หลังจากเหม่อลอยไปพักหนึ่ง ออเดรย์เริ่มเข้าใจความหมายของเดอะซัน :
มิสเตอร์ฟูลส่งเทวทูตของท่านมาช่วยขจัดร่างแยกของอามุนด์!
เทวทูต!
มิสเตอร์ฟูลส่งเทวทูตเชียวนะ!
ท่านมีเทวทูตคอยรับใช้ข้างกาย!
เทวทูตต้องมีพลังอย่างน้อยก็ลำดับ 2…
แม้ว่าเธอจะคาดเดาเรื่องนี้ได้นานแล้ว แต่นี่เป็นหนแรก กับการได้พิสูจน์ว่าเรื่องดังกล่าวคือความจริง!
และมีเพียงทวยเทพเท่านั้น จึงจะออกคำสั่งกับตัวตนอย่างเทวทูตได้!
ดวงตาออเดรย์พลันเปล่งปลั่ง เธออยากจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าเทวทูตของมิสเตอร์ฟูลมีรูปลักษณ์เป็นเช่นไร
เราจะมีโอกาสได้เห็นบ้างไหมนะ…
เด็กสาวหันไปจ้องเก้าอี้ตำแหน่งประธานด้วยสีหน้าชื่นชมแกมเทิดทูน
ขณะเดียวกัน สัมผัสวิญญาณของเธอสังเกตเห็นว่าเดอะเวิร์ล ผู้เงียบขรึมและอึมครึมมาตลอดการชุมนุม เริ่มแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาบ้างแล้ว สิ่งนี้ทำให้ออเดรย์มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ทางด้านฟอร์สกำลังหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน เธอเพียงขอร้องให้มิสเตอร์ฟูลช่วยปิดกั้นการทำนายจากลอว์เรนซ์ แต่ท่านกลับส่งอัครเทวทูตผู้มีปีกสีดำสิงสองคู่มาโอบล้อมวิญญาณของเธอด้วยปีกยักษ์
เทวทูตจริงด้วย… ปีกดำสิบสองคู่…
เป็นกิจวัตรของท่านหรอกหรือ กับการส่งตัวตนระดับเทวทูตลงมาช่วยเหลือสมาชิกชุมนุมทาโรต์ในเรื่องเล็กน้อย…
ทันใดนั้น ฟอร์สพลันไม่กล้าจ้องมองสุภาพบุรุษบนเก้าอี้ประธานใหญ่
แม้ว่าเธอจะอยู่เพียงลำดับ 9 และยังไม่มีความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับมากมายอะไรนัก แต่หญิงสาวก็คลุกคลีกับวงการผู้วิเศษและชุมนุมลับมานานกว่าสามปี ย่อมต้องทราบข้อมูลสำคัญบางเรื่อง แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
จากบรรดาข้อมูลทั้งหมด กฎข้อสำคัญเหนืออื่นใดก็คือ :
ห้ามจ้องมองเทพโดยตรง!
ในอดีต ฟอร์สเคยมองว่าเรื่องนี้ค่อนข้างไกลตัว จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ในวินาทีปัจจุบัน เธอพลันมั่นใจว่าวลีดังกล่าวต้องเป็นความจริงแน่นอน และเป็นสัจธรรมอันเกิดจากการหลั่งเลือดมานับไม่ถ้วน!
เทวทูต? มิสเตอร์ฟูลมีเทวทูตคอยรับใช้!
แฮงแมนสัมผัสถึงคลื่นความกลัวและความตื่นเต้นกำลังซัดกระแทกร่างตน ลำตัวของมันกำลังสั่นเทาอย่างมิอาจยับยั้ง
แต่ไหนแต่ไร อัลเจอร์จะสวดภาวนาถึงพระนามเต็มอันยิ่งใหญ่ของมิสเตอร์ฟูลด้วยท่าทีนอบน้อมเสมอ ประหนึ่งอีกฝ่ายเป็นทวยเทพตัวจริง แต่การขาดประจักษ์หลักฐานได้ทำให้ความเคลือบแคลงภายในใจไม่ถูกขจัดโดยสมบูรณ์ ทว่า ในวินาทีปัจจุบัน ประจักษ์หลักฐานได้ปรากฏต่อหน้ามันแล้ว!
มิสเตอร์ฟูลสามารถบงการเทวทูต!
ลำพังตัวตนของเทวทูตเพียงอย่างเดียว ได้ช่วยขจัดข้อสงสัยหลายเรื่องในพริบตา…
เหนือสิ่งอื่นใด สัญลักษณ์ของเทวทูตคือการปกป้องและยับยั้ง… มิสเตอร์ฟูลมิได้ปราศจากอิทธิพลบนโลกจริงโดยสิ้นเชิง… ฉะนั้น ถึงท่านจะไม่มีผู้รับใช้ แต่ก็ยังสามารถสำแดงฤทธิ์เดชบนโลกจริงได้ประมาณหนึ่ง…
อัลเจอร์กำลังเกิดมโนภาพพรั่งพรู เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นกลางหน้าผากเมื่อหวนนึกถึงพฤติกรรมอันจาบจ้วงของตนในอดีต ขณะเดียวกันก็มองเห็นอนาคตแสนเจิดจรัสในวันข้างหน้า
ถัดมา มันเริ่มตั้งสติและกลับมาวิเคราะห์คำพูดของเดอะซันอย่างละเอียด
มิสเตอร์ฟูลมิได้ส่งเทวทูตลงไปแก้ปัญหาโดยตรง แต่ต้องให้เดอะซันประกอบพิธีกรรมเป็นสื่อกลางเสียก่อน ท่านจึงจะมีอำนาจสำหรับจัดการร่างแยกของอามุนด์…
หืม นับเป็นวิธีค่อนข้างอ้อมค้อม…
หมายความว่า หากมิสเตอร์ฟูลต้องการแสดงอิทธิฤทธิ์บนโลกจริง ท่านต้องฝ่าด่านห้วงมิติอันซับซ้อนหลายชั้น? แต่เรื่องนี้ก็สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานในอดีตของเรา ท่านคงกำลังอยู่ในภาวะถูกพันธนาการ…
หรือบางที อาจเป็นเพราะความพิเศษของดินแดนเทพทอดทิ้ง ท่านจึงต้องสิ้นเปลืองขั้นตอนมากกว่าปรกติ?
และเหตุผลทำให้ท่านไม่สำแดงอิทธิฤทธิ์ของเทวทูตก่อนหน้า คงเป็นเพราะว่าเพิ่งได้รับพลังบางส่วนกลับคืนมา… ท่านกำลังเป็นอิสระจากพันธนาการทีละนิด…
บนเก้าอี้ประธานใหญ่ ไคลน์ชำเลืองหางตาพลางสำรวจท่าทีตอบสนองของทุกคนอย่างละเอียด มันสังเกตเห็นสีหน้าเทิดทูนและกระตือรือร้นของจัสติส รวมถึงสีหน้าตื่นเต้นแกมประหวั่นของแฮงแมน
ไม่ใช่ว่าพวกนายมองฉันเป็นตัวตนระดับเทพอยู่แล้วหรอกหรือ? แล้วทำไมถึงได้แสดงท่าทีตอบสนองอย่างออกนอกหน้าหลังจากทราบความจริงเกี่ยวกับเทวทูต?
เข้าใจแล้ว ดูเหมือนประจักษ์หลักฐานจะสำคัญกว่าความเชื่อสินะ…
ถ้าอย่างนั้น ในอนาคต หากมีสมาชิกใหม่เข้าร่วมชุมนุมและเกิดเคลือบแคลงในตัวเรา คงต้องให้เดอะเวิร์ลเล่นละครต่อหน้าทุกคนและแสดงกิริยาล่วงเกิน จากนั้นก็ให้เดอะฟูลฆ่าทิ้งด้วยการชี้นิ้ว คนอื่นจะได้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง… ปล่อยไว้จนกว่าเรื่องจะซาลง ค่อยสร้างเดอะเวิร์ลคนใหม่ขึ้นมาแทน…
ทางด้านเดอร์ริค เด็กหนุ่มไม่ค่อยเข้าใจท่าทีตอบสนองอย่างออกนอกหน้าของแฮงแมนกับจัสติสสักเท่าไร ในสายตาของมัน ไม่ใช่ว่าตัวตนระดับทวยเทพอย่างมิสเตอร์ฟูลต้องมีเทวทูตคอยรับใช้เป็นปรกติอยู่แล้วหรือ?
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เดอร์ริคเล่าต่อ
“และเมื่อร่างแยกของอามุนด์ถูกชำระล้าง ผมเกิดไออย่างรุนแรงจนคายหนอนสีใสแบบเดียวกับตัวในห้องใต้ดินออกมา พวกคุณพอจะรู้จักไหมว่าสิ่งนี้คืออะไร?”
ด้วยความช่วยเหลือจากไคลน์ เดอร์ริคฉายภาพหนอนสีใสตัวเล็ก ด้านบนมีวงแหวนสีใสจำนวนสิบสองวงเรียงต่อกัน
ออเดรย์กับฟอร์สเพ่งมองพลางขมวดคิ้วสักพัก ก่อนจะส่ายศีรษะเป็นนัยว่าพวกตนไม่มีข้อมูลใดมอบให้
สิบสองวงแหวน… จากคำอธิบายของหนังสือแห่งความลับ สิ่งนี้คือสัญลักษณ์ของกาลเวลา… ตระกูลอามุนด์อ้างตนว่าสืบเชื้อสายมาจากเทพสุริยันบรรพกาล และคนรุ่นเก่าก็เชื่อว่าดวงอาทิตย์มีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับเวลา… สมมติฐานนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อนำข้อมูลสองชนิดมาประกอบกัน…
แต่เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมเทพสุริยันเจิดจรัส—ผู้เป็นแสงไม่มีวันดับมอด ผู้คุมกฎเกณฑ์ทั้งปวง เทพแห่งพันธสัญญา และผู้พิทักษ์แห่งการค้าขาย ถึงไม่มีพระนามเต็มเกี่ยวข้องกับกระแสแห่งกาลเวลาเลย…
เพื่อรักษาภาพลักษณ์อันสูงส่งของเดอะฟูล ไคลน์ไม่รีบร้อนมอบคำตอบ
ชายหนุ่มเพียงอมยิ้มด้วยสายตาอบอุ่น
อัลเจอร์ก้มหน้าตรึกตรองสักพัก ก่อนจะมอบคำตอบของตัวเอง
“สิ่งนี้อาจเป็นภาชนะสำหรับสร้างร่างแยกของอามุนด์ ตามตำนานโบราณ หมอนตัวนี้มีรูปลักษณ์ตรงตามคำอธิบายของหนอนชนิดหนึ่งพอดิบพอดี กล่าวกันว่า มันมีวงแหวนสีใสจำนวนสิบสองวางเรียงกันบนตัว ชื่อของมันคือ… หนอนกาลเวลา อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีใครเห็นหนอนกาลเวลาตัวจริงมาก่อน ขณะเดียวกัน บุคคลระดับสูงหลายคนต่างเชื่อว่า หนอนกาลเวลายังเป็นชื่อของโอสถในบางเส้นทางด้วย”
หนอนกาลเวลา… สอดคล้องกับทฤษฎีของเรามาก… แม้ว่าข้อมูลนี้จะเป็นเพียงตำนานเล่าขานภายในหมู่บุคลากรระดับกลางถึงสูงของโบสถ์ แต่ก็นับเป็นข่าวสารมีมูลค่า แล้วทำไมมิสเตอร์แฮงแมนถึงยอมเล่าให้ฟังโดยไม่คิดค่าตอบแทน?
หรือเป็นเพราะเกิดความพึงพอใจในข้อมูลอันมากมายจากปากเดอะซันน้อย?
ไคลน์ฉงนปนขบขัน
“หนอนกาลเวลา… ภาชนะสำหรับสร้างร่างแยกของอามุนด์…”
เดอร์ริคพึมพำด้วยสีหน้ากระจ่าง ราวกับปริศนาภายในใจหลายข้อถูกไขพร้อมกัน
ถัดมา เด็กหนุ่มซักถามต่อ
“แล้วนำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง? …ในกรณีตายไปแล้ว”
“ผมเองก็ไม่ทราบ” เมื่อต้องเผชิญสายตาเชื่อมั่นแกมยกย่องจากเดอะซัน อัลเจอร์พลันแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน
ทันใดนั้น เดอะฟูล ผู้นั่งบนเก้าอี้ประธานใหญ่แห่งชุมนุมทาโรต์ ทำการเปล่งเสียงเย็นชาและราบเรียบ
“สามารถใช้เป็นวัตถุดิบหลักสำหรับพิธีกรรมสำคัญบางชนิด”
ไคลน์สร้างทฤษฎีนี้ขึ้นมาจากการตกผลึกข้อมูลภายในหนังสือแห่งความลับ
แน่นอน มันไม่กังวลว่าตนจะพูดผิดและเกิดความแตกในภายหลัง เพราะการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงหรือไม่นั้น แทบจะไม่มีโอกาสกระทำได้เลย
หากใครพิสูจน์ได้ว่า หนอนกาลเวลาไม่ใช่วัตถุดิบหลักของพิธีกรรมบางชนิด แปลว่ามันผู้นั้นยังรู้จักโลกของศาสตร์เร้นลับไม่มากพอ!
ไคลน์เสริมติดตลก
พิธีกรรมบางชนิด… ออเดรย์และคนอื่นต่างพากันสร้างมโนภาพไปไกล
“ขอบคุณมาก ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่”
เดอร์ริคกึ่งลุกยืนพลางโค้งศีรษะคำนับ ก่อนมันจะวกกลับเข้าจุดประสงค์เดิมในตอนแรก—ความกังวลใจของตนเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อเมืองเงินพิสุทธิ์
“ทีมสำรวจซากปรักหักพังกลับมาแล้ว ผมหมายถึง ทีมซึ่งนำโดยอาวุโสโลเฟียร์ พวกเขาเพิ่งเสร็จจากภารกิจสำรวจซากปรักหักพังของพระผู้สร้างเสื่อมทรามและเดินกลางกลับถึงเมืองเงินพิสุทธิ์ได้ไม่นาน… ผมพบว่าสมาชิกในหน่วยบางคนเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด…”
“พวกเขาถูกพระผู้สร้างแท้จริงกัดกร่อน”
อัลเจอร์ตอบโดยไม่ลังเล น้ำเสียงเป็นไปอย่างมั่นใจเสียเต็มประดา
พระผู้สร้างแท้จริง?
ออเดรย์ชำเลืองไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวโดยไม่รู้ตัว
เธอยังจำได้แม่นยำว่า แผนการลงมาจุติของทายาทพระผู้สร้างแท้จริงเคยถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของหนึ่งในผู้รับใช้มิสเตอร์ฟูล
เด็กสาวเคยตั้งข้อสงสัย บางที ผู้นำชุมนุมทาโรต์ของเธออาจจะเป็น ‘มือปราบเทพมาร’ ตัวจริงเสียงจริง
“คุณมั่นใจหรือ?” เดอร์ริคถามกลับ สีหน้าเจือความเคลือบแคลงชัดเจน
แฮงแมนตอบอย่างใจเย็น
“ถ้าอย่างนั้น ช่วยเล่ารายละเอียดความเปลี่ยนแปลงให้พวกเราฟังก่อน”
“…บรรยากาศภายนอกของทุกคนยังคงคล้ายเดิม เพียงแน่นิสัยบางอย่างเปลี่ยนไปชัดเจน เช่น อุปนิสัยมองโลกในแง่ดีกลายเป็นความเงียบขรึม รอยยิ้มอันสดใสกลายเป็นรอยยิ้มสุภาพ…”
เดอร์ริคเล่าทุกความผิดปรกติของพวกพ้อง รวมถึงความผิดปรกติของอาวุโสโลเฟียร์ ผู้แต่เดิมเคยมีหลายบุคลิก ทว่าปัจจุบันกลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
หลังจากไตร่ตรอง อัลเจอร์เริ่มวิเคราะห์
“ท่าไม่ดีแล้ว …สถานการณ์อาจกำลังย่ำแย่สุดขีด แย่ชนิดคุณไม่มีวันจินตนาการถึง บางที คุณอาจต้องภาวนาให้พวกเขาแค่ถูกกัดกร่อน… สำหรับปัจจุบัน ถ้าพวกเขาเชื่อมั่นในพระผู้สร้างแท้… เอ่อ พระผู้สร้างเสื่อมทรามจากก้นบึ้งของหัวใจ จะหมายความว่า คนกลุ่มนั้นไม่สามารถกลับมาเป็นปรกติได้แล้ว ไม่ว่าจะเคยมีอุปนิสัยเช่นไร แต่ทั้งหมดจะเริ่มบิดเบี้ยวและเก็บซ่อนความบ้าคลั่งไว้ภายใน อย่างไรก็ตาม คุณสามารถใช้โอกาสนี้สร้างประโยชน์ให้ตัวเอง จงรีบรายงานสภาอาวุโสถึงความผิดปรกติดังกล่าวโดยด่วน”
“ผมรายงานไปแล้ว แต่ดูเหมือนท่านผู้นำจะไม่มองเป็นเรื่องสำคัญสักเท่าไร”
เดอร์ริคเล่าอย่างหดหู่ · ฟอร์สถอนหายใจ
“ก็เพราะว่าหัวหน้าอาวุโสยังคงสงสัยว่าคุณถูกกำลังอามุนด์สิงร่าง จึงกังวลคุณว่าอาจวางแผนทำลายเมืองเงินพิสุทธิ์จากด้านใน”
“แล้วผมควรทำอย่างไร…? ถึงจะอธิบายตัวตนของพระผู้สร้างเสื่อมทรามให้พวกเขาฟังอย่างละเอียด แต่ก็คงไม่มีใครเชื่อผมอยู่ดี… ใช่ไหมล่ะ?” เดอร์ริคตอบกลับอย่างกระวนกระวาย
แฮงแมนเว้นวรรคสามวินาที
“ถ้าคุณเคยเล่าให้เขาฟังแล้ว ผมเชื่อว่าคนอย่างผู้นำสูงสุดคงเกิดความเคลือบแคลงในตัวอาวุโสโลเฟียร์บ้างไม่มากก็น้อย เพราะการจะนำพาเมืองเงินพิสุทธิ์ให้อยู่รอดปลอดภัยได้นานหลายปี เขาต้องมีความระแวงในทุกเรื่องเป็นพื้นฐาน เพียงแต่ว่า ลำดับความสำคัญของภัยคุกคามจากทีมสำรวจ จะยังไม่มากเท่าตัวคุณผู้ถูกอามุนด์สิ่งร่าง”
โดยไม่รอให้เดอะซันแทรก อัลเจอร์เสริม
“แต่นี่อาจเป็นโอกาสอันดีในการขจัดความสงสัยในตัวคุณ… จงหาโอกาสเผชิญหน้ากับสมาชิกหน่วยสำรวจแบบตัวต่อตัว จากนั้นก็กดดันให้อีกฝ่ายแสดงความผิดปรกติออกมา ด้วยวิธีการข้างต้น สภาอาวุโสจะพบความผิดปรกติของทีมสำรวจและเลื่อนระดับความสำคัญขึ้นจากเดิม เมื่อจบเหตุการณ์ดังกล่าว ให้คุณรีบนำหนอนกาลเวลาไปมอบกับสภาอาวุโสและอธิบายว่า สมองของคุณขาวโพลนมาตลอดจนกระทั่งเมื่อครู่ ไม่สามารถจดจำสิ่งใดได้เลย มีเพียงเสียงคนตะโกนว่า ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ อย่างเลือนราง จนกระทั่งตัวคุณไอออกมาเป็นหนอนสีใส หากเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับเทพมาร พลังพิสดารและเหนือสามัญสำนึกจะถูกนำมาใช้อย่างไม่หวงแหน โดยเฉพาะการล้างสมองและควบคุมร่างกายโดยสมบูรณ์ ฉะนั้น สภาอาวุโสจะไม่มองว่าพฤติกรรมของคุณผิดปรกติ จะเข้าใจเพียงว่า ‘ร่างแยกของอามุนด์’ และ ‘เหยื่อของพระผู้สร้างแท้จริง’ เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง จนกระทั่งร่างแยกอามุนด์ในตัวคุณถูกทำลายและเหลือทิ้งไว้เพียงหนอนสีใส หลังจากนั้น การจับตามองรอบตัวคุณก็จะลดลงอย่างมาก หากคุณทำตัวตามปรกติไปสักพัก พวกเขาก็จะขจัดความเคลือบแคลงในตัวคุณอย่างสมบูรณ์”
ทำไมมิสเตอร์แฮงแมนถึงได้ถนัดเรื่องทำนองนี้นัก… ออเดรย์จินตนาการภาพตามด้วยสีหน้าสุดทึ่ง
ขณะเดียวกัน ดวงตาเดอร์ริคกำลังเปล่งปลั่ง เด็กหนุ่มเริ่มมองแฮงแมนเป็นผู้ชี้ทางสว่าง
เขาคิดวิธีแบบนี้ได้ยังไง…!
“…แล้วผมควรกดดันให้สมาชิกทีมสำรวจแสดงความผิดปรกติออกมาด้วยวิธีใด?”
เด็กหนุ่มซักถามอย่างคาดหวัง
อัลเจอร์เงียบงันสักพัก
“สำหรับเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่ทราบ”
ก่อนจะกล่าวเสริม
“แต่ถ้าคุณมีสมบัติวิเศษเกี่ยวกับพระผู้สร้างเสื่อมทรามติดตัว ก็คงจะช่วยได้มาก…”
หงึก.
ออเดรย์พลันหันไปจ้องเดอะฟูลบนเก้าอี้ตำแหน่งประธานการชุมนุมทันที
……………………