ภายในห้องโดยสารรถม้า ริมถนนด้านนอกสโมสรครักซ์
“ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายอาจไม่ใช่คนเดียวกับเจสัน·บีเลียล? คุณเชื่อว่าพวกเรากำลังถูกคนร้ายชักนำให้หลงทาง?” ไอคานส์ไม่แสดงพฤติกรรมเหยียดหยัน ขุ่นเคือง หรือไม่แยแสคำแนะนำไคลน์ ตรงกันข้าม มันเริ่มนำประเด็นดังกล่าวมาถกเถียงจริงจัง
อาวุโสคนนี้ไม่เลว…แต่บางที นิสัยใจเย็นของเขาอาจเกิดจากกระจกชื่ออาโรเดสนั่นก็ได้ เพราะไม่ว่าคนเราจะมีอารมณ์ร้อนสักเพียงใด แต่ถ้าอยู่กับกระจกบานนั้นได้นาน ความหุนหันก็คงหายไปเองในภายหลัง…ชายหนุ่มครุ่นคิดพลางพยักหน้ารับ
“นี่เป็นเพียงความเห็นของผม…ความเห็นจากนักสืบผู้หวาดระแวงและรอบคอบโดยธรรมชาติ วิธีพิสูจน์ทฤษฎีนั้นง่ายนิดเดียว เพียงคุณถามกระจกอีกครั้ง ถึงตำแหน่งปัจจุบันของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย มิใช่เจสัน·บีเลียลเหมือนคราวก่อน”
ไอคานส์ใช้มือข้างหนึ่งกดหมวก
“สมเหตุสมผล”
ขณะไอคานส์ก้มมองกระจกเงิน สีหน้าแววตาพลันกลับมาอึมครึม
“รอก่อน…อาวุโสไอคานส์ หากคุณถามถึงเบาะแสของปีศาจในตอนนี้ มันจะสัมผัสถึงอันตรายและทราบตำแหน่งปัจจุบันของเรา” ไคลน์กล่าวเตือน
“นั่นก็จริง” ไอคานส์หันไปมองสมาชิกทีมอีกสองคน “ฝากพวกคุณช่วยคุ้มกันนักสืบโมเรียตี้ในทางลับ หากโชคร้ายถูกผู้ปลดปล่อยแรงกระหายโจมตี พวกคุณสามคนคงพอจะถ่วงเวลาได้บ้าง นอกจากนั้นยังมีคนของกองทัพช่วยเฝ้าระวังไม่ห่าง”
“รับทราบ!” จิตแห่งจักรกลทั้งสองขานรับอย่างแข็งขันโดยปราศจากความลังเล
ไอคานส์แยกตัวไปจากทุกคน รีบมุ่งหน้าไปยังจุดระดมพลปัจจุบันของเหยี่ยวราตรี—บ้านของไอเซนการ์ด·สแตนธอน
เมื่อลองพิจารณาอย่างละเอียด… หากนำความโกลาหลซึ่งเกิดจากการออกโรงด้วยตัวเองของผู้ขับขานแห่งเทพ ไปรวมกับการเคลื่อนย้ายสมบัติวิเศษสุดทรงพลังของเหยี่ยวราตรี1-42 อย่างเอิกเกริก…ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายจะชิงลงมือทำตามเป้าหมายหลักของตนภายในช่วงบ่ายของวันนี้…หวังว่ากระจกวิเศษอาโรเดสจะช่วยแจ้งเบาะแสพวกเขาได้ทันเวลา…
แต่หากทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่น เราคงไม่มีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์แม้แต่น้อย ไม่มีโอกาสได้แก้แค้นไอ้ปีศาจบัดซบนั่น และไม่มีโอกาสได้จับต้องกระเป๋าเดินทางซึ่งบรรจุทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่าห้าหมื่นปอนด์…
ไคลน์จ้องมองแผ่นหลังของไอคานส์ซึ่งกำลังลับสายตา ด้วยท่าทีผิดหวังเล็กน้อย
แต่อีกใจหนึ่ง มันก็นึกโล่งอก
แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน… อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องเสี่ยงเจ็บตัว สามารถกลับไปใช้ชีวิตปรกติได้โดยไม่ต้องลงทุน…
ยิ่งไปกว่านั้น จิตแห่งจักรกลคงไม่ใจแคบกับเรานัก หากปฏิบัติการในคราวนี้สำเร็จลุล่วง คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากคำวิเคราะห์ของเรา ยิ่งผนวกกับการเป็นสาวกโบสถ์จักรกลไอน้ำของเราด้วยแล้ว อย่างน้อยก็ต้องได้ส่วนแบ่งกลับมาบ้าง…
โดยเฉพาะกระเป๋าเดินทางใบนั้น ถ้ามันมีมูลค่าสูงถึงห้าหมื่นปอนด์จริง…
ไคลน์ครุ่นคิดอย่างเสียดาย
แต่ก็เมื่อเทียบกับการต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย มันขอเลือกเส้นทางปลอดภัยดีกว่า
นักมายากลห้ามแสดงกลโดยไม่เตรียมตัว!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่มีเวลาให้เราได้วางแผนหรือจัดหาอุปกรณ์แก้ทางปีศาจ…
ไคลน์พยักหน้าส่งสัญญาณกับจิตแห่งจักรกลทั้งสองเป็นเชิงขอตัว เดินลงจากรถม้า และกลับไปยังสโมสรครักซ์ตามเดิม เตรียมบอกให้บริกรช่วยจองห้องพักสำหรับงีบในยามบ่าย
…
เขตฮิลสตัน ณ ห้องรับแขกบ้านไอเซนการ์ด·สแตนธอน
เลียวนาร์ด·มิเชลกำลังใช้มือสางเส้นผมสีดำกระเซิงเล็กน้อยของตน ภายใต้คำสั่งของหัวหน้าโซสต์ และด้วยความช่วยเหลือจากเหยี่ยวราตรีคนอื่น การสวมใส่ชุดเกราะสีเงินเต็มอัตราศึกจึงเป็นไปอย่างราบรื่น
บริเวณหัวไหล่ซ้ายของเกราะลงมาถึงช่องท้องยังคงเปรอะเปื้อนคราบเลือดเช่นเคย
เลียวนาร์ดดึงกะบังหน้าลงมาปิด เก็บซ่อนดวงตาสีเขียวมรกตไว้ด้านในหมวกเหล็ก ตามด้วยการยกแขนซ้ายซึ่งสวมถุงมือเหล็กขึ้นเล็กน้อย บนฝ่ามือกำลังถือกระจกเงินลวดลายประหลาดซึ่งยืมมาจากไอคานส์·เบอร์นาร์ด
โบสถ์เทพจักรกลไอน้ำจะเรียกสมบัติปิดผนึกชิ้นนี้ว่า :
2-111
“ระดับสองเองหรือ?” โซสต์ซักถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
ไอคานส์พยักหน้ารับ
“อา… มันก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น”
ขณะกล่าว เสียงของไอคานส์คล้ายกับกำลังพูดไปพร้อมกันฟัน
“ดูเหมือนคุณกำลังบอกเป็นนัยว่า ในบางสถานการณ์มันก็ ‘อันตรายขนาดนั้น’ ?”
โซสต์ซักถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ก็แค่บางสถานการณ์”
ไอคานส์ตอบเลี่ยง เจตนาไม่ต้องการเปิดเผยความลับของสมบัติปิดผนึกประจำโบสถ์ไปมากกว่านี้
ขณะเลียวนาร์ดเริ่มใช้ฝ่ามือขวาลูบไล้ไปบนผิวกระจกเงินอย่างทะนุถนอม บรรยากาศภายในห้องรับแขกพลันเงียบสงัด
เมื่อถูจนครบสามครั้ง มันกล่าวเสียงต่ำ
แสงรอบตัวทุกคนเริ่มสลัว คล้ายกับมีเมฆดำก้อนใหญ่เคลื่อนผ่านบนท้องฟ้า
ผิวกระจกเริ่มปรากฏแสงมายาของคลื่นน้ำ ส่องกระเพื่อมไปรอบทิศทาง ฉากอันพร่ามัวเริ่มรวมตัวกันจนกลายเป็นคมชัด :
บ้านพักหรูหราซึ่งมีสวนเขียวขจีอยู่ด้านหน้าทางเข้า ใจกลางสวนเป็นเรือนกระจกซึ่งด้านในเต็มไปด้วยกุหลาบสีแดงฉาน
เหนือเรือนกระจก ท้องฟ้าด้านบนมีลักษณะหม่นหมองคล้ายกับกำลังถูกหมอกหนาทึบบดบังแสงอาทิตย์
“ในเบ็คลันด์…!” ไอเซนการ์ดคาดเดาพิกัดของบ้านจากตำแหน่งดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าและอีกหลายปัจจัยประกอบ
“ผลลัพธ์ออกมาแตกต่างจากการทำนายด้วยชื่อเจสัน·บีเลียลโดยสิ้นเชิง พวกเราถูกมันหลอกเข้าอย่างจัง!” ไอคานส์กล่าวเสียงขรึม
ผู้ปลอบวิญญาณ โซสต์ ถอนหายใจ
“แล้วผู้ขับขานแห่งเทพกำลังไล่ตามใคร? ไม่ใช่เจสัน·บีเลียลหรอกหรือ… เฮ่อ เรื่องนั้นช่างมันก่อน พวกเราต้องรีบตีกรอบตำแหน่งของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายให้แคบลงโดยอาศัยข้อมูลจากภาพเมื่อครู่ จึงค่อยเริ่มวางแผนลงมือ… ผมสงสัยว่าคนร้ายกำลังเตรียมก่อการอุกอาจครั้งใหญ่!”
ขณะเดียวกัน กระจกวิเศษอาโรเดสได้สลายภาพเหตุการณ์พร้อมกับเผยตัวอักษรชุดหนึ่งขึ้นมาแทน
หมายความว่า ถึงคราวเลียวนาร์ด·มิเชลต้องเป็นฝ่ายตอบคำถาม หากโกหกหรือไม่ยอมตอบ บทลงโทษอันรุนแรงกำลังรออยู่
ด้วยเหตุผลบางประการ เลียวนาร์ดเกิดความตึงเครียดสุดขีด ไม่หลงเหลือสีหน้าไม่เอาจริงเอาจังในยามปรกติ สมาธิมัวเพ่งอยู่กับคำถามซึ่งจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจ
หลายวินาทีถัดมา ผิวกระจกเริ่มผุดอักษรสีเลือดขึ้นมาทีละตัว :
“ในร่างกายของเจ้ามี…”
ขณะคำถามดำเนินไปครึ่งทาง ตาดำของเลียวนาร์ดพลันหดเกร็ง กล้ามเนื้อทุกมัดเริ่มสั่นกระตุก เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นกึ่งกลางหน้าผากอย่างมิอาจยับยั้ง
หากไม่เพราะใบหน้าถูกปกปิดโดยกะบังหมวกเหล็ก คนรอบข้างคงสังเกตเห็นความผิดปรกติได้นานแล้ว
ทันใดนั้น มือซ้ายเลียวนาร์ด—ข้างถือกระจกเงาสีเงิน พลันสั่นกระตุกแผ่วในระดับไม่มีใครนอกจากเลียวนาร์ดตระหนักถึง
กระจกเงินโยกเอนเล็กน้อย ตัวอักษรสีเลือดเริ่มมีสีเขียวแซมในลักษณะยากจะมองออก หากไม่เพ่งให้ละเอียดก็ไม่มีทางพบการเปลี่ยนแปลง
อักษรบนกระจกยังคงเขียนต่อไป :
“ในร่างกายของเจ้ามีแผลเป็นซึ่งไม่สามารถบอกกับผู้อื่นได้ใช่ไหม”
“ใช่ครับ…แผลเป็นดังกล่าวฝังลึกในความทรงจำของผมมาสักพักแล้ว” เลียวนาร์ดตอบเสียงเรียบไร้พิรุธ แต่ร่างกายภายในชุดเกราะสีเงินกำลังผ่อนคลายสุดขีด
กระจกบานนี้อันตรายเกินไป…มันพบความผิดปรกติในตัวเรา! โชคดีว่าตาแก่ฟื้นฟูพลังกลับคืนมาแล้วหลายส่วน…
เลียวนาร์ดรำพันด้วยริมฝีปากแห้งผาก
โซสต์ล้วงนาฬิกาพกออกมาเปิดฝาสำรวจ เงยหน้ามองเลียวนาร์ดผู้กำลังสวมชุดเกราะสีเงินเต็มอัตราศึก
“ยังพอมีเวลาเหลือ… เลียวนาร์ด ปฏิบัติการในคราวนี้ ให้เป็นงานของคุณแล้วก็กัน”
“รับทราบ! หัวหน้าโซสต์!” เลียวนาร์ดตอบแข็งขัน แต่ภายในกำลังถอนหายใจยาวสุดปอด
…
เขตอู่ต่อเรือ ย่านท่าเรีอ
เจสัน·แพทริค·บีเลียลกำลังเดินเข้าไปในห้องพักของผู้โดยสาร
มันมองออกไปนอกหน้าต่างและให้ความสนใจกับท้องฟ้าอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ในใจกำลังนับถอยหลังอย่างเงียบงัน
ผ่านไปสักพัก มันรีบถอดหมวกและเสื้อผ้าออกจนหมด ตามด้วยการกระตุกข้อมือเพื่อถอดผิวหนังมนุษย์ผืนใหญ่ออกมา!
ใต้หนังมนุษย์ดังกล่าวเผยให้เห็นหญิงสาวผู้มีใบหน้าเลอโฉม อายุราวสามสิบ ดวงตาลุ่มลึกแฝงความนัย
เธอมิใช่บุรุษเจ้าของดวงตาและเส้นผมสีน้ำตาลซึ่งไคลน์เคยเห็นในนิมิตการทำนาย!
สตรีปริศนานำเสื้อผ้าออกมาสวมอย่างคล่องแคล่ว เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นหญิงงามผู้มากด้วยเสน่หา
จากนั้น เธอนำรูปปั้นแกะสลักทำจากหิน ขนาดเท่ากำปั้น ออกจากกระเป๋าเดินทางหนังใบใหญ่ นำมันมาห่อด้วยหนังมนุษย์ และมัดแน่นจนกลายเป็นเงื่อนตาย
กว่าจะเตรียมการเสร็จ เรือล่องแม่น้ำได้แล่นออกจากท่าเป็นระยะทางไกลพอสมควร หญิงสาวปริศนาเปิดกระจกพร้อมกับโยนหนังมนุษย์ในคราบเจสัน·แพทริค·บีเลียลออกนอกหน้าต่าง ลงไปในแม่น้ำด้านข้างตัวเรือ
จ๋อม!
หนังมนุษย์ซึ่งถูกถ่วงด้วยวัตถุน้ำหนักมาก เริ่มดำดิ่งสู่ก้นแม่น้ำอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวปิดหน้าต่าง ถือกระเป๋าเดินทางหนังเดินออกจากห้องพัก และเข้าไปในอีกห้องหนึ่งซึ่งจองเตรียมไว้ล่วงหน้า
เธอนั่งริมหน้าต่างด้วยสีหน้าร่าเริง นำศอกมาวางบนกรอบหน้าต่าง และเท้าคางชมวิวอย่างสบายใจ
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ หญิงสาวมองเห็นสายลมกระโชกพัดพาผ่าน รุนแรงจนหมอกหนาทึบบนท้องฟ้าเริ่มเจือจาง
มุมปากแดงฉานยกโค้งอย่างมีเลศนัย
…
เขตเชอร์วู้ด ภายในบ้านพักหรูหราซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์
พาลัส·นีแกนเจ้าของดวงตาสีฟ้ากลมโต กางมือสวมกอดภรรยาลับสาวสวยวัยย่างยี่สิบอย่างแนบแน่น
เมื่อทราบข่าวการมาเยือน เธอรีบออกมาต้อนรับด้วยสีหน้าตื่นเต้นแกมไร้เดียงสา
ด้านหลังดยุคนีแกนยังมีบุรุษเดินตามอีกสองคน คนหนึ่งอยู่ในวัยกลางคน สวมสูทหางยาว เส้นผมสีน้ำตาลและดวงตาสีฟ้าอ่อน ใบหน้าไร้อารมณ์
ไม่ใช่ใครนอกจากบอดี้การ์ดส่วนตัวของพาลัส·นีแกนซึ่งทางโบสถ์วายุสลาตันจัดหามาคอยอารักขา ลำดับ 6 ผู้รับใช้วายุ
ส่วนอีกหนึ่งคนคือเลขาส่วนตัว
มันคือชายหนุ่มผมทอง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอ้านสะอ้าน เต็มไปด้วยกลิ่นอายของผู้ดีมีสกุลคล้ายทายาทตระกูลขุนนางใหญ่ ข้อเสียเพียงจุดเดียวก็คือ หน้าผากซึ่งเริ่มเถิกล้านก่อนวัยอันควร
ในส่วนของคนรับใช้และองครักษ์ส่วนตัว ทั้งหมดถูกวางกำลังไว้รอบบ้านพัก
ณ ชั้นสอง ผู้รับใช้วายุเดินนำเข้าไปสำรวจห้องนอนใหญ่เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยให้ดยุคนีแกน ส่วนเลขาคอยสำรวจห้องอื่นในบริเวณใกล้เคียง
เมื่อมั่นใจว่าปลอดอันตราย มันหันมาพยักหน้าให้พาลัส·นีแกนเป็นเชิงเสร็จสิ้น
“กว่าจะเสร็จ ไอ้นั่นของฉันหดหมดแล้ว” นีแกนกล่าวติดตลก
ภรรยาลับกล่าวด้วยสีหน้าร่าเริง
“ถ้าอย่างนั้น ท่านช่วยเล่าประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในทะเลให้ฟังก่อนสิคะ”
“เชื่อฉันเถอะ เธอไม่มีแรงฟังหรอก” ดยุคนีแกนจัดการอุ้มหญิงสาวเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับปิดประตูด้านหลังด้วยส้นเท้า
เลขาส่วนตัวและผู้รับใช้วายุต่างเดินเข้าไปในห้องฝั่งตรงข้าม ไม่มีใครลดระดับการป้องกันลงแม้แต่วินาทีเดียว
ณ ห้องใต้หลังคาของบ้านหลังเดียวกัน
ชายสวมโค้ทตัวใหญ่สีดำสนิทกำลังนั่งบนเก้าอี้สภาพเก่าโทรม ดวงตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครทราบว่ามันกำลังตั้งใจฟังสิ่งใด
พฤติกรรมทั้งหมดมีเพียงการอมยิ้มและส่ายศีรษะเป็นระยะ
เส้นผมหยักศกเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลแผ่กลิ่นอายความเย็นชา ไม่ใช่ใครนอกจากบุรุษในนิมิตทำนายของไคลน์
จุดต่างแตกก็คือ ข้างฝ่าเท้าของมันเหลือกระเป๋าเดินทางหนังเพียงหนึ่งใบ
“หิวกระหายอะไรเช่นนี้ นับเป็นแรงปรารถนาอันน่าทึ่ง…ผิดคาดไปเยอะทีเดียว หืม คงเพราะกินยาบางชนิดช่วยกระตุ้นสินะ…แบบนี้ก็ยิ่งเข้าทางเรา…หึหึ! คงไม่มีใครคาดคิดแน่ ว่าแท้จริงแล้ว เจสัน·แพทริค·บีเลียลจะหมายถึงสองบุคคล…” ชายปริศนาเอียงคอพลางทำสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
“ใกล้แล้ว…ตอนนี้แหละ!”
หมับ! มันกำมือขวาฉับพลัน ราวกับกำลังบีบหัวใจใครบางคนให้แหลกละเอียด
……………………