Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 429 : แต่ละฝ่าย

ราชันเร้นลับ 429 : แต่ละฝ่าย

เสาตะเกียงริมถนนยามค่ำคืนช่วยฉายแสงให้เห็นพื้นถนนอันชุ่มฉ่ำ บางครั้งบางคราว น้ำในแอ่งจะสาดกระเซ็นจากกีบเท้าของรถม้าผ่านไปผ่านมา

เบ็คลันด์ตั้งอยู่ใจกลางอาณาจักรโลเอ็น ห่างจากทะเลโซเนียเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร ส่งผลให้มีฝนชุกตลอดทั้งปี อุณหภูมิสูงสุดในช่วงเดือนกรกฎาคมจะอยู่ราวยี่สิบแปดองศาเซลเซียส และต่ำสุดในฤดูหนาวคือสององศาเซลเซียส ถึงอุณหภูมิในเมืองจะลดต่ำกว่าศูนย์องศาไม่บ่อยครั้ง แต่ผู้คนก็มักได้ลิ้มรสอากาศเย็นจัดเกินทานทนอยู่เสมอ แม้กระทั่งชาวเหนือจากจักรวรรดิฟุซัค ผู้เคยชินกับสภาพอากาศอันเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ในบางครั้งยังมิอาจทนต่อไอความเย็น ซึ่งทะลวงผ่านเสื้อผ้าอาภรณ์เข้ามากัดกร่อนจิตใจ

ไคลน์ยืนจ้องมองออกไปนอกมุขหน้าต่างอย่างเงียบงัน ภายในห้องมิได้จุดเตาผิงให้ความอบอุ่น ชายหนุ่มกำลังดื่มด่ำไปกับวิวทิวทัศน์อันปลอดโปร่งและสงบสุขด้านนอก ปล่อยให้ความผ่อนคลายแผ่ซาบซ่านเข้าไปในร่างกาย หัวใจ และวิญญาณ

หากรวบรวมวัตถุดิบครบและปรุงโอสถสำเร็จเมื่อไร ไคลน์ก็จะเลื่อนระดับกลายเป็นลำดับ 6 ผู้ไร้หน้า ในทันที

โอสถนักมายากลถูกย่อยสมบูรณ์แล้ว…ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายถูกเราจัดการโดยไม่มีโอกาสหลบหนี… ชุมนุมแสงเหนือยังคงตามหาเบาะแสของเดอะฟูลด้วยการพายเรือวนในอ่าง…นอกจากปัญหาการถูกตามล่าตัวของมิสเตอร์อะซิก และปัญหาในการรวบรวมวัตถุดิบโอสถของเรา เรื่องอื่นนับว่าดำเนินไปในทิศทางเหมาะสม…เราคงไม่ต้องเผชิญกับปัญหาไปอีกสักพัก…

ไคลน์เอนตัวไปข้างหน้าพลางสูดลมหายใจยาวอย่างมีความสุข สายตาจ้องมองหมอกหนาทึบด้านนอกด้วยจิตใจผ่องใส

สาเหตุให้ไคลน์ตัดสินใจเสี่ยงชีวิตลงไปจัดการกับผู้ปลดปล่อยแรงกระหายด้วยตัวเอง เพราะมันกังวลว่าอีกฝ่ายจะหลบหนีพ้นจากเงื้อมมือหน่วยพิเศษจากทางการ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จะไม่มีใครสามารถรับประกันได้เลยว่า คนร้ายจะไม่กลับมาแก้แค้นผู้มอบเบาะแสสำคัญอย่างนักสืบเชอร์ล็อก จริงอยู่ มันอาจเป็นปีศาจเลือดเย็น สุขุม และไม่กล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อแก้แค้นให้สัตว์เลี้ยง แต่การแก้แค้นให้ตัวเองนั้นเป็นคนละเรื่อง โดยเฉพาะกับนักสืบผู้ออกความเห็นสำคัญจนมันเกือบถูกต้อนจนมุม

ไม่ว่าจะมองมุมใด หากมีโอกาสปลิดชีพผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย เราก็ต้องลงมือโดยปราศจากความลังเล… ไม่แน่ว่า อาจมีคนของสภานักสิทธิ์สนธยากำลังรอให้ความช่วยเหลือด้านการหลบหนีอยู่ และถ้าปีศาจตนนั้นรอดชีวิตไปได้อย่างไรร่องรอย ต่อให้ตัวเรากลายเป็นผู้ไร้หน้าและเตรียมรับมือกับปีศาจลำดับ 5 อย่างรัดกุม แต่ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่า ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายจะไม่กลับมาแก้แค้นอีกครั้งในฐานะปีศาจลำดับ 4! ไพ่ ‘ปีศาจ’ ต้องมีอำนาจช่วยให้ผู้ถือเลื่อนลำดับอย่างรวดเร็วแน่…แค่คิดก็น่าขนลุกแล้ว… โชคดีว่าเราเชือดมันทิ้งโดยไม่ลังเล

ไคลน์ไตร่ตรองการกระทำในช่วงบ่ายของตนอย่างถี่ถ้วน ตามด้วยการสรุปผล และให้คะแนนตัวเองในใจ

หลังจากดื่มด่ำวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนสักพัก ชายหนุ่มกลับมานั่งลงบนโซฟาและวางแผนเกี่ยวกับอนาคต

ด้วยเงินรางวัลจากจิตแห่งจักรกล เราสามารถซื้อต่อมใต้สมองกลายพันธุ์และเลือดของนักล่าพันหน้าได้ทันที ทางด้านเส้นผมของนากาทะเลลึก สิ่งนี้หาได้ไม่ยากถ้ามีเงินมากพอ ในท้องทะเลย่อมมีอยู่มากมาย คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมิสเตอร์แฮงแมนสักเท่าไร ดังนั้น ปัญหาใหญ่ในตอนนี้จึงเหลือเพียงตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์…

ถึงจะมีเบาะแส แต่เราก็ไม่มีเงินซื้ออยู่ดี…

หลังจากคิดมาถึงจุดนี้ ไคลน์ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มจืดชืด

เราไม่ได้หน้าเงินสักหน่อย ค่อนข้างปรกติด้วยซ้ำ สมัยยังอยู่ทิงเก็น เรามักยุให้เมลิสซ่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม และยุให้เธอกับเบ็นสันยอมจ้างสาวใช้ประจำบ้าน เราเคยคิดมาตลอด ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร แต่มนุษย์ทุกคนก็ควรดูแลตัวเองในระดับพื้นฐาน ไม่เพียงเท่านั้น ในทุกภารกิจเสี่ยงตาย เราหมั่นเตือนตัวเองเสมอว่า ห้ามเห็นแก่เงินจนทำให้ชีวิตต้องตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด…

แต่เพื่อการแก้แค้น เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเลื่อนลำดับ และการเลื่อนลำดับจำเป็นต้องใช้เงินมาก ดังนั้น ส่วนใดประหยัดได้ก็ควรทำ และส่วนใดหาเพิ่มได้ให้รีบทำ…

ทันใดนั้น ร่างกายไคลน์พลันเกิดอาการหนาวสั่นโดยมิอาจขัดขืน มันเริ่มตระหนักว่า สายลมเย็นเฉียบของเบ็คลันด์รุนแรงถึงขั้นทำให้นักมายากล ผู้ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงอะไรนัก ตกอยู่ในอาการสั่นเทาเฉกเช่นปุถุชน

โดยไม่รีรอ ชายหนุ่มตัดสินใจอาบน้ำและคลานเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มผืนหนา อ่านหนังสือฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อยจนกว่าจะง่วง

ยังเหลือเวลาอีกสามถึงสี่ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานอนตามปรกติ คงไม่ต้องสิ้นเปลืองโดยการจุดเตาผิงใหม่กระมัง…

ไคลน์ถอนหายใจ ลุกจากโซฟา และย่างกรายขึ้นไปยังชั้นสอง

ใต้มหาวิหารไอน้ำ

หลังจากอ่านบันทึกภารกิจของช่วงบ่ายจบ ไอคานส์หยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ

บรรยากาศเงียบงันเข้าครอบงำสักพัก จนกระทั่งอาวุโสแห่งโบสถ์จักรกลไอน้ำ ทำการล้วงหยิบกระจกเงินนามอาโรเดสออกมาวาง

คาร์ลเซ่นชำเลือง ก่อนจะซักถามอย่างระมัดระวัง

“ท่านอาวุโส หากผมถามท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับสมการคณิตศาสตร์ซึ่งยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ หรือปัญหาเชาวน์อย่างไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ท่านอาโรเดสจะยอมบอกคำตอบหรือไม่?”

“ส่วนมากมักไม่ตอบ และถ้าท่านอาโรเดสสัมผัสถึงเจตนาไม่บริสุทธิ์ คุณอาจถูกฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ เอาได้ หรือไม่ก็คำสาปร้ายแรงชนิดขอตายยังดีเสียกว่า” ไอคานส์ถอนหายใจ “ท่านอาโรเดสเป็นสมบัติปิดผนึกมีชีวิต ไม่ใช่เครื่องจักรตอบคำถาม ท่านมีปัญญาลึกล้ำและรอบรู้กว่ามนุษย์เรามาก ดังนั้น อย่าได้พยายามหาช่องโหว่จากท่านขณะใช้งาน”

คาร์ลเซ่นมองไปรอบตัวซึ่งเต็มไปด้วยเพื่อนร่วมทีม พร้อมกับเสนอแนะไอคานส์

“ท่านอาวุโส ให้ผมถามแทนไหม ผมไม่มีความลับใดต้องปิดบัง”

มันเหยียดหลังตั้งตรงพลางกางแขนออกเป็นนัยว่าบริสุทธิ์ใจ

ไอคานส์ยิ้มแห้ง

“ไม่จำเป็น ทุกคนในนี้ต่างก็รู้ความลับของผมกันหมดแล้ว คำถามซ้ำเดิมไม่ได้ทำให้อับอายเพิ่มแต่อย่างใด แต่ปัญหาคือ ในบางครั้งท่านอาโรเดสก็ตั้งคำถามเชิงปรัชญา หากถูกลงโทษขึ้นมา ผมเกรงว่าสภาพร่างกายของคุณจะทนไม่ไหว”

เมื่อกล่าวจบ ไอคานส์คลายกำปั้นขวาและใช้ปลายนิ้วถูผิวกระจกอย่างแผ่วเบาสามครั้ง

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด ไอคานส์เปล่งเสียงทุ้ม

“ถึงท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่ กระผมต้องการทราบว่า ‘ใครหรือกลุ่มคนใด คือผู้อยู่เบื้องหลังภารกิจลอบสังหารดยุคนีแกนของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’”

กระจกเงินไม่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่นาน จนกระทั่งผ่านไปพักสัก ผิวกระจกจึงเริ่มส่องแสงกระเพื่อมในลักษณะคลื่นน้ำ ฉากด้านในเริ่มฉายออกมาเป็นบางสิ่ง ลักษณะคล้ายกับภาพวาดสีน้ำมัน

เป็นภาพของทุ่งกว้าง พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ทุ่งหญ้าถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองอร่ามอย่างงดงาม

“หมายความว่ายังไง…” คาร์ลเซ่นและสมาชิกทีมคนอื่นต่างหันมองหน้ากันแต่ไม่มีใครพบคำตอบ ไม่เว้นแม้แต่สมาชิกเส้นทางผู้ส่องความลับ ซึ่งมักโดดเด่นในด้านการตีความผลทำนาย

“ยามสนธยา? หมายถึงจุดจบของทุกสรรพสิ่ง? องค์กรลับเกี่ยวกับมรณา? หรือพวกองค์กรเสียสติ เอาแต่เชื่อว่าวันสิ้นโลกมีจริง?” ผู้ส่องความลับพยายามตีความอย่างสุดฝีมือ

คาร์ลเซ่นพยักหน้ารับ

“ผมคิดว่าอย่างหลังสุด”

ไอคานส์ไม่สนใจการถกเถียงของลูกทีม เพียงเพ่งสมาธิอ่านคำถามของอาโรเดส

“เจ้าชอบกางเกงในสีอะไร”

ใบหน้าไอคานส์พลันแดงก่ำ และถ้าทุกคนไม่ได้ตาฝาดไป พวกมันมองเห็นควันจางลอยขึ้นจากศีรษะของอาวุโสแห่งโบสถ์

ไอคานส์พ่นคำตอบด้วยสีหน้าหนักใจ

“แดง”

บรรยากาศรอบห้องถูกความเงียบสงัดเข้าครอบงำจนไม่ต่างอะไรกับป่าช้า คาร์ลเซ่นและสมาชิกคนอื่นต่างรีบเบือนหน้าหนี แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น

ไอคานส์ใช้มือสางเส้นผมแข็งกระด้างของตนด้วยสีหน้าอิดโรย ขณะกำลังจะเริ่มถามข้อถัดไป คาร์ลเซ่นชิงพูดแทรก

“ท่านอาวุโส ผมขอลองสักข้อ”

“…ทำยังไงก็ได้ให้ไม่ต้องรับโทษ” ไอคานส์ไม่ห้ามปราม เพียงกำชับหนักแน่น

คาร์ลเซ่นเลียนแบบพฤติกรรมของอาวุโสด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ ฝ่ามือลูบไล้ไปบนผิวโลหะเงินแผ่วเบาสามหน ขณะเดียวกัน สมาชิกคนอื่นเริ่มกลับมามุงดูอีกครั้ง

“ถึงท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่ กระผมอยากทราบว่า ‘ใครคือผู้สมรู้ร่วมคิดของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’”

แสงวารีกระเพื่อมอีกครั้ง ฉากบนผิวกระจกเริ่มแปรเปลี่ยน เผยให้เห็นแผ่นหลังของหญิงสาวคนหนึ่ง สัดส่วนของเธออยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ

ถัดมาเป็นภาพอันพร่ามัวและยากจะระบุตัวตนได้ชัดเจน จากโครงสร้างทางร่างกายและเสื้อผ้า ทุกคนพอจะว่าเป็นมนุษย์เพศชาย แต่ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น

“มีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอยู่จริง! ต้องเป็นคนปล่อยข่าวการเดินทางของท่านดยุคให้กับคนร้ายแน่! น่าเสียดาย ตอนนี้พวกเราจับมือใครดมไม่ได้แล้ว…” เมื่อกล่าวจบ คาร์ลเซ่นมองไปรอบตัวพร้อมกับรอยยิ้ม

มันมั่นใจว่าตนไม่มีความลับ จึงมิได้เป็นกังวลกับคำถามของกระจกวิเศษสักเท่าไร

ข้อความบนกระจกให้เลือกระหว่างคำถาม ภารกิจ และบทลงโทษ

โดยไม่ลังเล คาร์ลเซ่นยืนกราน

“คำถาม!”

ข้อความสีเลือดเริ่มก่อตัวเป็นประโยคคำถามอย่างรวดเร็ว :

“เจ้าชอบช่วยตัวเองด้วยมือข้างไหนมากกว่ากัน”

มุมปากคาร์ลเซ่นพลันกระตุก ใบหูแดงก่ำและร้อนผ่าวอย่างชัดเจน

แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องธรรมชาติของชายหนุ่ม แต่การต้องตอบคำถามต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมชายหญิงและผู้บังคับบัญชา ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนจนจะอยากใช้หัวมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด

“ข…ขวา”

คำตอบช่างแผ่วเบาเหลือเกิน

ใต้มหาวิหารนักบุญแซมมัว

ดาลีย์ สตรีผู้ทาเครื่องสำอางตรงขอบตาและโหนกแก้มด้วยสีฟ้าอมเขียว โยนปึกเอกสารลงตรงหน้า ‘ผู้ปลอบวิญญาณ’ โซสต์

“ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคดีไพ่ทาโรต์”

“ไม่น้อยไปหน่อยหรือ” โซสต์ซักถามประหลาดใจ

ดาลีย์เผยรอยยิ้ม

“นั่นแค่สารบัญ”

ขณะเดียวกัน เลียวนาร์ดเลื่อนถุงมือแดงข้างขวาขึ้นมาแตะริมฝีปากล่าง

“หัวหน้าโซสต์ ทำไมถึงไม่ลองสืบหาว่า ผู้เกี่ยวข้องคนใดในคดีไพ่ทาโรต์ เคยติดต่อกับเจสัน·แพทริค·บีเลียลมาแล้วบ้าง? ด้วยวิธีนี้ ผมเชื่อว่าพวกเราต้องพบเบาะแสเกี่ยวกับองค์กรลับสัญลักษณ์ไพ่ทาโรต์แน่นอน”

“ดยุคนีแกนเป็นสาวกคนสำคัญของโบสถ์วายุสลาตัน โดยเฉพาะด้านการเมือง ท่านออกหน้าในนามโบสถ์วายุสลาตันมาตลอด ป่านนี้พวกทูตพิพากษาคงกำลังพลิกแผ่นดินตามล่าตัวผู้บงการอย่างบ้าคลั่ง พวกเราไม่ควรเข้าไปยุ่ง ไม่อย่างนั้นจะเกิดความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น ปัจจุบันทำได้เพียงก้มหน้าสืบคดีไพ่ทาโรต์ต่อไป ใครจะไปรู้ พวกเราอาจได้พบเบาะแสน่าสนใจหลังจากนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม มีโอกาสจะไม่พบความคืบหน้าใดเลยเช่นกัน แต่ในฐานะถุงมือแดง สิ่งเหล่านี้คือชะตากรรมอันไม่สามารถหลีกเลี่ยง” โซสต์อธิบายพลางยิ้มชืด

เลียวนาร์ดพยักหน้ารับ

“เข้าใจแล้วครับ”

พร้อมกันนั้น ลึกเข้าไปในหัวเลียวนาร์ด เสียงชรากำลังหัวเราะร่วนอย่างเย้ยหยัน

“เหยี่ยวราตรีพลาดโอกาสสาวถึงเบาะแสสำคัญไปเสียได้ บุคคลดังกล่าวมีกลิ่นอายของจักรพรรดิมืดอย่างเข้มข้น! กลิ่นอายจักรพรรดิมืดตัวจริง!”

ภายในมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์

ผู้ขับขานแห่งเทพ เอส·สเน็ก สวมหมวกสีดำใบเล็ก ใช้ดวงตาสีเทาสำรวจบุคลากรระดับหัวกะทิของทูตพิพากษา

“แม้ว่าผมจะต้องออกจากเบ็คลันด์และไม่มีสิทธิ์สั่งการพวกคุณ แต่นี่เป็นคำสั่งด่วนตรงจากสภาพระคาร์ดินัลแห่งโบสถ์ ภารกิจเดียวของทุกคนหลังจากนี้ คือการสืบหาข้อเท็จจริงให้ได้ว่า ใครคือผู้บงการตัวจริงเบื้องหลังคดีลอบสังหารดยุคนีแกน เมื่อสิ้นคำสั่ง พวกคุณทุกคนจะมีอำนาจในการนำสมบัติปิดผนึกระดับ 1 ไปใช้งานได้อย่างอิสระ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้!”

ในแถวหน้าสุด ชายวัยกลางคนผู้สวมหมวกกัปตันเรือดัดแปลง ท่าทางคล้ายกับผู้นำเหล่าหัวกะทิ กำหมัดแน่นและกระแทกใส่หน้าอกตัวเองจนเกิดเสียงดัง

“น้อมรับบัญชา! เจ้าคุณท่าน!”

ร่างกายผอมเพรียว มัดกล้ามเนื้อแน่นไปทุกส่วน ไม่มีจุดใดโดดเด่นเป็นพิเศษ นอกเสียจากรอยสักรูปสมอเรือบริเวณต้นคอ

เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์

ออเดรย์จ้องมองซูซี ผู้เปิดประตูห้องของเธออย่างชำนาญ พลางกระซิบถามเสียงค่อย

“ท่านพ่อกำลังพูดถึงเรื่องใด”

เมื่อพบว่าบิดาของตนกลับถึงบ้านด้วยใบหน้าอึมครึม เด็กสาวรีบส่งซูซีเข้าไปแอบฟัง

“ดยุคนีแกนถูกลอบสังหารสำเร็จ” ซูซีใช้ขาหลังปิดประตูห้องอย่างคล่องแคล่ว

“เอ๋…?” ออเดรย์ถึงกับผงะ เธอรีบขมวดคิ้วคล้ายกับไม่เชื่อหูตัวเอง

แม้ว่าเด็กสาวจะเคยอยู่ในเหตุการณ์ลอบสังหารดยุคนีแกนหนแรก แต่ก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าชายคนนั้นจะเสียชีวิตไปแล้ว

“เป็นความจริง” ซูซียืนกราน

สมองออเดรย์พลันขาวโพลน เธอยังคงไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง

ทำไมขุนนางทรงพลังระดับอาณาจักรถึง… ทำไมดยุคแสนใจดีผู้มอบดินแดนเกษตรกรรมส่วนหนึ่งให้ตน บุรุษอารมณ์ขันผู้หัวเราะอย่างสนุกสนาน ถึงจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหันนัก?

เด็กสาวกำลังลิ้มรสโลกอันโหดร้ายและเย็นชาของผู้ใหญ่

“ฝีมือใคร?” ออเดรย์รีบเค้นถาม

“ลำดับ 5 ปีศาจ” ซูซีมอบคำตอบ “แต่ถูกปิดปากด้วยฝีมือของผู้ถูกเรียกว่าจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด”

“เอ๋…?” ออเดรย์ออกอาการมึนงงอีกครั้ง

ทำไมถึงเป็นจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดไปได้? เขาคือผู้รับใช้มิสเตอร์ฟูลไม่ใช่หรือ?

แถมยังเคยช่วยเราจัดการกับคีลิงเกอร์ ผู้พยายามลอบสังหารท่านดยุคในคราวก่อน!

ทำไมข้อมูลถึงได้ขัดแย้งกันนัก!

ออเดรย์รีบสั่งให้ซูซีกลับไปฟังเพิ่ม ส่วนตนรีบลงกลอนประตูห้องและนั่งบนขอบเตียง เตรียมสวดภาวนาถึงมิสเตอร์ฟูล

หลังจากเอ่ยพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์และอธิบายรายละเอียดคดีลอบสังหารดยุคนีแกนให้อีกฝ่ายฟัง เด็กสาวซักถามด้วยความเชื่อใจ

“ใช่ฝีมือผู้รับใช้ของท่านหรือไม่”

ผ่านไปสักพัก ออเดรย์มองเห็นสายหมอกสีเทาไร้ก้นบึ้งห้อมล้อมรอบตัว ตามด้วยเสียงทุ้มละมุนของเดอะฟูล

“ถูกต้อง เขากำลังสืบหาองค์กรเบื้องหลังผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย”

นึกแล้วเชียว! มิสเตอร์ฟูลมิได้เป็นผู้ชักใยการลอบสังหาร! หรือว่าเหตุผลให้ท่านส่งผู้รับใช้มายับยั้งคีลิงเกอร์ในคราวก่อน ก็เพราะมีองค์กรลับเดียวกันคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง?

ออเดรย์เริ่มผ่อนคลาย ตามด้วยการซักถามอย่างร่าเริง

“องค์กรลับดังกล่าวชื่อว่าอะไรหรือคะ? ต้องไม่ธรรมดาแน่ ถึงกับทำให้ท่านเกิดความสนใจได้”

ไม่กี่วินาทีถัดมา เดอะฟูลตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือความเย็นชา

“สภานักสิทธิ์สนธยา”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset