Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1070 : อาจจะเป็นความจริง

เลฟซิดคือเมืองลอยฟ้าที่เกิดจากจินตนาการของมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ดูราวกับเป็นปาฏิหาริย์ – ปาฏิหาริย์แห่งเทพ

ความอลังการไม่เป็นสองรองวังราชาคนยักษ์ แต่มีความดิบและหยาบมากกว่า เป็นเอกลักษณ์มากกว่า เสาหินทุกต้นสูงเกือบหนึ่งร้อยเมตร ดูราวกับเป็นบัลลังก์ของเหล่ามังกร เพียงได้ยินคำบรรยายก็ทำให้เกิดความประทับใจอันลุ่มลึกไม่รู้ลืม

ดังนั้นแม้ออเดรย์จะไม่เคยเห็นเลฟซิดของจริงมาก่อน แต่ฉากตรงหน้าก็ทำให้หญิงสาวเชื่อมโยงเข้ากับเมืองแห่งปาฏิหาริย์ได้ทันที แน่นอนว่าเหตุผลหลักเป็นเพราะเธอทราบว่า ‘การเดินทางของกรอซาย’ เกิดจากฝีมือการประพันธ์ของ ‘มังกรจิตภาพ’ แอนเคอร์เวล

สำหรับไคลน์ที่เคยทำนายถึงต้นกำเนิดของ ‘การเดินทางของกรอซาย’ จนได้เห็นเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เมืองลอยฟ้าเลฟซิดของจริง ย่อมมั่นใจว่าเมืองขนาดเท่าเกาะที่อยู่ก้นทะเลแห่งนี้ไม่ใช่อื่นใดนอกจากเลฟซิด จุดเดียวที่แตกต่างคือการไม่มีมังกรตัวจริงบินเพ่นพ่านไปมา!

เป็นของจริงหรือของเลียนแบบ? หรือเกิดจากการสั่งสมจิตใต้สำนึกของสิ่งมีชีวิตพิเศษบางชนิดในโลกหนังสือ? ไคลน์ที่ประหลาดใจเล็กๆ เริ่มวิเคราะห์สถานการณ์

พิจารณาจากผลการทำนายถึงต้นกำเนิดและจากเนื้อหาในความฝันของ ‘องครักษ์คนยักษ์’ กรอซายและ ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ เซียธาส ไคลน์มั่นใจว่าในตอนที่ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ถูกสร้างขึ้น เมืองลอยฟ้าเลฟซิดของจริงนั้นยังคงอยู่ และเมื่อหนังสือเดินทางไปถึงวังราชาคนยักษ์และกรอซายเริ่มออกผจญภัย เมืองลอยฟ้าเลฟซิดของจริงก็ยังคงอยู่ จนกระทั่งเซียธาสถูกดูดเข้ามา เมืองเลฟซิดของจริงก็ยังคงอยู่เช่นเดิม เพราะถ้าเมืองแห่งปาฏิหาริย์ของจริงหายไป ความทรงจำของเซียธาสกับกรอซายย่อมต้องมีเบาะแสของเรื่องนี้

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความจริงข้างต้นคือหลักฐานยืนยันที่ยากจะโต้แย้งว่า เมืองขนาดเท่าเกาะที่อยู่ก้นทะเลในหนังสือไม่น่าจะใช้เลฟซิดของจริง

แต่ทันใดนั้นไคลน์ฉุกคิดบางสิ่ง

กระจกวิเศษ อาโรเดสเคยกล่าวไว้ว่า:

“…หนังสือเล่มนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในหมู่มังกร เป็นช่วงเวลาหลังจากเมืองแห่งปาฏิหาริย์เลฟซิดหายไป”

ชักน่าสนใจล่ะสิ… อาโรเดสใช้หลักฐานใดยืนยันว่า ‘การเดินทางของกรอซาย’ ปรากฏขึ้นครั้งแรกหลังจากเมืองเลฟซิดหายไป? เจ้านั่นไม่สามารถส่องได้แม้กระทั่งเรื่องที่เกี่ยวกับซาราธ เช่นนั้นก็ไม่น่าจะ ‘ส่อง’ จนเห็นต้นกำเนิดของมรดกจากเทพบรรพกาล… ตอนแรกเราเองก็สร้างสมมติฐานตามข้อสรุปของมันแต่หลังจากลองทำนายด้วยตัวเอง ทฤษฎีของเราก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและปัดตกข้อเท็จจริงนั้นทิ้งไป… ไคลน์จ้องมองเสาหินสูงตระหง่านจำนวนมากพลางผุดความคิดนับไม่ถ้วน

ทันใดนั้น มันฉุกคิดได้อีกหนึ่งสิ่ง

เจ้าของคนสุดท้ายของ ‘การเดินทางของกรอซาย’ คือ ‘พลเรือโทธารน้ำแข็ง’ เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดซึ่งเป็นสมาชิกโบสถ์ปัญญาและศรัทธาในเทพปัญญาความรู้

และเทพปัญญาความรู้ก็สามารถยืนยันได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเป็นราชาเทวทูตที่เคยรับใช้เทพสุริยันบรรพกาล – เทวทูตปัญญา

จากบันทึกประวัติศาสตร์ของศาสนจักร ในยุคสมัยที่สามมีเหตุผลมากมายที่ทำให้เชื่อได้ว่า เทวทูตปัญญาน่าจะเป็นมังกรแห่งปัญญา เฮราเบอร์เก้น!

นี่คือชื่อเทพรับใช้ของมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล หนึ่งในมังกรโบราณระดับสูง!

นี่มัน… หรือว่าเรื่องที่ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ปรากฏขึ้นหลังจากเมืองลอยฟ้าเลฟซิดหายไป ‘พลเรือโทธารน้ำแข็ง’ เอ็ดวิน่าจะทราบจากเทพปัญญาความรู้โดยตรงผ่านวิธีการบางอย่าง และอาโรเดสก็ส่องเห็นเรื่องนี้เข้า? หากท่านเป็นมังกรแห่งปัญญาจริง ก็มีโอกาสสูงมากที่จะเกี่ยวข้องกับสาเหตุการหายไปของเมืองลอยฟ้าโดยตรง เพราะท่านเองก็เป็นหนึ่งในมังกรโบราณระดับสูง น่าจะมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มากกว่ากรอซายและเซียธาส… แต่เราจะอธิบายฉากที่เห็นภายในการทำนายบนมิติหมอกได้ยังไง? ลำพังการนึกภาพตามก็ทำให้ปวดหัวแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่เราเห็นคือเทพบรรพกาล ‘มังกรจินตภาพ’ แอนเคอร์เวลตัวจริง… ไคลน์เริ่มตื่นเต้นเมื่อจับการเชื่อมโยงได้ แต่ขณะเดียวกันก็ยังเต็มไปด้วยปริศนา

มันโยนเหรียญทองขึ้นไปในอากาศพลางสร้างสมมติฐาน

ในเมื่อเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เลฟซิด เป็นสิ่งที่ถูกจินตนาการขึ้น เช่นนั้นแล้ว มันก็อาจถูกจินตนาการขึ้นใหม่หลังจากของเก่าหายไป…

หรือว่าเมืองเลฟซิดดั้งเดิมจะถูกราชามังกรแอนเคอร์เวลยัดใส่หนังสือ จากนั้นพระองค์ก็จินตนาการเลฟซิดขึ้นมาใหม่บนโลกความจริง?

การกระทำเช่นนี้อาจตบตามหามังกรทั้งหมดได้ แต่ไม่ใช่กับมังกรแห่งปัญญาที่เฉลียวฉลาด?

ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง เมืองแห่งปาฏิหาริย์เลฟซิดก็จะมีอยู่สองแห่ง และในหนังสือคือเมืองดั้งเดิม…

แต่คำถามก็คือ ทำไมมังกรแห่งปัญญาถึงไม่เข้ามาสำรวจหนังสือด้วยตัวเอง? ต่อให้ท่านไม่ใช่ ‘ผู้ชม’ แต่สมญานามด้านความทรงปัญญานั้นเป็นของจริง คงมีวิธีการมากมายที่จะเข้ามาสำรวจ…

หรือว่าท่านแอบเข้ามาสำรวจแล้วโดยไม่ให้ตัวละครในหนังสือรู้ จากนั้นก็กลับออกไปโดยจงใจทิ้งเลฟซิดเอาไว้ที่นี่?

ขณะไคลน์กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เลียวนาร์ดจ้องมองชายหนุ่มก่อนจะหันไปทางมิสจัสติสที่เอาแต่ก้มมองอย่างเงียบงัน จากนั้นก็พูดทำลายความเงียบ

“จริงอยู่ที่เมืองแห่งนี้ทั้งงดงามและอลังการจนไม่น่าจะเป็นสถานที่พักอาศัยของมนุษย์หรือกึ่งมนุษย์ แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้พวกคุณต้องจ้องมองนานขนาดนี้ ทั้งสองคนไม่ใช่สถาปนิกสักหน่อย”

ไคลน์รวบรวมสมาธิและชำเลืองไปทางเลียวนาร์ด

“มีโอกาสสูงมากที่เมืองนี้จะเป็นเมืองลอยฟ้า เลฟซิด ของมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคืออาณาจักรของเทพบรรพกาล”

แต่แน่นอน ถ้าเมืองเลฟซิดมีอยู่สองแห่งจริงๆ ความเป็นอาณาจักรแห่งเทพที่นี่คงมิได้สลักสำคัญอะไร

“อาณาจักรแห่งเทพ…” รูม่านตาเลียวนาร์ดเบิกกว้างพร้อมกับทวนคำ

ออเดรย์ที่ได้สติกลับมาส่งเสียงพึมพำ

“ที่นี่คือเลฟซิดจริงๆ ใช่ไหม…”

“มีโอกาสเป็นไปได้” ไคลน์ที่ใจเย็นลงแล้วอธิบายง่ายๆ “แต่เนื่องจากมันไม่ได้กำลังลอยเหมือนในตำนาน แต่จมอยู่ที่ก้นทะเลจิตใต้สำนึกรวม จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าเป็นของจริงหรือปลอม”

ขณะเดียวกัน เลียวนาร์ดเองก็เริ่มใจเย็น สายตากวาดมองไปรอบๆ เมืองขนาดมหึมาในหลุมยักษ์ก้นทะเลพร้อมเผยรอยยิ้มขื่นขม

“ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่ได้มาเหยียบอาณาจักรของเทพบรรพกาล…”

ว่ากันตามตรง หากมิสจัสติสไม่อยู่ที่นี่ มันคงชื่นชมในชีวิตอัน ‘หรูหราและมีสีสัน’ ของไคลน์

นับตั้งแต่ได้กลับมารวมตัวกับสหายเก่า ไม่เพียงมันจะต้องเผชิญหน้ากับบุตรแห่งเทพซึ่งเป็นราชาเทวทูตสองตน แต่ยังได้เข้ามาสำรวจในโลกหนังสือลึกลับและได้พบกับเมืองที่น่าจะเป็นอาณาจักรแห่งเทพ

ประสบการณ์เหล่านี้น่าตื่นเต้นกว่าสิ่งที่มันพานพบในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาหลายเท่า หลายต่อหลายเท่า!

แต่แน่นอน อันตรายกว่ามากด้วย

กล่าวถึงตรงนี้ มันแหงนหน้ามอง ‘ทะเลแสงเงา’ ด้านบนพร้อมกับถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าทะเลจิตใต้สำนึกรวมที่นี่ไม่ได้เกิดจากพลังจินตนาการ?”

คำตอบของคำถามนี้จะช่วยยืนยันตัวตนที่แท้จริงของเลฟซิดได้

ออเดรย์ไตร่ตรองสองวินาทีก่อนจะตอบอย่างไม่มั่นใจนัก

“ไม่มีทางบอกความแตกต่าง… หรือบางที… มันอาจเป็นของจริงทั้งสองแห่ง… ตามหลักการแล้ว ทะเลจิตใต้สำนึกรวมเกิดจากการรวมตัวของอารมณ์และความรู้สึกที่สั่งสมเป็นเวลานาน แม้ผู้คนและตัวละครในโลกใบนี้จะถูกจินตนาการขึ้น แต่อารมณ์ ประสบการณ์ ความยินดี ความโกรธ ความเศร้า ความเจ็บปวด และความสุขที่เกิดขึ้นอย่างยาวนานล้วนเกิดขึ้นจริง…”

ขณะกล่าว ออเดรย์ชะงักเล็กน้อยราวกับฉุกคิดบางสิ่งได้ แต่ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ

ทันใดนั้น ไคลน์กล่าว

“ในเมื่อมังกรจินตภาพสามารถสร้างทุกสิ่งขึ้นมาจริงๆ ได้ด้วยการจินตนาการ… อาณาจักรที่เกิดจากจินตนาการก็มีโอกาสกลายเป็นของจริงได้เช่นกัน…”

ท่ามกลางเสียงสะท้อน ไคลน์เก็บเหรียญทองและกระโจนลงไปใน ‘หลุมลึกก้นทะเล’ พร้อมกับเสื้อกันลมสีดำที่สะบัดพลิ้ว

“…หากท่านประกาศกร้าวสิ่งใด นั่นหมายถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นจริง”

ขณะร่างกายค่อยๆ ร่อนลงไป ประโยคหลังดังแว่วขึ้นมาถึงหูคนทั้งสอง

ดวงตาสีเขียวของออเดรย์ผงะเล็กน้อยก่อนจะส่องประกาย จากนั้นก็ ‘กระโดด’ ลงไปในเมืองแห่งปาฏิหาริย์

“จะไม่ทำนายระดับอันตรายก่อนหรือ? นั่นอาจเป็นอาณาจักรแห่งเทพเชียวนะ!” เลียวนาร์ดมองแผ่นหลังคนทั้งสองพร้อมกับโพล่งขึ้นด้วยความประหลาดใจ

จากการฝึกอบรมและประสบการณ์ที่ผ่านมา พฤติกรรมเช่นนี้ขัดต่อหลักปฏิบัติอย่างมาก

แล้วทำไมนายถึงเข้าใจผิดคิดว่าฉันยังไม่ทำนาย? นายแค่ไม่ทันสังเกตเห็นเท่านั้นเอง และฉันก็เพิ่งเก็บเหรียญทอง… นอกจากนั้นสัญชาตญาณอันตรายของเราก็มิได้ร้องเตือน… และเหนือสิ่งอื่นใด หากข้อสันนิษฐานของเราถูกต้อง มังกรแห่งปัญญา เฮราเบอร์เก้นจะต้องเคยมาเยือนที่นี่แล้ว… เมื่อเป็นแบบนั้น ถ้ามีอันตรายใดซ่อนอยู่ ท่านก็คงขจัดปัดเป่าไปจนเกลี้ยง… ถ้ามิสจัสติสไม่อยู่ด้วย นายโดนฉันสวดไปแล้ว… ขณะรำพันจิกกัด ไคลน์เร่งความเร็วพร้อมกับปรับเปลี่ยนทิศทาง หลบแนวเสาหินขนาดมหึมาที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร ผ่านด่านแล้วด่านเล่าจนกระทั่งเท้าสัมผัสพื้นสีเทาอ่อน

ปัจจุบันมันอยู่ในร่างวิญญาณ สามารถแหวกว่ายได้ตามใจปรารถนา

ราวสองสามวินาทีถัดมา มิสจัสติสในหน้ากากสีเงินก็ร่อนลงจอดตามมาติดๆ

ออเดรย์เงยหน้ามองสำรวจและถูกความงดงามอลังการดึงดูดความใจไปสองสามวินาที ก่อนจะหันมากล่าว

“การมองจากข้างในแตกต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิง… บางทีนี่อาจเป็นความรู้สึกของหนูในเบ็คลันด์”

ขณะหญิงสาวกล่าว เลียวนาร์ดร่อนลงมาใกล้ๆ และจ้องไคลน์จากด้านข้าง

ไม่ใช่ว่ามันไม่เชื่อใจไคลน์หรือกังวลว่าพวกพ้องของตนจะบุ่มบ่ามเกินเหตุ แต่นี่คือระเบียบปฏิบัติมาตรฐาน เพราะมีหลายครั้งที่เพื่อนในทีมถูกกัดกร่อนโดยไม่รู้ตัวจนกลายเป็นคนประมาทเลินเล่อ

นี่คือกฎเหล็กของเหยี่ยวราตรีซึ่งถูกเขียนขึ้นจากประสบการณ์และการสังเวยมากมายในอดีต

“จนถึงตอนนี้ ผมยังไม่ได้รับแจ้งเตือนอันตราย” ไคลน์บอกไปตามความจริง

เลียวนาร์ดกวาดสายตาไปรอบๆ และกล่าว

“เมืองแห่งปาฏิหาริย์ใหญ่เกินไปแล้ว… ความหมายของผมก็คือ ต่อให้พวกเราบินได้ แต่กว่าจะสำรวจให้ครบก็ต้องใช้เวลาหลายวัน… คุณมีเป้าหมายในใจแล้วใช่ไหม?”

มันกล่าวประโยคหลังพร้อมกับมองมาทางไคลน์

ไคลน์พยักหน้าและชี้ไปทางวังขนาดมหึมาที่สูงกว่าสองร้อยเมตร

“ที่นั่น… ถ้าความทรงจำของผมไม่ผิดพลาด นั่นคือที่พักของมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล”

ไคลน์เคยเห็นวังดังกล่าวในการทำนายด้วยความฝัน

เมื่อพบว่าไคลน์มีแผนในใจอยู่แล้ว หรืออาจเป็นการชี้นำของมิสเตอร์ฟูล เลียวนาร์ดผ่อนคลายลงและก้มมองพื้นสีเทาอ่อน

“ที่นี่คืออาณาจักรแห่งเทพ? ทำไมไม่รู้สึกถึงความพิเศษเลย?”

พร้อมกันนั้น ออเดรย์ที่สำรวจรอบตัวอย่างละเอียดกล่าวออกมาอย่างไม่มั่นใจ

“ความผิดปรกติทั้งหมดที่นี่ล้วนบรรจบกันภายในวังแห่งนั้น”

เธอกำลังหมายถึงวังที่ไคลน์ระบุว่าเป็นสถานที่พำนักของเทพบรรพกาล

…………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

LotM, Quỷ bí chi chủ, ราชันเร้นลับ, ราชันโลกพิศวง, 序列的戰爭 (old), 诡秘之主 (new)
Score 9.4
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset