Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 421 : วัตถุดิบราคาแพง

ราชันเร้นลับ 421 : วัตถุดิบราคาแพง

ประตูหน้าของบ้านเจสัน·แพทริคถูกเปิดเสียงดังโครม เหยี่ยวราตรีหลายคนในโค้ทสีดำรีบวิ่งกรูเข้ามายังด้านใน

ทุกคนแสดงสีหน้าตื่นตระหนกและหวาดระแวง คล้ายกับเตรียมเผชิญหน้าศัตรูสุดแสนทรงพลังในอีกไม่กี่อึดใจ

กึก กึก กึก

ชายสวมชุดเกราะเต็มอัตราศึกสีเงินย่างกรายผ่านกรอบประตูเข้ามา

มองผิวเผินดูเหมือนชุดเกราะตัวนี้มีน้ำหนักมหาศาล ลวดลายเล็กน้อยทั้งหมดสื่อถึงความเก่าแก่โบราณ ช่วงสะพายแล่งจากไหล่ซ้ายจนถึงช่องท้องเปื้อนเปรอะด้วยคราบเลือดแห้งกรังสีแดงเข้ม ลักษณะคล้ายกับไม่มีวันถูกลบออก รอบบริเวณยังมีหยดเลือดสีแดงเกาะติดอีกหลายจุด มอบความวิจิตรพิสดารเกินพรรณนา ดูคล้ายกับการตกแต่งสุดพิเศษอันยากจะลอกเลียนแบบ

ผู้ปลอบวิญญาณ โซสต์ ล้วงนาฬิกาพกออกมาตรวจสอบ

“เปลี่ยน”

เกราะเงินพลันหยุดกึก มือข้างหนึ่งถูกเลื่อนขึ้นมาเปิดกะบังหน้า เผยให้เห็นดวงตาเขียวมรกต ใบหน้าหล่อเหล่า และเส้นผมยุ่งเหยิงแซมเล็กน้อย

“เลียวนาร์ด น้ำร้อนถูกเตรียมไว้แล้วในห้องนอนใหญ่บนทั้งสอง อย่ามัวรีรอเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นได้ไปเข้าเฝ้าองค์เทพธิดาแน่นอน!” โซสต์พูดกระตุ้น

“รับทราบ หัวหน้าโซสต์”

ด้วยความช่วยเหลือจากเหยี่ยวราตรีสองคนรอบตัว เลียวนาร์ด·มีเชลสามารถถอดเกราะเปื้อนเลือดได้ไม่ยากเย็น

มันไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม ไม่มั่วลังเลแม้แต่หนึ่งอึดใจ เลียวนาร์ดรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านโดยยังสวมถุงมือแดงทั้งสองข้าง

มันถอดเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและทิ้งตัวลงไปนอนแช่ในอ่างน้ำร้อนจนมิดร่างกาย ไม่แม้แต่จะนำจมูกโผล่พ้นขึ้นมาหายใจ

ทันใดนั้น ผิวหนังเลียวนาร์ดพลันกลายเป็นสีล็อบสเตอร์ถูกต้ม ตามลำตัวเริ่มผุดเส้นตรงสีเงินลักษณะคล้ายแผลขึ้นมาหลายจุด

เส้นโลหะสีเงินทั่วร่างบรรจงแผ่ออกจากผิวหนังชายหนุ่มทีละนิด ก่อนจะจับตัวเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำร้อนและสลายไป

ผ่านไปไม่ถึงสิบวินาที ฟองผิวน้ำเริ่มเลือนหาย แต่ความเย็นจัดได้จับตัวกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งบาง ผนึกอ่างน้ำร้อนไว้โดยสมบูรณ์

เมื่อเส้นโลหะสีเงินเริ่มสลายตัว เลียวนาร์ดพักหายใจหายคอคล้ายกับมีอาการหอบแดด

จากนั้น มันเอียงคอเล็กน้อยประหนึ่งกำลังฟังเสียงจากใครบางคน จากนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบ

“ตาแก่ พอจะรู้ต้นกำเนิดของ 1-42 ไหม”

เสียงชราดังก้องในหัวอีกฝ่าย

“พักหลัง เจ้าเริ่มไม่มีสัมมาคารวะขึ้นทุกที…ข้าไม่ทราบต้นกำเนิดของขุดเกราะประหลาดตัวดังกล่าว”

โดยไม่รอให้เลียวนาร์ดพูดแทรก มันส่งสุขุมเสียงพลางหัวเราะคิกคัก

“แต่ข้าพอจะทราบว่าใครเป็นเจ้าของเลือดบนชุดเกราะ”

“ใคร?” เลียวนาร์ดรีบซักถาม

เสียงแผ่วเบาของชายชราได้ทำให้ไคลน์เย็นยะเยือกไปถึงกระดูก

“หนึ่งในเทพบรรพกาลก่อนเกิดยุคมหาภัยพิบัติ”

ย่านทิศใต้ของสะพาน ถนนกุหลาบ

ณ วิหารฤดูเก็บเกี่ยว

เมื่อไคลน์ย่างกรายเข้าไป มันได้พบกับหลวงพ่อยูทรอฟสกี้และเอ็มลิน·ไวท์ กำลังนั่งสวดมนต์ในแถวหน้าสุดและรองลงมา ฝ่ามือของทั้งคู่ประสานกันด้านหน้าปากและจมูก

นี่คือท่าสวดมนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของโบสถ์พระแม่ธรณี

ปัจจุบัน สีหน้าแววตาของเอ็มลินทั้งอ่อนโยนและสุภาพจนน่าเหลือเชื่อ ปราศจากร่องรอยความฉุนเฉียวและไม่เต็มใจเหมือนทุกที

มุมปากไคลน์พลันกระตุก ก่อนจะวาดสัญลักษณ์สามเหลี่ยมกึ่งกลางหน้าอกเป็นเชิงอวยพร

ชายหนุ่มนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย รออย่างใจเย็นจนกระทั่งช่วงเวลาสวดมนต์อันยาวนานจบลง จึงค่อยเดินไปนั่งข้างเอ็มลิมและกล่าวพลางฉีกยิ้ม

“ทำไมวันนี้คุณได้ถึงเคร่งศาสนานัก?”

“อะไรนะ?” เอ็มลินพลันสะดุ้งเฮือกและรีบพึมพำลนลานด้วยใบหน้าซีดเซียว

“ข้าทำอะไรลงไป…ข้าทำอะไรลงไป!”

เสียงของมันสั่นเครือราวกับเพิ่งตระหนักการกระทำของตนจนกระทั่งเมื่อครู่

“ก็ไม่เลวร้ายนักหรอก” ไคลน์พูดให้กำลังใจอีกฝ่ายพร้อมกับนั่งลงด้านข้าง

“ถึงข้าจะสัมผัสได้ว่าจิตใจตัวเองไร้แรงต่อต้านจากการชี้นำ…แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากได้ยินจากปากคนอื่นอยู่ดี!” เอ็มลินทำหน้าฉุนเฉียว ก่อนจะกลับมาทำหน้าสลดหดหู่ราวกับเป็นคนละคน “ข้าไม่อยากทรยศดวงจันทร์ ข้าควรทำอย่างไร…”

ไคลน์ไม่ถามเซ้าซี้ในประเด็นอ่อนไหวให้อีกฝ่ายหดหู่ยิ่งกว่าเก่า

“ผีดูดเลือดอย่างพวกนายยังนับถือดวงจันทร์บรรพกาลอยู่ใช่ไหม? หรือนับถือเทพบางตนที่เป็นตัวแทนดวงจันทร์? แล้วพวกท่านใช่ตัวตนเดียวกันไหม?”

“เกือบทั้งหมด” เอ็มลินเชิดคางขึ้น “สำหรับผีดูดเลือดแท้อย่างพวกข้า ทุกคนจะนับถือเหล่าทวยเทพผู้เป็นตัวแทนของดวงจันทร์ทั้งหมด แน่นอน บนโลกนี้มีเทพผู้ครอบครองพลังของดวงจันทร์อยู่ นั่นคือลิลิธ และเธอยังเป็นต้นตระกูลผีดูดเลือดของพวกเราด้วย เป็นหนึ่งในเทพบรรพกาลสุดแสนทรงพลัง…

“แต่เมื่อมนุษย์สามารถกลายมาเป็นผีดูดเลือดได้เช่นกัน พวกมันกลับเลือกจะนับถือดวงจันทร์บรรพกาล จริงอยู่ ถ้าเป็นในยามปรกติ ทั้งสองเทพจะถูกจัดให้มีระดับเท่าเทียม…แต่ในบางเวลาก็ไม่ใช่”

“มนุษย์กลายเป็นผีดูดเลือด?” ไคลน์ไม่ประหลาดใจกับการยอมเปิดเผยชื่อลิลิธ มันกลับให้ความสำคัญในรายละเอียดเล็กน้อยอย่าง : มนุษย์กลายเป็นแวมไพร์ได้อย่างไร!

จะใช่โอสถแวมไพร์ตามคำบอกเล่าของมิสเตอร์อะซิกก่อนหน้านี้หรือไม่ ชายหนุ่มพยายามเค้นสมองนึก

เอ็มลินกล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน

“ถูกต้อง มีอยู่สองประเภท แบบแรก ถูกผีดูดเลือดทำให้เป็น และประเภทสอง ดื่มโอสถดังกล่าวเข้าไป ฝ่ายหลังคือศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลผีดูดเลือดอย่างข้าโดยตรง!”

“ทำไม?” แม้จะถามออกไป แต่ไคลน์ก็พอจะพอจะทราบคำตอบ

เอ็มลินกัดฟันกรอด

“เพราะวัตถุดิบหลักสำหรับปรุงโอสถคือแก่นโลหิตของพวกเรา!”

นั่นปะไร…ไคลน์หันไปจ้องเอ็มลินด้านข้างพร้อมกับก้มมองตั้งแต่หัวจรดเท้า

สายตาชายหนุ่มทำให้เอ็มลินเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วน มันรีบพ่นลมหายใจ

“เจ้าเป็นผู้วิเศษอยู่แล้ว! ไม่มีทางเปลี่ยนเส้นทางได้ตามใจชอบ!”

เปล่าสักหน่อย แค่เพราะว่านี่เป็นครั้งแรก กับการได้เห็นวัตถุดิบโอสถเดินได้…ไม่สิ พูดได้ต่างหาก…แต่ในความเป็นจริง ผู้วิเศษทุกล้วนเป็นวัตถุดิบหลักโอสถเดินได้ทั้งนั้น…

แม้จะกล่าวติดตลก แต่หัวใจไคลน์กับรู้สึกเจ็บแปลบและอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก

เอ็มลินเหลือบไปมองหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ ผู้กำลังบรรจงขัดตราศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตอย่างทะนุถนอม แวมไพร์หนุ่มบีบเสียงให้ค่อยลง

“สำหรับวัตถุดิบตามรายการในคราวก่อนของเจ้า ข้าสามารถหาได้สองชนิด”

“อะไรบ้าง?” ไคลน์ทำหน้าตื่นเต้นไม่ปิดบัง

เอ็มลินตอบอย่างฉะฉานคล่องแคล่ว

“โลหิตและต่อมใต้สมองของนักล่าพันหน้า อย่างแรกมีราคาสองพันปอนด์ ส่วนอย่างหลังราคาสามร้อยปอนด์ต่อหนึ่งร้อยมิลลิลิตร”

สองพันสามร้อย…ไคลน์โพล่ง “ลดหน่อยได้ไหม?”

หลังจากได้รับเงินประกันจากสถานีตำรวจซีซาร์ เงินสดในปัจจุบันของไคลน์จึงมีมูลค่ารวมสูงถึง 2,185 ปอนด์

สำหรับชนชั้นกลางในเมืองหลวง เงินเก็บจำนวนดังกล่าวนับว่ามหาศาล ใครหลายคนคงไม่มีวันออมเงินได้เท่านี้ไปชั่วชีวิต แต่ไคลน์กลับรู้สึกว่ามันยังไม่พอ

“ไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มีข้า ราคาของมันจะสูงไปถึงสองพันแปดร้อยปอนด์ด้วยซ้ำ และเจ้าต้องไม่ลืมค่าดำเนินการของข้าอีกหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ รวมเป็นเงินสดจำนวน 2,450 ปอนด์” เอ็มลินกล่าวพลางส่ายหน้า

คล้ายกับอ่านอารมณ์ไคลน์ออก มันรีบเสริมต่อทันที

“ในยุคปัจจุบัน เผ่าพันธุ์มังกรถูกพบตัวได้ยากมาก ถ้าไม่ใช่ตระกูลเก่าแก่และทรงพลังอย่างผีดูดเลือด ก็แทบหมดโอกาสรวบรวมสิ่งของเหล่านี้ หรือต่อให้มีขายตามท้องตลาด แต่ราคาย่อมสูงกว่าของข้าแน่นอน”

เรายังขาดอีก 265 ปอนด์…อุตส่าห์เก็บเงินก้อนใหญ่อย่างยากลำบาก แถมยังเตรียมใจสูญมันทั้งหมดในคราวเดียวไว้แล้ว แต่สุดท้ายกลับยังไม่พออีกหรือ…ได้แต่หวังให้มิสเตอร์แฮงแมนขายตะกอนพลังมนุษย์หมาป่าออกโดยเร็ว…

นอกจากนั้น เรายังขาดตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์และเส้นผมนากาทะเลลึกด้วย แน่นอน ราคาคงไม่ด้อยไปกว่ากัน…

เราไม่มีทางทราบสถานการณ์ทางฝั่งเดอะซันน้อยได้เลย เขากำลังอยู่ในช่วงประพฤติตัวให้ปราศจากพิรุธ สงสัยคงต้องให้จ่ายหนี้ด้วยวิธีการลบ ‘การกัดกร่อนจิต’ ออกจากตะกอนพลังของผู้วิเศษคลุ้มคลั่ง ผลลัพธ์แบบนี้คงปลอดภัยกับทุกฝ่าย…

ขณะไคลน์ขบคิดหลายเรื่อง แสงสว่างรอบตัวเริ่มมืดสลัว

มันสูดลมหายใจเต็มปอดและพยักหน้า

“ตกลง แต่การแลกเปลี่ยนคงต้องเลื่อนออกไปก่อนสักพักใหญ่ เพราะผมดันไปมีเรื่องกับบุคคลแข็งแกร่งมา จึงกำลังอยู่ในความคุ้มครองจากหน่วยพิเศษของทางการ คุณคงไม่อยากให้คนขายถูกจับขังไว้ในห้องใต้ดินของวิหารใช่ไหม”

ขณะเดียวกันก็มีโอกาสให้เราหาเงิน…

เงินจำนวนมาก…ไคลน์เงยหน้าเล็กน้อย สายตาจ้องมองโดมสูงของวิหารฤดูเก็บเกี่ยว

“หน่วยพิเศษของทางการ?” เอ็มลิน·ไวท์พลันสะดุ้งพร้อมกับรีบมองไปรอบตัว

ไคลน์ชำเลืองและอธิบาย

“ไม่ต้องกังวลไป ปัจจุบัน คุณเป็นนักบวชของโบสถ์พระแม่ธรณี มีตัวตนถูกต้องตามกฎหมาย และเหนือสิ่งอื่นใด คุณยังมีหลวงพ่อยูทรอฟสกี้คอยปกป้อง”

“ข้าไม่ได้เป็นนักบวช” ถ้อยคำเอ็มลินเริ่มปราศจากเรี่ยวแรง

มันก้มหน้าตรึกตรองและตัดสินใจถาม

“หน่วยพิเศษของทางการมีพลังสำหรับรักษาการชี้นำทางจิตไหม?”

“ก็อาจจะมี…” ไคลน์เกือบหลุดขำเสียงดัง “แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณคงไม่แคล้วต้องเปลี่ยนศาสนาอยู่ดี หากไม่ใช่เทพธิดารัตติกาล ก็คงเทพจักรกลไอน้ำ หรือไม่ก็เทพวายุสลาตัน

“แน่นอน คุณสามารถเลือกบรรจุเข้าหน่วยของกองทัพได้เช่นกัน แต่อาจถูกส่งตัวไปทำภารกิจกลางทะเลด้วยการปลอมตัวหลอกล่อแม่หม้ายขุนนางใหญ่”

“ข้าชื่นชอบตุ๊กตาและหญิงสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องมากกว่า!” เอ็มลินรีบเน้นย้ำรสนิยมของตัวเอง

เราสามารถบอกได้ว่า หัวใจเขาเต้นแรงกว่าปรกติเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น…

ไคลน์รีบเปลี่ยนความกระชับของบทสนทนาการด้วยการเริ่มหัวข้อใหม่

“คุณรู้จักสมาชิกตระกูลบีเลียลไหม”

“บีเลียล? ตระกูลเสียสติของกลุ่มคนบูชาปีศาจนั่นใช่ใช่ไหม? ไม่มีทาง! พวกมันไม่ต่างอะไรกับปีศาจเสียเอง!” เอ็มลินเริ่มโพล่งอย่างลนลาน “เจ้าจะตามหาพวกมันไปทำไม!”

ไคลน์กล่าวอย่างจนปัญญา

“การสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องของผมได้ทำให้หนึ่งในพวกมันโกรธเข้า อีกฝ่ายมีชื่อว่าเจสัน·แพทริค·บีเลียล รบกวนช่วยผมหาแหล่งกบดานของมันจากเครือข่ายข่าวสารของคุณ หากมีข้อมูลสำคัญ ผมยินดีจ่ายให้อย่างงาม ขึ้นอยู่กับความสำคัญของเนื้อหา”

แน่นอน ค่าใช้จ่ายตรงนี้จะถูกเบิกกับเหยี่ยวราตรี จิตแห่งจักรกล และกองทัพ…

ไคลน์ครุ่นคิดอย่างมีความสุข

เอ็มลินพยักหน้ารับ

“ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้ากล้ายั่วยุปีศาจ…ห้ามรีบร้อนวางแผนจัดการกับมัน ปีศาจสามารถตระหนักถึงอันตรายและรีบหนีไปก่อนเจ้าจะได้ลงมือกระทำสิ่งใด บางที มันอาจชิงลงมือจู่โจมใส่เจ้าก่อน”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ทางผมมีหน่วยพิเศษคอยคุ้มครอง” ไคลน์ตอบเสียงเรียบ

เอ็มลินเงียบงันหลายวินาที

“เข้าใจแล้ว ข้าจะลองช่วยสืบให้ แต่ค่าสละเวลาขั้นต่ำคือยี่สิบปอนด์เข้าใจไหม!”

เมื่อฝากฝังเสร็จ ไคลน์ไม่เอ้อระเหยอยู่ในวิหารนานหนัก มันย่างกรายออกมาข้างนอกด้วยหัวสมองครุ่นคิด

คำถามมากมายแล่นผ่านไปผ่านมา :

เราจะหาเงินด้วยวิธีใดได้บ้าง…

หนังสือเล่มใหม่ของมิสเมจิกเชี่ยนใกล้วางแผงแล้ว ในเมื่อมีผู้อ่านรอคอยเป็นจำนวนมาก เธอคงได้รับเงินก้อนแรกพอสมควร หรือเราควรเสนอขายสูตรโอสถโหราจารย์ให้เลย? แต่จวบจนปัจจุบัน ดูเหมือนเธอจะยังรวบรวมวัตถุดิบของโอสถนักตุกติกไม่ครบด้วยซ้ำ…

มิสจัสติสเข้าร่วมสมาคมแปรจิตแล้ว เราไม่มีสูตรโอสถใดไปขายเธอ…ขายความรู้?

ตะกอนพลังมนุษย์หมาป่าคงมีค่าไม่สูงไปกว่าหนึ่งพันสามร้อยปอนด์หรืออาจน้อยกว่านั้น…หรือควรนำไปสร้างสมบัติวิเศษ? หรือควรดึงเอ็มลินขึ้นมายังห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา และเก็บค่า ‘รักษา’ อาการทางจิต…

หืม… เจสัน·บีเลียลคงต้องพกเงิน อัญมณีราคาแพง และโลหะมูลค่าสูงติดตัวไปด้วยเป็นจำนวนมาก บางที นั่นอาจเป็นช่องทางให้เราแบ่งเงินรางวัลค่าหัว

ขณะปล่อยความคิดล่องลอย ไคลน์พบว่าตัวเองกำลังเดินท่ามกลางหมอกหนาทึบและท้องฟ้ามืดครึ้มของยามราตรีกรุงเบ็คลันด์

มันถอนหายใจและตัดพ้อ

“ทำไมเราถึงได้จนแบบนี้….”

เมื่อกลับถึงบ้านเลขที่ 15 ถนนมินส์ ไคลน์เดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับหนังสือพิมพ์ปึกใหญ่ในมือ บอกใบ้เป็นนัยว่า หลังจากนี้จะเป็นการต่อสู้อันยาวนานภายในห้องน้ำ

ชายหนุ่มเตรียมทำนายถามหาแหล่งกบดานปัจจุบันของเจสัน·บีเลียล ผ่านผ้าเช็ดหน้าซึ่งมันเคยใช้ประกอบพิธีกรรม

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset