Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 410 : ฟามี่·เคจ

ราชันเร้นลับ 410 : ฟามี่·เคจ

เขตนักบุญจอร์จ ถนนซาร์จ

ขณะไคลน์และเยอร์เก้นเดินลงจากห้องโดยสารรถม้าเช่า ชายหนุ่มสังเกตเห็นวัตถุขนาดใหญ่กำลังจอดหน้าบ้านเลพเพิร์ด

สีดำเหล็ก ด้านล่างมีล้อหลายคู่ ล้อแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ ด้านบนมีปล่องไฟคล้ายเรือโดยสาร พ่นควันขาวอมเทาออกมาเป็นระยะ

มันคือเครื่องจักรไอน้ำขนาดมหึมา ไคลน์มักได้เห็นและได้อ่านคำอธิบายจากนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์เท่านั้น หาใช่บนท้องถนน เครื่องยนต์ใหญ่โตเทอะทะเช่นนี้ ส่วนมากมักถูกพูดถึงในแง่การนำมาใช้กับเรือรบหุ้มเกราะรุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพเรือเสียมากกว่า

หากไม่เพราะมีการสร้างถนนใหม่หรือบูรณะในรอบยี่สิบสามสิบปีก่อน ยานพาหนะชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่จนคับถนน ชนิดไม่เหลือช่องว่างสำหรับให้รถม้าวิ่งสวน ด้วยเหตุผลข้างต้น การพบเห็นรถยนต์ขับเคลื่อนพลังไอน้ำบนท้องถนนจึงแทบไม่เกิดขึ้น

ทันใดนั้น ประตูบานใหญ่และติดกระจกหนาพลันเปิดออก สุภาพบุรุษสองคนย่างกรายลงมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย

หนึ่งในนั้นคือนักธุรกิจคนดังแห่งวงการจักรกลไอน้ำ ฟามี่·เคจ ซึ่งไคลน์เคยพบปะพูดคุยมาแล้วหลายหน เคจสืบสายเลือดฟุซัคมาหนึ่งส่วนสี่ จึงมีรูปร่างสูงโปร่ง กำยำ ดวงตาฟ้าอ่อน และชื่นชอบการสูบไปป์

บุคคลด้านข้างฟามี่มาในชุดเสื้อโค้ทสีดำตัวหนา รอบคอพันด้วยผ้าสีเทาผืนใหญ่ รูปลักษณ์ดาษดื่น ปราศจากจุดเด่น เส้นผมสีดำขลับ ดวงตาสีน้ำตาล แต่กลิ่นอายรอบตัวกลับมอบความเป็นมิตรอย่างน่าประหลาด

“สวัสดี นักสืบโมเรียตี้ ยังคงตรงเวลาเหมือนเคย ขอแนะนำให้รู้จัก ทางนี้คือนักกฎหมายและหุ้นส่วนของผม ปาเชโก้·ดอว์น”

ขณะสนทนา บุรุษกำยำสูงใหญ่สองคนก้าวลงจากยานพาหนะหุ้มเหล็กด้วยประตูคนละบานกับสองคนแรก ไม่ใช่ใครนอกจากบอดี้การ์ดส่วนตัวของฟามี่·เคจ

มืออาชีพเขาทำกันแบบนี้หรือ? ไม่ใช่ว่าบอดี้การ์ดควรเดินลงมาก่อน และอ้อมมาเปิดประตูให้เจ้านาย?

ไคลน์ตำหนิในใจ พลางเผยรอยยิ้มและแนะนำนักกฎหมายของตน เยอร์เก้น·คูเปอร์

ขณะรอให้เลพเพิร์ดเปิดประตู ทั้งสองพูดคุยทักทายกันตามประสา

“มิสเตอร์เคจ ยานพาหนะพลังไอน้ำเริ่มได้รับความนิยมเป็นวงกว้างบ้างหรือยัง?”

ฟามี่·เคจยิ้ม

“สำหรับคนมีเงิน ส่วนมากมักมองว่ารูปลักษณ์ของมันป่าเถื่อนเกินไป และสำหรับคนไม่มีเงิน พวกเขาไม่สามารถหาซื้อได้ สรุปได้ว่า มีเพียงนักธุรกิจคลั่งเครื่องจักรอย่างผม จึงจะตัดสินใจลงทุนกับมัน”

“อาจเป็นเพราะว่า ถนนคับแคบเกินไป”

ไคลน์พยายามมองโลกแง่ดี

สำหรับฟามี่·เคจ ชายหนุ่มใช้เส้นสายส่วนตัวหามาเอง ไม่เกี่ยวกับเลพเพิร์ด

ขณะกำลังเล่นไพ่ในสโมสรครักซ์ ไคลน์กล่าวถึงสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยไม่คาดหวังอะไรมากนัก แต่ครูสอนขี่ม้า ทาลิม กลับระบุว่าเจ้าพ่อแห่งวงการไอน้ำประจำเบ็คลันด์ ฟามี่·เคจ ชื่นชอบในการลงทุนสิ่งประดิษฐ์ชนิดใหม่ จึงทำตัวเป็นสื่อกลางให้ไคลน์และเคจได้พบกัน

ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ภายในใจกำลังคิดว่า การมีเส้นทางทางธุรกิจช่างดีเหลือเกิน โดยเฉพาะการเข้าเป็นสมาชิกสโมสรใหญ่

เข้าใจแล้วว่าทำไม หลายต่อหลายคนจึงมิได้เข้าร่วมสโมสรเพียงเพื่อต้องการอาหาร เครื่องดื่ม และมุมสันทนาการฟรี…

“ฮะฮะ! คงเป็นเช่นนั้น แต่ยิ่งเมืองใหญ่เจริญก้าวหน้าไปพร้อมเทคโนโลยีเร็วเท่าไร อีกไม่นานรถม้าก็จะสาบสูญตลอดกาล พวกมันทำความเร็วได้น้อยเกินไป โลกนี้กำลังต้องการประสิทธิภาพ!”

ฟามี่กล่าวอย่างมั่นใจ ตามด้วยรอยยิ้ม

“แล้วก็ ผมได้รับคำสั่งมาจากกองทัพ พวกเขาต้องการให้ช่วยพัฒนายานพาหนะโดยอาศัยพิมพ์เขียวของโรซายล์เป็นต้นแบบ ตัวอย่างเช่น การเสริมแผ่นโลหะกันกระสุน ทำล้อสายพานสำหรับวิ่งทุกพื้นผิว หรือการติดกระบอกปืนใหญ่ เพื่อให้กลายเป็นยุทโธปกรณ์ภาคพื้นดินชนิดใหม่ของกองทัพ”

พิมพ์เขียวของโรซายล์…?

อยากจะขำให้ฟันร่วง… ไคลน์ถอนหายใจยาวอย่างหมดคำจะกล่าว บรรยากาศเงียบงันเช่นนั้นสักพัก จนกระทั่งเลพเพิร์ดเปิดประตูบ้านออกมา

เมื่อการหารือดำเนินไป ผู้ดำเนินการเจรจาเหลือเพียงนักกฎหมายเยอร์เก้นและปาเชโก้ พวกเขาต่างเป็นปากเสียงให้ลูกค้าของตัวเองอย่างสุดฝีมือ ในทางกลับกัน เลพเพิร์ด ผู้ไม่สันทัดเรื่องสัญญาแม้แต่น้อย ทำได้เพียงนั่งฟังด้วยสีหน้าเหม่อลอย แต่ก็มอบคำตอบเป็นระยะเมื่อถูกสองทนายซักถามความคิดเห็น

จนกระทั่ง ทั้งสามฝ่ายบรรลุข้อตกลงร่วมกันว่า ฟามี่·เคจจะขอร่วมลงทุนหนึ่งพันปอนด์เพื่อแลกกับหุ้นบริษัทยี่สิบเปอร์เซ็นต์ส่งผลให้อัตราส่วนหุ้นของไคลน์และเลพเพิร์ดตกไปเป็นยี่สิบแปดกับห้าสิบสองเปอร์เซ็นต์ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน ฟามี่ได้ขอซื้อหุ้นของไคลน์เพิ่มอีกสิบแปดเปอร์เซ็นต์จากเดิม ในราคาหนึ่งพันปอนด์หลังหักภาษี

ไม่เพียงเท่านั้น มันยังขอซื้อหุ้นอีกเก้าเปอร์เซ็นต์ของเลพเพิร์ดในราคาห้าร้อยปอนด์หลังหักภาษีด้วยเช่นกัน

เป็นเหตุให้ เมื่อการเจรจาจบลง ฟามี่·เคจจะมีหุ้นในบริษัทจักรยานรุ่นใหม่ล่าสุดสูงเป็นอันดับหนึ่งด้วยตัวเลขสี่สิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์โดยฟามี่ต้องดำเนินการด้านอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงเป็นผู้ออกเงินลงทุนการผลิตเริ่มต้นจำนวนหนึ่งพันปอนด์

เลพเพิร์ดกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสอง งานของมันคือการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนสำหรับประกอบจักรยาน ก่อนจะนำไปให้โรงงานอุตสาหกรรมแยกผลิต

ส่งผลให้มิสเตอร์ไคลน์ เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ ผู้เหลือหุ้นเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัท กลายเป็นนักลงทุนเต็มตัวและไม่ต้องยุ่งเกี่ยวด้านการผลิตอีกเลย

หนึ่งพันปอนด์จากการขายหุ่นในวันนี้ ทำให้ไคลน์มีเงินเก็บมากถึง 2,235 ปอนด์ เพียงพอสำหรับซื้อวัตถุดิบหลักโอสถลำดับ 6 ได้หนึ่งชั้น อย่างไรก็ตาม มันยังต้องทำงานในฐานะนักสืบเอกชนต่อไป เพื่อไม่ให้ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไปกระทบกับเงินออม

ไม่เพียงเท่านั้น เรายังต้องจ่ายเงินห้าสิบปอนด์ให้เยอร์เก้นเพื่อเป็นค่าดำเนินการ ทำให้เงินออมแท้จริงเหลือเพียง 2,185 ปอนด์…

ถ้ามีโอกาสได้พบทาลิมคราวหน้า ต้องขอบคุณเขาให้มาก…

ขณะใช้สมองตรึกตรอง ไคลน์ตัดสินใจจรดปากกาลงนามในเอกสารสัญญาการขายหุ้นสิบแปดเปอร์เซ็นต์ของตนให้ฟามี่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเหยียดแขนออกไปเพื่อขอจับมือกับฟามี่และเลพเพิร์ดตามมารยาท

“ขอให้ทุกสิ่งผ่านไปด้วยดี”

หลังจับมือเสร็จ ฟามี่หยิบนาฬิกาพกสีทองออกมาเปิดฝาตรวจสอบ ก่อนจะเผยรอยยิ้ม

“ตามธรรมเนียม พวกเราต้องรับประทานอาหารด้วยกันเพื่อเป็นการฉลองความร่วมมือทางธุรกิจ เพียงแต่ ผมได้นัดกับบุคคลสำคัญไว้แล้ว ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมเชื่อว่า พวกเราคงมีโอกาสอีกมากในอนาคต”

บุคคลสำคัญ… อีกแล้วหรือ?

จะใช่คนเดียวกับทาลิมไหม? บุคคลสำคัญผู้คอยให้เราเบิกเงินได้เรื่อยๆ เพื่อแลกกับข่าวลือของชุมนุมแสงเหนือ…

ขณะเกิดความคิด ไคลน์รู้สึกผิดเล็กน้อย พลางส่งยิ้มให้ฟามี่เป็นนัยว่าตนไม่ถือสา

หลังจากออกจากบ้านเลพเพิร์ดและกลับขึ้นรถม้าเช่า เยอร์เก้นขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เชอร์ล็อก คุณรีบร้อนเกินไป”

“หมายความว่ายังไง?” ไคลน์ซักถามฉงน

มันไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเยอร์เก้นกำลังพูดถึงประเด็นไหน

เยอร์เก้นกล่าวเสียงขรึม

“ผมกำลังหมายถึง คุณด่วนขายหุ้นในส่วนของตัวเองเร็วเกินไป จากคำอธิบายของคุณ และจากฝีมือการบริหารของฟามี่ ผมเชื่อว่าธุรกิจจักรยานรุ่นใหม่จะรุ่งเรืองอย่างมากในอนาคต จริงอยู่ ปัจจุบันอาจเป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ ทำให้มูลค่าของหุ้นยังน้อยเกินจริง แต่ถ้าคุณรักษาส่วนแบ่งของตัวเองได้มากกว่านี้ วันหน้าข้างจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ หลังจากคุณและเลพเพิร์ดแบ่งให้ฟามียี่สิบเปอร์เซ็นต์ผมคิดว่าคุณจะยอมขายหุ้นของตัวเองเพียงแปดเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ด้วยตัวเลขดังกล่าว ผมสามารถเจรจาให้ได้ในราคาห้าร้อยปอนด์ และเมื่อคุณยังเหลือหุ้นมากถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ในอนาคต มันจะตอบแทนกลับคืนมาเป็นหลายสิบเท่าแน่นอน ดังนั้น ผมจึงคิดว่าคุณรีบร้อนขายหุ้นของตัวเองเกินไป”

สหาย เพราะผมร้อนเงินยังไงล่ะ…

แต่จะว่าไป คำพูดของเยอร์เก้นก็ไม่ผิดนัก เงินจำนวนมากขนาดนั้น เรากลับตัดสินใจโดยไม่ลังเล เรื่องนี้ค่อนข้างผิดปรกติ…

ไคลน์นึกทบทวนการกระทำตัวเอง ก่อนจะผุดข้อสันนิษฐานใหม่

แปลว่าเราถูกพลังพิเศษของฟามี่หรือนักกฎหมายปาเชโก้ครอบงำจิตใจ? หนึ่งในพวกเขาเป็นผู้วิเศษ? แต่โชคยังดี ราคาซื้อขายค่อนข้างสมเหตุสมผล…

หลังจากก้มหน้าตรึกตรอง ไคลน์เงยหน้าและยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะมอบคำตอบ

“เพราะปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว…”

ชายหนุ่มจนปัญญาจะอธิบาย จึงตัดสินใจตอบอย่างคลุมเครือด้วยประโยคปลายเปิด

หากอีกฝ่ายเฉลียวฉลาด เขาก็จะคิดหาเหตุผลอันเหมาะสมได้ด้วยตัวเอง ไคลน์ไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองประดิษฐ์คำโกหกเลยสักนิด

แน่นอน เทคนิคข้างต้นใช้ได้เฉพาะกับคนฉลาดเท่านั้น หากอีกฝ่ายมีสมองธรรมดาหรือค่อนไปทางซื่อบื้อ ก็คงย้อนถามกลับมาด้วยคำถามว่า ‘แล้วไง?’ หรือ ‘จะมีอะไรเกิดขึ้น?’

แน่นอน นักกฎหมายเยอร์เก้นฉลาดหลักแหลม เมื่อเห็นไคลน์ตอบเสร็จและเงียบไป มันพยักหน้ากับตัวเองเล็กน้อย :

“เข้าใจแล้ว…”

เข้าใจอะไร? สหาย นายเข้าใจอะไร! แม้แต่ฉันยังไม่เข้าใจตัวเอง…

ไคลน์อมยิ้มพลางชี้ไปทางสถานีรถไฟใต้ดินด้านหน้า

“ผมขอลงตรงนี้ มีนัดพบกับสายข่าว”

ขณะยานพาหนะพลังไอน้ำกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วน่าพึงพอใจ ฟามี่ ผู้นั่งในตำแหน่งเบาะหน้าข้างคนขับ ลดกระจกลงและพ่นวงควันบุหรี่สีเทาออกไป

จากนั้นก็หันกลับมาซักถามปาเชโก้ นักกฎหมายผู้มีหน้าตาจืดชืดและไม่โดดเด่น

“เมื่อครู่ คุณได้ใช้พลังพิเศษหรือไม่”

“พลังของผมทำงานอัตโนมัติ” ปาเชโก้กล่าวพลางยิ้ม “แต่ว่ากันตามตรง พลังของผมไม่ค่อยเหมาะกับสถานการณ์แบบเมื่อครู่สักเท่าไร ควรถูกนำไปใช้กับรัฐบาลหรือเหล่าพนักงานในองค์กรใหญ่มากกว่า”

ฟามี่พยักหน้าแผ่วเบา

“ผมขอเตือนคุณไว้ก่อน ห้ามใช้พลังส่งเดชเด็ดขาด อย่าให้มันไปกระทบกับงานใหญ่ของเราได้”

“เข้าใจแล้วครับ” ปาเชโก้ตอบเสียงต่ำ

เขตตะวันออก ภายในร้านกาแฟราคาถูก

เมื่อไคลน์มาถึง เฒ่าโคห์เลอร์ได้นั่งรออยู่ในร้านก่อนแล้ว

ชายหนุ่มถอดผ้าพันคอ ถอดหมวก นั่งลงฝั่งตรงข้าม และยื่นธนบัตรหนึ่งซูลปึกใหญ่ให้อีกฝ่าย

“นี่คือค่าใช้จ่ายล่วงหน้าของสัปดาห์ถัดไป ขณะเดียวกันก็เป็นโบนัสค่าข้อมูลจากสัปดาห์ก่อน ทั้งหมดหนึ่งปอนด์ถ้วน”

ไคลน์ใจป้ำเป็นพิเศษ เพราะมีผู้สนับสนุนคนคอยให้เบิกค่าใช้จ่ายได้ไม่จำกัด

ใบหน้าเฒ่าโคห์เลอร์แดงก่ำผิดปรกติ มันรับเงินสดไปด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน

“ข้อมูลของผมไม่ได้มีราคามากมายขนาดนี้สักหน่อย…”

“ผิดแล้ว มูลค่าของข่าวขึ้นอยู่กับผู้นำไปใช้งาน คุณอาจมองว่าไม่สำคัญ แต่ใครบางคนกลับทำเงินมหาศาลจากมัน” ไคลน์อธิบายพลางยิ้มอ่อนโยน “มีข่าวใหม่บ้างใหม่”

เฒ่าโคห์เลอร์ยัดปึกธนบัตรใส่กระเป๋าเสื้อ ตามการด้วยก้มหน้าครุ่นคิด

“เหมือนสัปดาห์ก่อนหน้า ผู้คนจำนวนมากยังคงตามหาสาวกของเดอะฟูลอย่างบ้าคลั่ง ฮะฮะ! ตลกชะมัด โลกนี้มีใครโง่พอจะนับถือตัวตนนามเดอะฟูลด้วยหรือ? แค่ชื่อก็ไม่เป็นมงคลแล้ว”

“…” มุมปากไคลน์กระตุกระรัว

“แล้วพวกมันมีความคืบหน้าบ้างไหม”

ชุมนุมแสงเหนือดื้อด้านชะมัด… ไคลน์รำพันอย่างเหนื่อยหน่าย

“ไม่เลย ไม่แม้แต่คนเดียว” เฒ่าโคห์เลอร์ส่ายศีรษะหนักแน่น “คนงานบางกลุ่มกำลังเตรียมหยุดงานประท้วง พวกเขาเดินมาบอกกับผมราวสองสามหนว่า กลุ่มของเขากำลังต่อสู้เพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนงานดีขึ้น”

เป็นเรื่องปรกติของยุคสมัยนี้ แต่ส่วนใหญ่มักมีจุดจบไม่สวยเสมอ… ไคลน์ตรึกตรอง ตามด้วยการตักเตือน

“คอยจับตามองกลุ่มแกนนำประท้วงให้มากเป็นพิเศษ แต่ห้ามล้ำเส้น ห้ามนำตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตราย ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง”

“ตกลง” โคห์เลอร์กระแอม เล่าต่อ

“ในระยะหลัง กลุ่มอันธพาลและนักล่าค่าหัวจำนวนมากกำลังตามหาบุคคลผู้หนึ่ง ผมเองก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด แต่เดาว่าเขาคงถูกตั้งค่าหัวไว้มากเป็นพิเศษ”

“มองหาใคร?” เมื่อร่างกายเริ่มสัมผัสไอความหนาว ไคลน์จิบกาแฟเพื่อให้ตัวอุ่น

ของเหลวอุณหภูมิสูงไหลผ่านหลอดอาหารและลงไปมอบความอบอุ่นให้กระเพาะ

เฒ่าโคห์เลอร์นั่งนึกสักพัก

“เป็นผู้ชาย ชื่ออะซิก·อายเกส”

อะซิก·อายเกส…? ไคลน์พลันเงยหน้าจากถ้วยกาแฟและจ้องโคห์เลอร์ฝั่งตรงข้ามเขม็ง

นั่นชื่อจริงของมิสเตอร์อะซิกไม่ใช่หรือ? แล้วใครเป็นคนตั้งค่าหัว? อินซ์·แซงวิลล์?

ชายหนุ่มต้องอาศัยพลังตัวตลก เพื่อช่วยควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้ามิให้แปรเปลี่ยน

“พวกเขาได้อธิบายเพิ่มเติมไหม?”

โคห์เลอร์พยักหน้ารับ

“สืบเชื้อสายไบลัม เคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมาก่อน”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset