Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 427 : ทางเลือกแห่งกาลเวลา

ราชันเร้นลับ 427 : ทางเลือกแห่งกาลเวลา

ท่ามกลางบรรยากาศมืดสนิท สายน้ำสีดำในทางระบายน้ำกำลังไหลอย่างต่อเนื่อง หากบุคคลทั่วไปต้องการเดินสำรวจ อุปกรณ์ซึ่งจะขาดไม่ได้เลยคือตะเกียงสำหรับมอบแสงสว่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางมองเห็นสิ่งใด

แต่สำหรับไคลน์ในร่างวิญญาณ ความมืดมิดรอบตัวมิได้ถือเป็นอุปสรรค ทุกสิ่งถูกฉายให้เห็นอย่างแจ่มชัด

ดังนั้น ขณะถูกผู้ปลดปล่อยแรงกระหายพบตัว มันเองก็มองเห็นอีกฝ่ายเช่นกัน

ไคลน์ไม่เสียเวลาเปลืองน้ำลาย รีบอ้าปากกว้างพร้อมกับแผดเสียงหวีดความถี่ต่ำซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดได้ยิน

นี่คือพลังโจมตีของร่างวิญญาณ เป็นการสร้างความเสียหายต่อดวงวิญญาณเป้าหมายโดยตรง

ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายพลันชะงัก ประหนึ่งถูกกำปั้นใครบางคนชกใส่อย่างจัง

สสารสีดำคล้ายเงาเริ่มหลุดลอกออกจากร่างกายเป็นแผ่นบาง ราวกับอารมณ์ในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์กำลังผุกร่อนทีละนิด

ผ่านไปไม่กี่วินาที ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายซึ่งบาดเจ็บหนักเป็นทุนเดิม เริ่มแสดงอาการโซเซคล้ายกับใกล้หมดสติ

เนื่องจากปราศจากร่างเนื้อคอยค้ำจุน มันจึงมีสภาพเหมือนกับเทียนไขท่ามกลางพายุกระโชก ทำได้เพียงวูบวาบไปตามกระแสลมพัดพา จะดับลงตอนไหนไม่มีใครทราบชะตากรรม

จนกระทั่ง เงาดำเริ่มกระจัดกระจายไปคนละทิศทางอย่างไร้เป้าหมาย ไคลน์ไม่มีทางทราบเลยว่าตนต้องไล่ตามไปยังทิศทางใด

ขณะเดียวกัน เงาดำกลุ่มหนึ่งพลันผุดขึ้นจากพื้นหินของทางระบายน้ำในจุดบอดด้านหลังร่างวิญญาณไคลน์ ตามด้วยการกระโจนโจมตีเข้าใส่ชายหนุ่มโดยอาศัยมุมอับสายตา

ในความเป็นจริง ของเหลวสีดำซึ่งแตกตัวไปคนละทิศทางเมื่อครู่ เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับสร้างความสับสนของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเท่านั้น หลังจากนี้จึงค่อยเป็นการลอบโจมตีทีเผลอของจริง!

ไคลน์ยังคงยืนนิ่ง ไม่มีท่าทีตอบสนองต่อการโจมตีจากด้านหลังเลยสักนิด ปล่อยให้เงาดำของศัตรูพุ่งใส่ร่างกายอย่างไร้การป้องกัน

ทว่า ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายกลับแสดงอาการสั่นเทากะทันหัน ประหนึ่งเผลอสัมผัสเข้ากับวัตถุเย็นจัดโดยปราศจากเครื่องมือป้องกัน

การเคลื่อนไหวของเงาดำช้าลงอย่างชัดเจน อาการคล้ายกับกำลังตกอยู่ในสภาวะ ‘ถูกแช่แข็ง’ ฉับพลัน

แน่นอน ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายย่อมทราบว่าสิ่งมีชีวิตจำพวก ‘วิญญาณอาฆาต’ มักมีพลังทำให้เกิดความรู้สึกเย็นจัด

แต่มันคาดไม่ถึงว่าพลังแช่แข็งของบุคคลสวมเกราะและมงกุฎสีดำ จะมีอำนาจมากพอจนทำให้ตน ผู้อยู่ในร่างกึ่งวิญญาณ ประสบอาการแข็งทื่ออย่างกะทันหันได้เช่นนี้

คำอธิบายสำหรับทฤษฎีนี้ก็คือ ร่างวิญญาณของไคลน์มี ‘ระดับตัวตน’ สูงกว่าผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย จึงทำให้เกิดภาวะแช่แข็งต่อร่างกึ่งวิญญาณโดยไม่มีข้อยกเว้น

ไคลน์ซึ่งมองออกตั้งแต่แรก กำลังรอคอยโอกาสนี้มาตลอด ชายหนุ่มรีบหันหลังกลับพลางเหยียดแขนขวาออกไปคว้า ‘ศีรษะ’ ของเงาดำซึ่งกำลังทำตัวแข็งทื่อ

พร้อมกันนั้น เข็มกลัดสุริยันซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ชุดเกราะ เริ่มส่องแสงสีขาวสว่างวาบ

ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายพลันตระหนักถึงอันตรายร้ายแรง และทราบว่าความฉิบหายกำลังย่างกรายเข้าหาตน มันพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลัง เพียงแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ไม่กี่อึดใจถัดมา เสาลำแสงสีขาวโพลนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าด้านบนเพดานทางระบายน้ำ สาดทอดลงมายังกลุ่มก้อนเงาดำในมือไคลน์อย่างถ้วนทั่ว

ขณะบรรยากาศรอบตัวเริ่มสว่าง เงาดำกำลังดิ้นรนทุรนทุรายด้วยพลังเฮือกสุดท้าย แต่ก็มิอาจหยุดการระเหยของร่างกายตัวเองได้สำเร็จ ภายในไม่กี่วินาที เงาดำหดลีบลงจากขนาดในตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด วิญญาณของมันกำลังชุ่มฉ่ำไปด้วยประกายแสงระยิบระยับ ฝ่ายมือไคลน์เริ่มสัมผัสถึงเสียงหวีดร้องเจือความสาปแช่งจากด้านใน

ชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ แสงศักดิ์สิทธิ์แสนบริสุทธิ์อีกหนึ่งระลอกฉายซ้ำลงมาจากด้านบนอย่างต่อเนื่อง

เมื่อบรรยากาศคล้ายยามเที่ยงตรงผ่านไปราวสองสามวินาที ไคลน์ตัดสินใจปล่อยมือจากศีรษะเงาดำ ซากสุดท้ายของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายร่วงหล่นลงพื้นหินโดยปราศจากแรงต่อต้านหรือสัญญาณของการมีชีวิต

ร่างของมันอยู่ในสถานะเงาดำจนถึงวาระสุดท้าย หากไม่บอกก็คงไม่มีใครทราบว่าสิ่งนี้เคยเป็นเจสัน·แพทริค·บีเลียลมาก่อน

ลำดับ 5 ผู้สำเร็จภารกิจลอบสังหารดยุคคนสำคัญของอาณาจักร จบชีวิตลงโดยไม่มีโอกาสแม้จะกล่าวคำสั่งเสีย

ขณะเดียวกัน ไคลน์มองเห็นเศษเสี้ยวดวงวิญญาณอันเจือจางของอีกฝ่าย คงเป็นผลมาจากการถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ลักษณะจึงคล้ายกับใกล้สลายตัวเต็มที

ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าตะกอนพลังจะควบแน่นเป็นก้อน…หรือเราควรเลียนแบบเทคนิคของมาดามชารอน? เข้าไปสิงในเงาดำเพื่อเร่งอัตราการเกิดปฏิกิริยาสร้างตะกอน…แต่เราทำไม่เป็นสักหน่อย ไม่เคยลองทำเลยสักครั้งเดียว…

ไคลน์เริ่มวางแผนขั้นตอนถัดไป

ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันตระหนักว่าพื้นหินของทางระบายน้ำกำลังสั่นสะเทือนหนักหน่วง

อาศัยสัมผัสวิญญาณนำทาง ไคลน์รีบหันหลังกลับไปมองยังจุดเดิมซึ่งตนเคยเดินผ่านมาในตอนแรก

ชุดเกราะสีเงินตัวใหญ่ มองผิวเผินเหมือนกับมีน้ำหนักมาก กำลังวิ่งตรงมายังจุดปัจจุบันของตน จากหัวไหล่ซ้ายถึงช่องท้องกลางลำตัว คราบเลือดสีแดงเกรอะกรังปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด

สมบัติปิดผนึก 1-42…

หัวใจไคลน์พลันเจ็บแปลบประหนึ่งถูกบีบแน่น โดยปราศจากความลังเล ชายหนุ่มรีบคว้า ‘วิญญาณ’ ของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายติดมือและเพ่งจิตสิ้นสุดพิธีกรรมอัญเชิญ

แผนการของไคลน์คือ หากเผชิญหน้ากับหน่วยพิเศษเมื่อใด จะต้องรีบสิ้นสุดพิธีกรรมทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าจะยังจัดการกับคนร้ายไม่ได้ก็ตาม มันเชื่อว่าหน่วยพิเศษคงมีวิธีรับมือผู้ปลดปล่อยแรงกระหายอยู่แล้ว

‘ถุงมือแดง’ ผู้สวมชุดเกราะสีเงินเปื้อนเลือดเกรอะกรัง กำลังจ้องเขม็งมายังร่างของบุคคลปริศนาสวมมงกุฎและชุดเกราะสีดำ อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายกำลังเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอยให้ไล่ตาม

บุคคลสวมเกราะเงินหรี่ตาลงพลางสำรวจในจุดดังกล่าว จนกระทั่งพบกับ ‘ซาก’ ของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายซึ่งไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว

“ฆ่าปิดปากและทำลายหลักฐานหลังจากเสร็จงาน?” มันพึมพำเสียงค่อย

กึก! กึก! กึก!

หน่วยถุงมือแดงทยอยวิ่งตามมาถึงในจุดเกิดเหตุคนแล้วคนเล่า

หลังจากส่งตัวเองกลับถึงห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา ไคลน์ไม่รีบร้อนสื่อวิญญาณ ตรงกันข้าม มันห่อหุ้มพลังวิญญาณและนำพาสติกลับสู่ห้องน้ำภายในสโมสรครักซ์

ชายหนุ่มรีบเก็บเทียนไขและทำลายร่องรอยของพิธีกรรมจนหมดจด เพียงไม่นาน เบาะแสสุดท้ายซึ่งสามารถสาวมาถึงตน ได้ถูกลบออกไปจากโลกเป็นการถาวร

เมื่อเก็บกวาดเสร็จสิ้น ไคลน์ลงมือทำซ้ำขั้นตอนเดิม สร้างร่างปลอม เดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว ส่งจิตขึ้นไปยังพระราชวังหรูหรา

ด้วยอำนาจของมิติแห่งนี้ มิสเตอร์ฟูลสามารถสื่อวิญญาณกับเป้าหมายได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรมหรือได้รับความช่วยเหลือจากใคร เทคนิคดังกล่าวเคยถูกใช้กับนักเชิดหุ่น โรซาโก้ ในเหตุการณ์ก่อนหน้าไปแล้ว

เมื่อประเมินว่าดวงวิญญาณของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายถูกแสงชำระล้างจนใกล้เลือนหาย ไคลน์รีบคิดชุดคำถามเพื่อรีดข้อมูลสำคัญออกมาให้ได้มาก

ในส่วนของสูตรโอสถเส้นทางปีศาจ เมื่อลองไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มันตัดสินใจปล่อยผ่าน เพราะไคลน์ประเมินว่า ถึงตนจะมีสูตรโอสถ ก็คงไม่คิดขายทอดตลาด การเพิ่มจำนวนฆาตกรเลือดเย็นคงไม่ใช่เรื่องดี

ขณะนั่งจ้องร่างมายาของบุรุษผมน้ำตาลเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลล่องลอย ชายหนุ่มซักถามพลางแผ่พลังวิญญาณของตนเข้าไปหา

“แกวางแผนอะไรไว้”

เนื่องจากวิญญาณของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ด้วยอำนาจของห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา คำตอบของมันจึงไม่ได้ถูกกลั่นกรองผ่านสมอง เป็นเพียงการถามตอบอย่างซื่อตรงปราศจากอำนาจแทรกแซง

“ลอบสังหารดยุคนีแกน”

ดยุคนีแกน…อีกแล้วหรือ?

ใครมันอยากให้เขาตายนัก?

ไคลน์หรี่ตาลง ซักถามเสียงเรียบ

“แล้วสำเร็จไหม”

“สำเร็จ” ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายตอบอย่างใจเย็นและสั้นกระชับ ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมนอกเหนือจากนั้น

ในสภาพปัจจุบัน คำตอบจะออกมาจากจิตใต้สำนึกในส่วนลึก บทสนทนาจึงเป็นการถามมาตอบไป

ดยุคนีแกนผู้น่าสงสาร แม้แต่เทพวายุสลาตันก็ช่วยไม่ไหว…

ไคลน์วาดสัญลักษณ์จันทร์แดงกลางหน้าอกจำนวนสี่จุด

โดยไม่มัวเสียเวลาถามถึงรายละเอียดการลอบสังหาร มันรีบเข้าประเด็น

“ใครเป็นผู้บงการ”

จะใช่องค์กรเดียวกับผู้บงการพลเรือโทแห่งวายุ คีลิงเกอร์ หรือไม่?

ไคลน์หวนนึกถึงคดีพยายามลอบสังหารดยุคนีแกนเมื่อครั้งอดีต

ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายตอบเสียงเรียบ

“องค์กรลับแห่งหนึ่ง นับเป็นกลุ่มคนเก่าแก่และถือครองความลับไว้มากกว่าขั้วอำนาจฝ่ายใดทั้งหมดบนโลก ผู้วิเศษส่วนใหญ่มักไม่ทราบถึงการมีอยู่ของพวกเขา กล่าวกันว่า สมาชิกขององค์กรล้วนเป็นบุคคลสำคัญของโลกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทรงอิทธิพลภายในเจ็ดโบสถ์หลัก หรือแม่ทัพใหญ่ประจำกองทัพของทุกอาณาจักร”

ทำไมเราถึงได้คุ้นนัก… หรือจะเป็นองค์กรลับเดียวกับจักรพรรดิโรซายล์? องค์กรลับโบราณผู้ถือครองศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สอง?

สมองไคลน์เริ่มทำงาน

“แล้วแกจะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นสิ่งใด ถึงกับยอมทิ้งตัวตนซึ่งพยายามสร้างมานานหลายสิบปีในชั่วข้ามคืน”

น้ำเสียงของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ไพ่เย้ยเทพ…ไพ่นรก!”

ไพ่เย้ยเทพ? ไพ่นรก หนึ่งในไพ่ยี่สิบสองใบของจักรพรรดิโรซายล์! คงเป็นของเส้นทางปีศาจไม่ผิดแน่ เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ปลดปล่อยแรงกระหายถึงยอมสละทุกสิ่งเพื่อให้ได้มาครอง…ไพ่ดังกล่าวมีอำนาจมากพอจะทำให้ผู้วิเศษคนหนึ่งไปถึงลำดับสูงได้ไม่ยาก!

ของรางวัลมีมูลค่ามหาศาลยิ่งกว่าเนื้อหาของภารกิจเสียอีก!

ทว่า ในกรณีของคีลิงเกอร์ ของรางวัลไม่น่าจะเป็นไพ่เย้ยเทพเหมือนกัน นอกเสียจาก… นอกเสียจากองค์กรดังกล่าวจะมีไพ่เย้ยเทพในเส้นทางผู้รับใช้วายุด้วย…องค์กรเดียวจะถือไพ่เย้ยเทพไว้ในมือมากขนาดนี้เชียวหรือ…

แต่ถ้าเป็นองค์กรเดียวกับโรซายล์ โอกาสครอบครองไพ่เย้ยเทพติดมือสักสองสามใบคงไม่ใช่เรื่องยาก…หรือต่อให้ไม่มี แต่พวกมันก็ถือครองศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สองไว้ในมือ…

ไคลน์เริ่มไม่เข้าใจ จึงถามกลับไปอย่างฉงน

“ทำไมพวกเขาถึงต้องการฆ่าดยุคนีแกน”

ดวงวิญญาณของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเริ่มเจือจางอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงของมันกำลังล่องลอย

“ไม่ทราบ ฉันแค่ต้องตัดสินใจว่าจะรับทำภารกิจหรือไม่เท่านั้น”

“จุดประสงค์ขององค์กรดังกล่าวคือสิ่งใด” ไคลน์เริ่มถามจี้

น้ำเสียงของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเริ่มแผ่วเบาลงทุกขณะ

“เคยได้ยินมาว่า พวกเขาต้องการคืนชีพ หรือไม่ก็ปลุกพระผู้สร้างให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง บทบาทของพวกเขาคือการแทรกแซงประวัติศาสตร์โลก เปลี่ยนให้ผลลัพธ์เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายตัวเอง อนาคตจะได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ขององค์กร หากกระแสของเวลาเริ่มออกนอกลู่ทางหรือไม่ตรงตามความต้องการ พวกเขาจะย้อนเวลากลับไปยังจุดผลิกผันสำคัญในอดีต นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีเป้าหมายอื่นอีก เพียงเฝ้ามองโลกอย่างเงียบงัน เฉื่อยชา และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว บางที พวกเขาจะไม่ออกคำสั่งใดเลยตลอดหลายสิบปีหรือหลายร้อยปี หากกระแสเวลาไหลไปตามความต้องการอย่างราบรื่น…”

องค์กรลับของแท้… คำอธิบายค่อนข้างตรงกับองค์กรลับของโรซายล์ :

องค์กรลับผู้คอยชักใยโลกอยู่เบื้องหลัง…

และดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระผู้สร้างต้นกำเนิดเสียด้วย…

เมื่อเห็นดวงวิญญาณของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายใกล้สลาย ไคลน์เร่งมือถาม

“องค์กรดังกล่าวชื่ออะไร? แล้วแกติดต่อกับพวกเขาด้วยวิธีไหน?”

ร่างมายาของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายจ้องมองมาทางไคลน์อย่างไรอารมณ์ ในวินาทีนี้ ร่างของมันเลือนรางจนใกล้คงสภาพไว้ไม่อยู่

แต่ก่อนจะหายไปอย่างสมบูรณ์ มันเปล่งเสียงตอบเป็นการสั่งลา

“พวกเขาเรียกตัวเองว่า…สภานักสิทธิ์สนธยา”

ณ บ้านพักซึ่งมีเรือนกระจกหน้าทางเข้า

เลขารูปร่างผอมเพรียว สวมแว่นตากรอบทองและถุงมือสีขาว กำลังนั่งนิ่งด้วยสีหน้าหดหู่และตำหนิตัวเอง

“คุณชื่ออะไร ลำดับเท่าไร และอยู่บนเส้นทางใด” อาวุโสไอคานส์ซักถามเสียงเรียบ

เลขาผมทองตอบอย่างเชื่องช้า

“ล็อกฮาร์ต·เซียคัม ลำดับ 5 ถ้าอยากทราบว่าผมอยู่บนเส้นทางใด สามารถตรวจกับบัญชีกำลังพลของ MI9 ได้ทุกเมื่อ”

“ตกลง” ไอคานส์ซักถามต่ออีกเล็กน้อย “ท่านดยุคมีกำหนดเดินทางมายังบ้านหลังนี้แบบตายตัวหรือไม่”

“ไม่ ท่านไม่ชอบเดินทางเป็นแบบแผน โดยเฉพาะหลังจากถูกคีลิงเกอร์พยายามลอบสังหาร ก่อนจะถึงวันนี้ ไม่มีใครทราบว่าท่านจะมายังบ้านหลังนี้แม้แต่คนเดียว กระทั่งผมก็ยังได้ทราบเมื่อเข้า ภายในรัฐสภา” ล็อกฮาร์ต·เซียคัมตอบเสียงขรึม

ไอคานส์ครุ่นคิดเล็กน้อย

“ถ้าจะมีใครสักคนในพวกคุณเป็นหนอนบ่อนไส้ คุณคิดว่าเป็นใคร”

ล็อกฮาร์ตก้มหน้าตรึกตรองหลายวินาที ก่อนจะส่ายหัวแผ่วเบาโดยไม่ส่งเสียง

ไอคานส์พยายามสอบถามรายละเอียดการต่อสู้จนเริ่มเห็นภาพรวมของเหตุการณ์

เนื่องจากอาการบาดเจ็บของล็อกฮาร์ตค่อนข้างหนัก ไอคานส์ขอตัวและเดินไปสอบปากคำเหล่าองครักษ์ของดยุคคนอื่นต่อ

เมื่อเห็นอาวุโสของจิตแห่งจักรกลเดินจากไปไกล ล็อกฮาร์ตพยุงตัวลุกยืน เดินกะเผลกตรงไปทางศพของดยุคนีแกน

ปัจจุบัน ศพขุนนางใหญ่แห่งอาณาจักรมิได้เปลือยเปล่าเหมือนตอนแรก แต่สีหน้ายังคงเผยความหวาดผวาอย่างแจ่มชัด

ล็อกฮาร์ตจ้องมองศพนีแกนด้วยสีหน้าเศร้ามอง พลางขยับปากพึมพำ

“ท่านดยุค ผมขอโทษ…”

ขณะกำลังหันหลังให้ทุกคน มุมปากของมันพลันยกโค้งอย่างมีเลศนัย

ล็อกฮาร์ตกล่าวเสริม :

นี่เป็นทางเลือกแห่งกาลเวลา…

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset