จริงอยู่ นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกของไคลน์ กับการได้เห็นคนรู้จักเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา แต่เหตุการณ์ในหนเกิดขึ้นอย่างปุบปับและไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมสุ่มเสี่ยงจะเป็นอันตราย
สีหน้าของทาลิม·ดูมงต์ขณะถามว่าไคลน์เคยมีความรักหรือไม่ บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังเก็บซ่อนความตื่นเต้นเจือความโอ้อวดไว้เล็กน้อย แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ทาลิมยังไม่สามารถเล่ารายละเอียดความรักของตนให้ไคลน์ฟังได้
เร็วเกินไป…อาการป่วยทั่วไปไม่มีทางทำให้คนเสียชีวิตกะทันหันแบบนี้แน่!
สีหน้าไคลน์พลันอึมครึม และตามสัญชาตญาณ ชายหนุ่มรีบกระทบกรามซ้ายสองหนเพื่อเปิดเนตรวิญญาณ
หลังจากคุกเข่าลงหนึ่งข้าง ไคลน์พบว่าสีออร่าอารมณ์ของทาลิม·ดูมงต์กำลังเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น รอบหัวใจทาลิมมีควันสีดำกำลังขดเป็นเกลียวล้อมรอบ ลักษณะคล้ายอสรพิษมีชีวิต ยิ่งเวลาผ่านไป ควันดำก็ยิ่งจางหายจนแทบไม่หลงเหลือร่องรอย
พลังพิเศษประเภทคำสาป?
ไคลน์ตั้งสมมติฐานแรก
ปัจจุบัน ทั้งบริกรชายกั๊กแดงและสาวใช้ในชุดขาวดำต่างกรูเข้ามาล้อมดูสถานการณ์ พวกมันยืนจ้องร่างไร้วิญญาณของทาลิมด้วยสีหน้าหวาดผวา มุมปากศพมีคราบน้ำสายฟองขาว ดวงตาศพเบิกโพลงจนตาดำหดลีบ
ไคลน์เลื่อนมือปิดเปลือกตาทาลิมและหันไปออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“รีบไปยังสถานีตำรวจและแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในสโมสร!”
“ข…เข้าใจแล้วครับ มิสเตอร์โมเรียตี้!” เมื่อฟังจบ บริกรชายกั๊กแดงรีบหันหลังวิ่งออกไปนอกตัวอาคารเต็มฝีเท้า มันตื่นตระหนกจนลืมหยิบเสื้อโค้ทติดตัวไปด้วย
ท่ามกลางสายตาจากคนมุงดูจำนวนหนึ่ง ชายหนุ่มไม่เล่นตุกติกด้วยการล้วงตรวจสอบสัมภาระของทาลิม หรือไม่ได้ดึงกระจุกเส้นผมออกมาเพื่อใช้ทำนายภายหลัง
ปัจจุบัน ชื่อเสียงของนักสืบเชอร์ล็อกค่อนข้างโด่งดัง จึงไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นวีรบุรุษลับและไล่จับคนร้ายด้วยตัวเอง ในฐานะสายข่าวของจิตแห่งจักรกล มันสามารถรายงานข้อมูลเบื้องต้นเพื่อให้คดีคืบหน้าเร็วกว่าปรกติ
เมื่อหวนนึกถึงช่วงเวลาขณะเล่นไพ่ด้วยกันกับทาลิม การแนะนำลูกค้าให้กับตน และเรื่องราวความรักต้องห้ามซึ่งยังเป็นปริศนา ไคลน์ถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าสุดเจ็บแปลบ
ใครฆ่าทาลิม…
ทาลิมไปล่วงเกินผู้วิเศษคนใด หรือผู้เชี่ยวชาญคำสาปคนใดเข้า?
หากประเมินจากอารมณ์ในวันนี้ ทาลิมค่อนข้างมีความสุข ไม่แสดงออกถึงอาการหวาดกลัว ไม่มีสัญญาณการล่วงเกินบุคคลทรงอิทธิพลของอาณาจักร…
คำถามแล้วคำถามเล่าผุดขึ้นในหัวไคลน์อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นเพราะมันมิได้รู้จักอีกฝ่ายมากพอ จึงขาดเมล็ดพันธุ์ในการบ่มเฉพาะแรงบันดาลใจและแนวคิด
เมื่อตำรวจมาถึง ชายหนุ่มถูกสอบปากคำเป็นเวลานานในฐานะพยานปากเอก
ไคลน์ไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลยจนกระทั่งระเบียบขั้นตอนอันวุ่นวายจบลง ถัดจากนั้น มันรีบออกจากเขตฮิลสตันและตรงไปยังผับดวงเฮงในเขตสะพานเบ็คลันด์ทันที
คาร์ลเซ่นยังคงนั่งดื่มตามลำพัง จุดแตกต่างเดียวก็คือ คราวนี้มิใช่เหล้ากลั่นตัวแรงเหมือนตอนแรก แต่เป็นของเหลวสีทองซึ่งถูกบ่มจากมอลต์ถูกภาพสูง ครึ่งบนของแก้วเบียร์มีฟองสีขาวกำลังเชื้อเชิญให้ดื่ม
ไคลน์ยกมือขวาปิดปากพร้อมกับเดินแหวกฝูงชนเข้าไปทางบาร์ ตามด้วยการใช้มือเคาะโต๊ะส่งสัญญาณ
“คุณถูกจ้างให้มานั่งดื่มทั้งวันรึไง”
คาร์ลเซ่นพลันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะผ่อนคลายลงเมื่อหันกลับมาเห็นนักสืบเชอร์ล็อก
“คุณนี่เอง… คราวนี้มีอะไรอีก”
ท่าทีตอบสนองแบบนี้ คิดถึงชะมัด…
ไคลน์ถอนหายใจเงียบ
“มีคดีเกี่ยวกับผู้วิเศษ”
คาร์ลเซ่นมองไปรอบตัวและพบว่าผับดวงเฮงกำลังคลาคล่ำไปด้วยผู้คน บ้างแหกปากโวยวายระหว่างวงเหล้า บ้างส่งเสียงเชียร์คู่มวยบนสังเวียน
“ตามผมมา เล่นบิลเลียดกันสักเกม” คาร์ลเซ่นขยับกรอบแว่นหนาพร้อมกับถือแก้วเบียร์เดินไปทางห้องบิลเลียดว่าง
ไคลน์เดินตามเข้าไปและปิดประตูตามหลัง
“คุณดื่มเก่งเหมือนกันนะ” ชายหนุ่มกล่าวหยั่งเชิง
“เปล่า แค่ดื่มให้ช้าเข้าไว้” คาร์ลเซ่นถอดแว่นออกและเดินไปหยิบไม้คิว
จากนั้นก็เล่าด้วยสีหน้าซับซ้อน
“ช่วงนี้กำลังเหงาด้วย”
ฉันไม่ได้อยากรู้…
ไคลน์เม้มปากพลางเล่าเหตุการณ์
“ผมได้เป็นพยานในคดีการตายภายในสโมสรครักซ์ เขตฮิลสตัน ผู้ตายเป็นเพื่อนของผม มาจากตระกูลขุนนางเก่า ปัจจุบันทำงานเป็นครูสอนขี่ม้าให้ชนชั้นสูง สุขภาพของเขาสมบูรณ์แข็งแรง อารมณ์ก่อนเสียชีวิตค่อนข้างร่าเริง แต่จู่ๆ ก็ล้มลงและเสียชีวิตต่อหน้าผม มองผิวเผินคล้ายกับอาการหัวใจวายกะทันหัน แต่เนตรวิญญาณของผมระบุว่าเขาตายจากคำสาป”
“คุณเชี่ยวชาญเนตรวิญญาณด้วยหรือ” คาร์ลเซนถามหยั่งเชิงบ้าง
ให้ตายสิ มิสเตอร์สแตนธอนไปโกหกเอาไว้แบบไหนกัน? หลังจากกลายเป็นสายข่าวให้จิตแห่งจักรกล พวกเขาก็ไม่เคยถามถึงเส้นทางหรือพลังของเราเลยสักครั้ง ไม่แม้กระทั่งลำดับ ไม่มีการถามถึงปูมหลังหรือบ้านเกิด…
แต่การปล่อยให้สายข่าวเก็บความลับบางอย่างไว้ ก็ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการซื้อใจเช่นกัน…
ไคลน์ตอบกลับโดยไม่ปิดบัง
“ถูกต้อง บริเวณหน้าอกของเขามีร่องรอยของควันมายาสีดำ แฝงกลิ่นอายความผุกร่อนในปริมาณเข้มข้น”
“มีโอกาสเป็นคำสาปของผู้วิเศษ” คาร์ลเซ่นไม่ซักถามต่อ เพียงพยักหน้าแผ่วเบา “เขตฮิลสตัน…อยู่ในความดูแลของพวกเรา”
เขตตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งใกล้กับใจกลางความเจริญของกรุงเบ็คลันด์ รวมถึงเขตราชินีและเขตเชอร์วู้ด จะอยู่ในอำนาจการดูแลของหน่วยทูตพิพากษา ส่วนเขตตะวันออกและเขตเหนือจะอยู่ในความดูแลของเหยี่ยวราตรี และเขตฮิลสตันกับเขตสะพานเบ็คลันด์จะอยู่ในความดูแลของจิตแห่งจักรกล
หลังจากกล่าวประโยคเมื่อครู่ คาร์ลเซ่นจ้องไคลน์และซักถามเพิ่มเติม
“ผู้ตายนับถือศาสนาใด”
ชายหนุ่มก้มหน้าตรึกตรองสองสามวินาที จึงค่อยมอบคำตอบ
“วายุสลาตัน”
“สาวกโบสถ์วายุสลาตัน… เขาเป็นผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียวหรือ” คาร์ลเซ่นขมวดคิ้ว
“ใช่” ไคลน์ยืนกรานหนักแน่น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คาร์ลเซ่นฝนหัวไม้คิวพลางถอนหายใจยาว
“พวกเราไม่มีอำนาจในคดีนี้ ต้องปล่อยให้ทูตพิพากษาจัดการเอาเอง แต่ผมจะช่วยนำข้อมูลของคุณไปบอกพวกเขาให้”
ในอาณาจักรโลเอ็น การตัดสินว่าคดีเหนือธรรมชาติควรถูกส่งต่อไปยังหน่วยใดนั้น อันดับแรกจะพิจารณาจากศาสนาของเหยื่อ แต่ถ้ามีเหยื่อหลายราย ลำดับถัดมาจะเป็นการพิจารณาจากขอบเขตการดูแล
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับไคลน์ และชายหนุ่มไม่มีเจตนาจะทำให้คาร์ลเซ่นหนักใจหรือเดือดร้อน จึงกล่าวออกไปตามตรง
“ขอบคุณมาก หวังว่าพวกเขาจะจับตัวคนร้ายได้โดยเร็ว”
คาร์ลเซ่นหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาจิบ
“ถ้าเป็นทายาทอดีตขุนนาง รับประกันได้เลยว่าทูตพิพากษาทำงานเต็มฝีมือแน่”
มันเว้นวรรค ตามด้วยการหันมาจ้องไคลน์และกล่าวเสียงทุ้ม
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณเพิ่งย้ายมาอยู่เบ็คลันด์ได้เพียงสามเดือน คุณมีสายสัมพันธ์กับผู้คนกว้างขวาง แถมยังมีแหล่งข้อมูลในมือมากมาย”
“คนบางคนก็เกิดมาเพื่อสิ่งนี้” ไคลน์ส่ายศีรษะแผ่วเบาพลางยิ้มจืดชืด ปิดท้ายด้วยการโบกมืออำลาอีกฝ่าย
เมื่อกลับถึงถนนมินส์ ท้องฟ้าด้านบนมีบรรยากาศมืดสนิท แสงไฟแหล่งเดียวมาจากเสาตะเกียงแก๊สวางเรียงรายริมถนน ทุกต้นถูกจุดโดยคนงานของเทศบาล
แม้ว่ามันจะไม่ได้สนิทสนมกับทาลิมมากนัก แต่อีกฝ่ายก็เป็นเพื่อน เป็นคนรู้จัก ได้พบหน้ากันราวสัปดาห์ละครั้ง และเป็นเพื่อนในวงไพ่เพียงไม่กี่คนของไคลน์ ทาลิมมักต้อนรับทุกคนอย่างอบอุ่น คอยบอกใครต่อใครถึงความยอดเยี่ยมของนักสืบเชอร์ล็อก ช่วยแนะนำลูกค้าคนสำคัญอย่างไมค์ ช่วยแนะนำนักลงทุนอย่างมิสเตอร์ฟามี่ในจังหวะเหมาะเจาะ
การจากไปของทาลิมย่อมทำให้ไคลน์โศกเศร้าและใจหาย ขณะเดียวกันก็รู้สึกสิ้นหวังท้อแท้ต่อความโหดร้ายของโชคชะตา
นอกเหนือจากนั้นยังมีอารมณ์โกรธ ไคลน์โกรธแค้นผู้อยู่เบื้องหลังการสาปแช่งทาลิมจนถึงแก่ความตาย
ขอให้จับตัวคนร้ายได้โดยเร็ว ขอให้กำลังคนของทูตพิพากษายังไม่หมดไปกับการสืบคดีดยุคนีแกน…
ไคลน์ถอนหายใจยาว ตามด้วยการลงจากรถม้าและเดินมุ่งหน้ากลับบ้าน
ระหว่างทาง มันพบว่าบ้านหลังติดกัน บ้านครอบครัวซาเมอร์ กำลังปิดไฟมืดสนิท
ไปอ่าวเดซีกันหมดแล้วสินะ… นี่คงเป็นบรรยากาศปรกติของเบ็คลันด์กระมัง? แต่เราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด…
ไคลน์รำพันห่อเหี่ยว
มันเข้านอนด้วยอารมณ์ดังกล่าวจนกระทั่งถึงเจ็ดโมงเช้าของอีกวัน
ในการจะปรับเปลี่ยนอารมณ์ ไคลน์ตัดสินใจอบเค้กอย่างง่ายเพื่อกินเอง
“ค่อยออกไปซื้อวัตถุดิบหลังจากกินอาหารเสร็จเช้าก็แล้วกัน” มันพึมพำพลางดื่มนมไปพร้อมกับการอ่านหนังสือพิมพ์
ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มอ่านพบประกาศ ‘แจ้งมรณะ’ บนหน้าหนังสือพิมพ์ทัสซอค :
18 ธันวาคม บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของผม ทาลิม·ดูมงต์ ได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน งานศพของเขาถูกจะจัดขึ้น ณ สุสานมงกุฎ
วันจัดงาน : 21 ธันวาคม เก้าโมงตรง
ตามความเชื่อของชาวทวีปเหนือผู้หวาดกลัวการคืนชีพของศพ วัฒนธรรมการฝังศพทันทีหลังจากมีคนตายจึงได้รับความนิยมในหมู่คนร่ำรวยเป็นอย่างมาก
หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน? นี่คือผลลัพธ์จากการสืบสวน? หรือจะเป็นกับดักของทูตพิพากษาเพื่อล่อให้คนร้ายตัวจริงหลงกล?
ไคลน์ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้
บางที เราควรลองเข้าไปในมิติสายหมอกและทำนายถามว่า สิ่งนี้คือกับดักของทูตพิพากษาจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม โอกาสล้มเหลวค่อนข้างสูงเนื่องจากเบาะแสน้อยเกินไป แถมเรายังไม่มีของใช้ในชีวิตประจำวันของทาลิมสำหรับทำนาย…
ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาว พยายามทำให้สมองเย็นลง ก่อนจะก้มหน้าจัดการอาหารเช้าจนเกลี้ยง
หลังจากขบคิดอยู่นานและพบว่าไม่มีสมมติฐานใดเข้าตา ไคลน์ตัดสินใจเดินทางไปยังเขตฮิลสตันเพื่อพบกับนักสืบไอเซนการ์ด
ยอดนักสืบเดินเข้ามายังห้องให้ความอบอุ่นของแขกและชี้ตรงไปข้างหน้า
“เชอร์ล็อก รับอาหารเช้าไหม พ่อครัวของผมก็เก่งไม่แพ้ผมเลยนะ”
“ไม่ครับ ผมกินมาแล้ว” ไคลน์ส่ายหัวพลางปฏิเสธอย่างสุภาพ
ไอเซนการ์ดเริ่มซักถามเป็นกันเอง
“ช่วงหยุดปีไหนไปเที่ยวไหนหรือ ผมมีแผนจะไปเที่ยว เอ่อ… กลับบ้านในลุนเบิร์ก”
“ยังไม่แน่ใจครับ แต่คงเป็นรัฐเลียบทะเล” ไคลน์ตอบแบบขอไปที
“โฮ่ เดิมที แถวนั้นจะมีวิวทิวทัศน์งดงามมาก แต่ในช่วงหลังเริ่มมีการค้นพบถ่านหินและเหล็กมากเช่นกัน ส่งผลให้แถบนั้นกลายเป็นเมืองส่งขนทางเรือไปแทน” ไอเซนการ์ดขยับปกเสื้อและลูบไปป์ในโค้ท “คุณกำลังกระวนกระวายใจหรือ”
“มิสเตอร์สแตนธอน ผมมีเรื่องต้องการปรึกษา” ไคลน์ใช้โอกาสนี้เล่ารายละเอียดการตายของทาลิมอย่างละเอียด รวมถึงผลลัพธ์จากเนตรวิญญาณของตน คำแนะนำซึ่งมอบให้กับจิตแห่งจักรกล และการแจ้งมรณะบนหน้าหนังสือพิมพ์ของครอบครัว
แน่นอน ไคลน์ยังไม่บอกเรื่องที่ตนกลายเป็นสายข่าวของจิตแห่งจักรกลไปแล้ว เพียงเล่าทำนองว่า ตนมีโอกาสรู้จักกับจิตแห่งจักรกลคนหนึ่งจากคดีผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย จึงหวังฝากฝังให้เขาช่วยสืบคดีของทาลิมแทน
“คุณคิดว่านี่อาจเป็นกับดักของทูตพิพากษาเพื่อล่อคนร้ายตัวจริงออกมาใช่ไหม” ไอเซนการ์ดถามเข้าประเด็น
ขณะมือข้างหนึ่งจับไปป์ ไอเซนการ์ดพึมพำด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ผมพยายามเลี่ยงทูตพิพากษามาตลอด จึงไม่มีข้อมูลของทางนั้นเลย ไว้จะให้ใครสักคนช่วยถามให้ก็แล้วกัน ถ้ามีความคืบหน้าเพิ่มเติม ผมจะเขียนจดหมายไปหาคุณทันที”
“ตกลงครับ ขอบคุณมาก” ไคลน์โค้งศีรษะคำนับอย่างจริงใจ
โดยบ่ายวันเดียวกัน ชายหนุ่มได้รับจดหมายส่งตรงจากไอเซนการ์ด บนแผ่นกระดาษมีข้อความเขียนไว้เพียงบรรทัดเดียว :
“ทูตพิพากษามิได้ดูแลคดีนี้ ทางราชวงศ์ออกัสตัสรับคดีไปทำเองโดยอ้างเหตุผลว่า ทาลิม·ดูมงต์เป็นผู้สืบเชื้อสายขุนนาง”
……………………