Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 428 : แพะรับบาป

ราชันเร้นลับ 428 : แพะรับบาป

เขตตะวันตก อาคารหมายเลข 9 ถนนปรารถนา บ้านพักนายกรัฐมนตรี

อากัส·นีแกนกำลังนั่งบนเก้าอี้ทำงานนายกรัฐมนตรี สายตาจ้องมองเอิร์ลฮอลล์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ลอร์ดฮอลล์ เลขานุการของผมคงรายงานสถานการณ์เบื้องต้นให้ฟังไปบ้างแล้ว หลังจากเกิดเหตุ ผมก็รีบติดต่อคุณเป็นคนแรกทันที”

อากัส·นีแกน สมาชิกคนสำคัญของพรรคอนุรักษนิยม และยังเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอาณาจักร มีสีหน้าแววตาหม่นมองลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับแก่ขึ้นนับสิบปีภายในชั่วข้ามคืน ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ มันนั่งเอนตัวมาข้างหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง หากไม่มีสองแขนช่วยพยุงก็คงมิอาจทรงตัวไว้ได้

อย่างไรก็ตาม สายตานีแกนยังขึงขังเช่นเคย กิริยาท่าทางสุขุมเยือกเย็น

เอิร์ลฮอลล์ เจ้าของหนวดงามเหนือริมฝีปากบน ถอนหายใจและกล่าว

“ผมต้องขอแสดงความเสียใจกับข่าวร้าย เรื่องนี้ทำเอาใจหายไม่น้อยเช่นกัน ผมและท่านดยุคมีแผนจะหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายสำคัญในอีกไม่กี่วันข้างหน้า…”

ขุนนางใหญ่มาดสง่างาม ผู้สูญเสียความหล่อเหลาในวัยหนุ่ม โดยมีร่างกายอวบอ้วนและริ้วรอยร่องลึกเข้ามาแทน พฤติกรรมแรกของมันคือการแสดงความเสียใจ แสดงออกถึงความเจ็บปวดและเข้าอกเข้าใจ จากนั้นจึงกล่าวเข้าประเด็นโดยพยายามระงับอารมณ์

“ในเมื่อท่านดยุคได้จากพวกเราไปแล้ว ความเศร้าและอารมณ์โกรธแค้นคงไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น พวกเราต้องสุขุมและครองสติให้มั่น มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น หัวรถจักรใหญ่นามโลเอ็นจึงจะแล่นต่อไปได้โดยไม่ตกราง”

“นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงได้ติดต่อคุณเป็นคนแรกหลังจากเกิดเรื่อง ขุนนางอื่นคงเอาแต่สวดภาวนาต่อองค์เทพ สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว และแสดงออกถึงความโกรธแค้นต่อการจากไปของท่านพี่ คงไม่มีความเห็นอื่นนอกจากบอกให้จับตัวคนร้ายมาลงโทษอย่างสาสม และสอบปากคำถามหาตัวผู้บงการ พวกเขาคงเกิดคำถามในหัวมากมาย เช่น แม้แต่ท่านดยุคผู้ได้รับการอารักขาแน่นหนายังถูกลอบสังหาร แล้วพวกตนจะปลอดภัยได้อย่างไร”

นายกรัฐมนตรีอากัส·นีแกนกล่าวเสียงขรึม

“จริงอยู่ พฤติกรรมข้างต้นค่อนข้างสมเหตุสมผลและเข้าใจได้ แต่ผมไม่ต้องการ”

เอิร์ลฮอลล์พยักหน้ารับ ตามด้วยซักถาม

“ฆาตกรเป็นใคร? มีจุดประสงค์อันใด?”

“ปีศาจ มันแฝงตัวในคราบนายธนาคารมานานกว่าสิบปี เป็นปีศาจตัวจริงเสียงจริง ธนาคารบาร์วาร์ตของคุณเพิ่งฮุบกิจการของมันเมื่อไม่นานมานี้”

อากัส·นีแกนเล่าเสียงเรียบ

“เจสัน·แพทริค?” เอิร์ลฮอลล์เอ่ยชื่อของคนร้ายได้ทันที เพราะมันคือผู้ลงนามอนุมัติให้ธนาคารบาร์วาร์ตเข้าซื้อหุ้นกิจการธนาคารเล็กของเจสัน

นายกรัฐมนตรีอากัสกล่าวต่อไปโดยไม่ได้แวะตำหนิเอิร์ล

“มันคือผู้วิเศษลำดับ 5 ขายธุรกิจของตัวเองอย่างกะทันหัน ละทิ้งตัวตนนายธนาคารซึ่งสั่งสมชื่อเสียงมานานกว่าสิบปี เพียงเพื่อเสี่ยงทำภารกิจลอบสังหารพี่ชายของมัน แม้จะแทบไม่มีโอกาสสำเร็จเลยก็ตาม…เท่านี้ก็สามารถระบุได้แล้วว่า มันต้องมีขั้วอำนาจใหญ่หรือผู้บงการคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่น่าเสียดาย คนร้ายเสียชีวิตระหว่างการหลบหนี แม้แต่วิญญาณก็ถูกช่วงชิงไปด้วย จากรายงานของทางเหยี่ยวราตรี ผู้ลงมือคือจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด”

“คุณกำลังจะบอกว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์กรลับสุดยอด และทางรัฐบาลไม่สามารถสืบหาข้อมูลได้ภายในระยะเวลาสั้น?” เอิร์ลฮอลล์ซักถาม

“ถูกต้อง ผู้ถูกเรียกว่าจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดไม่ทิ้งเบาะแสใดไว้เลย พวกเราทำได้แค่สืบหาจากบุคคลซึ่งเคยติดต่อกับเจสัน·แพทริคในช่วงหลายเดือนหลัง อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนดังกล่าวจะกินเวลานานมาก และอาจไม่พบสิ่งใดเลย” อากัส·นีแกนอธิบายอย่างฉะฉาน

เอิร์ลฮอลล์เดินสองก้าวเพื่อขยับตัวเข้าไปใกล้ ตามด้วยการซักถามเสียงเบา

“ฝ่าบาทมีท่าทีเช่นไรกับเรื่องนี้”

“เสียพระทัย แต่ไม่มีความเห็นเพิ่มเติม” อากัสตอบกระชับ

เอิร์ลฮอลล์ขมวดคิ้ว ก้มหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ

“ถ้าอย่างนั้น เรื่องน่ากังวลในตอนนี้ไม่ใช่ผู้บงการเบื้องหลังนักฆ่า แต่เป็นจุดประสงค์แท้จริงของพวกมัน การตายของดยุคนีแกนทำให้ฝ่ายใดได้ประโยชน์? พวกมันต้องการจุดชนวนสงคราม? หรือต้องการเปิดประเด็นในดินแดนอาณานิคมอีกครั้ง? บางที พวกเราต้องบอกกับสาธารณชนว่า ผู้บงการเบื้องหลังเจสัน·แพทริคคือรัฐบาลของจักรวรรดิฟุซัค แน่นอน ต้องปลอมหลักฐานขึ้นมาให้แนบเนียน สร้างเรื่องราวอย่างสอดคล้องและสมเหตุสมผล ตลอดหลายร้อยปีหลัง เพื่อนบ้านทางเหนือรายนี้เคยก่อเรื่องในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ทุกคนคงชาชิน จะมีอีกสักครั้งก็คงไม่น่าแปลก คงไม่มีใครเคลือบแคลงว่าคนเถื่อนของทางเหนือจะก่อความวุ่นวายจริงหรือไม่”

“และสาธารณชนก็จะหวาดกลัวพวกมัน” นายกรัฐมนตรีอากัสยกมุมปาก แต่มิได้มีเจตนายิ้มแย้ม “อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเราทำแบบนั้น ทางโลเอ็นจะตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบทันที หลังจากปฏิรูปการปกครองหลายเรื่องติดต่อกัน อาณาจักรเราจำเป็นต้องรออีกอย่างน้อยครึ่งปี จึงจะพร้อมเข้าสู่สภาวะสงครามเต็มตัว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เอิร์ลฮอลล์พึมพำ

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราต้องหาแพะรับบาปซึ่งทุกฝ่ายพึงพอใจ แต่จะให้เป็นจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดคงไม่เหมาะ เขาลึกลับและเต็มไปด้วยปริศนา อาจมีองค์กรใหญ่มากคอยหนุนหลัง ผู้คนจะยิ่งแตกตื่นและเสียขวัญถ้าได้ทราบข่าว ประชาชนมักหวาดกลัวปริศนาในเงามืดเสมอ”

“เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้น เอาเป็นชุมนุมแสงเหนือดีไหม? พวกมันเพิ่งลงมือลอบสังหารไอ้โรคจิตจากอินทิสไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน หากคิดเหิมเกริมลงมือซ้ำก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก”

“เหมาะสม ชื่อเสียงของพวกมันเลวร้ายเป็นทุนเดิม ถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับในฐานะผู้ก่อการร้าย จนถึงขั้นมีนิยายหลายเรื่องนำไปอ้างอิงในทางชั่ว นอกจากนั้น การป้ายสีให้พวกมันยังจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล คดีลอบสังหารราชทูตอินทิสทำให้พวกเราเสื่อมเสียชื่อเสียงพอสมควร หลายฝ่ายถึงกลับกล่าวหาว่าเราเป็นผู้จ้างวานให้ชุมนุมแสงเหนือลงมือลอบสังหาร”

“ไม่เลว ในเมื่อพวกเราคิดจะกว้างล้างผู้ก่อการร้ายให้หมดไปอยู่แล้ว ก็ต้องฉวยโอกาสนี้ล้างบางเบ็คลันด์ให้สะอาดเอี่ยมไปพร้อมกัน เมืองหลวงไม่ควรมีบุคคลอันตรายมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากเฉกเช่นในปัจจุบัน” อากัสเห็นพ้อง

“ไม่มีใครเหมาะจะรับบทผู้ร้ายไปมากกว่าชุมนุมแสงเหนืออีกแล้ว…เอาแบบนี้เป็นไง พวกเราใช้มันเป็นแพะรับบาปไปในช่วงแรกไปก่อน รอจนกระทั่งผ่านไปสักครึ่งปี เมื่อโลเอ็นพร้อมเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบ ถึงตอนนั้น พวกเราจะแสร้งทำเป็นเปิดเผยข้อมูลการสืบสวน โดยระบุว่าผู้บงการให้ชุมนุมแสงเหนือลอบสังหารดยุคนีแกนคือรัฐบาลจักรวรรดิฟุซัค คงไม่มีใครเคลือบแคลงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ก่อการร้ายกับคนเถื่อนแดนเหนือแน่…”

เอิร์ลฮอลล์เว้นวรรคเล็กน้อย

“ไม่คิดว่าจะนำมาต่อยอดได้ขนาดนี้…”

โดยไม่มีความเห็นเพิ่มเติม อากัส·นีแกนลุกขึ้นยืนพร้อมกับขอตัว

“ผมต้องไปเข้าฝ่าบาทแล้ว”

เมื่อพูดจบ มันจ้องเอิร์ลฮอลล์

“คุณเองก็ควรห่วงความปลอดภัยไว้บ้าง พวกเรายังไม่ทราบเจตนาแท้จริงของผู้อยู่เบื้องหลัง ฮึ่ม! ทางโบสถ์วายุสลาตันตัดสินใจเปลี่ยนตัวอาร์ชบิชอปประจำมุขมณฑลเบ็คลันด์สักที! สเน็กไม่เคยมาทันช่วงเวลาสำคัญเลยสักครั้ง! สมกับเป็นสาวกของวายุสลาตัน มีแต่พวกหุนหัน เจ้าอารมณ์ และถูกคนร้ายจูงจมูกได้ง่าย!”

“อาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป ยกตัวอย่างเช่นลัวมี่ เขาฉลาดเป็นกรด” เอิร์ลฮอลล์เผยรอยยิ้มจืดชืด มือข้างหนึ่งทำสัญลักษณ์สี่จุดบนหน้าอก สื่อถึงพระจันทร์แดง “ขอบคุณสำหรับคำเตือน แต่ผมมีเทพธิดาคอยคุ้มครอง”

สภานักสิทธิ์สนธยา…แต่ชื่อก็กินขาด…

เมื่อกลับถึงโลกความจริง ไคลน์ยืนขึ้นพร้อมกับกดชักโครก

ชายหนุ่มเปิดประตูออกจากห้องโดยปล่อยให้เสียงน้ำวนดังตามหลัง สมองกำลังวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ล่าสุด

มันเชื่อว่า สภานักสิทธิ์สนธยาคือองค์กรลับเก่าแก่ในความหมายเดียวกับโรซายล์ องค์กรซึ่งถือครองศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองไว้ในมือ

การลงทุนจ้างใครสักคนให้ลอบสังหารดยุคนีแกนเพียงเพื่อสร้าง ‘ประวัติศาสตร์’ อาจฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ขณะเดียวกันก็สมเหตุสมผลไม่น้อย… เป้าหมายของพวกเขาคือการคืนชีพพระผู้สร้างต้นกำเนิด? ทฤษฎีดังกล่าวสอดคล้องประวัติศาสตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์มาก เดอะซันน้อยไม่เคยบอกว่าพระผู้สร้างต้นกำเนิดตายไปแล้ว มีเพียงการใช้คำว่าท่าน ‘ทอดทิ้ง’ ดินแดนไป เป็นเหตุให้ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ยังคงพยายามติดต่อกับ ‘ท่าน’ ผ่านพิธีกรรมอย่างไม่ละความพยายาม…

ไคลน์เดินวนเวียนในห้อง ปล่อยสมองให้ล่องลอยอย่างอิสระ

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ จนกระทั่งมันได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู

ผู้มาเยือนมิใช่บริกรชายหรือสาวใช้ของสโมสรครักซ์ แต่เป็นบุรุษสวมแว่น คาร์ลเซ่น หนึ่งในสมาชิกจิตแห่งจักรกล ไคลน์เคยพบหน้ามาแล้วครั้งหนึ่งในบ้านของเจสัน

“คุณเข้ามาได้ยังไง?” ชายหนุ่มแสร้งถาม

เมื่อเห็นว่าไคลน์ยังอยู่ในห้อง คาร์ลเซ่นทำสีหน้าโล่งใจ มันมองไปรอบตัวหนึ่งหนเพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ตามด้วยการยิ้มกว้างและเริ่มอธิบายสถานการณ์

“ในฐานะผู้วิเศษ พวกเราย่อมมีวิธีพิเศษอยู่เสมอ”

หืม เขาคงได้รับข่าวจากอาวุโสไอคานส์ว่าผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเสียชีวิตแล้ว จึงแวะเข้ามาหาเราเพื่อยืนยันตำแหน่ง…แต่ขณะเดียวกันก็หมายความว่า ‘กล’ ของเราแนบเนียนจนคนดูแยกไม่ออก ในเมื่อ ‘ร่างปลอม’ ในห้องน้ำไม่ถูกเปิดโปง เราจึงกลายเป็นลูกแกะในสายตาคนรอบข้าง…

ไคลน์แสร้งขมวดคิ้ว

“ดูจากท่าทางของคุณ คงมีข่าวดีมาบอกผมใช่ไหม?”

“ถูกต้อง เจสัน·แพทริค·บีเลียลถูกฆ่าตายแล้ว คุณจึงปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองจากพวกเราอีก” คาร์ลเซ่นอธิบายอย่างซื่อตรง

ท่าทาของอีกฝ่ายทำให้ไคลน์เริ่มตระหนักว่า โอสถในร่างกายตนกำลังถูกย่อยด้วยความเร็วสูงผิดปรกติ

ชายหนุ่มทำหน้าประหลาดใจแกมโล่งอก

“แน่ใจแล้วใช่ไหม?”

“ไม่ผิดแน่” คาร์ลเซ่นยืนกราน

“เยี่ยมไปเลย!” ไคลน์โพล่งอย่างยินดี

คาร์ลเซ่นยังคงจ้องมองนักสืบหนุ่ม ก่อนจะกล่าวชมเชยด้วยใจจริง

“สัญชาตญาณนักสืบและความคิดเชิงตรรกะของคุณช่วยพวกเราได้มาก ท่านอาวุโสระบุว่า หากคดีนี้สิ้นสุดลง คุณจะได้รางวัลตอบแทนอย่างลับๆ เป็นเงินราวหนึ่งพันปอนด์”

หนึ่งพันปอนด์… ใจกว้างไม่เลว!

หืม แต่เมื่อลองเทียบกับทรัพย์สินของเจสัน ทั้งจากธนบัตรและอัญมณี ตีราคาอย่างต่ำก็คงไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นปอนด์ เงินจำนวนพันปอนด์มันออกจะ… ถ้าเราจำไม่ผิด มาดามแมรี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโคอิมและหนึ่งในคณะกรรมการมลพิษทางอากาศแห่งชาติ ก็คงมีทรัพย์สินรวมกันประมาณห้าหมื่นปอนด์กระมัง…

แต่ต้องไม่ลืมว่า เจสันใช้กลอุบายบางอย่างล่อลวงผู้ขับขานแห่งเทพออกไป บางที หนึ่งในเหยื่อล่ออาจเป็นเงินก้อนใหญ่ และถ้าเป็นเช่นนั้น เจสันจะเหลือเงินติดตัวขณะหลบหนีราวสองหมื่นปอนด์ แต่ก็ยังมหาศาลเมื่อเทียบกับหนึ่งพันปอนด์อยู่ดี ช่างน่าเศร้า… ไม่สิ เราจะคิดแบบนั้นก็ไม่ถูก ผู้สมรู้ร่วมคิดของเจสันอาจนำทรัพย์สมบัติทั้งหมดหนีไปพร้อมกันเพื่อความแนบเนียน…

ไคลน์ทั้งยินดีและผิดหวังในเวลาเดียวกัน

เมื่อได้ยินเกี่ยวกับรางวัล ชายหนุ่มเริ่มตระหนักอีกครั้งว่าการแสดง ‘กล’ ของตนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และเหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าว โอสถก็จะถูกย่อยโดยสมบูรณ์

“เป็นงานของนักสืบอยู่แล้วครับ และยิ่งไปกว่านั้น คนร้ายกำลังคุกคามชีวิตผม” ไคลน์ฉีกยิ้มกว้าง

มันไม่กังวลว่าจะถูกผู้สมรู้ร่วมคิดของเจสันกลับมาล้างแค้น เพราะการแก้แค้นนักสืบเป็นเพียงกลอุบายของเจสันตั้งแต่แรก แต่ถึงอีกฝ่ายจะคิดอาฆาตจริง ตอนนั้นตนคงกลายเป็นลำดับ 6 เรียบร้อยแล้ว

คาร์ลเซ่นใช้ปลายนิ้วขยับกรอบแว่น

“เชอร์ล็อก คุณเองก็เป็นสาวกของพระองค์เหมือนกันใช่ไหม ทางเราต้องการสานสัมพันธ์อันดีด้วย ในอนาคต คุณสามารถปรึกษากับจิตแห่งจักรกลได้ทุกเรื่อง”

พวกเขาต้องการให้เราเป็นสายข่าวของจิตแห่งจักรกลสินะ… ไม่เลว มีช่องทางให้เบิกค่าเสียหายเพิ่มอีกแล้ว…

ไคลน์วาดสัญลักษณ์สามเหลี่ยมกลางหน้าอกและรีบขานรับ

“ด้วยความยินดี!”

เมื่อเป็นอิสระจากจิตแห่งจักรกล ไคลน์พักอยู่ในสโมสรครักซ์ลากยาวจนถึงอาหารมื้อค่ำ จึงค่อยเช่ารถม้ากลับมายังอาคารหมายเลข 15 ถนนมินส์

ชายหนุ่มเปิดกล่องจดหมายตรวจสอบตามปรกติ และได้พบจดหมายฉบับใหม่ไม่ติดตราไปรษณียากร

มาจากนักสืบไอเซนการ์ด ถูกสอดไว้ในตู้จดหมายหลังจากแวะมาเยี่ยมแต่ไม่พบใครในช่วงเย็น มีใจความดังนี้ :

“…ผมได้ยินสมมติฐานอันยอดเยี่ยมของคุณจากจิตแห่งจักรกลแล้ว ความหลักแหลมและรอบคอบของคุณช่างน่ายกย่อง หากคุณยังไม่เป็นผู้วิเศษ ผมเชื่อเหลือเกินว่าเส้นทางนักอ่านจะเหมาะสมกับคุณอย่างมาก ผมไม่เคยเห็นคนหนุ่มคนใดมีทักษะการอนุมานในระดับอัจฉริยะเท่าคุณมาก่อน!”

ปัจจุบัน ไคลน์กำลังยืนท่ามกลางเครื่องเรือนในห้องรับแขก สายตากวาดอ่านจดหมายของไอเซนการ์ดภายใต้แสงสว่างจากตะเกียงแก๊ส

ในคราวนี้ ‘กล’ ของเราไม่ได้พิเศษไปกว่าครั้งอื่น ออกจะน้อยไปด้วยซ้ำ เป็นการวิเคราะห์และมอบคำแนะนำ ผนวกกับการเล่นละครตบตาอีกเล็กน้อย…เพียงแต่ว่า ‘กล’ ในคราวนี้มีผู้ชมรู้เห็นเป็นจำนวนมาก และเกือบทั้งหมดก็อยู่ข้างกายเรา พวกเขาสามารถมอบคำชมเชยและปรบมือให้ได้โดยตรง…

ไคลน์ยืนถือกระดาษจดหมายพลางตรึกตรองเรื่องราวทั้งหมดอย่างใจเย็น

ชายหนุ่มหลับตาลง ดื่มด่ำไปกับสัมผัสใหม่ภายในร่างกายอย่างอิ่มเอม คล้ายกับมีบางสิ่งกำลังกระจัดกระจายด้วยความรู้สึกซาบซ่าน ยิ่งเวลาผ่านไป ดวงดาวจำนวนมากก็ยิ่งผุดขึ้นภายในสมอง ไคลน์ไม่รู้สึกถึงแรงดึงดูดจากหมู่ดาราสุกสว่างรอบตัวอีกต่อไป

เดือน 12 ปี 1349

โอสถนักมายากลถูกย่อยโดยสมบูรณ์

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset