้พบกัน”

“นักสืบเชอร์ล็อกเดินทางไปยังคฤหาสน์กุหลาบแดงเพื่อสอบปากคำเบื้องต้น แต่น่าเสียดาย เป้าหมายบังเอิญออกไปขี่ม้าในสนามกอล์ฟพอดิบพอดี”

(ขีดฆ่า)

“เป้าหมายพยายามออกนอกเส้นทางอีกครั้ง เธอแนะนำให้องค์ชายเอ็ดซัคแวะไปหานักสืบเชอร์ล็อกระหว่างทางกลับ แต่โชคไม่ดีนัก นักสืบเชอร์ล็อกเกิดท้องเสียกะทันหัน และต้องถ่ายหนักนานถึงเจ็ดนาทีสี่สิบห้าวินาที โดยองค์ชายไม่สามารถรอนานขนาดนั้นได้”

ชายวัยกลางคนเจ้าของใบหน้าคล้ายรูปปั้นแกะสลัก ดวงตาบอดสนิทหนึ่งข้าง วางปากกาขนนกลงและหันไปมองสตรีด้านข้าง

“เธอใส่อะไรเข้าไปในตัวหล่อนกันแน่? การฝ่าฝืนขีดจำกัดหนแล้วหนเล่าอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้”

หญิงสาวหัวเราะเสียงค่อย

“ทั้งหมดเป็นแค่อุบัติเหตุและความบังเอิญไม่ใช่หรือ? ไม่มีทางเกิดปัญหาแน่นอน”

ขณะเธอกล่าว สองมือรวบผมไปด้านหลัง จนเผยให้เห็นต้นคอสุดขาวเนียน

ถัดมา สตรีปริศนาบรรจงทาหลายสิ่งลงบนใบหน้าอย่างประณีต ส่งเสริมความงดงามให้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

เมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มสวมเสื้อผ้าและติดเครื่องประดับ ชายวัยกลางคน ผมสีทองเข้ม ขมวดคิ้วพลางซักถาม

“เธอกำลังจะไปไหน”

สตรีปริศนาไม่ตอบ เพียงตักเตือนอีกฝ่ายด้วยความหวังดี

“ระวังปากกาขนนกด้ามนั้นเอาไว้ คราวก่อนเกือบได้สลับร่างกับใครบางคนไม่ใช่หรือ”

“สำหรับเรื่องนี้ ฉันรู้ดีกว่าใครมาตลอด” ชายวัยกลางคน ผู้มีดวงตาสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ตอบกลับด้วยสีหน้าอึมครึม

สตรีเลอโฉมรูดเข็มขัดเพื่อทำให้เอวคอดลง ก่อนจะบิดขี้เกียจและปิดปากหาว

“ฉันจะออกไปหามิสเตอร์ A แห่งชุมนุมแสงเหนือสักหน่อย หวังว่าหมอนั่นจะเสียสติสมคำร่ำลือ…”

ขณะเธอกล่าว สีหน้าของชายตาบอดหนึ่งข้างพลันดำมืดกะทันหัน สืบเนื่องมาจาก ปากกาขนนกเริ่มเขียนบางสิ่งลงไปเองราวกับถูกมือล่องหนควบคุม

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset