Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 394 : ประสบการณ์โลกวิญญาณ

ราชันเร้นลับ 394 : ประสบการณ์โลกวิญญาณ

ไคลน์ทราบดีว่าเพราะเหตุใดมิสจัสติสถึงหันมาจ้องตน สืบเนื่องจากเหตุการณ์คดีลาเนวุสในอดีต เธอย่อมทราบว่าเดอะฟูลเคยกระทบกระทั่งกับพระผู้สร้างแท้จริงทั้งฉากหน้าและฉากหลังหลายหน จึงน่าจะมีวัตถุเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายติดตัวไม่มากก็น้อย

ในทางทฤษฎี การคิดแบบนั้นไม่ใช่เรื่องผิด และในความเป็นจริง เราเองก็เคยเผชิญหน้ากับพระผู้สร้างแท้จริงทางอ้อมหลายหน จนถึงขั้นมีวัตถุชนิดดังกล่าวติดตัว… ไคลน์รำพัน

ชายหนุ่มเต็มใจยื่นมือช่วยเหลือเดอะซันน้อยอย่างสุดฝีมือ เพราะภายในดินแดนเทพทอดทิ้ง เมืองเงินพิสุทธิ์ มีสัตว์ประหลาดหายากอยู่มากมาย พวกมันแทบไม่ปรากฏตัวในทวีปเหนือใต้มาก่อน

ไม่เพียงเท่านั้น ประวัติศาสตร์และองค์ความรู้อันยาวนานกว่าสองพันปีของเมืองเงินพิสุทธิ์คือสมบัติแสนล้ำค่า พวกเขาไม่ถูกบิดเบือนความจริงโดยเจ็ดโบสถ์หลักเหมือนกับทวีปเหนือใต้ ฉะนั้น ไม่ว่าจะในมุมมองของผู้นำชุมนุมทาโรต์ หรือในมุมการหาผลประโยชน์ส่วนตัว ไคลน์ก็ไม่คิดจะทอดทิ้งให้เดอะซันน้อยเผชิญชะตากรรมตามลำพัง นอกจากจะหมดสิ้นหนทางเยียวยาโดยแท้จริง

ทว่า ตัวตนอย่างมิสเตอร์ฟูลก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ทุกเรื่อง

ขณะจัสติส ออเดรย์ กำลังจ้องมองมิสเตอร์ฟูลหลังม่านหมอกด้วยสายตาคาดหวัง เดอะเวิร์ลผู้เงียบขรึมพลันเปล่งเสียงจากด้านข้าง

“ผมมีวัตถุปนเปื้อนการกัดกร่อนทางจิตจากพระผู้สร้างแท้จริง”

มันกำลังหมายถึง ‘ดวงตาดำล้วน’ ของนักเชิดหุ่นโรซาโก้

“วัตถุปนเปื้อนการกัดกร่อนทางจิตจากพระผู้สร้างแท้จริง?” อัลเจอร์ครุ่นคิดพลางเรียบเรียงคำพูด “นั่นต้องช่วยเดอะซันฝ่าฟันวิกฤติได้แน่! หากสมาชิกทีมสำรวจ—เหยื่อของพระผู้สร้างแท้จริง สัมผัสถึงจิตของพระผู้สร้างแท้จริงเข้า สติของพวกมันจะบิดเบี้ยวกะทันหันจนเกิดการเปลี่ยนสภาพในทันที”

เดอะเวิร์ลหันไปจ้องเดอะซันพลางหัวเราะแหบพร่า

“ผมยินดีให้คุณยืมวัตถุชิ้นดังกล่าว แต่คิดจะแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด?”

เมื่อมองเห็นแสงแห่งความหวัง สมองของเดอร์ริครีบประมวลผลจนกระทั่ง มันย้อนนึกถึงรายละเอียดการชุมนุมในคราวก่อน

“ผมจะช่วยคุณหาตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ ต่อมใต้สมองกลายพันธุ์และโลหิตของนักล่าพันหน้า รวมไปถึง ผมยินดีช่วยหาวิธีลบการกัดกร่อนทางจิตออกจากตะกอนพลังของผู้คลุ้มคลั่ง หากผมสำเร็จเรื่องใดก่อน สิ่งนั้นจะถูกใช้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนในการหยิบยืมวัตถุคราวนี้”

จากบรรดาตัวเลือกทั้งหมด เงามืดหนังมนุษย์สามารถหาพบได้ค่อนข้างง่ายรอบเมืองเงินพิสุทธิ์ พวกมันจัดเป็นสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งท่ามกลางความมืดมิด

ปัจจุบัน เดอร์ริคไม่กังวลว่าการแลกเปลี่ยนของตนจะเสียเปรียบอีกฝ่าย และถึงจะเป็นลักษณะของการ ‘ยืม’ โดยต้องคืนในภายหลัง แต่การเอาตัวรอดให้ผ่านพ้นวิกฤตินั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด สำหรับตัวมันในตอนนี้ วัตถุเจือปนจิตกัดกร่อนของพระผู้สร้างแท้จริงนับว่ามีมูลค่ามหาศาล จำเป็นต้องรับข้อเสนอเสียเปรียบจากเดอะเวิร์ลอย่างมิอาจเลี่ยง โดยส่วนหนึ่งก็ทำไปเพื่อแสดงความจริงใจ

เดอะเวิร์ลพยักหน้ารับ

“ตกลง ไว้จบการชุมนุมเมื่อใด ผมจะรบกวนให้มิสเตอร์ฟูลช่วยส่งไปให้ทันที”

ขณะกล่าว เดอะเวิร์ลเผยให้ทุกคนเห็นดวงตาดำล้วนพลางแทรกคำอธิบายประกอบ

“สิ่งนี้มีมูลค่าเทียบเท่าโอสถลำดับ 5… หากคุณเผลอทำมันสูญหาย จะต้องชดเชยในราคาเท่าเทียมหรือมากกว่า ฉะนั้น ถ้าใช้งานเสร็จเมื่อไรให้รีบนำมาคืนทันที”

นี่คือความกังวลขอไคลน์ ตัวตนอย่างเดอะฟูลมิอาจเอ่ยคำว่า ‘ชดเชยอย่างเหมาะสม’ หรือ ‘ใช้เสร็จแล้วรีบนำมาคืน’ ออกไปได้ถนัดปากนัก เพราะนั่นจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์อันสูงส่ง

ไม่เพียงเท่านั้น ไคลน์ยังกังวลถึงอันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต

ชายหนุ่มมีเหตุให้ต้องใช้งานดวงตาดำล้วนบนโลกจริงบ่อยครั้ง หากนำสมาชิกคนใหม่เข้าร่วมชุมนุมและอีกฝ่ายบังเอิญเคยเห็นดวงตาดำล้วนมาก่อน ความลับทั้งหมดก็จะพังครืนทันที ฉะนั้น การปล่อยให้ทุกคนเข้าใจว่าเชอร์ล็อก·โมเรียตี้คือเดอะเวิร์ล ย่อมดีกว่าการให้เข้าใจว่าเดอะฟูลคือเดอะเวิร์ล

เมื่อพลังแท้จริงไม่สมกับฐานะเปลือกนอก เราต้องคอยก้าวเดินอย่างระมัดระวัง ให้คิดว่าเบื้องล่างคือแผ่นน้ำแข็งบางเสมอ หรือไม่ก็กำลังเดินไต่เชือกเส้นเดียวเหนือหุบเหวลึก…

ไคลน์ตัดพ้อ

เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์ฟูลมิได้คัดค้านคำขอร้องของเดอะเวิร์ล รวมถึงไม่ได้ตำหนิว่าการแลกเปลี่ยนเมื่อครู่มีจุดบกพร่อง เดอร์ริคพลันเบาใจลงหลายส่วนและยอมรับทุกข้อเสนอจากอีกฝ่ายโดยไม่โต้แย้ง

ขณะเดียวกัน ออเดรย์กำลังโล่งใจแทนเดอะซันน้อยจากก้นบึ้ง

ทางด้านอัลเจอร์ยังคงก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวกับเดอะซันด้วยน้ำเสียงเตือนสติ :

“อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ดีนัก หลังจากนี้ยังต้องกังวลเรื่องการหาโอกาสลงมือให้เหมาะสม ประการแรก เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวเอง คุณต้องฉวยโอกาสขณะสมาชิกทีมสำรวจคนใดคนหนึ่งอยู่ตามลำพัง และบริเวณใกล้เคียงต้องมีพลเมืองทั่วไปช่วยเป็นประจักษ์พยานให้จำนวนหนึ่ง หรือไม่ก็ ต้องลงมือขณะสมาชิกทีมสำรวจส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในเขตกักกัน… คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา จงผนึกภาชนะบรรจุวัตถุปนเปื้อนจิตกัดกร่อนด้วยกำแพงวิญญาณ ห้ามมิให้ใครสัมผัสถึงสิ่งนี้โดยเด็ดขาด ถ้าทำสำเร็จ คุณจะกลายเป็นฝ่ายคุมเกม… และต้องไม่ลืมซ่อนวัตถุดังกล่าวให้มิดชิดทันทีหลังจบภารกิจ จะให้หกสภาอาวุโสเห็นมันไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคงไม่มีวันขจัดความเคลือบแคลงในตัวคุณสำเร็จ…”

เฮ่อ… ถ้าพ่อหนุ่มหัวอ่อนคนนี้ด่วนตายไป เราก็คงไม่ได้หลอกถามข้อมูลของยุคสมัยบรรพกาลกันพอดี โดยเฉพาะข้อมูลของดินแดนเทพทอดทิ้ง… แฮงแมนแสดงท่าทีเต็มใจช่วยโดยไม่ขัดข้อง

หลังจากได้ฟังคำแนะนำ เดอร์ริครีบบันทึกส่วนสำคัญของแผนลงในความทรงจำ

“ขอบคุณมาก มิสเตอร์แฮงแมน ขอบคุณมากทุกคน” เด็กหนุ่มแสดงความขอบคุณจากใจจริง พฤติกรรมดังกล่าวทำให้ออเดรย์รู้สึกมีความสุขเมื่อตระหนักว่าตนได้ทำความดีลงไป

หลังจากปัญหาของเดอะซันจบลง ฟอร์ส ผู้เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบงันมาสักพัก เริ่มฉุกคิดบางสิ่งได้

เธอใช้มือสางเส้นผมยาวหยักศกตอนปลายพลางกล่าว :

“ดิฉันต้องการทราบว่า เส้นทางผู้ฝึกหัดถือครองโดยตระกูลใด ยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยเนื้อหาหนึ่งบทจากหนังสือ ‘ประสบการณ์โลกวิญญาณ’ … แม้ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการพร่ำเพ้อคล้ายกับผู้เขียนกำลังนอนฝันกลางวัน แต่จากประสบการณ์ท่องวิญญาณส่วนตัวของดิฉัน ขอรับประกันว่าเนื้อหาข้างในเป็นความจริงเสียส่วนมาก”

‘ประสบการณ์โลกวิญญาณ’ คือหนังสือด้านศาสตร์เร้นลับ เป็นหนึ่งในมรดกตกทอดจากมาดามอาริสา เนื้อหาด้านในขาดตรรกะและความสมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง แค่ได้อ่านก็มากพอจะทำให้คนสติดีเกิดความระคายเคืองทางสมอง อย่างไรก็ตาม หลังจากฟอร์สมีโอกาสท่องโลกวิญญาณทั้งหมดสามครั้งจากหลากหลายสาเหตุ เธอกลับพบว่าเนื้อหาในหนังสือนั้นไม่ใช่การพร่ำเพ้อทั้งหมด

ประสบการณ์โลกวิญญาณ…?

ไคลน์เอนกายเล็กน้อยพลางควบคุมให้เดอะเวิร์ลชิงตอบตัดหน้าแฮงแมน

“ผมทราบคำตอบ และยินดีมอบข้อมูลอื่นประกอบโดยไม่คิดราคาเพิ่ม”

ชายหนุ่มทราบดีว่าแฮงแมนทราบคำตอบของคำถามเมื่อครู่

การมีคู่แข่งทำให้เราต้องยอมเสียสละ… จำเป็นต้องยื่นข้อเสนอต่อตาล่อใจให้สูงกว่าอีกฝ่าย… ไคลน์รำพัน

“ตกลง” ฟอร์สแสดงสีหน้าคาดหวัง

เธอพบว่าชุมนุมทาโรต์มีระดับแตกต่างจากของชุมนุมลับอื่นโดยสิ้นเชิง คำถามยากและซับซ้อนล้วนถูกไขกระจ่างแทบจะในพริบตา

เดอะเวิร์ลซักถามเสียงแหบพร่า

“คุณต้องการฟังคำตอบตามลำพัง หรือต้องการให้คนอื่นได้ยินไปพร้อมกัน”

ฟอร์สก้มหน้าตรึกตรองหลายวินาที ก่อนจะมอบคำตอบเหนือความคาดหมายทุกคน

“เชิญพูดออกมาได้เลย”

ในความคิดของเธอ คำตอบของคำถามเมื่อครู่คงไม่ช่วยให้คนอื่นได้ประโยชน์อะไรนัก และถ้าเดอะเวิร์ลตอบตกหล่นหรือตอบผิดไปจากความจริง สมาชิกคนอื่นยังสามารถโต้แย้งหากมีข้อมูล โดยเธอยินดีตอบแทนในแบบเดียวกันกับสมาชิกคนดังกล่าว ด้วยวิธีเช่นนี้ ฟอร์สมั่นใจว่าตนจะได้รับคำตอบฉบับสมบูรณ์

เดอะเวิร์ลไม่แสดงท่าทีประหลาดใจ เพียงเริ่มต้นเล่าอย่างใจเย็น

“ย้อนกลับไปในยุคสมัยที่สี่ เส้นทางผู้ฝึกหัดถูกครอบครองโดยตระกูลอับราฮัม โดยในภายหลังเริ่มแพร่กระจายมาถึงตระกูลทามาร่าผ่านการสมรสฉันท์พันธมิตรสักระยะหนึ่ง สำหรับยุคสมัยที่ห้า… ยุคสมัยปัจจุบันของมนุษย์เรา ชุมนุมสัมผัสวิญญาณก็มีสูตรโอสถผู้ฝึกหัดและนักตุกติกไว้ในครอบครอง เชื่อกันว่าพวกเขาสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัมหรือไม่ก็ทามาร่า โดยในขณะเดียวกัน หลายฝ่ายได้ตั้งประเด็นว่าชุมนุมสัมผัสวิญญาณอาจเป็นองค์กรลับในเครือเดียวกับนิกายแม่มด”

เมื่อประเมินว่ามิสเมจิกเชียนเคยพบกับหนึ่งในสมาชิกตระกูลอับราฮัมมาแล้ว ไคลน์จงใจเล่าเสริมผ่านเดอะเวิร์ล

“มีข่าวลือว่า ตระกูลอับราฮัมคือสายเลือดต้องสาป พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากแยกกันอาศัยในลักษณะครอบครัวเล็ก เลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกันเพื่อป้องกันอันตราย”

สายเลือดต้องสาป…?

ดวงตาฟอร์สพลันสั่นเทาขณะทบทวนเรื่องราวในความทรงจำ

…สามีของมาดามอาริสาคือสมาชิกของตระกูลอับราฮัม? และมิสเตอร์ลอว์เรนซ์ พี่ชายของเขา ก็เป็นสมาชิกของตระกูลอับราฮัมเช่นเดียวกัน? และเป็นสาเหตุว่าทำไม เธอถึงได้พูดออกมาว่า ‘ไม่ต้องกังวลเรื่องคำสาปถ้าไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูลหลัก’ …

แต่เราดันใช้งานกำไลข้อมือ… จนตัวเองต้องกลายเป็นสมาชิกของตระกูลอับราฮัมไปโดยปริยาย?

ฟอร์สอยากแหกปากกรีดร้องในความโง่เขลาของตนอีกครั้ง

อัลเจอร์และออเดรย์เพิ่งเคยได้ยินเรื่องคำสาปของตระกูลอับราฮัมเป็นครั้งแรก แต่ละคนจึงครุ่นคิดในแบบของตัวเอง ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมาเป็นเวลานาน

ผ่านไปสักพัก ฟอร์สถอนหายใจยาว :

“ขอบคุณมาก มิสเตอร์เวิร์ล คำตอบของคุณช่วยคลายปมในใจดิฉันจนกระจ่าง หลังจบการชุมนุม ดิฉันจะคัดลอกบทแรกของหนังสือประสบการณ์โลกวิญญาณและสังเวยให้มิสเตอร์ฟูล… ได้ไหมคะท่าน?”

มิสเมจิกเชี่ยนคือลูกหลานตระกูลอับราฮัม? เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเคยมีประสบการณ์ผ่านเข้าออกโลกวิญญาณ… และถ้าเราเดาไม่ผิด เธอต้องครอบครองสมบัติวิเศษในขอบเขตดังกล่าวสักชิ้นสองชิ้นแน่… แฮงแมนเพ่งมองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามพลางครุ่นคิด

ฟอร์สคือสมาชิกตระกูลอับราฮัม? เธอเป็นลูกหลานของตระกูลเก่าแก่จากยุคสมัย 4…?

ออเดรย์พยักหน้าหงึกหงักราวกับเข้าใจบางสิ่งคนเดียว

เมื่อได้รับสัญญาณเชิงบวกจากมิสเตอร์ฟูล ฟอร์สเริ่มผ่อนคลายพลางประกาศขอซื้อวัตถุดิบหลักโอสถนักตุกติก—ถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณและเลือดของปลามาร์ลินทะเลลึก แต่เนื่องจากเดอะซันเอาแต่หมกตัวอยู่ในเมืองตลอดสัปดาห์ ความคืบหน้าในเรื่องนี้จึงเป็นศูนย์ ในส่วนของแฮงแมน มันระบุว่า ตนพอจะมีเบาะแสของปลามาร์ลินทะเลลึกอยู่บ้าง แต่ไม่รับปากไปมากกว่านี้

ขณะเดียวกัน ยังไม่มีใครได้ครอบครองสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ แฮงแมนจึงต้องรอต่อไปอีกสักพักใหญ่ ส่วนทางด้านออเดรย์ก็ไม่รีบร้อนหาซื้อสูตรโอสถลำดับถัดไป เพราะเธอกำลังจะได้เป็นสมาชิกของสมาคมแปรจิต

เดิมที ไคลน์ต้องการขายตะกอนพลังของมนุษย์หมาป่าหรือไม่ก็ขวดพิษชีวภาพ แต่เมื่อพิจารณาว่าสมบัติวิเศษอย่างหลังมีพลังสอดคล้องกับร่างวิญญาณของตน รวมถึงตระหนักว่าสมาชิกคนอื่นกำลังขัดสนทางการเงิน ชายหนุ่มจึงพับเก็บการขายไว้ชั่วคราว

ช่วงเวลาค้าขายจบลงอย่างรวดเร็ว ชุมนุมทาโรต์เริ่มเข้าสู่ช่วงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ

ออเดรย์รีบกวาดสายตาหนึ่งรอบและกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างไม่ปิดบัง

“เมื่อราวหนึ่งสัปดาห์ก่อน กรุงเบ็คลันด์มีข่าวใหญ่น่าสนใจหนึ่งเรื่อง โดยพระเอกในเหตุการณ์ดังกล่าวมีชื่อว่า… จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset