Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 449 : ทางเลือกฉลาดกว่า

ราชันเร้นลับ 449 : ทางเลือกฉลาดกว่า

เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์

อากาศภายนอกมิอาจสอดแทรกเข้าไปในตัวอาคาร บรรยากาศด้านในตึกอบอุ่นประหนึ่งช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ เตาผิงทำงานของมันได้อย่างไม่มีจุดบกพร่อง

ออเดรย์กำลังถูกวัดตัวโดยมาดามจีเนียร์ นักออกแบบเสื้อผ้าส่วนตัว เพื่อเตรียมตัดชุดสำหรับฉลองปีใหม่ให้เข้ากับอารมณ์ความคิดและขนาดตัวปัจจุบัน

สาวใช้ส่วนตัว แอนนี เดินเข้ามาใกล้และกระซิบข้างหู

“มาดามเอสลันด์ขอพบ”

เร็วขนาดนี้เชียว…?

ออเดรย์พลันตื่นเต้น แต่เธอไม่แสดงออกทางสีหน้า เพียงเผยรอยยิ้มตามมารยาท

“บอกให้รอในห้องศิลป์ เอ่อ… ห้านาที”

“ห้องศิลป์?” แอนนีทำหน้างุนงง

“ถูกต้อง ฉันจะให้คุณครูติชมผลงานภาพวาดชิ้นใหม่ฝีมือตัวเอง เธอกล่าวว่า ผลงานทางศิลปะซึ่งเกิดจากจิตใจอันผ่อนคลาย จะบ่งบอกตัวตนของคนผู้นั้นได้อย่างละเอียด” ออเดรย์อธิบายอย่างใจเย็น

แอนนีพลันกระจ่าง

“ค่ะ คุณหนู”

ไม่ถึงห้านาทีถัดมา ออเดรย์เดินเข้าไปในห้องศิลป์และพบว่าเอสลันด์กำลังยืนชื่นชมภาพวาดบนผนัง

“นั่นคือ ‘รัตติกาลในฝัน’ ของเซนซี สุดยอดผลงานชิ้นเอกอันโด่งดังซึ่งจะมอบอารมณ์ปลอดโปร่งและสงบนิ่ง” เด็กสาวอมยิ้มพลางแนะนำภาพให้เอสลันด์ทราบ

“รัตติกาลในฝันของเซนซี? หนึ่งในสิบภาพวาดของปีก่อน และหนึ่งในร้อยภาพวาดประจำศตวรรษจากการลงคะแนนของหนังสือพิมพ์ทัสซอคหรือคะ?”

แน่นอน เอสลันด์เป็นคนประเภทอ่านหนังสือพิมพ์ทุกเช้า และในฐานะผู้วิเศษเส้นทางผู้ชม ความจำของเธอย่อมเป็นเลิศ

“ค่ะ” ออเดรย์ตอบกระชับราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งกับการได้ยลโฉมภาพวาดของจริงเต็มสองตาเช่นนี้…” เอสลันด์กล่าวพลางเงยหน้าจ้องภาพอีกครั้ง

เธอกลืนประโยคตามหลัง ‘ราคาเท่าคฤหาสน์เลยนะคะ’ ลงคอ เพราะกังวลว่าจะถูกมองเป็นพวกบ้านนอกเข้ากรุง

ออเดรย์ไม่เสียเวลากล่าวแนะนำภาพอื่น เด็กสาวหาข้ออ้างส่งแอนนีออกจากห้อง ตามด้วยการส่งสัญญาณบอกให้ซูซีออกไปอารักขาหน้าประตู

โกลเดนรีทรีเวอร์ขนฟูอ่านใจนายหญิงได้ทันทีและรีบตะกุยเท้า

เอสลันด์ช่วยปิดประตูและเดินกลับมานั่งข้างขาตั้งสำหรับวาดรูป เธอไม่ปล่อยให้เด็กสาวซักถามสิ่งใด ครูสอนวิชาจิตวิทยาสาวเริ่มเข้าประเด็นทันที

“พวกเรามีทั้งตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์และสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ เพียงแต่ สมาคมแปรจิตไม่ได้ร้อนเงิน จึงไม่คิดขายนอกเสียจากจะได้รับข้อเสนอยากปฏิเสธ”

ถ้ามีการเจรจา… แปลว่ายังมีหวัง!

ดวงตาเขียวมรกตของเด็กสาวพลันลุกวาวขณะตั้งคำถามกลับ

“ราคาเท่าไรบ้างคะ”

เอสลันด์ลูบไล้เส้นผมดำขลับและมอบคำตอบซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า

“สองพันห้าร้อยปอนด์สำหรับตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์ สามพันปอนด์สำหรับสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ”

กะขายทีเดียวรวยเลยหรือ…

แม้ออเดรย์จะมองเป็นเพียงเศษเงิน แต่เธอก็ไม่ค่อยปลื้มนักเมื่อพบว่าสมาคมแปรจิตหวังฟันกำไรเกินกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์

จากคำอธิบายของมิสเตอร์แฮงแมน ภายใต้สถานการณ์ปรกติ สูตรโอสถลำดับ 6 จะมีมูลค่าไม่เกินสองพันปอนด์ แต่ยิ่งโอสถเข้าใกล้ลำดับสูงเพียงใด โอกาสหลุดมาในตลาดมืดก็ยิ่งน้อย เรียกว่ามีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ส่งผลให้ราคาอาจดีดตัวขึ้นบ้าง ไม่เพียงเท่านั้น เนื่องจากเป็นสิ่งของมูลค่าสูง โอกาสถูกหลอกขายสูตรโอสถปลอมก็ยิ่งมาก ดังนั้น หากผู้ขายมีความน่าเชื่อถือ ราคาจะสูงขึ้นย่อมไม่แปลก แต่สามพันปอนด์ก็ออกจะ…

เอสลันด์รีบเสริม

“ถ้าอีกฝ่ายมีสมบัติวิเศษมูลค่าใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่าเล็กน้อยมาแลกเปลี่ยน ทางเราก็ยินดีพิจารณา”

หรือก็คือ พวกคุณต้องการสมบัติวิเศษมากกว่าเงิน… สมาคมแปรจิตถือเป็นหน้าใหม่ในวงการ คงไม่แปลกหากจะมีจำนวนสมบัติวิเศษน้อยกว่าองค์กรลับอื่น…

ออเดรย์เม้มปากตอบ

“ดิฉันจะนำไปบอกพวกเขาให้ค่ะ แต่ไม่ขอรับประกันความสำเร็จ”

ออเดรย์ไม่กังวลเลยสักนิดว่า สมาคมแปรจิตจะเคลือบแคลงว่าเธอเอาเวลาตอนไหนไปเข้าร่วมชุมนุมลับอื่น ในฐานะบุตรสาวแห่งตระกูลเคาต์ ตารางชีวิตของเด็กสาวย่อมต้องยุ่งวุ่นวาย

มีทั้งงานเลี้ยงน้ำชารอบบ่าย งานเลี้ยงอาหารค่ำ งานเลี้ยงเต้นรำ เรียนขี่ม้า เรียนสื่อสาร และอีกมากมาย มีโอกาสพบปะคนแปลกหน้าไม่น้อย ใครจะรู้ อาจมีชุมนุมลับแฝงอยู่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ หรือไม่ก็ ครูสอนดนตรีคือผู้วิเศษมากประสบการณ์ปลอมตัวมา สมาคมแปรจิตไม่มีทางตรวจสอบเรื่องนี้ได้ทั้งหมด พวกมันซ่อนอยู่ในเงามืด การออกมาเคลื่อนไหวฉากหน้าจึงไม่ใช่เรื่องสะดวก

เมื่อกล่าวจบ ออเดรย์ซักถามต่อท้าย

“มาดามเอสลันด์ ดิฉันคาดไม่ถึงว่าพวกคุณจะกล้าขายสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ มันเป็นถึงลำดับ 6 ไม่ใช่หรือคะ”

“สำหรับเรื่องนี้ ถ้ามีโอกาส พวกเราก็อยากกระจายข้อมูลดังกล่าวออกไป เพราะจะเกิดประโยชน์ต่อสมาคมแปรจิตมากกว่า”

เอสลันด์ตอบคลุมเครือ

จริงอยู่ คุณหนูออเดรย์อาจเป็นบุคคลสำคัญซึ่งเบื้องบนของสมาคมให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แต่ในสายตาเอสลันด์ ออเดรย์ยังเป็นแค่เด็กใหม่ในโลกเร้นลับ มีหลายสิ่งยังไม่ถึงเวลารับรู้

เธอหมายความว่ายังไง…?

แต่เด็กสาวตัดสินใจข่มความสงสัยไว้ก่อน ทำเพียงเปลี่ยนประเด็นอย่างไร้เดียงสา

“มาดามเอสลันด์ หากการค้าขายในคราวนี้ผ่านไปอย่างลุล่วง ดิฉันจะได้รับคะแนนผลงานไหมคะ?”

เอสลันด์ฉีกยิ้ม

“แน่นอนค่ะ”

ไคลน์ ‘ทำตัวยุ่ง’ ตลอดช่วงเช้า จนกระทั่งกลับถึงถนนมินส์และเติมเต็มความอิ่มท้อง แต่ขณะเตรียมตัวพักผ่อน เสียงสวดภาวนาจากใครสักคนดังพลันซ้อนทับในหัว ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก

มิสจัสติสหาคนขายตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์ได้แล้ว? พูดเป็นเล่นน่า… เราไม่พบเบาะแสแม้จะหามาตั้งนาน แต่พอเจอกลับเจอทีเดียวสองเนี่ยนะ… ในฐานะองค์กรลับ สมาคมแปรจิตคงมีวัตถุดิบประเภทนี้เก็บสำรองไว้พอสมควร…

เมื่อมีตัวเลือกเพิ่ม ไคลน์พลันรู้สึกปวดหัวมากกว่าเก่า

ต่อให้นับเงินห้าร้อยปอนด์ซึ่งแฮงแมนยังติดค้างรวมเข้ามาด้วย แต่เงินออมของไคลน์ก็มีเพียง 1,335 ปอนด์เท่านั้น ยังขาดไปอีกมากหากต้องการซื้อในราคาสมาคมแปรจิต

หลังจากครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มส่งต่อข้อความจากจัสติสไปให้แฮงแมน เพื่อรอดูว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองเช่นไร

สามพันปอนด์?

อัลเจอร์·วิลสันซึ่งยังพักอยู่ในเมืองหลวงของหมู่เกาะรอสต์ นครแห่งการให้ มันรู้สึกราบกับถูกใครบางคนใช้ไม้หวดใส่ท้ายทอยยามกลางวันแสก ๆ

หลังจากเป็นกัปตันเรือโทสะสีคราม อัลเจอร์รับบทบาทโจรสลัดสลับกับผู้บังคับใช้กฎหมายเสมอ แอบจัดการกลุ่มโจรสลัดและนำไปขึ้นเงินกับทางการก็บ่อย แต่เงินออมกลับไม่เคยมากไปกว่าสองพันเลย แถมส่วนใหญ่ยังต้องแบ่งให้กะลาสีใต้บังคับบัญชา

ในส่วนของเรือและอาวุธสงคราม ถึงมันจะยึดมาได้ แต่ก็ต้องส่งทั้งหมดให้กับโบสถ์วายุสลาตันอยู่ดี

อัลเจอร์เคยตัดพ้อเรื่องโจรสลัดไม่มีวันรวยกับตัวเองหลายหน ยิ่งถ้าเป็นโจรสลัดฟุ่มเฟือยผู้หมดเงินไปกับเหล้า ปาร์ตี้ โสเภณี กัญชา และการพนัน บางคนอาจเลวร้ายถึงขั้นเป็นหนี้ก้อนโต

นอกเสียจากจะได้ถล่มเรือโจรสลัดผู้วิเศษ ไม่อย่างนั้นเราคงหาเงินมาจ่ายเธอไม่ไหว…

อัลเจอร์เดินวนเวียนไปมาพลางครุ่นคิด

จนกระทั่ง มันตัดสินใจล้วงหยิบหน้ากากสีทองออกจากกระเป๋าลับของเสื้อตัวใน

หน้ากากสีทองไม่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ใบหน้าค่อนข้างหยาบ ลักษณะคล้ายกับถูกสร้างโดยฝีมือของชนเผ่าโบราณ

อัลเจอร์นั่งคุกเข่าอย่างนอบน้อมพร้อมกับเอ่ยพระนามเต็มของเดอะฟูล ก่อนจะปิดท้ายด้วย:

“…ผมขอใช้สมบัติวิเศษในการแลกเปลี่ยนกับสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ คุณสมบัติมีดังนี้ ขณะสวมหน้ากาก ผู้สวมจะเยือกเย็นและไม่ถูกอารมณ์ใดรบกวนจิตใจ ขณะเดียวกันก็จะได้รับพลังฟื้นฟูร่างกาย ได้รับความเร็วและพละกำลังมหาศาล รวมถึงความรู้ด้านมนตร์ดำและคำสาปชนเผ่า ผลข้างเคียงก็คือ ยิ่งใช้งานบ่อยครั้ง ผู้สวมใส่จะเริ่มเย็นชาจนไม่เหมือนกับมนุษย์ อาจร้ายแรงขั้นทระนงตนว่าเป็นเทพ”

ณ เก้าอี้เดอะฟูล ไคลน์นั่งจ้องธนบัตรห้าร้อยปอนด์บนโต๊ะทองแดงยาว เส้นผมสีน้ำเงินเข้มจำนวนห้าเส้นลักษณะคล้ายงูตัวเล็ก และหน้ากากหยาบสีทอง ชายหนุ่มใช้นิวเคาะขอบโต๊ะพลางไตร่ตรองว่าตนจะนำสมบัติวิเศษชิ้นใดไปแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่ายได้บ้าง

ดวงตาดำล้วน? ตัดทิ้งได้เลย… สิ่งนี้จะกลายเป็นวัตถุดิบหลักโอสถนักเชิดหุ่นในอนาคตของเรา แค่รอเวลาให้เดอะซันพบวิธีนำการกัดกร่อนทางจิตออกจากวัตถุ

ไพ่จักรพรรดิมืด? ไพ่ซึ่งไม่เคยได้เห็นเดือนเห็นตะวันของโลกภายนอก มูลค่าของมันสูงกว่าตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์หลายสิบก้อนด้วยซ้ำ…

นกหวีดทองแดงมิสเตอร์อะซิก? ถึงจะเป็นเพียงอุปกรณ์อัญเชิญผู้ส่งสาร แต่ก็นับเป็นเครื่องมือสื่อสารแสนสะดวก ยังขายไม่ได้…

นกหวีดทองแดงของสมาชิกนิกายวิญญาณผู้ทิ้งขนนกสีขาวไว้ในหลุมศพ? เหมือนกับเมื่อครู่ ทำได้แค่อัญเชิญผู้ส่งสาร และบุคคลเบื้องหลังผู้ส่งสารรายนี้นับว่าอันตรายเกินไป…

เข็มกลัดสุริยัน? เราลงทุนซื้อมากับมือ เพื่อกลบจุดอ่อนในการต่อสู้กับภูตผี…

มาสเตอร์คีย์? สิ่งนี้เกี่ยวกับกับมิสเตอร์ประตูและมีความลับซ่อนอยู่อีกมาก และถึงเราต้องการขาย แต่ถ้ำนำข้อเสียมาหักลบกับข้อดี ราคาของมันยังไม่น่าจะเทียบเท่าตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์ได้…

ขวดพิษชีวภาพ? สมบัติวิเศษชิ้นนี้เหมาะกับร่างวิญญาณของเรามาก ถ้าหากเตรียมการอย่างรัดกุมล่วงหน้า เราสามารถรับมือผู้วิเศษเป็นกลุ่มได้สบาย…

กระสุนปราบมาร กระสุนชำระล้าง กระสุนปัดเป่า? สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สมบัติวิเศษ เป็นเพียงอาวุธวิเศษซึ่งจะเสื่อมมูลค่าตามกาลเวลา ไม่สามารถนำไปใช้แลกเปลี่ยนได้…

หนังสือแห่งความลับ? นี่ก็ไม่ใช่สมบัติวิเศษเช่นกัน แถมยังไม่เหมาะกับสมาคมแปรจิตสักเท่าไร พวกเขาคงมีความรู้ในด้านนี้มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว…

ดังนั้น สิ่งของพร้อมขายจึงเหลือเพียงตะกอนพลังของนักสอบสวน แต่สมาคมแปรจิตต้องการสมบัติวิเศษมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ขอบเขตการแลกเปลี่ยนคือกรุงเบ็คลันด์ มิสจัสติสอาจถูกสาวถึงจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดจากสิ่งนี้ได้ เสี่ยงเกินไป…

ไคลน์ถือโอกาสทบทวนทรัพย์สินของตนไปในตัว มันครุ่นคิดอยู่นานจนกระทั่งได้คำตอบ

ชายหนุ่มเสกเดอะเวิร์ลขึ้นและทำท่าทางสวดภาวนาพลางเปล่งเสียงแหบพร่า

“…ผมยินดีจ่ายในราคาสองพันห้าร้อยปอนด์ แต่ขอเวลารวบรวมเงินสองวัน”

ถัดมา มันโยนคำตอบของแฮงแมนและเดอะเวิร์ลใส่ดาวแดงตัวแทนจัสติสในเวลาไล่เลี่ยกัน

หลังจากจัสติสรับทราบ ไคลน์นั่งรออย่างใจเย็นภายในบ้านถนนมินส์ตลอดช่วงบ่าย

จนกระทั่งเกือบเย็น คาร์ลเซ่นจากจิตแห่งจักรกลได้มาสั่นกระดิ่งบ้าน

ไคลน์ไม่ซักถามมากความ ทำเพียงเดินตามอีกฝ่ายไปยังวิหารชะแลงในเขตอู่ต่อเรือไบลัมตะวันตก จากนั้นก็เดินเข้าไปในอาคารสามชั้นหลังติดกับวิหาร

ป้ายสำนักงานเขียนว่า :

“สถาบันวิจัยเครื่องกลเบ็คลันด์”

ใช้ชื่อทางการฉิบ…

ไคลน์แอบนำไปเทียบกับชื่อบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬพลางอมยิ้มขบขัน

จากการนำทางของคาร์ลเซ่น ชายหนุ่มผ่านอุปกรณ์พิสดารหลายชิ้นจนกระทั่งเข้าไปในห้องอับไร้หน้าต่าง

บนโต๊ะยาวกลางห้อง สิ่งของหลายชนิดถูกวางเรียงรายเป็นระเบียบ ประกอบด้วยวัตถุส่องแสงระยิบระยับหลายชิ้น หนึ่งในนั้นคือเพชรตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์ นอกเหนือจากนั้นยังมีกรอบรูปวิญญาณซึ่งถูกห่อผ้าสีดำคลุมไว้มิดชิด ทว่า ในรายการให้เลือกไม่มีตะกอนพลังของคณะสำรวจสุสานชุดแรก

พวกเขาไม่อยากให้เราทราบถึงกฎอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษ…

ไคลน์ไม่ประหลาดใจสักเท่าไร

“เลือกได้หนึ่ง” ไอคานส์·เบอร์นาร์ดในสภาพไม่สวมหมวกชี้ไปบนโต๊ะ

ไคลน์แสร้งทำเป็นตรวจสอบสิ่งของบนโต๊ะอย่างละเอียด ก่อนจะถอนหายใจผิดหวัง

“ไม่มีเป้าหมายของผม… เปลี่ยนเป็นเงินได้ไหม? ได้เท่าไร?”

มันตัดสินใจแล้วว่า ตนจะไม่เรียกร้องตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์จากจิตแห่งจักรกล

ถึงแม้จะหาข้ออ้างมาแก้ตัวได้มากมาย เช่นการนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษ หรือไม่ก็นำไปประกอบพิธีกรรมเฉพาะ แต่จิตแห่งจักรกลก็ไม่ได้โง่ ถ้าตนเลือกตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์ มีโอกาสค่อนข้างสูงว่าอีกฝ่ายจะคาดเดาลำดับและเส้นทางของตนได้แม่นยำ ภายใต้สถานการณ์ซึ่งมีตัวเลือกดีกว่า ไคลน์ตัดสินใจไม่ขอเสี่ยงกับเงินเพียงเล็กน้อย

ดังนั้น มันมาในวันนี้เพื่อไถเงินโดยเฉพาะ

ไม่เพียงจะช่วยให้รวบรวมเงินได้เกินกว่าสองพันห้าร้อยปอนด์ตามความต้องการของสมาคมแปรจิต แต่ยังขจัดความเคลือบแคลงจากจิตแห่งจักรกลไปได้พร้อมกัน เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ไอคานส์แสดงสีหน้าโล่งใจชัดเจน มันสางเส้นผมแข็งกระด้างพร้อมกับเผยรอยยิ้ม

“หนึ่งพันห้าร้อยปอนด์… แต่พวกเราอยากให้คุณเลือกเงินสดมากกว่า ดังนั้น… สองพันปอนด์”

ไคลน์พลันเผยรอยยิ้มสุดแสนจริงใจ

“ด้วยความยินดี!”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset