Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 398 : เห็ดอันเย้ายวน

ราชันเร้นลับ 398 : เห็ดอันเย้ายวน

ดาร์ก?

ภาพของดาร์ก·รีเจนซ์ผุดขึ้นในหัวเดอร์ริค

สูงปานกลาง เจ้าเนื้อเล็กน้อย มีพละกำลังมาก มองโลกในแง่ดี ร่าเริง และมักฉาบด้วยรอยยิ้มสดใสอยู่เสมอ ดาร์กเป็นเพื่อนเดอร์ริคตั้งแต่สมัยเรียน และในภายหลังได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมทีมลาดตระเวน

แต่หลังจากภารกิจสำรวจซากปรักหักพังของพระผู้สร้างเสื่อมทราม ดาร์กเปลี่ยนไปเป็นคนเก็บตัวและสุภาพนอบน้อมจนผิดวิสัย เขาแทบไม่เคยยิ้มให้ใครอีกเลย

เมื่อหวนนึกถึงบุคลิกใหม่ของเพื่อนสนิท เด็กหนุ่มพลันยืนสั่นเทาแม้ว่าอากาศรอบตัวจะไม่หนาว ร่างกายสั่นสะท้านจากความเย็นเฉียบทุกอณู

ทำไมถึงมาหาเรากะทันหันแบบนี้? ไม่ใช่ว่าเขาควรตรงกลับบ้านทันทีหลังถูกปล่อยตัวจากเขตกักกันหรอกหรือ?

คำถามมากมายพรั่งพรูใส่สมองเดอร์ริค

จากนั้น มันเริ่มวิเคราะห์หาความเป็นไปได้

…หรืออาวุโสโลเฟียร์จะทราบว่าเรากำลังสงสัยในตัวทีมสำรวจ จึงส่งดาร์กมาเก็บเรา?

เดอร์ริคเผยอาการตกตะลึงและหวาดกลัว แต่ไม่นานก็เริ่มมองโลกในแง่ดี

แฮงแมนเคยกล่าวไว้ว่า :

‘ถ้าไม่มีชาวเมืองช่วยเป็นพยานให้ จงใช้คนของสภาอาวุโส ผู้ได้รับมอบหมายให้คอยสะกดรอยตามคุณทุกฝีก้าว ช่วยเป็นพยานในเหตุการณ์ดังกล่าวแทน’

และตอนนี้ คนของสภาอาวุโสกำลังหลบซ่อนอยู่ตรงมุมห้อง ถ้าดาร์กโจมตีใส่เรา สภาอาวุโสก็จะทราบทันทีว่าทีมสำรวจชุดนี้ไม่ปรกติ!

ดังนั้น ถึงจะไม่มีวัตถุของมิสเตอร์เวิร์ลช่วยกระตุ้นให้พวกเขาเผยธาตุแท้ แต่เราก็จะผ่านวิกฤติไปได้อย่างราบรื่น!

เดอร์ริคมองออกไปนอกหน้าต่าง

สายฟ้าด้านนอกกำลังผ่าด้วยความถี่ต่ำ ประมาณสองนาทีต่อหนึ่งครั้ง ส่งผลให้บรรยากาศรอบเมืองเงินพิสุทธิ์มืดสนิทเกือบตลอดเวลา

หากอาศัยอยู่ตามลำพัง เดอร์ริคจะไม่เสียเวลาหามองเทียนไขขึ้นมาจุด เพียงนอนแผ่ไปบนเตียงพลางใช้สมองขบคิดเรื่องราวต่างๆ จนกระทั่งหลับไป

แน่นอน มันทราบว่าพฤติกรรมเช่นนี้เป็นสิ่งอันตราย เพราะหากปราศจากแสงสว่าง จะมีโอกาสถูกสัตว์ประหลาดจากความมืดลอบทำร้าย แม้ว่ากำลังอยู่ในเมืองเงินพิสุทธิ์ก็ตาม

แต่เนื่องจากเดอร์ริคคือ ‘ผู้ภาวนาแห่งแสง’ ร่างกายจะแผ่ออร่าของธาตุแสงออกมาตลอดเวลาอยู่แล้ว สิ่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ดาร์กเคาะประตูย้ำอีกสามหน ราวกับกำลังเร่งเร้าให้เจ้าของบ้านรีบออกมาเปิด

เขาไม่เคยเป็นแบบนี้… ดาร์กมีนิสัยสุภาพและขี้เกรงใจมาก…

เดอร์ริคทวีความเจ็บแปลบตรงหน้าอก

เด็กหนุ่มเดินไปหยิบเทียนไขและนำมาวางไว้บนโต๊ะไม้ ตามด้วยการใช้ปลายนิ้วถูไส้เทียนจนเกิดแสงสว่างสีทอง

เมื่อเทียนไขติดไฟ บรรยากาศภายในบ้านเริ่มสลัวอย่างอบอุ่น มีกลิ่นฉุนแซมเล็กน้อย

เทียนไขภายในเมืองเงินพิสุทธิ์จะถูกผลิตจากไขมันและน้ำมันจากศพสัตว์ประหลาด ส่งผลให้มีกลิ่นแตกต่างกันไปตามแต่ละต้นกำเนิด

หลังจากสูดลมหายใจยาวสุดปอด เดอร์ริคเดินไปเปิดประตูด้วยท่าทีระมัดระวัง

“ทำไมถึงได้ช้านัก?” ดาร์กถามเปื้อนยิ้ม

“หาเทียนไขอยู่” เดอร์ริคตอบห้วน

เด็กหนุ่มไม่กล้าหันหลังให้อีกฝ่ายแม้แต่วินาทีเดียว มันเดินไหล่ชิดไหล่เข้าไปในบ้านพร้อมกับอีกฝ่าย จนกระทั่งแต่ละคนแยกกันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะไม้

“กินผลดูมแห้งไหม?” ดาร์กซักถามด้วยรอยยิ้มขณะปลดถุงผ้าใบเล็กออกจากเอว

ผลดูมคืออาหารทานเล่นหายากของเมืองเงินพิสุทธิ์ หาได้จากเถาวัลย์ดูมโลหิต เป็นพืชชนิดพิเศษ สามารถเจริญเติบโตได้โดยไม่ต้องอาศัยแสงแดด กลไกทางชีวภาพคือการแย่งชิงสารอาหารจากซากศพเน่าเปื่อยทุกชนิด เถาวัลย์ดูมโลหิตมีสติและความนึกคิด มักโจมตีใส่สิ่งมีชีวิตใกล้ตัวเสมอ ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่สัตว์ประหลาดอ่อนแอ

เถาวัลย์ดูมโลหิตจะมีผลสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือมนุษย์ สามารถใส่ปากเคี้ยวได้ทันทีโดยไม่ต้องปรุง รสสัมผัสกรุบกรอบ รสชาติหวาน แต่ปราศจากคุณค่าทางอาหารและไม่อิ่มท้อง เป็นได้เพียงอาหารทานเล่นระหว่างวัน ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์สามารถนำคะแนนผลงานไปแลกเป็นผลดูมได้หลายถุง

“ไม่ดีกว่า” เดอร์ริคส่ายหัวปฏิเสธ

“เข้าใจแล้ว” เมื่อกล่าวจบ ดาร์กเทผลไม้แห้งสีดำออกจากถุงผ้า ก่อนจะหยิบขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวกร้วมกร้ามเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ

เดอร์ริคครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเปิดประเด็น

“ในห้องใต้ดินของซากปรักหักพังมีสัตว์ประหลาดบ้างไหม?”

ดาร์กหยุดเคี้ยวพลางเงยหน้ายิ้มตอบ

“มีไม่มาก และค่อนข้างอ่อนแอ เพียงครู่เดียวก็ถูกพวกเราจัดการจนหมด ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสักเท่าไร วิหารดังกล่าวเคยถูกสำรวจมาแล้วหนหนึ่ง หากมีสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งอาศัยอยู่จริง มันคงย้ายถิ่นฐานไปนานแล้ว”

ดาร์กเว้นวรรค ตามด้วยการเล่าโดยยกโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย

“ในจุดลึกสุดของวิหาร พวกเราได้พบพืชพันธุ์ประหลาด ลักษณะคล้ายเห็ด… ไม่ผิดแน่ รายละเอียดปลีกย่อยตรงตามคำอธิบายของเห็ดภายในหนังสือเรียนทุกประการ เพียงแต่มันส่องแสงสว่างจ้าเป็นพิเศษ และดูน่ากินจนแทบอดใจไม่ไหว พวกเรายืนยันแล้วว่า เห็ดดังกล่าวสามารถกินได้ มีสรรพคุณช่วยเสริมพลังวิญญาณและความคงทนทางร่างกาย ถ้านำไปปรุงร่วมกับเนื้อสัตว์ประหลาดย่าง จะมอบกลิ่นชนิดพิเศษซึ่งเย้ายวนเกินห้ามใจ”

ขณะเล่าเรื่อง ดาร์กหยิบเห็ดขนาดเท่าฝ่ามือออกจากถุงผ้าอีกหนึ่งใบ โคนเห็ดมีสีขาวโพลนราวกับนมสด หมวกเห็ดเป็นสีแดงลักษณะมันวาวคล้ายผลึก แซมด้วยจุดสีทองเข้มประปราย

เพียงจ้องมอง เดอร์ริคพลันน้ำลายแตกฟองราวกับไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน

ภายใต้แสงสลัวจากเทียนไข เห็ดดังกล่าวทั้งระยิบระยับและเชื้อเชิญให้ผู้ได้พบเห็น เกิดความต้องการจะหยิบใส่ปากอย่างแรงกล้า ชนิดยากจะหักห้ามใจตัวเองไหว

“อันนี้ของนาย” ดาร์กยิ้มอ่อนโยน

“ตกลง…” จิตใต้สำนึกของเดอร์ริคบอกให้มันหยิบเห็นตรงหน้าใส่ปากเคี้ยวทันที แต่จนแล้วจนรอด สติส่วนลึกได้เอาชนะแรงปรารถนา ก่อนจะเงยหน้าพูดกับอีกฝ่าย

“ฉันจะเก็บไว้กินพรุ่งนี้”

ดาร์กไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงดันเห็ดปริศนามาวางหน้าเดอร์ริคและเคี้ยวผลดูมแห้งอย่างเอร็ดอร่อย

เดอร์ริคฝืนเบือนสายตาออกจากเห็ดปริศนาอย่างยากลำบาก ตามด้วยการซักถามสารทุกข์สุกดิบ

“ทีมสำรวจค้นพบอะไรในการเดินทางครั้งนี้บ้างไหม?”

“มีสิ!” ดาร์กหยุดเคี้ยว จากนั้นก็มอบคำตอบด้วยสีหน้าขึงขัง

“พวกเราพบจิตรกรรมฝาผนังใหม่เป็นจำนวนมาก เดอร์ริค นายยังจำรูปปั้นด้านหน้าวิหารได้ไหม?”

“จำได้” เดอร์ริคชำเลือง ‘เห็ด’ พลางพยักหน้ารับ “รูปปั้นของคนเปลือยกายเปื้อนเลือด ถูกแขวนกลับหัวบนกางเขนใหญ่ใช่ไหม?”

ดาร์กควงผลดูมในมือเล่น

“ถูกต้อง ภาพวาดชุดใหม่ได้สื่อเป็นนัยว่า ผู้สร้างวิหารแห่งนี้มีความเชื่อว่า เทวรูปดังกล่าวคือมหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง มหาเทพผู้รังสรรค์ทุกสิ่งจากต้นกำเนิด… พวกเขายังเชื่อด้วยว่า พระองค์มิได้ทอดทิ้งพวกเราและดินแดนแห่งนี้ ตรงกันข้าม เมื่อมหาภัยพิบัติมาเยือน พระองค์ได้แบกรับบาปทั้งหมดของพวกเราไว้แต่เพียงผู้เดียว ส่งผลให้พระองค์ถูกตรึงกางเขนในสภาพกลับหัว ถูกพันธนาการและลงโทษเท่ากับจำนวนบาปของพวกเราทุกคน พระองค์ต้องหลั่งเลือดเพื่อชดใช้บาปแทนพวกเรา”

“ความรักจากองค์เทพนั้นไร้ขอบเขต พวกเรามิใช่ผู้ถูกทิ้ง กลับกันเลยต่างหาก! พวกเราคือลูกแกะผู้ถูกพระองค์เลือก! หากพระองค์ไม่แบกรับบาปแทนพวกเรา เมืองเงินพิสุทธิ์คงถูกทำลายในเหตุการณ์มหาภัยพิบัตินานแล้ว มนุษยชาติก็จะถึงคราวสูญสิ้น!”

แต่ว่านะดาร์ก… โลกด้านนอก อาณาจักรโลเอ็น ถิ่นอาศัยของเดอะเวิร์ล แฮงแมน เมจิกเชี่ยน และจัสติส ไม่มีคำสาปเหมือนพวกเราแม้แต่อย่างเดียว ไม่มีสัตว์ประหลาดในความมืดมิด… พวกเราไม่ใช่กลุ่มผู้ถูกเลือกอย่างแน่นอน อาจตรงกันข้ามด้วยซ้ำ…

เดอร์ริคโต้แย้งในใจ

“และหากความเชื่อของพวกเขาเป็นความจริงทั้งหมด หมายความว่า ทุกพิธีกรรมหลังจากนี้ เมืองเงินพิสุทธิ์ต้องเปลี่ยนสัญลักษณ์และพระนามเต็มให้สอดคล้องกับพระองค์ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น พวกเราจึงจะได้รับการตอบสนองจากพระองค์อีกครั้ง…”

ดาร์กยังคงสาธยายอีกยืดยาว มันอธิบายรายละเอียดของภาพวาด เล่าถึงมุมมองของตัวเอง และการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนพิธีกรรมของเมืองเงินพิสุทธิ์

ยิ่งได้ฟัง เดอร์ริคก็ยิ่งพบว่า ตนหักห้ามใจจาก ‘เห็ด’ ได้ยากขึ้นทุกขณะ

ห้ามกินเด็ดขาด… จะกินไม่ได้เด็ดขาด!

ไม่อย่างนั้น เราจะกลายเป็นเหมือนดาร์กและคนอื่น ถูกพระผู้สร้างเสื่อมทรามกัดกร่อนจิตใจและกลายเป็นสาวกเดนตาย… ถึงจะมีคนของสภาอาวุโสคอยจับตามอง แต่เขาคงไม่พบความผิดปรกติกับตัวเราแน่…

ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินจิตใจเดอร์ริคทีละนิด จนถึงขั้น มันอยากหาข้ออ้างเพื่อปลีกตัวออกจากดาร์กสักระยะ

เราควรทำยังไงดี…? ไล่ดาร์กกลับไปพร้อมกับคืนเห็ด? แต่ถ้าทำแบบนั้น เราก็จะเสียโอกาสแสนสำคัญ… โอกาสอันหายาก…

สายตาเดอร์ริคหันมาจดจ่ออยู่กับเปลวเทียนไขสีเหลืองนวลเพื่อตั้งสติ

“เดี๋ยวฉันจะไปหยิบน้ำให้” ขณะลุกยืน เด็กหนุ่มตัดสินใจหนักแน่นว่า ตนจะเริ่มลงมือตามแผนของมิสเตอร์แฮงแมนเดี๋ยวนี้!

ดาร์กพยักหน้ารับพลางโยนผลดูมสีดำเข้าปากเคี้ยวเสียงดัง

ขณะรินน้ำใส่แก้ว เดอร์ริคจงใจเทให้ช้าลง เด็กหนุ่มก้มศีรษะต่ำพร้อมกับเอ่ยพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์ของเดอะฟูล และตามด้วย :

“ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านรับฟังคำขอร้อง ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านรับเครื่องเซ่นสังเวย ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านเปิดประตูอาณาจักรของท่าน”

ฟ้าว!

สายลมกระโชกพลันพัดผ่านภายในห้อง จากนั้น สายลมทางธรรมชาติอันเกิดจากคาถาบริกรรม เริ่มก่อตัวเป็นลักษณะเกลียวคลื่น

ถัดมาไม่นาน ดาร์ก·รีเจนซ์ ผู้กำลังหยิบผลดูมแห้งขึ้นมาเคี้ยวโดยไม่คิดอะไร พลันเงยหน้าและซักถามเสียงฉงน เมื่อพบว่าเดอร์ริคเดินมาหยุดยืนข้างตนด้วยสีหน้าอึมครึม

“มีอะไรหรือ?”

เดอร์ริคไม่ตอบ มือข้างหนึ่งกำด้ามขวานเฮอร์ริเคนแน่นกระชับ อีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋าลับเสื้อโค้ทพลางทำลายกำแพงวิญญาณและเปิดกล่องโลหะ

สายตาเดอร์ริคไม่ปกปิดความหวาดระแวงในตัวเพื่อนสนิท ทันใดนั้น เด็กหนุ่มเริ่มมองเห็นแสงสีแดงเข้ม สว่างวาบขึ้นบนกระจกตาสีฟ้าครามของดาร์ก

บนฝ่ามือดาร์ก เปลือกผลดูมแห้งสีดำถูกกะเทาะออก เนื้อด้านในเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบางสิ่งซึ่งมีสีสันคล้ายผิวหนังมนุษย์

ในวินาทีนี้ วัตถุในมือดาร์ก·รีเจนซ์ไม่ใช่ผลดูมแห้งอีกต่อไป หากแต่เป็นนิ้วมือ

นิ้วมือมนุษย์ชุ่มฉ่ำด้วยเลือดสด!

เช่นเดียวกันกับผลดูมจำนวนมากซึ่งถูกวางกองสุมบนโต๊ะไม้ ทั้งหมดคือนิ้วมนุษย์!

‘เห็ด’ ระยิบระยับเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปโฉม ความงดงามในตอนต้นเลือนหายจนหมดสิ้น เฉกเช่นความเย้ายวนอันเชิญชวนให้โยนใส่ปากเคี้ยว

มันกลายเป็นหนังศีรษะของมนุษย์ซึ่งมีเส้นผมสีดำแซมอยู่หนึ่งกระจุก!

ดาร์กจ้องเดอร์ริคกลับด้วยสีหน้าสับสน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเย็นชาแกมล่องลอย

“นายคิดจะทำอะไร?”

กรุงเบ็คลันด์  บ้านเลขที่ 15 ถนนมินส์

ขณะไคลน์กำลังขดตัวอยู่ภายในโลกแสนอบอุ่นใต้ผ้าห่มหนา เมื่อได้ยินเสียงสวดภาวนาจากเดอะซัน ชายหนุ่มรีบกุลีกุจอลุกจากเตียงเพื่อสร้างกำแพงวิญญาณ เดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว และส่งจิตเข้าห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา

เมื่อกลับมานั่งบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล ไคลน์ไม่รีบร้อนตรวจสอบคำภาวนาของเดอะซันน้อย อันดับแรก มันนำไพ่จักรพรรดิมืด กระดาษรูปคน และสมบัติวิเศษชนิดอื่นมาวางเรียงรายบนโต๊ะตรงหน้าอย่างเป็นระเบียบ

จากแผนการของแฮงแมน เดอะซันต้องประกอบพิธีกรรมสังเวยถึงเดอะฟูลค้างไว้ก่อน จากนั้นค่อยเริ่มลงมือกระตุ้นให้ทีมสำรวจเผยร่างแท้จริงออกมา ด้วยวิธีการข้างต้น เมื่อเรื่องราวจบลง เดอะซันจะได้ฉวยโอกาสสังเวย ‘ดวงตาดำล้วน’ ของเดอะเวิร์ล กลับคืนให้เดอะฟูลได้ทันที ไม่หลงเหลือหลักฐานเกี่ยวกับชุมนุมทาโรต์ไว้บนโลกจริง และความผิดทั้งหมดก็จะตกเป็นของอามุนด์!

ในส่วนของมิสเตอร์ฟูล ไคลน์อนุญาตให้เดอะซันประกอบพิธีกรรมถึงตนในแบบฉบับ ‘รวบรัด’ ได้เป็นกรณีพิเศษ ไม่ต้องเตรียมวัตถุฟุ่มเฟือยหรือมากพิธีรีตอง เพียงกล่าวคำสำคัญให้ครบก็พอ

โดยงานของเดอะฟูลก็คือ นั่งรอให้เดอะซันดำเนินพิธีกรรมสังเวยจนถึงขั้นตอนเปิดอุโมงค์วิญญาณ

นั่นจะเป็นเวลาลงมือของตน

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset