Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 447 : ภาพวาด

ราชันเร้นลับ 447 : ภาพวาด

เมื่อกลับมายังทางเดิน จิตแห่งจักรกลได้พบกับช่องทางลับสำหรับตรงไปยังอีกหนึ่งห้องขนาดใหญ่

ยุทธการเดิมถูกนำมาใช้อีกครั้ง เปิดฉากด้วยการยิงถล่มด้วยอาวุธหนัก ใส่ทางเดินยาวตรงหน้าซึ่งยังเป็นปริศนา

เพียงไม่นาน พื้นดินได้เต็มไปด้วยเศษหินและซากปรักหักพัง ขณะเดียวกันก็พบตะกอนพลังรูปเพชรสะท้อนใบหน้ามนุษย์ตกอยู่ตรงมุมทางเดินฝั่งขวา ใกล้กับจุดดังกล่าวยังมีตะกอนพลังส่องแสงอีกสองสามชิ้นตกอยู่

ท่ามกลางทางเดินยาว พื้นผิวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผนังหรือเพดานล้วนเต็มไปด้วยหลุมบ่อของกระสุนปืนใหญ่ แต่มีหนึ่งสิ่งบนทางเดินกลับไม่เปลี่ยนไปเลย แม้จะถูกเก็บกวาดอย่างหนักหน่วงด้วยวิธีการแข็งกร้าว

กรอบรูปภาพ

ห่างออกไปด้านหน้าราวเจ็ดแปดเมตรจะมีกรอบรูปภาพสีน้ำตาลลวดลายโดดเด่นแขวนอยู่ด้านบน จากมุมปัจจุบันของไคลน์จะมองเห็นได้เพียงครึ่งเดียว

โดยไม่ต้องรอให้ใครกล่าวสิ่งใด ผู้วิเศษทุกคนล้วนเข้าใจตรงกันทันทีว่ามีความผิดปรกติบางอย่างเกี่ยวกับกรอบรูปดังกล่าว

ทันใดนั้น อาร์ชบิชอปประจำโบสถ์เทพจักรกลไอน้ำ ฮารามิค·ไฮเดิน ทำการก้าวขาออกไปด้านหน้าและเปล่งเสียงอ่อนโยน

“นี่คงเป็น ‘กรอบรูปวิญญาณ’ ของตระกูลอามุนด์ตามข้อมูลในบันทึก หากอยู่ในระยะแสดงผล ร่างวิญญาณจะถูกบังคับให้แยกออกจากร่างเนื้อและนำไปขังไว้ในกรอบรูป หากมีร่างวิญญาณของเหยื่อรายใหม่ถูกดึงเข้าไปแทน เหยื่อรายเก่าจะหายไปจากโลกเป็นการถาวร ไม่มีทางช่วยเหลือกลับมาได้อีก หากเหยื่อในภาพถูกขังไว้เป็นเวลานานเกินไป ร่างเนื้อด้านนอกก็จะเสื่อมสภาพจนใช้การไม่ได้ และถ้าใครพยายามทำลายผนึกของกรอบรูป วิญญาณด้านในจะเริ่มสลายตัวด้วยความเร็วสูงกว่าปรกติ”

ขณะกล่าว ฮารามิคเดินตรงไปหากรอบรูปทีละก้าวโดยไม่ยำเกรง

ไคลน์พลันตื่นตัว มันรีบเบือนหน้าหนีเพราะกังวลว่าการต่อสู้ระหว่างครึ่งเทพกับสมบัติปิดผนึกจะทำให้ตนพลอยโดยลูกหลงไปด้วย แต่เพียงไม่กี่อึดใจเริ่มตระหนักว่า ตนกำลังรับชม ‘วิดีโอบันทึกเหตุการณ์’ จากกระจกวิเศษอาโรเดสอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอันตรายใดในนิมิตความฝัน

คงเหมือนกับการดูหนังผี หรือไม่ก็กำลังเล่นเกมน่ากลัว… ไคลน์เรียกสติกลับมาพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินตามหลังฮารามิค·ไฮเดินให้ทัน

ขณะอาร์ชบิชอปครึ่งเทพย่างกรายเข้าใกล้วัตถุซึ่งควรถูกผนึกด้วยวิธีพิเศษ รูปพรรณสัณฐานของฮารามิคเริ่มปรากฏบนผิวกระจกกรอบรูปในลักษณะเลือนราง เป็นภาพนักบวชสวมหมวกใบเล็กสีขาวและเสื้อคลุมสีขาว

กระจก… กระจกในยุคสมัยที่สี่เนี่ยนะ?

ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น… แต่จากตำราทางประวัติศาสตร์ กระจกจะปรากฏครั้งแรกในยุคสมัยที่ห้าโดยไม่มีการระบุชื่อของนักประดิษฐ์…

ไคลน์กำลังเฝ้ารอ ‘การต่อสู้’ ระหว่างครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึกด้วยใจจดจ่อ

ทันใดนั้น ภาพครึ่งลำตัวบนของฮารามิคได้ปรากฏบนกรอบรูปวิญญาณอย่างคมชัด แต่ดวงตาของอาร์ชบิชอปครึ่งเทพกลับมิไม่สูญเสียความแวววาวตามทฤษฎี

ฮารามิคยังคงย่างกรายเข้าใกล้กรอบรูปอย่างใจเย็นทีละก้าวโดยปราศจากอาการสั่นคลอน

ถึงแม้ภาพของอาร์ชบิชอปในกรอบรูปจะสมบูรณ์แล้วก็ตาม แต่มันไม่อยู่นิ่ง กรอบภาพยังคงสั่นคล้ายกับขั้นตอนของมันยังไม่เสร็จ

ฮารามิคหยุดยืนหน้ากรอบรูปวิญญาณและนำผ้าสีดำผืนใหญ่ซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาคลุมกรอบรูป

กรอบรูปวิญญาณเริ่มพยศอย่างรุนแรงอยู่นานคล้ายกับต้องการดิ้นรนขัดขืน แต่จนแล้วจนรอด เพียงไม่นานมันก็หยุดนิ่งและถูกผ้าสีดำห่อไว้อย่างมิดชิด

ฮารามิคผู้ปราศจากรอยขีดข่วนทำการปลดกรอบรูปวิญญาณในผ้าดำลงมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะยื่นมาทางไอคานส์

นี่มัน… ผิดหลักศาสตร์เร้นลับ… เขาเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าร่างวิญญาณของเหยื่อจะถูกดึงเข้าไปขังในกรอบรูป แล้วทำไมอาร์ชบิชอปถึงยังสบายดี? เป็นความพิเศษของครึ่งเทพ? หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่น?

ไคลน์สำรวจฮารามิคหัวจรดเท้า แต่ก็ไม่พบความผิดปรกติใดเลย

ดวงตายังคงมีชีวิตชีวา ใบหน้าอบอุ่นและอ่อนโยน ผิวหนังเปล่งปลั่ง… น่าเสียดาย เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง ไม่อย่างนั้นเนตรวิญญาณคงพอจะบอกอะไรได้บ้าง…

ไคลน์เบือนสายตาออกจากฮารามิค หันมาจ้องสมาชิกจิตแห่งจักรกลคนอื่นซึ่งกำลังทยอยเดิมตามเข้ามา

ฮารามิคยื่นห่อผ้าสีดำบรรจุกรอบรูปวิญญาณให้กับสมาชิกในทีมคนหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงต่อไปทางห้องหลักแท้จริงของสุสาน

สุดทางเดินเป็นบานประตูหินสีดำ ผิวหินมีลวดลายการขูดอย่างหยาบด้วยดาบและขวาน กึ่งกลางบานประตูเป็นสัญลักษณ์คล้ายแผ่นจานสีเทา

ผิวจานถูกแบ่งออกเป็นสิบสองส่วนในลักษณะไม่เท่ากัน เข็มยาวขนาดเล็กพาดออกมายังขอบแผ่นจาน มองผิวเผินจะคล้ายกับนาฬิกาแขวนผนังอย่างมาก

แต่จุดต่างคือ ส่วนหน้าปัดซึ่งควรจะถูกแบ่งสิบสองส่วนอย่างเท่าเทียมกลับไม่เท่าเทียม ขนาดแต่ละส่วนแตกต่างกันอย่างไม่มีแบบแผน เล็กบ้างใหญ่บ้าง แถมแต่ละช่องก็ยังถูกบดบังด้วยเงาไปแล้วครึ่งหนึ่ง

“ตราประจำตระกูลอามุนด์” ฮารามิคอธิบายอย่างคร่าว

มันไม่สามารถเจาะลึกถึงรายละเอียดเชิงความหมายของตราดังกล่าว เพราะนอกจากอาวุโสไอคานส์·เบอร์นาร์ด สมาชิกคนอื่นในทีมยังไม่มีสิทธิ์รับรู้

ในทางกลับกัน ไคลน์กำลังอาศัยข้อมูลมากมายในหัวตัวเพื่อพยายามถอดรหัส

แผ่นจาน สิบสองส่วน และเข็มยาว เมื่อนำมารวมกันแล้วจะหมายถึงเวลา หรือไม่ก็กาลเวลา นับว่าสอดคล้องกับหนอนกาลเวลาของอามุนด์ซึ่งปรากฏขึ้นหลังจากร่างแยกของอามุนด์ถูกทำลายสิบสองส่วนอันควรจะเท่าเทียมแต่กลับไม่เท่ากัน รวมถึงเงาสีดำปกคลุมทุกส่วนอย่างละครึ่ง แปลว่าตระกูลอามุนด์คือด้านมือแห่งกาลเวลา? แล้วทำไมถึงไม่มีสัญลักษณ์เกี่ยวข้องกับฉายา ‘ตระกูลเย้ยเทพ’ เลยสักนิด?

ขณะไคลน์เค้นสมอง ฮารามิค·ไฮเดินใช้มือผลักประตูหินของห้องหลักเข้าไปโดยไม่คิดป้องกันตัว

เมื่อบานหินลักษณะเหมือนจะหนักเลื่อนเปิดออก ภาพของห้องกว้างโอ่โถงด้านในได้ปรากฏสู่สายตาไคลน์

ใจกลางห้องเป็นพื้นยกระดับ มีขั้นบันไดสำหรับเดินขึ้น ด้านบนพื้นยกระดับมีโลงศพสีดำวางอยู่

ผนังห้องทุกทิศล้วนมีเชิงเทียนเหล็กวางเรียงราย ยอดเชิงเทียนทุกก้านยังมีเทียนไขสีขาวกำลังลุกไหม้อย่างอ่อนโยน

เปลวไฟไม่วูบวาบ ทั้งสงบนิ่งและเงียบงันจนน่าเหลือเชื่อ คล้ายกับไคลน์กำลังมองเข้าไปในภาพถ่ายไร้ชีวิต บรรยากาศเหมือนกับไม่เคยถูกใครรบกวนตลอดสองพันปี

เมื่อกวาดสายตาไปรอบห้อง ชายหนุ่มพบว่าระหว่างทางเดินไปยังโลงศพสีดำ มีศพจำนวนมากนอนเรียงกันบนพื้นอยู่ก่อนแล้ว เครื่องแต่งกายประกอบด้วยเสื้อโค้ทขนสัตว์ หมวกทรงกึ่งสูง ไปจนถึงชุดคนงานและหมวกแก๊ปราคาถูก เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวกมันเพิ่งตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้ได้ไม่นาน

หนึ่งในนี้คือเพื่อนมาริค? กลุ่มสำรวจจากชุมนุมลับดังกล่าว? พวกเขาผ่านด่านข้างหน้ามาได้ยังไง? โดยเฉพาะกรอบรูปวิญญาณนั่น… แถมบรรดาสัตว์ประหลาดและเงามืดหนังมนุษย์ก็ยังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งเมื่อครู่…

ขณะครุ่นคิดหาคำตอบ ชายหนุ่มตัดสินใจเพ่งมองศพเพื่อสำรวจหาเบาะแส

ทันใดนั้น ฉากตรงหน้าทำให้มันแทบหยุดหายใจ

ศพทั้งหมดมีสีผมขาวโพลน ผิวหนังเหยี่ยวย่นและเต็มไปด้วยริ้วรอยหยาบกร้าน ลักษณะคล้ายกับคนอายุแปดสิบถึงเก้าสิบปี

ไม่มีบาดแผลภายนอกแม้แต่แห่งเดียว ราวกับเสียชีวิตจากอายุขัยตามธรรมชาติ และเหนือสิ่งอื่นใจ การตรวจสอบเบื้องต้นระบุศพเพิ่งตายไม่ได้นาน เพราะยังไม่แสดงอาการเน่าเปื่อยให้เห็น

โดยทั่วไปแล้ว ผู้วิเศษอายุมากขนาดนี้มักไม่คิดสำรวจสุสานเองแน่ หรือต่อให้หวังรวยทางลัด แต่ก็คงเลือกจ้างหนุ่มสาวแข็งแรงให้มาเป็นผู้ช่วยสักคนสองคนอยู่ดี ไม่ใช่แก่ล้วนเช่นนี้…

เป็นความตายอันไม่ปรกติเลยสักนิด!

ไคลน์ขมวดคิ้วและพยายามวิเคราะห์

มันหวนนึกถึงหนอนกาลเวลาซึ่งปรากฏขึ้นหลังจากร่างแยกอามุนด์ถูกทำลาย รวมถึงตราประจำตระกูลอามุนด์อันมีลักษณะคล้ายนาฬิกาแขวนบนประตูหิน

หนึ่งในพลังของตระกูลอามุนด์คือการเร่งอายุขัยเป้าหมาย? ด้านมืดของกาลเวลา… หรือจะเป็นการช่วงชิงอายุขัยของเหยื่อมาเพิ่มให้กับผู้ใช้พลัง? ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เจ้าของสุสานจงใจปล่อยให้คนเหล่านี้หลุดมาจนถึงห้องหลัก เพราะหวังช่วงชิงอายุขัยมาเป็นของตัวเอง…

คิดได้เช่นนั้น ไคลน์รีบหันไปจ้องโลงศพสีดำบนพื้นยกระดับกลางห้อง

ขณะเดียวกัน ฮารามิค·ไฮเดินยกแขนซ้ายขึ้นเป็นเชิงห้าม ก่อนจะลดมือลง

“พวกคุณรอตรงนี้ก่อน”

“ขอรับ เจ้าคุณท่าน” ไอคานส์และสมาชิกในทีมขานตอบโดยไม่ลังเล

ในฐานะผู้วิเศษถูกกฎหมายของทางการ พวกมันย่อมมีโอกาสอ่านแฟ้มคดีโด่งดังมากมาย และตระหนักว่าภายใต้สถานการณ์อันตรายเช่นนี้ การเชื่อฟังคำสั่งครึ่งเทพคือสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด หากลงมืออย่างบุ่มบ่ามและไม่คิดหน้าหลังให้ดี อาจถึงแก่ความตายโดยยังไม่ทันจะทราบสาเหตุ

ฮารามิคมองตรงไป สายตากระทบเข้ากับภาพวาดกลับหัวของใครบางคนซึ่งถูกแขวนไว้ด้านล่างตรงฐานของพื้นยกระดับ

อาร์ชบิชอปเดินดุ่มเข้าไปทันทีโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

ไม่คิดเตรียมตัวสักหน่อยหรือ? ไอ้นิสัยบุ่มบ่ามนี่เป็นเอกลักษณ์ของครึ่งเทพทุกคนเลยหรือไง?

ไคลน์ทำได้เพียงยืนมึนงง

สมองกำลังจินตนาการภาพฮารามิคฟันร่วงหมดปาก เส้นผมกลายเป็นสีขาวหงอกและเหี่ยวแห้ง ผิวหนังเหี่ยวย่นหยาบกร้านจากผลของการแก่ชรากะทันหัน

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว

ทันใดนั้น ฮารามิคผู้เหมือนจะไม่เป็นอะไรในภายนอก ร่างกายเริ่มแสดงอาการสั่นกระตุก ตามด้วยเสียง ‘บด’ แปลกประหลาดดังมาจากด้านในลำตัว

ความเร็วลดลงชัดเจน ผิวหนังเริ่มแห้งซีด

แปลกมาก… มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล นี่ไม่ใช่ลักษณะการแก่ชราของมนุษย์ตามปรกติ… แล้วยังมีเสียงบดพิสดารนั่นอีก…

สมองไคลน์เร่งคิดหาคำตอบ

สี่ก้าว ห้าก้าว หกก้าว

ในวินาทีนี้ ร่างกายฮารามิคส่งเสียงฉีกขาดพร้อมกับการร่วงหล่นของบางสิ่ง

กิ๊ง!

ไคลน์มองตามโดยไม่รู้ตัว และได้พบกับเฟืองหนึ่งชิ้น

เฟืองขึ้นสนิม!

ฮารามิคยังคงเดินต่อไปโดยมีวัตถุชิ้นแล้วชิ้นเล่าหลุดออกจากร่างกายตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นนอตขึ้นสนิม ขี้ผึ้งละลาย กระดูกสีเหลืองซีด และสปริงหลวม ร่างกายอาร์ชบิชอปผอมลงและเริ่มขาดความมั่นคง ประหนึ่งพร้อมทิ้งตัวล้มลงได้ทุกเวลา

เหมือนกับหุ่นยนต์ไม่มีผิด… ไม่สิ ถ้าอิงตามยุคสมัยปัจจุบันคงต้องเรียกว่า ‘หุ่นกล’ …

ไคลน์พลันกระจ่าง

ชายหนุ่มยังไม่ลืมว่า ก่อนลุงนีลล์จะตาย อีกฝ่ายระบุว่าลำดับ 4 ของโบสถ์พระแม่ธรณีเชี่ยวชาญด้าน ‘เสริมแกร่งชีวิต’ และลำดับ 4 ของเส้นทางนักปราชญ์ก็มีพลังคล้ายคลึงกันมาก สามารถใช้ทดแทนได้

ในส่วนของฮารามิค ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายคนนี้คือครึ่งเทพบนเส้นทางนักปราชญ์!

ฮารามิคตรงหน้าเราไม่ใช่ตัวจริง เป็นเพียงตุ๊กตากลฝีมือประณีต และคำถามว่าทำไมกรอบรูปวิญญาณถึงทำอะไรเขาไม่ได้ ก็เพราะตุ๊กตากลตัวนี้ไม่มีร่างวิญญาณ! ตัวจริงคงอยู่ห่างออกไปไกลพอสมควร… สมกับครึ่งเทพ…

ขณะไคลน์ตาสว่าง อาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์จักรกลไอน้ำเดินไปถึงส่วนฐานของพื้นหินยกระดับ จากนั้นก็ทำการ ‘กลับ’ ภาพวาดกลับหัวให้อยู่ในตำแหน่งถูกต้อง

ในทางทฤษฎี ขณะกำลังสำรวจสุสานเกี่ยวกับผู้วิเศษ หนึ่งในพฤติกรรมห้ามกระทำโดยเด็ดขาดคือการกลับหัวท้ายภาพวาดส่งเดช!

แต่ฮารามิคเลือกทำในสิ่งตรงข้าม

ทันใดนั้น สายลมกระโชกพลันพัดผ่านอย่างเกรี้ยวกราดภายในห้องปิดตาย ก่อนจะสลายตัวในเวลาถัดมาพร้อมกับการหายไปของผนึกบางอย่างรอบตัวทุกคน

เพล้ง!

เพียงพริบตา เปลวเพลิงบนเทียนไขเริ่มลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งไส้ผ้าและเนื้อเทียนละลายหายไปในพริบตา

ศพคนแก่บนพื้นเริ่มเน่าเปื่อยและส่งกลิ่น

ภายในไม่กี่วินาที เทียนไขทุกเล่มรอบผนังได้ดับสนิทโดยสมบูรณ์ เกิดเป็นบรรยากาศมืดสลัวน่าหวาดหวั่น ความสว่างเดียวมาจากตะเกียงในมือจิตแห่งจักรกล

ฮารามิคโน้มตัวลง หยิบภาพวาดขึ้นมาและเดินต่อไปทางโลงศพสีดำ

หลังจากหยุดยืนข้างโลง มันออกแรงผลักฝาโลงศพให้เปิดออก

แอ๊ด—

ฝาโลงศพเลื่อนเปิดออกอย่างง่ายดายพร้อมกับเสียงเสียดสี ลักษณะคล้ายกับไม่เคยถูกลงกลอนหรือตอกตะปูปิดตายมาก่อน

ฮารามิคก้มมองพลางกล่าวเสียงเรียบ

“ไม่มีศพ”

ไคลน์เดินไปดูในระยะใกล้ และพบว่าด้านในโลงเกือบจะว่างเปล่า มีเพียงเครื่องเรือนสีทองสลักลวดลายหนอนสิบสองวงแหวนวางด้านข้าง

ทันใดนั้น ฮารามิคหันไปมองทางอื่นจนเผยให้ไคลน์กับไอคานส์เห็นภาพวาดในมือ

เพียงชำเลือง ไคลน์แทบหยุดหายใจ

ตัวเอกของภาพวาดคือชายวัยหนุ่ม

ดวงตาสีดำ เส้นผมสีดำหยักศกเล็กน้อย

หน้าผากกว้าง คางเรียว

ดวงตาข้างหนึ่งสวมแว่นคริสตัลขาเดียว

เหนือศีรษะสวมหมวกดำปลายแหลม

อามุนด์!

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset