“เดอะฟูล?”
ผู้วิเศษของชุมนุมลับมิสเตอร์ A ต่างพากันทวนคำซ้ำหรือไม่ก็หันไปสนทนากับพวกพ้องด้านข้าง เผื่อว่าเคยมีใครพบเจอผู้ศรัทธาของบุคคลลึกลับนามเดอะฟูล
“มีลัทธิมารชื่อนี้ด้วยหรือ?”
ใครบางคนถามเสียงต่ำ
ขณะเดียวกัน มิสเตอร์ A ส่งสัญญาณบอกให้ผู้ช่วยด้านข้าง ยกแผ่นกระดานดำเขียนถ้อยคำภาษาโลเอ็นสามวรรคขึ้นมาตั้ง
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”
หลังจากร่วมชุมนุมเงยหน้ามองแผ่นกระดานและคุยกันเองสักพัก มิสเตอร์ A เปล่งเสียงสากและแหบพร่า
“่ห้ามเขียนหรืออ่านสิ่งนี้ด้วยภาษาเฮอร์มิสเด็ดขาด ยิ่งภาษาคนยักษ์ มังกร เอลฟ์ และเฮอร์มิสโบราณยิ่งห้าม! พวกเจ้าไม่ควรคัดลอกถ้อยคำนี้ด้วยประการทั้งปวง มิฉะนั้น ข้าไม่รับรองความปลอดภัย”
“จงช่วยข้าตามหาผู้ศรัทธาของเดอะฟูล แน่นอน อีกฝ่ายอาจโด่งดังในนามราชันเหลืองดำ หรือผู้ปกครองเหนือห้วงสายหมอกเทาก็ได้เช่นกัน ถ้าใครพบเบาะแสให้รีบแจ้งเข้ามาทันที ขอรับประกันว่ารางวัลคราวนี้มหาศาลจนคาดไม่ถึง!”
“คำอธิบายเช่นนี้… ฟังดูเหมือนกับตัวตนอันสูงส่งไม่มีผิด นอกจากพระนามเต็มของเหล่าเจ็ดเทพจารีต ฉันก็ไม่เคยได้ยินใครใช้ชื่อแบบนี้มาก่อน” หนึ่งในสมาชิกโพล่งขึ้น
พวกพ้องด้านข้างส่ายหัว
“ใครว่าล่ะ ศาสดาของพวกลัทธิมารล้วนมีชื่อแบบนี้ทั้งหมด”
“นั่นคือลัทธิมารหรือ” สมาชิกชุมนุมคนอื่นพลันประหลาดใจเมื่อได้ยินบทสนทนา
“น่าจะใช่ เพราะตามปรกติ การอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณจะต้องเรียกขานด้วยชื่อเต็มสามประโยค และส่วนใหญ่จะมีท่อนกำกับว่าเป็น ‘ผู้รับใช้ของใคร’ หรือ ‘อยู่ในสังกัดเทพองค์ใด’ แต่ชื่อเต็มของเดอะฟูลดูเหมือนจะไม่มีอะไรแบบนั้น จึงน่าจะเป็นศาสดาของลัทธิมาร” สมาชิกผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์เร้นลับเริ่มอธิบาย
ขณะบทสนทนากำลังเข้มข้น ฟอร์สทำเพียงนั่งฟังอย่างตกตะลึงภายใน
นั่นคือพระนามเต็มอันสูงส่งของมิสเตอร์ฟูลไม่ใช่หรือ? ถึงจะถูกเขียนด้วยภาษาโลเอ็น แต่เราไม่มีทางลืมแน่! แล้วทำไมมิสเตอร์ A ถึงตามล่าผู้ศรัทธาของเดอะฟูล? ชุมนุมแสงเหนืออยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?
สมองฟอร์สกำลังประมวลผลด่วนจี๋
เธอทราบดี มิสเตอร์ A คือหนึ่งในสมาชิกชุมนุมแสงเหนือ เพราะในคดีสังหารราชทูตเบเคอลันด์แห่งอินทิส ‘กลุ่มก่อการร้าย’ นามชุมนุมแสงเหนือได้อ้างตัวเป็นผู้ลงมือ
เมื่อเริ่มได้สติกลับมา ฟอร์สทำการสำรวจตัวเองว่ามีความผิดปรกติภายนอกหรือไม่ กังวลว่าคนรอบตัวอาจจับพิรุธเรื่องเธอคือหนึ่งในสมาชิกชุมนุมทาโรต์ เพราะนั่นจะไม่ต่างอะไรกับผู้ศรัทธาของเดอะฟูล
เราแค่อ่านพระนามเต็มของเดอะฟูลเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณบนแผ่นกระดาษปริศนา จากนั้นก็ถูกมิสเตอร์ฟูลดึงเข้าไปในห้วงมิติเหนือสายหมอก… ไม่มีใครทราบเรื่องนี้แน่… ฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก…
ถ้าจำไม่ผิด เศษกระดาษแผ่นนั้นถูกซ่อนอยู่ในหนังสือซึ่งยืมมาจากไวเคาต์กายลิน…
ฟอร์สเริ่มเค้นสมองนึก
เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย… เราเคยอ่านข้อความเหล่านี้บนเศษกระดาษ! และหลังจากนั้นก็เกิดฝันร้ายทันที!
ซิลไม่มีวันลืมเลือนประสบการณ์ชวนขนหัวลุกในอดีต แต่ด้วยสัญชาตญาณของนักล่าค่าหัว หญิงสาวร่างเล็กยังคงฉาบความสุขุมไว้ภายนอก ไม่เผยท่าทีผิดปรกติให้ใครเห็น
ทันใดนั้น ในลักษณะเดียวกับฟอร์ส ซิลเริ่มฉุกคิดถึงต้นตอเศษกระดาษแผ่นดังกล่าว
มันถูกซ่อนไว้ในปกหนังสือ ‘ประวัติศาสตร์ขุนนางโลเอ็น’ ซึ่งยืมมาจากไวเคาต์กายลิน…
เมื่อความคิดเช่นนี้เริ่มผุดขึ้นในหัวสองสาว ซิลและฟอร์สต่างหันไปจ้องกายลินโดยมิได้นัดหมาย
ขณะเดียวกัน กายลินกำลังเงยหน้ามองกระดานดำพลางพึมพำด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“หืม… ไม่เคยได้ยินชื่อเต็มแบบนี้มาก่อน แต่ฟังดูเจ๋งชะมัด!”
เมื่อกล่าวจบ มันหันกลับมามองด้านข้างด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“พวกคุณจ้องผมทำไม?”
“เปล่า” ซิลและฟอร์สส่ายศีรษะพร้อมกัน
…
หลังจากจบมื้ออาหารค่ำในบ้านหรู
ออเดรย์เดินนำสุนัขขนทองตัวใหญ่ ซูซี่ เข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยมีครูสอนพิเศษประจำตัว มาดามเอสลันด์ เป็นผู้นำทาง
ทั้งสามกำลังจะเข้าร่วม ‘สัมมนา’ เกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับและจิตวิทยา
บรรดาสาวใช้และบอดี้การ์ดทำได้เพียงยืนรอด้านนอกห้อง ส่วนออเดรย์เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับซูซี่
ภายในห้องนั่งเล่น ไม่ว่าจะทำไปเพื่อสร้างบรรยากาศหรืออะไรก็ตาม แต่ตะเกียงแก๊สมิได้ถูกเปิดใช้งาน มีเพียงแสงสว่างจากเชิงเทียนไขสีทองเหนือโต๊ะกาแฟและตู้กับข้าว
โดยไม่ปล่อยให้ออเดรย์สำรวจรอบห้อง สุภาพบุรุษอายุราวสามสิบผู้หนึ่ง สวมโค้ทหางยาวสีเทา เดินตรงเข้ามาใกล้
“ทางนี้คือเจ้าของบ้าน มิสเตอร์สตีเฟ่น·ฮันเพรส เป็นพ่อค้าเครื่องเรือน”
เอสลันด์ ผู้มีผมสีดำยาวสลวยถึงเอว กล่าวแนะนำตัวอีกฝ่าย
ขณะเธอเตรียมแนะนำตัวเด็กสาว ฮันเพรสส่งเสียงคิกคักในลำคอและกล่าว
“เอสลันด์ คุณยังไม่ต้องพูด ผมขอลองคาดเดาด้วยตัวเอง”
หนวดเคราถูกตัดแต่งอย่างเรียบร้อยและพิถีพิถัน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทรงเสน่ห์ รูปโฉมภายนอกมอบบรรยากาศอ่อนโยนและสง่างาม ไม่เหมือนกับพ่อค้าเครื่องเรือนแม้แต่นิดเดียว
เหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยมากกว่า…
หลังจากมันจ้องมองออเดรย์หัวจรดเท้า ฮันเพรสฉีกยิ้มกว้าง :
“เอสลันด์เคยบอกเพียงว่า คุณคือศิษย์รักคนสำคัญของเธอ ฮะฮะ! ผมมองเห็นความเป็นกุลสตรีชนชั้นสูงในตัวคุณ และไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังเฉลียวฉลาดถึงขั้น ชีวิตนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะตกต่ำ… คุณตื่นเต้นเล็กน้อย อยู่ในวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น เป็นคนซื่อตรง และชอบมอบความรักให้แก่ผู้อื่นเสมอ… แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จุดเด่นอันดับหนึ่งของคุณคือความงดงามราวกับนางฟ้า”
จากนั้น ฮันเพรสเลื่อนมือขึั้นมาทาบกึ่งกลางหน้าอก โน้มตัวมาข้างหน้า และกล่าวติดตลกส่งท้าย
“ยินดีต้อนรับ คุณนางฟ้าแสนสวย”
มีความช่างสังเกตสมกับเป็นคนของสมาคมแปรจิต… แต่นั่นเป็นเพียงเปลือกนอกซึ่งเราสร้างขึ้นมาฉาบไว้ เป็นออเดรย์ผู้ใสซื่อเมื่อไม่กี่เดือนก่อน…
ออเดรย์แสร้งอ้าปากอย่างประหลาดใจ
“มิสเตอร์ฮันเพรส คุณรู้จักดิฉันมาก่อนหรือคะ?”
เธอทำทีตกใจเพียงไม่นาน เพราะอากัปกิริยาโดยทั่วไปของคนตกตะลึงจะคงอยู่แค่ช่วงระยะเวลาสั้น
หากใครแสดงสีหน้าตกใจค้างนานเกินไป ให้สงสัยไว้ก่อนว่านั่นคือการแสดง
ออเดรย์ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน จนกระทั่งมีโอกาสสำรวจอากัปกิริยาของเป้าหมายคนแล้วคนเล่าจนเกิดเป็นข้อสรุป
“ผิดแล้วครับคุณหนู ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน นี่เป็นเพียงคุณสมบัติพื้นฐานของผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา” ฮันเพรสยิ้ม
ขณะอีกฝ่ายกำลังโอ้อวด ออเดรย์เพ่งสายตาสังเกตอีกฝ่าย ตามด้วยสร้างข้อสันนิษฐานจากสภาพแวดล้อม
เครื่องแต่งกายและการตกแต่งบ้านสามารถบ่งบอกได้ว่า ชายคนนี้ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก…
แหวนพลอยบนมือซ้ายมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่คุณภาพกลับไม่ได้ยอดเยี่ยม แถมยังปราศจากอักขระเวทมนตร์หรือสัญลักษณ์ทางศาสตร์เร้นลับ… สถานภาพทางการเงินมิได้มั่งคั่งเหมือนภายนอก…
เป็นพวกดีแต่เปลือก…
แม้ภายนอกอาจแสดงออกถึงความอ่อนโยนและจริงใจ แต่ภาษากายของท่ายืน การหันปลายเท้า และสีออร่าทางอารมณ์ล้วนบ่งบอกว่า เขาค่อนข้างระมัดระวังตัว…
เขากล่าวชมเราจากใจจริง แต่ไม่ใช่ในเชิงเกี้ยวพาราสี… บนใบหน้ามีร่องรอยการใช้เครื่องสำอาง ทักษะการแต่งอาจหน้าด้อยกว่าซอเรีย สาวใช้แต่งหน้าของเรา แต่เขามีฝีมือดีกว่าเรามาก… น้ำหอมใช้กลิ่น ‘ล่องลอย’ … ไม่ผิดแน่ ชายคนนี้ชอบผู้ชายด้วยกัน และบทบาทบนเตียงคือฝ่ายรับ…
ออเดรย์วิเคราะห์อย่างชำนาญ ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าใสซื่อ
“มิสเตอร์ฮันเพรส ดิฉันอยากมีเทคนิคการสังเกตแบบคุณจังเลยค่ะ!”
ขณะกล่าว เด็กสาวเผยรอยยิ้มเจือจางพลางรับการทักทายจากสมาชิกราวเจ็ดถึงแปดคนภายในห้อง
ผู้คลั่งไคล้จิตวิทยาและศาสตร์เร้นลับล้วนมาจากสังคมชนชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานของขุนนางเก่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย หรือลูกหลานพ่อค้าทรงอิทธิพล ตัวอย่างเช่น ชายหนุ่มตรงหน้า เขามีบิดาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าฟิลิป ห้างอันดับหนึ่งประจำกรุงเบ็คลันด์
เมื่อการสัมมนาเริ่มขึ้น ออเดรย์รับบาทผู้ฟังอย่างตั้งใจ มีเพียงการยิงคำถามเล็กน้อยหากเกิดความสงสัย ขณะเดียวกันก็แสดงความอยากรู้อยากเห็นเป็นระยะ
ตลอดการสัมมนาเชิงวิชาการ เอสลันด์และฮันเพรสเล่าถึงเรื่องของ ‘กายจิต’ และ ‘กายปัญญา’ รวมถึงโลกวิญญาณและทะเลจิตใต้สำนึก สมาชิกส่วนใหญ่แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้ออเดรย์ไขข้อสงสัยของตนไปหลายเรื่อง
เมื่อการสัมมนาจบลงและทุกคนเริ่มทยอยแยกย้ายออกจากบ้าน ออเดรย์ชำเลืองไปทางเอสลันด์ด้านข้างและซักถามอย่างไร้เดียงสา
“มิสเอสลันด์ อ…อีกนานไหมคะ กว่าดิฉันจะเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเท่ากับมิสเตอร์ฮันเพรส?”
เอสลันด์ยกมุมปากอย่างมีเลศนัย จ้องมองเด็กสาวและกล่าว
“อีกไม่นานค่ะ…”
…
กลางดึกสงัด ไคลน์ ผู้กำลังจะเข้าไปซุกตัวใต้ผ้าห่มอย่างมีความสุข มีเหตุด่วนให้ต้องส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา
ไม่ว่าจะง่วงสักเพียงใด แต่ชายหนุ่มก็ต้องถ่างตาตื่นหลังจากได้ยินคำสวดภาวนาของมิสเมจิกเชี่ยน
ชุมนุมแสงเหนือตระหนักถึงการมีตัวตนของเดอะฟูล? พวกมันรู้จักนามเต็มของเรา?
พระผู้สร้างแท้จริงทราบตำแหน่งเราแล้ว?
ไคลน์นั่งบนเก้าอี้พนักสูงด้วยสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด พร้อมรับการโจมตีทุกเมื่อ
ถัดมาไม่นาน ชายหนุ่มเริ่มตัดประเด็นสุดท้ายทิ้งไป เพราะถ้าอีกฝ่ายทราบตำแหน่งของตนจริง ป่านนี้มิสเตอร์ A ต้องมาเคาะประตูบ้านโดยปลอมเป็นคนเก็บค่าแก๊สแล้ว
สรุปได้ว่า ข้อมูลรั่วไหลมีเพียงนามเต็มของเดอะฟูล และเบาะแสคือกรุงเบ็คลันด์…
ใครเป็นคนปล่อยข่าว?
ไคลน์ก้มหน้าตรึกตรองเคร่งเครียด
จากนั้นไม่นาน มันเกิดสมมติฐาน
เดอะซันน้อยเคยเอ่ยนามเต็มของเราต่อหน้าสมาชิกทีมสำรวจ ผู้ถูกกัดกร่อนจิตใจโดยพระผู้สร้างแท้จริง… แถมยังประกอบพิธีกรรมโดยวาดสัญลักษณ์ของเดอะฟูล และบางที ฉากของพระราชวังโบราณเหนือสายหมอกสีเทาอาจปรากฏให้อีกฝ่ายเห็น…
หรือก็คือ พระผู้สร้างแท้จริงตระหนักถึงการมีตัวตนของเดอะฟูล และคิดว่าเราพยายามขัดขวางแผนการ… ไม่สิ พยายามก่อกวน… นั่นก็ไม่ใช่…
คิดว่าเราพยายามล้วงข้อมูล…?
ไม่เพียงเท่านั้น เดอะซันยังปลดผนึกของดวงตาดำล้วน ซึ่งถูกปนเปื้อนการกัดกร่อนทางจิตจากพระผู้สร้างแท้จริง… ดวงตาดำล้วนเกิดจากโรซาโก้ ผู้ถูกยันต์กัดกร่อนของเราเล่นงาน…
เราสร้างยันต์กัดกร่อนจากใบหูสีดำ ซึ่งซื้อมาจาก ‘อสรพิษดำ’ บุคคลต้องสงสัยว่าจะเป็นสมาชิกชุมนุมแสงเหนือในกรุงเบ็คลันด์…
จึงส่งผลให้ พระผู้สร้างแท้จริงเชื่อว่าผู้ศรัทธาของเดอะฟูลอาศัยอยู่ในเบ็คลันด์?
เห็นทีว่า เราคงไม่สามารถนำดวงตาดำล้วนออกมาใช้ได้อีกแล้ว!
เมื่อเริ่มเข้าใจต้นตอปัญหา ไคลน์ผุดประเด็นสงสัยข้อใหม่
มิสเตอร์ A ประกาศตามล่าตัวผู้ศรัทธาของเดอะฟูลต่อหน้าสมาชิกชุมนุมจำนวนมากโดยไม่ปิดบังข้อมูลใดเลย? แถมยังเขียนชื่อเต็มของเราลงไปด้วย?
มันเสียสติไปแล้ว? หรืออาจเป็นการจงใจ ‘ล่อเหยื่อให้ติดกับ’ …
เฮ่อ…!
ชุมนุมแสงเหนือเต็มไปด้วยกลุ่มคนเสียสติ สมองของพวกมันคงถูกทำลายไปจนหมดแล้ว คนสติดีอย่างเราจึงไม่มีทางคาดเดาความคิดและจุดประสงค์ได้แม่นยำ…
ดังคำโบราณว่าไว้ :
ถ้าคุณไม่บ้า ก็จะไม่มีวันเข้าใจคนบ้า
……………………